ตอนที่ 7
ฮูหยินเอกกับรองย่อมต่างกัน
“ท่านย่าอย่าโกรธแม่นมมู่เลยเจ้าค่ะ นางก็เป็นนายคนหนึ่งเหมือนกัน ให้อภัยนางสักครั้งเถอะนะเจ้าคะ”
สิ่งที่ถังซูเจียวเอ่ยทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นงุนงง แต่แม่นมมู่ตาโตจนแทบถลนออกมาแล้ว
“เจ้าหมายถึงอะไรเจียวเอ๋อร์ บ่าวของฮูหยินรองจะมาเป็นนายของจวนได้อย่างไร” เสิ่นเจียอี๋เอ่ยถามบุตรสาวตัวเองอย่างไม่เข้าใจ
“ท่านแม่ก็แม่นมมู่บอกว่านางเป็นคนของฮูหยินรอง จะเดินไปที่ใดในจวนนี้ทุกคนต้องก้มหัวให้ประหนึ่งนางเป็นนายของเรือนคนหนึ่ง”
“ว่าอย่างไรนะ!!!” ฮูหยินผู้เฒ่าอุทานอย่างไม่เชื่อหู
“ที่ผ่านมาหากลูกพบแม่นมมู่แล้วไม่ก้มหัวให้ข้าก็จะถูกสั่งให้คุกเข่าเป็นการลงโทษเสมอเลยนะเจ้าคะ”
นางพูดใส่สีตีไข่ให้ดูเกินจริงมากขึ้น แต่เรื่องที่นางถูกแม่นมมู่สั่งให้คุกเข่าเป็นเรื่องจริง เรื่องนี้บ่าวในจวนหลายคนก็เคยเห็นแต่ไม่มีใครกล้าพูดเท่านั้น
“เหลวไหล!! เช่นนี้สินะเจ้าถึงกล้าวิ่งไล่ตีหลานสาวข้า เอานางไปรับโทษตามกฎของจวนเสีย เสร็จแล้วขายนางออกไปบ่าวเช่นนี้ไม่ควรเก็บเอาไว้ในจวน!!”
“ทะ ท่านแม่บ่าวของข้าเพียงหลงผิดไปเท่านั้น ท่านแม่โปรดอภัยให้นางสักครั้งเถอะ นางแก่ชราแล้วหากถูกโบยถึงห้าสิบไม้เห็นทีจะรับไม่ไหวนะเจ้าคะ” ฮูหยินรองคร่ำครวญอย่างน่าสงสาร
“เช่นนั้นเจ้าก็ช่วยรับโทษแทนแม่นมของเจ้าเสียสิ” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า
“ไม่เจ้าค่ะบ่าวจะรับโทษเอง บ่าวเป็นผู้ผิดฮูหยินรองไม่เกี่ยว ลงโทษเพียงบ่าวคนเดียวพอเจ้าค่ะ” แม่นมมู่รีบเอ่ย
“ดี!! เอาตัวนางไปโบยเสีย นับอย่าให้ขาดละแต่เกินได้ข้าไม่ว่า” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยพลางหัวเราะในลำคอ ท่านย่าสุดยอดมากเจ้าค่า ยกให้เป็นอันดับหนึ่งในเวลานี้เลย
“ท่านแม่...” ถังซีฮั่นเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง
“เจ้าไม่ต้องพูด!! ข้าไม่อยู่จวนแค่ไม่กี่ปีในจวนวุ่นวายไปหมด ป่านนี้ชาวบ้านคงเอาเรื่องจวนเราไปเล่าขานหัวเราะเยาะกันทั่วแล้ว เสร็จจากเรื่องนี้เจ้าตามไปพบข้าที่เรือนด้วย” ฮูหยินผู้เฒ่าตำหนิบุตรชายตัวเองอย่างไม่ไว้หน้า
“ขอรับ” ถังซีฮั่นตอบรับ
“แล้วนี่บุตรสาวคนโปรดของเจ้าเมื่อไหร่จะมา ต้องให้ข้ารอจนถึงเวลาอาหารค่ำเลยหรือไม่” ฮูหยินผู้เฒ่าถามถึงถังซูเจิน
“ขออภัยที่หลานมาช้าเจ้าคะ พอดีหลานไปรับน้องชายที่เรือนเลยมาช้าเจ้าค่ะ” ถังซูเจินเดินเข้ามาพร้อมกับถังลู่จิ่ว
“คารวะท่านย่าเจ้าค่ะ/ขอรับ” ทั้งสองย่อกายเล็กน้อย ก่อนที่ถังลู่จิ่วจะเข้ามานั่งข้างฮูหยินผู้เฒ่า โดยเบียดพี่สาวคนโตอย่างออกไป
เจ้าเด็กนี่ร้ายแต่เด็กเลยนะ เห็นว่าตัวเองเป็นหลานชายแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือ ถังซูเจียวนั่งนิ่งไม่ยอมขยับไปไหนทำให้ถังลู่จิ่วหันมามองอย่างไม่พอใจ
“นี่เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้าจะนั่งตรงนี้ เจ้าก็ไปนั่งที่อื่นสิ!!” ถังลู่จิ่วในวัยสิบสองเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“น้องชายพี่สาวนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนเจ้านะ หากเจ้าอยากนั่งข้างท่านย่าเหตุใดจึงไม่เอ่ยขอดี ๆ แต่กลับใช้น้ำเสียงเช่นนี้สั่งพี่สาวแทนล่ะ” เอ่ยพลางยิ้มเล็กน้อยอย่างพี่สาวที่ใจดี
“เจ้าเป็นแค่บุตรสาวที่ท่านพ่อไม่ใยดี ยังกล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้กับข้าที่เป็นบุตรชายท่านพ่ออีกหรือ” ถังลู่จิ่วขึ้นเสียงใส่โดยไม่เกรงกลัวผู้ใดทั้งสิ้น
เพราะท่านแม่เคยบอกเขาว่าในจวนนี้เขาอยากได้อะไรก็ไม่มีใครสามารถขัดได้ แม้กระทั่งแม่ใหญ่ยังขัดเขาไม่ได้เลย
“จิ่วเอ๋อร์เหตุใดจึงเอ่ยวาจาเช่นนั้นกับพี่สาวเจ้า” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยกับหลานชายด้วยน้ำเสียงกึ่งตำหนิ ก่อนจะปรายตามองฮูหยินรอง
“ทำไมข้าจะพูดไม่ได้กันท่านย่า ในเมื่อนางไม่ใช่พี่สาวแท้ ๆ ของข้าเสียหน่อย อีกอย่างบุตรฮูหยินเอกที่สามีไม่เหลียวแลบิดาไม่รักเช่นนางใครเขาจะสนใจกัน”
ถังลู่จิวเอ่ยวาจาฉะฉาน หากเป็นเวลาปกติก็น่าชื่นชมอยู่หรอก แต่ตอนนี้คนเป็นมารดาตกใจจนหน้าซีดเผือด เพราะประโยคที่บุตรชายพูดเมื่อครู่ไปแล้ว
เพราะฮูหยินผู้เฒ่าออกจากจวนไปถือศีลที่วัดตั้งแต่ห้าปีก่อน เวลานางพูดสอนอะไรบุตรชายจึงไม่ได้ใส่ใจนัก
ด้วยเพราะคิดว่าอย่างไรเขาก็เป็นผู้นำตระกูลคนถัดไปอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าบุตรชายจะกล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้ต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเสียได้
“ลู่จิ่ว!!! เจ้าเอ่ยอันใดออกมารู้ตัวหรือไม่ ไปคุกเข่าที่ห้องบรรพชนเสีย หากยังสำนึกไม่ได้ว่าตนทำผิดอะไรก็อย่าได้ก้าวขาออกมา!!”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยอย่างโมโหปนผิดหวัง ที่หลานชายคนเดียวของจวนมีความคิดเช่นนี้
“ท่านแม่ใจเย็นก่อนเถิด จิ่วเอ๋อร์ยังเด็กนักเขาไม่รู้ว่าตนพูดอะไรออกมา ท่านแม่ยกโทษให้เขาสักครั้งข้าจะให้ฮูหยินรองสั่งสอนเขาให้ดีกว่านี้” ถังซีฮั่นเอ่ยขอร้องมารดา
“เจ้าไม่ต้องมาแก้ตัวแทนบุตรชายเจ้า ไม่ใช่เพราะฮูหยินรองของเจ้าสั่งสอนมาหรือ เขาถึงได้มายืนดูถูกบุตรีฮูหยินเอกเช่นนี้!!!” ฮูหยินผู้เฒ่าตำหนิบุตรชายตัวเองอย่างไม่ไว้หน้าอีกครั้ง
“ก็ข้าพูดเรื่องจริง!! คนทั่วเมืองหลวงต่างก็รู้ว่านางเป็นเพียงบุตรีฮูหยินเอกไร้ค่า มารดานางจะเอ่ยอะไรสักคำยังต้องมองหน้าแม่ข้าก่อนแล้วข้าพูดผิดที่ใด!!”
