พลันเจ้าของคมดาบนั้นทรุดฮวบ ร่างเล็กถูกบิดาชิงคืนกลับไปได้แต่จะมีประโยชน์อันใดเมื่อร่างนั้นหมดลมหายใจไปแล้วไป๋จิ้งเหอที่กำลังบ้าคลั่ง มือนึงอุ้มร่างไร้วิญญาณของบุตรชาย อีกมือกวัดแกว่งดาบเข้าใส่ศัตรู และอีกครั้งที่คมดาบพาดผ่านร่างของเขาพาลให้ชุดขาวที่เขาชอบสวมใส่กลายเป็นสีแดงทั่วทั้งตัว ดาบแล้วดาบเล่าที่ฟันลงผิวกายเขา ดาบแล้วดาบเล่าที่แทงผ่านร่างเขา จนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายปลิดปลิวไปพร้อมกับร่างสูงที่ล้มลงกับพื้น ในอ้อมแขนยังมีร่างบุตรชายสุดรัก"เหอหลาง!!!" หมิงเสวี่ยกรีดร้องสุดเสียงอย่างคนหัวใจแหลกสลาย นางพยายามดิ้นรนจากการจับกุมของหมี่เฟิงซึ่งเตรียมพานางหนีเพราะเห็นท่าไม่ดีแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด หัวใจนางแหลกละเอียดกับภาพเบื้องหน้า นางกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่สนใจสิ่งใดหมี่เฟิง พานางไปซ่อนตัวยังที่ปลอดภัย รอจนกระทั่งสถานการณ์สงบแล้วจึงย้อนกลับมาที่ตระกูลไป๋ในวันรุ่งขึ้นหมิงเสวี่ยเดินโซเซไปตามทางเปื้อนเลือด บ้านหลังใหญ่ที่เคยสะอาดสะอ้านเปี่ยมชีวิตชีวา บัดนี้สกปรกเละเทะ ไม่เหลือเค้าความรุ่งโรจน์ดังกาลก่อนนางเดินผ่านโรงยา ก็พบกับศพของจื่อหนี่ที่นอนจมกองเลือดโอบกอดเย่วเอ๋อ
เขาก้มหน้าคุยกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน "ซูเอ๋อร์ ท่านแม่ยังไม่ได้ทานข้าวเลย ให้ท่านแม่ทานข้าวก่อนดีไหม?""ดีๆ ท่านแม่ต้องทานเยอะๆ เผื่อน้องด้วยนะ!""แม่รู้แล้ว" นางพยักหน้าเร็วๆ มองเจ้าตัวเล็กที่ถูกบิดาอุ้มไว้ในอ้อมแขน และกำลังจะเดินออกไปจากห้อง""เราไปดูเยว่เอ๋อร์กันดีกว่าว่าตื่นแล้วหรือยัง" แว่วเสียงไป๋จิ้งเหอบอกขณะออกไปหมิงเสวี่ยมองตาม และลุกขึ้นไปนั่งที่โต๊ะอาหาร นางเห็นชามยาวางอยู่ข้างๆ ก็คิดไปว่าอาจจะเป็นเพราะยาด้วยกระมังที่ทำให้นางสับสนนางถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก ความรู้สึกหนักอกที่มีมาตลอดหายไปเป็นปลิดทิ้ง นางมีสามีที่ดี มีลูกที่น่ารัก กลายเป็นครอบครัวที่อบอุ่นสมบูรณ์ แค่นั้นก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือหญิงสาวอมยิ้มและเริ่มทานข้าว กินไปได้ราวสามสี่คำก็รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวที่หน้าท้อง นางเอามือวางบนท้องที่ยื่นออกมาเล็กน้อย "อร่อยล่ะสิ ดิ้นใหญ่เลย"นางหวังให้ท้องนี้เป็นลูกสาว ซูเอ๋อร์จะได้เป็นพี่ชายที่รักและปกป้องน้องสาวปานดวงใจ เป็นน้องสาวของเย่ว์เอ๋อร์ ลูกสาวของเฉี่ยวเกอเกอ ที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่น้องที่ผูกสมัครรักใคร่ไปชั่วชีวิตลูกๆ ของนางที่นางจะเฝ้าดูพวกเขาเติบโตขึ้นทีละน้อย ดูพ
