ภายนอกไนท์คลับ สถานที่ลับตาผู้คน เมื่อเดินออกมาก็พบว่าบรรยากาศมันแตกต่างจากด้านในอย่างสิ้นเชิง ท่ามกลางความเงียบสงัด ชายร่างสูงกำลังยืนสูบบุหรี่พรางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับภายใต้แสงพระจันทร์ สว่างไสวสวยงามไปหมด เขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างในหัว ทำให้สติเลือนหายไปกับความคิดนั้น แม้จะมีเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามายืนอยู่ด้านหลัง เขายังไม่ได้ยินมัน
“เดน…”พิชชากลั้นใจกล่าวชื่อเขาขึ้นมา นำพาเดนนิสหลุดออกมาจากภวังค์ เพียงได้ยินเสียงคนตัวเล็กก็ทำเอาเขาตกใจรีบขว้างแท่งบุหรี่ในมือทิ้งโดยลืมตัว ทว่าสิ่งที่เขาทำตอนนี้กลับน่าตกใจเสียยิ่งกว่า เหตุไดเขาต้องทิ้งบุหรี่แท่งนั้นลงไปกัน… อาจเป็นเพียงความเคยชินเมื่อหลายปีก่อนก็เป็นได้ เดนนิสนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะหันมามองหญิงสาวพร้อมเก็บสีหน้าท่าทางเรียบนิ่ง “คุณมีอะไรรึเปล่าครับ” เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกำลังจ้องมองตัวเองไม่แม้แต่จะกะพริบตา เดนนิสรีบหันหน้าหนีก่อนที่จะเก็บสีหน้าตัวเองไม่อยู่ “ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ยคะ..”เสียงร่างเล็กแผ่วเบาลง มองใบหน้าหล่อไม่ยอมผละ “ผมมีเวลาไม่มากนะครับ มีอะไรก็รีบพูด” เดนนิสหันกลับมาสบตากับคนสวย เมื่อสามารถที่จะเก็บสีหน้าอันนิ่งเฉยเอาไว้ได้อย่างหนาแน่น ครานี้กลับเป็นหญิงสาวเองที่หลบสายตาเข้มอันกำลังจ้องเข้ามานัยตาเธอ “คือว่า….”พิชชาเม้มปากเข้าหากันแน่น มือสองข้างประกบกำกันรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี ทว่าสายตาที่จ้องมองมากลับกดดันเธอขึ้นไปยิ่งกว่าเดิม ทำเอาหญิงสาวไม่มีความกล้ามากพอ ”ไว้คิดออกเมื่อไหร่ค่อยมาบอกผมอีกทีแล้วกันนะครับ“คนหล่อละสายตาออกจากใบหน้าสระสวย สิ้นสุดคำพูดแสนเยือกเย็นก็รีบก้าวเท้าเดินกลับเข้าไปในผับทันที พิชชาถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมตบหน้าตัวเองไปหนึ่งทีเบาๆด้วยความหัวเสีย “หื้ย ยัยพิชชาเอ้ยยย สงสัยต้องใช้ตัวช่วย“หญิงสาวเผยสีหน้ามีความหวังขึ้นมาอีกครา ก่อนจะรีบเดินกลับเข้าไปด้านใน เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็รีบสาวเท้าเดินตรงไปหาเพื่อนสนิท “อ้าว ทำไมกลับมาเร็วจังล่ะ”บรีสที่กำลังเต้นเมามันส์อยู่ตรงโต๊ะตัวเองหันมามองเห็นเพื่อนสนิทยืนหัวโด่อยู่ตรงหน้าก็เอ่ยถามทันที “ยัยบรีส จัดมาเลย เอาที่แรงที่สุด!” พิชชาสายตาแน่วแน่มาก เอ่ยสั่งบรีสสีหน้าจริงจังจนอีกคนต้องขมวดคิ้วตาม ทว่าเธอเองไม่คิดที่จะห้ามอยู่แล้ว ในเมื่อพิชชาขอ มีหรือบรีสจะให้ไม่ได้ “จัดไปเพื่อนรัก” บรีสเผยยิ้มซนพรางหันไปโบกมือใส่เด็กเสิร์ฟที่กำลังเดินตามเก็บออเดอร์ เมื่อขวดเหล้าเข้ามาเยือนโต๊ะ สองสาวไม่รีรอรีบซัดเข้าคอดั่งนํ้าเปล่า โดยเฉพาะพิชชาที่ดูเหมือนจะเมาเข้าที่ “อ่าาส์ อื้อออ มึนๆ”หญิงสาวยิ้มแก้มปริพรางวางขวดเหล้าลงจนเกิดเสียงดังเกร๊ง “กูว่าไม่น่าจะแค่มึนนะยัยพิช แต่มึงเมาแล้วแหละ“ ยืนยังไม่ตรงแต่บอกว่าแค่มึนๆกับขวดเหล้าที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ มองใบหน้าสระสวยที่ตอนนี้แดงแปร๊ดก็รู้ว่าเมาไม่เป็นท่าแล้ว บรีสส่ายหัวเบาๆด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ ยัยเพื่อนคนนี้นี่มันจริงๆเลย ”อื้อ..เดนนนน“พิชชาหันหลังเดินโซเซออกไปทางโต๊ะที่เธอเลงไว้ตั้งแต่ยังไม่เมา ”อ้าวเฮ้ย! ยัยนี่นิ!“บรีสรีบเดินตามออกไป ดูจากสภาพเพื่อนแล้วไม่น่าจะไหว เดินชนนี่ทีนั่นที ตาก็แทบจะปิดกันอยู่แล้วยังมีเรี่ยวแรงเดินไปหาผู้ชายอีก โต๊ะฝั่งตรงข้าม…. “เฮ้ยไอ้เดน มึงไม่เอาเด็กจริงหรอวะ” แดนเทพกล่าวถามเพื่อนสนิทที่นั่งกระดกดื่มเหล้าอยู่ตรงหน้า เขาไม่แม้จะแต่เหลียวมองสาวคนไหน ต่างจากตนที่มือข้างนึงกอดคอสาวด้านซ้ายกับอีกข้างโอวเอวสาวด้านขวา ”ไม่ละ—-“พูดยังไม่ทันสุดคำก็เกิดเสียงอู้อี้ที่ดังขึ้น ทั้งคู่ต่างหันมองก็พบกับหญิงสาวร่างเล็กที่กำลังเดินโซเซเข้ามา ”เดน ฮึกกก“ “เฮ้ยย นั่นมันน้องพิชชาไม่ใช่หรอวะ” แดนเทพกล่าวเสียงดังด้วยสีหน้าตะลึง ต่างจากเพื่อนตนที่นั่งมองไม่สะทกสะท้านอะไร ”เดนนน ฮึกกฮือออ..“ใบหน้าสง่านํ้าตานอง เดินเข้ามานั่งบนตักแกร่งพรางซบหน้าลงบนแผ่นอกกว้าง “!!!!” เดนนิสตกใจมองคนตัวเล็กที่อยู่บนตักตน ทว่าเขากลับไม่มีท่าทีที่จะผลักเธอออกไป “โอ้ว..ฉันไปดีกว่า” บรีสที่เดินตามเพื่อนสนิทมาก็รีบหันหน้าหนีพรางก้าวเท้าออกไปอย่างเร่งรีบ คงไม่มีอะไรให้เธอต้องห่วงแล้วล่ะ “ฮึกกเดน…”พิชชานํ้าตาอาบแกม นํ้าเสียงสั่นเคลือซบหน้าอยู่บนอกแกร่ง ทำเอาเสื้อราคาหลักแสนของอีกคนเปียกชุ่มไปทั่ว “คุณพิช..ทำอะไรของคุณ”ชายหนุ่มยังคงเก็บสีหน้านิ่ง เริ่มที่จะผลักเธอออกเบาๆ ทว่ายิ่งเขาดัน มือเล็กยิ่งกำคอเสื้อเขาแน่น “ฮึกกกพิชคิดถึง..ฮึกก พิชคิดถึงคุณ พิชขอโทษ ฮึกก..” “คุณพิช.. คุณคงเมามากแล้ว ออกไปจากตัวผมเถอะครับ” “ฮึกก พิชตั้งใจกลับมาหาคุณ แต่คุณกลับมีผู้หญิงคนใหม่..