เด็กชายเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ เขาจะไม่ยอมรับโทษเพราะนังซูเจียวเด็ดขาด
“ลู่จิ่ว!! ใครอยู่ข้างนอกให้คนมาพาคุณชายไปขังไว้ในห้องบรรพชน ห้ามให้ใครแอบเอาอาหารไปให้เขาเด็ดขาดจนกว่าเขาจะสำนึกได้”
“ท่านแม่!!!” รองเจ้ากรมพิธีการกับฮูหยินรองร้องเสียงหลงพร้อมกัน
“ไม่ต้องเอ่ยคำใดทั้งสิ้น ไม่เช่นนั้นข้าจะเอาลู่จิ่วมาดูแลเอง”
ได้ยินแบบนี้ฮูหยินรองจึงได้เงียบลงอย่างจำใจ ให้บุตรชายนางรับโทษวันนี้ดีกว่าเขาต้องไปอยู่ในความดูแลของฮูหยินผู้เฒ่า
“ท่านย่าอย่าโกรธน้องชายไปเลยเจ้าค่ะ เขายังเด็กนักเอ่ยคำใดออกมาคงยังไม่รู้ความหมาย”
ถังซูเจียวเอ่ย แต่ความหมายนั้นชัดเจนว่าหากเจ้าน้องชายตัวดีไม่ได้ฟังใครพูดมา เขาคงไม่เอ่ยวาจาเช่นนั้น
“เจียวเอ๋อร์เจ้าเป็นพี่สาวที่ใจดีเกินไปแล้ว ที่ผ่านมาคงลำบากเจ้าไม่น้อย” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยพร้อมกับลูบหัวหลานสาวคนโตเบา ๆ อย่างสงสาร
“ไม่เลยเจ้าค่ะ ข้าเป็นพี่สาวย่อมไม่ถือสาน้องชายอยู่แล้ว” เอ่ยพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน
“เอาล่ะ เรามาคุยเรื่องสำคัญกันต่อดีกว่า ข้าจำได้ว่าหมั้นหมายเจียวเอ๋อร์ให้คุณชายรองตระกูลเหยียนไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้าสาวถึงถูกเปลี่ยนตัวเป็นซูเจินไปได้” ฮูหยินผู้เฒ่ากลับมาจริงจังอีกครั้ง
“เรื่องนี้คุณชายรองเหยียนเป็นคนขอเปลี่ยนตัวคู่หมั้นเองขอรับ เจียวเอ๋อร์ก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรข้าเลยยินยอมให้มีการเปลี่ยนตัว”
“....” ฮูหยินผู้เฒ่าเงียบฟังไม่เอ่ยแย้งอะไร
“อีกอย่างเด็กทั้งสองก็รักใคร่กัน เช่นนี้มันก็ดีกว่าคนไม่รักกันแล้วแต่งงานกันนะขอรับ” รองเจ้ากรมพิธีการเอ่ยพลางมองสีหน้ามารดาไปด้วย
“จริงหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่าหันมาถามหลานสาวคนโต
“เออ...จะ จริงเจ้าค่ะ” นางทำทีเป็นมองหน้าบิดากับฮูหยินรอง ก่อนจะเอ่ยตอบท่านย่าไป
“หึ! เช่นนั้นเรื่องคู่ครองเจ้าข้าจะหาคนที่เหมาะสมให้ใหม่แล้วกัน รับรองว่าเจ้าจะไม่น้อยหน้าผู้ใดแน่”
“ไม่ได้ขอรับท่านแม่ เจียวเอ๋อร์ต้องแต่งให้ท่านเจ้าเมืองหมิงเว่ยเพราะข้าให้คำมั่นสัญญาเอาไว้ขอรับ” ถังซีฮั่นเอ่ยพลางหลบสายตามารดา