หมิงเสวี่ยลืมตาขึ้นอีกครั้ง รู้สึกได้ถึงใบหน้าอันเปียกชื้นของตนเอง ความฝันนี้ช่างดีงามเหลือใจ พ่อแม่ลูกได้อยู่พร้อมหน้า นางละทิ้งเรื่องในอดีตและได้อยู่กับเขาอย่างมีความสุขครอบครัวอบอุ่นที่นางใฝ่ฝันหามาตลอดชีวิตไร้พ่อขาดแม่ มีเพียงตัวคนเดียว อยู่ตามลำพังอย่างยากลำบาก ความอบอุ่นคือสิ่งใด อ้อมกอดคือสิ่งใด ไม่เคยได้สัมผัสนางไม่อยากให้ลูกต้องเผชิญฝันร้ายแบบเดียวกับนางเลยแม้แต่น้อยถ้านางอยากเปลี่ยนใจตอนนี้ จะทันหรือไม่?"ตื่นแล้วหรือ?" ไป๋จิ้งเหอส่งเสียงทักพร้อมกับถาดอาหารในมือหอมกรุ่น ทุกจานมีแต่ของที่นางชอบพอเขาเห็นใบหน้าเปียกน้ำตาของนางก็รีบวางถาดอาหารบนโต๊ะและมานั่งข้างนางนิ้วยาวปาดรอยน้ำตาบางๆ ริมฝีปากจุมพิตลงกลางกระหม่อม "ร้องไห้ทำไม?""ฝันร้ายหรือ?""เปล่า ข้าฝันดี" นางยิ้มกว้างเมื่อเห็นเขาไร้รอยแผล "ฝันว่าข้ากับท่าน...แล้วก็ลูก...เรามีชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข"ไป๋จิ้งเหอหัวเราะเบาๆ "ทำไมตอนนี้เราถึงจะไม่มีความสุขล่ะ ข้ารักเจ้า เจ้ารักข้า เจ้ามีลูกให้ข้า เป็นเรื่องดีเหมือนกันมิใช่หรือ?""แต่...แต่ก่อนหน้านั้น..." หมิงเสวี่ยพยายามพูด "เรื่องสัญญาแย่ๆ นั่น...ข้าไม่เอาแล้ว..."
หมิงเสวี่ยมองไปรอบกาย นางเห็นทุ่งหญ้าเขียวขจี ทะเลสาบกว้าง สายลมพัดเอื่อย นางนอนหนุนตักของไป๋จิ้งเหอ สายตาเขาไม่ได้มองนางแม้มืออุ่นจะลูบเส้นผมลื่นของนางอยู่ก็ตาม ใบหน้าหล่อเหลาเหลือใจนั้นมองไปเบื้องหน้า ริมฝีปากยกยิ้มละมุนนางมองตามสายตาคู่นั้นของเขา นางเห็นเด็กชายวิ่งตามเด็กหญิงตัวน้อยเป็นวงกลม"ท่านแม่ พี่ใหญ่แกล้งข้าล่ะ" เด็กหญิงตัวน้อยวิ่งมาหานาง พร้อมจมูกที่แดงเพราะล้มคะมำ "ข้าล้มเพราะพี่ใหญ่แกล้งปล่อยมือข้า ข้าเจ็บมากเลย ฮือๆ""ไหนแม่ดูซิ" นางยิ้มหวานก้มไปดูที่จมูกน้อย "เจ็บมากเลยหรือ?""เจ็บมากๆ เลย ฮืออ" แขนน้อยโอบรอบเอวนางอย่างออดอ้อน"อ่า เช่นนั้นแม่จะร่ายคาถาวิเศษทำให้หายเจ็บดีหรือไม่?""อื้ม" นางพยักหน้า แล้วซุกหน้าที่เปรอะน้ำตาน้ำมูกกับอกของมารดา แล้วเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วยิ้มให้"หลับตาสิ แม่จะเป่ามนต์วิเศษให้"เด็กน้อยหลับตาพริ้ม แก้มเป็นพวงน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน หมิงเสวี่ยเป่าลมเย็นๆ ลงที่จมูกแดงนั้นช้าๆ "จงหายไป ความเจ็บจงหายไป"เด็กน้อยลืมตาแล้วจับจมูกตัวเอง "ไม่เจ็บแล้ว ท่านแม่เก่งที่สุดเลยเจ้าค่ะ!"หมิงเสวี่ยหันไปหลิ่วตาให้จิ้งเหอที่นั่งกอดลูกชายอยู่ข้างๆ "แม่เก่งเ