ฮึก” มือเล็กกำเสื้อชายหนุ่มแน่น ซบหน้าเข้าอกใหญ่ไม่ยอมผละ อีกคนเมื่อได้ยินดังนั้นก็นิ่งชะงักไป มือหนาหยุดดันร่างบาง ปล่อยให้เธอนั่งสะอื้นอยู่บนตัก “คุณพิชชา..” ไม่นานก็มีเสียงปริศนาดังก้อนเข้ามาท่ามกลางบรรยากาศที่หลากหลายความรู้สึก กับการปรากฏตัวของทิว ลูกน้องคนสนิทของพิชชาที่เดินเข้ามาพร้อมทอดสายตามองไปยันเจ้านายที่อยู่ในตักของผู้ชายเช้ารุ่งวันต่อมา ในยามที่หญิงสาวยังคงหลับไหล เธอไม่รู้ตัวเลยว่าชายคนรักอุ้มเธอขึ้นรถมาด้วย จนถึงท่าเรือไปยันเกาะแห่งหนึ่ง พอลืมตาตื่นก็พบกับเจ้าตัวที่นอนอยู่ในห้องที่ไม่เคยคุ้นตา ทว่าสิ่งแปลกรอบตัวไม่ได้ทำให้เธอเป็นกระวนกระวาย เมื่อมองไปแล้วมีเขานอนกอดอยู่ข้างกาย เวลานี้เธอรับรู้ได้เลยว่าเขาคือพื้นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับตัวเอง ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็ถึงเวลาที่ชายผู้หลับไหลอยู่ในอ้อมกอดหญิงสาวลืมตาตื่น จึงพาคนน้องออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก ทันไดเปิดประตูออกมา ดวงตาคู่สวยเปร่งประกายทันที เมื่อวิวด้านหน้าคือกลางทะเลใหญ่ บนพื้นนํ้ามีเงาของท้องฟ้าสีประกายอากาศบริสุทธิ์ที่ห่างหายมานานแตะเข้าปลายจมูก พิชชารีบเดินต้อนออกไปยืนอยู่กลางแจ้งของมุมหนึ่งบนเรือ ซึ่งมีพร้อมทั้งที่นอนอาบแดด หรือแม้กระทั่งสระว่ายนํ้าในตัว หญิงสาวรีบเดินไปยืนสูดเอาอากาสสดชื่นเข้าปอด มองไปยันวิวด้านหน้าที่ใครได้เห็นก็นำพาแต่ความสงบเจ้าสู่จิตใจ ”อื้มมม สงบสุขที่สุดดด“ ร่างระหงสูดเอาอากาศเข้าเต็มปอด ด้วยรอยยิ้มหวานที่แต่งแต้มบนใบหน้า บ่งบอกว่าเธอพึงพอใจกับมันขนาดไหน ”ขนาดนั้นเชียวหรอพิชชา หื้ม” ชายที่เดินตามหลังมาอดที
“ฉันบอกว่าไม่โอเคไง ไม่รับคนนี้ ไปหาคนใหม่มา!” พิชชาสั่งเสียงลั่น กอดอกมองหน้าสองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง บ่งบอกว่าเธอไม่ได้ล้อเล่น ทำเอาชายลูกน้องในสูทดำเหงื่อตกทำตัวไม่ถูก เมื่อผู้เป็นนายเองเอาแต่เงียบ คนที่ออกคำสั่งก็เปรียบเสมือนเจ้านายคนที่สอง ส่วนเลขาสาวที่ยังไม่ทันได้เริ่มทำงานก็กำลังจะถูกไล่ออกนั้นแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด “ว่าไงนะคะ!” แนนนี่กัดฟันถาม ผู้หญิงคนนี้คงเป็นแค่เด็กที่ผู้เป็นนายเลี้ยงดูไว้ล่ะสิ มาทำเป็นใช้อำนาจหยิ่งยโส รอให้ตนได้ขึ้นเป็นว่าที่นายหญิงของตระกูลนี้เมื่อไหร่เถอะ จะเอาคืนให้ไม่เหลือแม้แต่ที่ซุกหัวนอนปลายเท้าเลยทีเดียว “ฉันไม่พูดซํ้า” เรียวแขนสองข้างยกขึ้นกอดอกพรางยักคิ้วใส่คนมองข้างนึง เป็นการกวนประสาทที่ได้ผลดีเลยแหละ เมื่อเห็นอีกฝ่ายตอบสนองด้วยสีหน้าที่แดงแปร๊ดดั่งระเบิ่ดจะลงนั่นแล้วก็สาแก่ใจ ยิ่งนึกอยากจะกลั่นแกล้งคนที่คิดแต่จะแย่งผัวชาวบ้าน ใบหน้านวลซบลงบนแผงอกแกร่ง ในขณะที่แววตายังคงจับจ้องอยู่บนหน้าซิลิโคนนั่นไม่ละเลือน “คุณเดนนิสคะ—“เมื่อรอให้เจ้านายปริปากช่วยแต่เขากลับเอาแต่เงียบ จึงตัดสินใจเป็นคนกล่าวเรียกเขาหวังจ