“เจ้าว่าอะไรนะ!!! เมืองหมิงเว่ยห่างไกลจากเมืองหลวงตั้งเท่าไหร่ เจ้าจะให้เจียวเอ๋อร์แต่งไปที่นั่นเนี่ยนะ” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยจบก็ทำท่าจะเป็นลมทันที
“ท่านย่า!!!/ท่านแม่!!!” เสียงคนในห้องโถงตะโกนออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ ก่อนจะเข้าไปช่วยพยุงฮูหยินผู้เฒ่าของจวนไม่ให้ล้ม
“เจ้าลูกชั่ว!!!! เจ้าพูดมาให้หมดว่ามีเรื่องใดที่ข้ายังไม่รู้อีก!!!!!!!!!!” ฮูหยินผู้เฒ่าตวาดใส่บุตรชาเสียงดังลั่น เมื่อถูกพามานั่งที่เก้าอี้แล้ว
ถังซีฮั่นจึงเล่าเรื่องที่ตนไปราชการให้ฮ่องเต้ แล้วพบเจอโจรก่อนจะถูกท่านเจ้าเมืองหมิงเว่ยช่วยไว้ แล้วก็ไปดื่มสุรากับบิดาท่านเจ้าเมืองก่อนจะเผลอให้คำสัญญา
“เช่นนี้เรื่องแต่งงานของเจียวเอ๋อร์ก็ต้องเร่งเข้ามาแล้วสิ” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเมื่อฟังเรื่องทั้งหมดจบ
“ขอรับ เป็นอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าแต่เกิดเรื่องนี้ขึ้นเสียก่อนทางตระกูลเหลียนจึงขอเลื่อนการสู่ขอของเจินเอ๋อร์เป็นให้เร็วที่สุด”
“ยังดีที่ทางนั้นยังรับสตรีเช่นเจ้าเป็นถึงฮูหยินรอง จากนี้จนกว่าตระกูลเหลียนจะส่งเกี้ยวมารับ เจ้าห้ามออกจากจวนเด็ดขาด”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยกับหลานสาวคนรองที่เอาแต่ก้มหน้าตั้งแต่เข้ามา อย่างไรก็เป็นหลานสาวอีกคน เรื่องก็เกิดขึ้นแล้วจะสั่งลงโทษคงไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา
“เจ้าค่ะท่านย่า”
ตอนที่ 7ฮูหยินเอกกับรองย่อมต่างกัน“ท่านย่าอย่าโกรธแม่นมมู่เลยเจ้าค่ะ นางก็เป็นนายคนหนึ่งเหมือนกัน ให้อภัยนางสักครั้งเถอะนะเจ้าคะ”สิ่งที่ถังซูเจียวเอ่ยทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นงุนงง แต่แม่นมมู่ตาโตจนแทบถลนออกมาแล้ว“เจ้าหมายถึงอะไรเจียวเอ๋อร์ บ่าวของฮูหยินรองจะมาเป็นนายของจวนได้อย่างไร” เสิ่นเจียอี๋เอ่ยถามบุตรสาวตัวเองอย่างไม่เข้าใจ“ท่านแม่ก็แม่นมมู่บอกว่านางเป็นคนของฮูหยินรอง จะเดินไปที่ใดในจวนนี้ทุกคนต้องก้มหัวให้ประหนึ่งนางเป็นนายของเรือนคนหนึ่ง”“ว่าอย่างไรนะ!!!” ฮูหยินผู้เฒ่าอุทานอย่างไม่เชื่อหู“ที่ผ่านมาหากลูกพบแม่นมมู่แล้วไม่ก้มหัวให้ข้าก็จะถูกสั่งให้คุกเข่าเป็นการลงโทษเสมอเลยนะเจ้าคะ”นางพูดใส่สีตีไข่ให้ดูเกินจริงมากขึ้น แต่เรื่องที่นางถูกแม่นมมู่สั่งให้คุกเข่าเป็นเรื่องจริง เรื่องนี้บ่าวในจวนหลายคนก็เคยเห็นแต่ไม่มีใครกล้าพูดเท่านั้น“เหลวไหล!! เช่นนี้สินะเจ้าถึงกล้าวิ่งไล่ตีหลานสาวข้า เอานางไปรับโทษตามกฎของจวนเสีย เสร็จแล้วขายนางออกไปบ่าวเช่นนี้ไม่ควรเก็บเอาไว้ในจวน!!”“ทะ ท่านแม่บ่าวของข้าเพียงหลงผิดไปเท่านั้น ท่านแม่โปรดอภัยให้นางสักครั้งเถอะ นางแก่ชราแล้วหากถูกโบยถึงห้าสิบ