"งั้นก็อย่าเอาแต่พูดเลย เย็บให้ข้าดูหน่อย ข้าอยากเห็น!" หมิงเสวี่ยบอกอย่างลิงโลด หวังในใจว่าหนี่เอ๋อร์จะมาเล่นเป็นเพื่อนจื่อหนี่ทำท่าจะปฏิเสธ แต่ก็ถอนใจออกมา เดินไปหยิบตะกร้าเย็บปักมาวาง "ส่งผ้ามาสิ""อื้อ" หมิงเสวี่ยส่งผ้า และอุปกรณ์ตัดเย็บส่งให้ จากนั้นก็มองจื่อหนี่ตัดนั่นเย็บนี่ด้วยใบหน้าที่หลากหลาย ทั้งยิ้มแย้ม เบิกตา ขมวดคิ้ว ทั้งอยากจะอ้าปากถามว่าส่วนนี้คืออะไร แต่ก็หยุดเอาไว้"เจ้าไม่เย็บกระต่ายของเจ้าต่อล่ะ?" จื่อหนี่ถามเพราะเห็นหมิงเสวี่ยมองนางทำอยู่ฝ่ายเดียว"ขอโทษที ข้ามองเพลินไปหน่อย" เด็กสาวคว้าเศษผ้าของตัวเองไปตัดเย็บผ้า นางตัดผ้าเป็นรูปกระต่ายสี่ชิ้น จากนั้นก็เย็บด้วยการเย็บสอยแบบง่ายๆ เหลือที่ไว้ให้กลับเนื้อผ้าและยัดนุ่นเข้าไป แล้วก็เย็บปิด...กลายเป็นกระต่ายที่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา"ทำไมทำตั้งสองตัว?" จื่อหนี่ย่นคิ้วถาม"หมายถึงเด็กสองคนที่ข้าสัญญาไว้..." พูดไปก็ต้องรีบเอามือปิดปาก เรื่องที่นางตกลงไว้กับเขานั้นไม่มีใครอื่นรู้"อ้อ" จื่อหนี่ไม่ได้ว่าอะไร เพียงพยักหน้ารับรู้ จากนั้นจึงก้มหน้าก้มตาเย็บตุ๊กตาต่อ...ทำไมนางจะไม่รู้ถึงเงื่อนไขที่หมิงเสวี่ยมีให้นายของนาง...แต
"เจ้าเองก็ไม่คุยกับข้า" นางตัดพ้อจื่อหนี่เสียงเครือ"เจ้าเห็นหรือไม่ว่าข้างานล้นมือเพียงใด" จื่อหนี่ตอบพลางกวาดมือไปยังถาดสมุนไพรที่กองเต็มพื้น "นายท่านกับพี่ซื่อกำลังจะเปิดศึกกับฉู่หลานเทียนกับองค์ชายใหญ่ ข้าจึงมีหน้าที่เตรียมยาไว้รออย่างไรเล่า""พอข้าจะช่วยเจ้า เจ้าก็ไม่ให้ช่วย" นางยังงอแงใส่หมอสาว "ใครๆ ก็กันข้าออกไปหมดเลย""ก็เจ้ากำลังตั้งครรภ์ลูกของนายท่าน ช่วงสามเดือนนี้ครรภ์ของสตรียังไม่มั่นคง หากเจ้าเป็นอะไรขึ้นมาคงโดนนายท่านฆ่าเอาแน่ๆ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับเจ้าหรอก" จื่อหนี่ว่า"นั่งๆ นอนๆ กลายเป็นหมูกันพอดี" ว่าที่ท่านแม่ยังสาวบุ้ยปาก"ถ้าว่างนักก็เอาตำราการดูแลครรภ์ไปนั่งอ่านเสียสิ""เจ้าเองก็ท้อง อ่านด้วยกันสิ" นางลองอ้อนสหายรัก"ข้าเป็นหมอนะ เสวี่ยเอ๋อร์ ไม่สิ ฮูหยิน ตำราพวกนี้ข้าอ่านจนทะลุปรุโปร่งแล้ว ข้าไม่ต้องอ่านแล้วล่ะ"หมิงเสวี่ยทำหน้ามุ่ย "ข้าไม่ค่อยถูกโรคกับหนังสือเสียด้วยสิ""เจ้าอ่านไปเถอะ จะได้ไม่มีเวลาไปคิดฟุ้งซ่าน""แล้วเจ้าไม่ห่วงเฉี่ยวเกอเกอเหรอ? ไม่ฟุ้งซ่านบ้างเหรอ?" ทำไมดูเหมือนนางเป็นบ้าเป็นบอไปเองคนเดียวอย่างไรอย่างนั้นเลย"ห่วงสิ ข้าคิดจนต้องมานั่งบดยาอ