“กรี๊ดดดด!” เสียงกรี๊ดดังสนั่นทั่วห้อง ในขณะที่ในหัวกำลังมีเสียงเรียกจากชายคนหนึ่งดังเข้ามาแทรก ดั่งว่ากำลังร้องเรียกสติให้กลับคืน “พิชชา… พิชชา… น้องเป็นอะไรพิชชา!” “ฮึกกก!” หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเหนื่อย ร่างกายเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดออกมา ดั่งกับว่าไปตบตีกับใครมา เมื่อดวงตาเบิ่กกว้างขึ้นสิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าที่คุ้นเคยกำลังโน้มเข้าไกล้เธอพรางเอ่ยเรียกชื่อไม่หยุด ”พิช—-“ เพี๊ยะ!!! คำเรียกยังไม่ทันพ้นคอ ใบหน้าหล่อก็ถูกฝ่ามือเล็กฟาดเข้ามาเต็มแรงจนหันไปตามแรงตบ ทันไดนั้นทั้งความสับสนและอารมณ์หลายอย่างรีบแล่นเข้าสู่โสทประสาท ”ไอ้เดนนิส!!“ ในขณะที่มือหนากำลังกุมพวงแก้มตัวเองพรางครุ่นคิดกับการกระทำของแฟนสาวยังไม่ทันไร ก็มีหมอนใบใหญ่ถูกฟาดเข้าใส่รัวๆจนต้องยกแขนกั้นด้วยความตกใจ “โอ้ยๆ ที่รัก อะไรของน้องเนี่ยโอ้ยย มาตีพี่ทำไม”มือหนารีบคว้าหมอนใบใหญ่ออกจากมืออีกคนเมื่อ พอตั้งตัวได้แล้วมองหน้าแฟนสาวก็เห็นเธอเบ้ปากนํ้าตาคลอเอ่อ ยิ่งนำพาคนมองตกใจกับสิ่งที่เห็น ”พิชชา.. น้องเป็นอะไรครับ หื้อ? ไหนบอกพี่สิ” แม้จะไม่รู้ถึงเหตุผล ทว่าเวลานี้สิ่งเดียวที่สามารถปลอบประโลมแฟนส
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นต่อเนื่องกันเป็นสามครั้ง เรียกความสนใจจากเจ้าของห้องที่นั่งหน้าเครียดทำงาน ก่อนจะส่งเสียงอนุญาตให้คนที่ยืนรอบคำตอบอยู่ด้านนอกได้เข้ามา ประตูเปิดออกนำพาสองคนเดินเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าโต๊ะทำงานของประธานบริษัท ทว่าคนที่นั่งอยู่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นให้ความสนใจเลย จนลูกน้องต้องเป็นฝ่ายเอ่ยแจ้งจุดประสงค์ที่มาเยือน “บอสครับ นี่คือเลขาคนใหม่ที่จะเข้ามาทำงานแทนคุณพิ้งค์ชั่วคราวครับ เนื้องจากเธอลาป่วย” แดนกล่าวแจ้งผู้เป็นเจ้านายอย่างเป็นทางการ ก่อนหญิงสาวในชุดรัดรูปเข้าทรงสีแดงสดจะกล่าวแนะนำตัวเองเมื่อเดนนิสเงยหน้าขึ้นให้ความสนใจ “สวัสดีค่ะคุณเดนนิส ฉันแนนนี่ค่ะ เรียกแนนเฉยๆก็ได้ค่ะจะได้สะดวก มีอะไรเรียกใช้แนนได้ตลอดเวลาเลยนะคะ” เลขาสาวคนใหม่พูดเสียงละมุน สิ้นสุดบทพูดไม่ลืมที่จะยิ้มหวานให้กับเจ้าชายมาดนิ่งตรงหน้าไปหนึ่งฉาก “อืม ไม่มีอะไรแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว” คนฟังไม่ได้มีพิธีกงการอะไรมาก หากเข้ามาทำธุระเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ เมื่อสิ่งตรงหน้าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ขอเพียงแค่ทำงานได้ไม่ตกบกพร่อง พูดเสร็จก้มหน้าทำงานต่อไม่แม้แต่จะให้ควา