ตอนที่ 6แย่งของผู้อื่นไป สุดท้ายก็ไม่ได้ดี ถังซูเจียวนั่งฟังลี่ลี่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเงียบ ๆ เสียงทะเลาะกันของนายท่านของเรือนดังลั่นจนบ่าวไม่ต้องแอบฟังก็ได้ยิน “เมื่อเช้าพ่อบ้านหลี่บอกว่าฮูหยินผู้เฒ่าส่งจดหมายมาแจ้งว่ากำลังเดินทางกลับจวน คาดว่าไม่เกินสองวันคงถึงเจ้าค่ะ” ลี่ลี่รายงาน “อืม...ท่านย่าคงกลับมาเพราะเรื่องของถังซูเจินนั่นแหละ” “คงเป็นเช่นนั้นเจ้าคะ แต่เราทำเช่นนี้มันจะเป็นผลดีหรือเจ้าคะ หากสตรีนางนั้นพูดเรื่องจดหมายขึ้นมา...”ลี่ลี่หมายถึงเรื่องลี่ถิงบุตรสาวคหบดีลำดับที่แปดของเมืองหลวง หรือก็คือหญิงสาวที่เหยียนป๋อเหวินแอบคบหานั่นแหละ ที่นางรู้เพราะในความทรงจำลี่ถิงมักมาแสดงตัวให้รู้เสมอว่าตนมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับอดีตคู่หมั้นตัวเอง แต่ถังซูเจียวคนเก่าโง่เกินไปเลยมองไม่ออก นางละอนาถใจแทนจริง ๆ แล้วเรื่องที่นางให้ลี่ลี่ไปทำคือใช้ให้คนส่งจดหมายให้ลี่ถิงบอกว่าคนรักของนางแอบไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคู่หมั้นที่โรงน้ำชานอกเมือง แล้วลงท้ายว่าท่านจะทำอะไรก็ลองพิจารณาดู เท่านี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนนาง แต่มีเรื่
ตอนที่ 6แย่งของผู้อื่นไป สุดท้ายก็ไม่ได้ดีถังซูเจียวนั่งฟังลี่ลี่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเงียบ ๆ เสียงทะเลาะกันของนายท่านของเรือนดังลั่นจนบ่าวไม่ต้องแอบฟังก็ได้ยิน“เมื่อเช้าพ่อบ้านหลี่บอกว่าฮูหยินผู้เฒ่าส่งจดหมายมาแจ้งว่ากำลังเดินทางกลับจวน คาดว่าไม่เกินสองวันคงถึงเจ้าค่ะ” ลี่ลี่รายงาน“อืม...ท่านย่าคงกลับมาเพราะเรื่องของถังซูเจินนั่นแหละ”“คงเป็นเช่นนั้นเจ้าคะ แต่เราทำเช่นนี้มันจะเป็นผลดีหรือเจ้าคะ หากสตรีนางนั้นพูดเรื่องจดหมายขึ้นมา...”ลี่ลี่หมายถึงเรื่องลี่ถิงบุตรสาวคหบดีลำดับที่แปดของเมืองหลวง หรือก็คือหญิงสาวที่เหยียนป๋อเหวินแอบคบหานั่นแหละที่นางรู้เพราะในความทรงจำลี่ถิงมักมาแสดงตัวให้รู้เสมอว่าตนมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับอดีตคู่หมั้นตัวเองแต่ถังซูเจียวคนเก่าโง่เกินไปเลยมองไม่ออก นางละอนาถใจแทนจริง ๆ แล้วเรื่องที่นางให้ลี่ลี่ไปทำคือใช้ให้คนส่งจดหมายให้ลี่ถิงบอกว่าคนรักของนางแอบไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคู่หมั้นที่โรงน้ำชานอกเมือง แล้วลงท้ายว่าท่านจะทำอะไรก็ลองพิจารณาดูเท่านี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนนาง แต่มีเรื่องที่เกินคาดหมายตรงที่ถังซูเจินไม่ได้เป็นอนุ แต่ได้เป็นฮูหยินรอ
ตอนที่ 5จากเอกเป็นรองข่าวลือแผ่กระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง โรงน้ำชาหรือร้านอาหารที่ใดก็หยิบยกเรื่องคุณชายรองเหยียนป๋อเหวินกับคุณหนูรองถังซูเจินขึ้นมาพูดข่าวลือจากปากต่อปากความจริงก็เริ่มลดลง จนกลายเป็นว่าตอนนี้ถังซูเจินกำลังตั้งท้องลูกของคุณชายรองเหยียนไปเสียแล้วแถมยังบอกว่าทั้งสองแอบลักลอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันตั้งแต่ที่ฝ่ายหญิงยังไม่ได้ปักปิ่นด้วยซ้ำ น่าสงสารพี่สาวอย่างถังซูเจียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรแม้แต่น้อยฮูหยินรองได้ยินข่าวลือก็บุกไปหาบุตรสาวที่เรือนทันที ถังซูเจินที่คิดว่าจะทำตัวตามปกติก็ต้องถูกมารดาคาดคั้น จนสุดท้ายต้องยอมเล่าความจริงทุกอย่างออกมา“น่าอับอายยิ่งนัก ข้าสอนให้เจ้าเอาใจบุรุษแต่ใช่ว่าให้เจ้าเอาตัวเข้าแลกเช่นนี้” ฮูหยินรองหว่านผู่เยว่เอ่ยพลางทอดถอนใจนางสอนบุตรสาวเสมอแต่ก็ยังพลาดจนได้ ทั้งที่อุตส่าห์แย่งคู่หมั้นของนังลูกเลี้ยงมาได้แล้วเชียว“ท่านแม่ลูกผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ต้องช่วยลูกด้วยนะเจ้าคะ เป็นเพราะนังลี่ถิงคนเดียวที่มันป่าวประกาศออกไปเช่นนั้น” ถังซูเจินเอ่ยขอร้องมารดาทั้งน้ำตา“เจ้าไม่ต้องโทษผู้อื่น หากบิดาเจ้ารู้เรื่องนี้เจ้าตายแน่
ตอนที่ 4รักนี้เกินห้ามใจไหวถังซูเจินออกไปนอกจวนโดยบอกมารดาว่าไปพบสหายอย่างเช่นทุกครั้ง แต่ความจริงนางนัดพบกับคุณชายรองเหยียนต่างหากรถม้ามุ่งหน้าออกนอกเมืองไปที่โรงน้ำชาเจ้าประจำ สาวใช้ส่วนตัวของหญิงสาวก็ไม่เคยแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปแม้แต่น้อยเมื่อมาถึงสองนายบ่าวก็ถูกเชิญขึ้นไปยังห้องเดิม เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นคุณชายรองเหยียนป๋อเหวินรออยู่ในห้องแล้ว