“แล้วหลังจากคืนนั้น พี่ก็หาน้องเจอจริงๆ”หญิงสาวอมยิ้มภูมิใจ เมื่อนึกถึงอดีตที่ผ่านมาของเขาและเธอ มันอาจจะเป็นการพบเจอที่แปลก แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี “ถ้าพี่หาน้องไม่เจอ พี่จะคว้าน้องมาครอบครองได้ยังไงล่ะ”เดนนิสกล่าวปนขำเบาๆ เด็กสาวที่กล้าเข้ามาท้าทายเขาคืนนี้ กลายเป็นว่าที่ภรรยาเขาอย่างเต็มตัวแล้วในวันนี้ “ถ้าคืนนั้นพี่เป็นพวกโรคจิต น้องคงแย่” คนพูดยํ้า หากแต่เธอโชคไม่ดีแล้วไปเจอกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขาคงไม่มีชะตากรรมแบบนี้ “เพราะยังไงน้องก็เชื่อในความโชคดีของตัวเองไงคะ“รอยยิ้มหวานประกบบนใบหน้านวล ก่อนหญิงสาวจะหันหลังเดินก้าวเข้าไปในซอยมืดนั้น โดยมีฝีเท้ายาวคอยก้าวตามหลังอย่างติดๆ “ยังเหมือนเดิมเลยแฮะ เหมือนจะไม่ค่อยมีคนมา” สายตากวาดมองรอบๆแล้วยังคงรับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเดิมดั่งคืนนั้น แม้จะมืดจนน่ากลัวทว่ากลับมีบางสิ่งที่เรียกว่าความสวยงามปนเปรือ “คงไม่มีใครกล้ามาในที่แบบนี้แล้วแหละ นอกจากคนพิเรนอย่างน้อง” เสียงชายหนุ่มดังลอดเข้ามาจากแผ่นหลัง นำพาคนสวยหันมองเจ้าของคำพูดด้วยสีหน้าหมั่นไส้ “แหม พูดอย่างกับพี่ไม่มาเนาะ ถ้าจะพิเรนคงเป็นพี่มากกว่า” คนตัวเล็กแขวะกลับอย่างไม่ยอ
“ที่นี่….” ชายหนุ่มพึมพำออกมาเสียงเบาพรางหันกลับมามองหญิงคนรักอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “อื้ม พี่จำได้มั้ย ตอนที่เราเจอกันครั้งแรก” พิชชาพยักหน้าเบาๆผลอยยิ้มหวานให้กับชายที่ยืนมองหน้าเธอ นึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ครั้งแรกที่เธอได้พบกับผู้ชายคนนี้ เมื่อไม่กี่ปีก่อน พิชชาเป็นเดินตามถนนอย่างไร้จุดหมาย เมื่อรู้สึกว่าชีวิตช่วงนี้มีแต่ความน่าเบื่อ เมื่อเดินเข้ามาถึงซอยหนึ่ง สายตาจึงจับจ้องเข้ากับชายร่างโปร่งคนหนึ่งที่ยืนพิงผนังสูบบุหรี่ด้วยท่าทางหล่อเหลานั่น เธอไม่เคยพบกับใครที่สูบบุหรี่ได้หล่อเท่เท่าชายคนนี้มาก่อน แม้จะไม่เห็นรูปร่างเขาชัดเนื่องจากความมืด ทว่าแสงไฟอ่อนๆที่ส่องเข้าไปเผยให้เห็นถึงใบหน้าคมคายจมูกโด่งเป็นสันนั่นทำให้เธอสัมผัสได้ว่าเขาคือเทพบุตร ด้วยนิสัยดื้อรั้นของหญิงสาวเป็นสิ่งที่พาเธอเดินเข้าไปหาชายคนนั้นในซอยที่มืดเปลี่ยวได้อย่างไม่มีความเกรงกลัว “น่าเบื่อชะมัด” ควันบุหรี่ถูกเป่าออกมากระจัดกระจาย ในขณะที่คนสูบกำลังพึมพำถึงความเบื่อหน่ายของชีวิต เสียงฝีเท้าที่เดินไกล้เข้ามาดึงให้เขาเหลือบไปสนใจ สายตาคมจ้องเข้ากับใบหน้านวลของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูสีหน้าเบื่อหน่ายไม่แพ้กับตน เส