สาวใช้รู้หน้าที่จึงปิดประตูให้นายสาวก่อนจะลงไปรอด้านล่าง“น้องซูเจินพี่คิดถึงเจ้ายิ่งนัก” เหยียนป๋อเหวินเข้าไปสวมกอดคนรักของตนทันที“ปากหวานเสียจริงนะเจ้าคะ” ถังซูเจินเอ่ยพลางตีแขนเขาไปเบา ๆ อย่างเอียงอาย“จะหวานเท่าปากของเจ้าได้หรือ” เขาเอ่ยพร้อมกับประกบริมฝีปากตนกับริมฝีปากบางของหญิงสาวอย่างหิวกระหาย“อื้อ!!...อื้ม!!! ดะ เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ” ถังซูเจินเคลิ้มไปเล็กน้อยก่อนจะผลักอกชายหนุ่มออก“ทำไมล่ะ สามวันที่ไม่ได้พบหน้าพี่คิดถึงเจ้ามากนะรู้หรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ใบหน้าก็เริ่มซุกไซร้ที่ซอกคอขาวผ่องแล้วสูดดมกลิ่นกายสาวเข้าไปเต็มปอดมือไม้เริ่มเลื้อยไปทั่วตัวหญิงสาวจนนางต้องเผลอร้องครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่“อื้ม...อ๊
ตอนที่ 3 คนไม่ใช่พูดคำเดียวก็มีโทษ“ยังมีหน้ามายิ้มอีก!! เจ้าไม่เห็นหรือว่าน้องสาวเจ้าเสียใจเพียงใด แค่อภัยให้น้องเรื่องเล็กน้อยเท่านี้จะทำไม่ได้เลยเชียวหรือ!!” ผู้เป็นบิดาเอ่ยต่อว่าถังซูเจียว“ท่านพ่อ...ข้ายังไม่ได้ยิ้มเลยนะเจ้าคะ อีกอย่างข้ายังไม่เคยพูดสักคำว่าข้าไม่พอใจที่คุณชายรองเหยียนขอถอนหมั้นข้า แล้วไปหมั้นหมายกับน้องสาวแทน มีแต่พวกเขาสองคนที่พูดกันไปเองทั้งนั้น”คำพูดของถังซูเจียวยิ่งทำให้ผู้เป็นบิดาโกรธมากขึ้นกว่าเดิม จนถึงขั้นเกือบทำร้ายบุตรสาวตรงหน้าไป แต่ดีที่ฮูหยินรองรั้งแขนเอาไว้ได้ทัน“เจ้าจะบอกว่าน้องสาวเจ้ากำลังโกหกหรือ!!!” ถังซีฮั่นตวาดใส่บุตรสาวคนโตเสียงดังลั่น“ท่านพี่ใจเย็นก่อนเถิด คุณชายรองเหยียนก็อยู่ด้วยนะเจ้าคะ” ฮูหยินรองกระซิบเตือนสามีทำให้เขาสงบลงเล็กน้อย“เจ้ากลับเรือนไปสำนึกความผิดตัวเองเสีย ถ้ายังสำนึกไม่ได้อย่าก้าวขาออกจากเรือน!!” ถังซีฮั่นเอ่ย แบบนี้ก็เหมือนเป็นการกักบริเวณนั่นแหละ แค่ไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ เท่านั้น“ขอบคุณท่านพ่อที่สั่งสอนเจ้าค่ะเช่นนั้นลูกขอตัวก่อน น้องรองวันนี้พี่สาวได้เปิดหูเปิดตาแล้ว”ถังซูเจียวทำท่าจะเดินออกจากศาลานั้น แต่หันไปพูดก
ตอนที่ 2น้องสาวผู้เป็นที่รักของบิดาระหว่างนั้นเมย์ในร่างถังซูเจียวก็นั่งรอสาวใช้อยู่ที่ห้องหนังสืออย่างเชื่อฟัง ไม่นานลี่ลี่ก็กลับมาพร้อมหมอแต่ตรวจแล้วก็ไม่เจออะไรก็แน่ละสินางไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย แค่ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของคนอื่นแค่นั้นเองหมอบอกว่าร่างกายนี้น่าจะเพลียจากการอดนอน และมีความเครียด หมอจึงจัดยาบำรุงให้เอาไว้ต้มกินแล้วหมอก็กลับไป ลี่ลี่จึงพานายสาวกลับเรือน“คุณหนูซูเจียว!!!! คุณหนูซูเจียว!!!!” เสียงเรียกจากหน้าเรือนทำให้ถังซูเจียวคนใหม่กับลี่ลี่มองหน้ากัน นี่นางเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเองนะ“ลี่ลี่เจ้าออกไปดูหน่อยว่าใครมา” นางบอกลี่ลี่ บ่าวตัวน้อยจึงเดินออกไปดูต่อไปนี้คงต้องทิ้งตัวตนเก่าไปให้หมดแล้วใช้ชีวิตเป็นถังซูเจียวแทน แต่เรื่องความแค้นเก่าก่อนก็ไม่ได้ละทิ้งนะ ถังซูเจียวคนใหม่นี้จะแก้แค้นให้เอง“คุณหนูรองให้มาเชิญคุณหนูไปจิบน้ำชาชมดอกไม้ที่สวนด้วยกันเจ้าค่ะ” ลี่ลี่กลับเข้ามารายงาน“หืม...ปกตินางไม่ชวนข้านี่” จากความทรงจำทุกครั้งถ้าถังซูเจินจะจิบน้ำชาที่สวน นางจะให้บ่าวคอยกันพื้นที่ไว้ไม่ให้ใครเข้าโดยเฉพาะเจ้าของร่างคนเก่า แต่วันนี้มาแปลกคงต้องไปดูเสียหน่อยแล้ว“บ
ตอนที่ 1เกิดใหม่ในร่างสตรีต่างมิติแค่ก! แค่ก! แค่ก! เฮือก!!!เมย์ แม่ค้าสาววัยยี่สิบเจ็ดสำลักบางอย่างก่อนจะสะดุ้งเฮือกเอาอากาศเข้าเต็มปอด คิดว่าจะตายแล้วอีเมย์เอ้ย!!ตอนนี้ฉันก็น่าจะอยู่ที่โรงพยาบาลสินะ คิดพลางมองไปรอบ ๆ แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ในห้องที่คาดว่าเป็นห้องหนังสือ เพราะมองไปรอบ ๆ มีแต่ชั้นหนังสือเต็มไปหมดนี่มันอะไรกัน!! ฉันกำลังฝันอยู่หรือเปล่า เมื่อก้มมองดูชุดที่ตัวเองใส่ก็เป็นชุดจีนโบราณอย่างที่ชอบดูในซีรี่ย์ อย่าบอกว่าฉันทะลุมิติมาอยู่ในร่างคนอื่นนะ แย่แล้วอีเมย์!!!! เธอทรุดตัวลงกับพื้นก่อนจะสลบไปตรงนั้นเพราะรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นในฝันเธอกำลังเดินไปตามทางที่ไหนสักที่ รอบตัวเธอตอนนี้มีแต่ความมืดจนมองไม่เห็นสิ่งรอบข้าง นอกจากทางที่กำลังเดินไปเท่านั้น“เมย์ เมย์ เจ้าได้ยินข้าหรือไม่” เสียงแววหวานของสตรีดังมาจากที่ไหนสักแห่ง“ใครคะ!! ช่วยฉันด้วยค่ะฉันอยู่ตรงนี้!” เมย์รีบร้องขอความช่วยเหลือทันที“เจ้าไม่ต้องตกใจไป เพียงเดินตามทางนี้ไปเจ้าจะปลอดภัยเอง” เสียงนั้นตอบกลับมา“แล้วคุณเป็นใครคะ ฉันมองไม่เห็นคุณเลย” เมย์ตะโกนถามออกไปอีกครั้ง พลางมองซ้ายมอ