“หื้ยย เดนนะเดน! ต้องสนใจยัยผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ ฉันต้องคอยขัดขวาง!” ร่างอวบส่งเสียงดังแว๊ดๆอยู่กลางห้างไม่สนใจสายตาที่ต่างจับจ้องมาที่ตน เมื่ออารมณ์ความโกรธกำลังครอบงำ ฟางฟางยืนกัดเล็บตัวเองดั่งคนบ้า ในหัวเต็มไปด้วยความกังวล นึกคิดแผนการที่จะคอยขัดขวางไม่ให้สิ่งที่ตนคาดคิดเกิดขึ้น
ภายในคฤหาสน์… แกร๊ก.. ร่างใหญ่เปิดประตูเข้ามาภายในห้องตน พรางสาวเท้ายาวก้าวเข้าไปนั่งบนเตียงขนาดกว้าง สายตาทอดมองไปตรงลิ้นชักหัวเตียง ก่อนจะเปิดมันออกพร้อมหยิบกรอบรูปขนาดกลางขึ้นมา สายตาอันเย็นชาจ้องมองรูปภาพในมือ ที่ถูกใส่กรอบเอาไว้เป็นอย่างดี “พิชชา…เธอกลับมาทำไม” กล่าวเสียงเบาพร้อมสายตาที่กำลังติดอยู่กับภาพตรงหน้าไม่ผละ ดั่งกับว่ากำลังใช้ความคิดกับบางสิ่ง “เปลี่ยนไปเยอะเลยนี่.. หึ! คงฉลาดใช่ย่อย เอาเงินที่แม่ฉันให้ไปลงทุนธุระกิจ เธอมันก็ไม่ต่างจากผู้หญิงพวกนั้นหรอก“ มือหนากำรูปภาพหญิงสาวคนรักเก่าแน่น ก่อนจะโยนมันทิ้งลงในถังขยะอย่างไม่ไยดี จากนั้นชายร่างใหญ่ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมเดินตรงไปทางระเบียงพร้อมกับบุหรี่แท่งยาวที่จับหยิบติดออกไปด้วย “บอสครับ…”เสียงชายอันคุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลังในขณะที่เขากำลังงับแท่งบุหรี่อยู่ในปาก แม้จะไม่ได้หันหลังไปมอง แต่เขาก็รู้ดีว่าเป็นใคร ”กูให้มึงไปตามดูแลฟางไม่ใช่หรอ“เดนนิสกล่าวถามเสียบเรียบ สายตาทอดมองออกไปยันวิวด้านหน้า ”คุณฟางไล่ผมกลับเองนี่ครับ“ ”อืม“ เขาไม่ได้สนใจอะไรมาก เปร่งเสียงออกมาจากลำคอ ตอบกลับออกไปแบบส่งๆเพียงเท่านั้น แดนที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ประกบมือสองข้างกำกันแน่น กำลังรวบรวมความกล้ากับบางอย่าง ก่อนจะค่อยๆเดินมาประชิดข้างผู้เป็นนาย “บอส..คุณพิชชาดูเปลี่ยนไปเยอะเลยนะครับ..” แดนกล่าวเสียงแผ่วเบาพอให้เจ้านายได้ยิน พยายามกลบเกลื่อนความกลัวลึกเข้าไปในใจ เมื่อได้ยินคำพูดของลูกน้อง สายตาอันเรียบนิ่งเปลี่ยนเป็นดุดันทันที แม้แดนจะยืนมองจากมุมข้าง ทว่ามันก็เห็นได้อย่างชัดเจนจนเกิดความกลัวเพิ่มขึ้นมา ”กูไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้น“ “แต่คุณพิชชาอาจมีเหตุผล…” “มึงเงียบปากดิ๊!“เมื่อลูกน้องเอาแต่กรอกหูไม่หยุด จากรังสีความเยือกเย็นคลับเคลื่อนขึ้นมาเป็นอารมณ์หงุดหงิด เดนนิสตวาดเสียงดังพรางไล่ลูกน้องออกจากห้องไป ”ออกไปได้ละ กูอยากอยู่คนเดียว“ แดนได้แต่พยักหน้าเข้าใจ กล่าวอะไรไปตอนนี้ก็คงมีแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลง ชายลูกน้องรีบก้าวออกไปตามคำสั่ง ควันบุหรี่กระจัดกระจายทั่วระเบียง คนสูบเผยสีหน้าหงุดหงิดใจออกมาด้วยความไม่พอใจ ”แม่ง..เหตุผลบ้าๆ เธอทิ้งฉันเองพิชชา ฉันจะไม่มีวันกลับไปรักเธอ!“ เดนนิสกล่าวสายตาโกรธเคือง แม้เวลาจะผ่านไปยาวนานแค่ไหน แผลในใจที่เธอเคยปลุกฝังเอาไว้ไม่เคยจะเลือนลาง แต่ในเวลานี้เธอกลับโผล่มาตรงหน้าเขาสะดื้อๆ ดั่งกับว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น..จิตใจผู้หญิงคนนี้ทำด้วยอะไรกัน ไนท์คลับ… ยามเวลาล่วงเลยผ่านไปในพริบตา จากที่มองดูท้องฟ้ากำลังส่องแสงสดใส เพียงกะพริบตาแป๊ปเดียวก็เปลี่ยนเป็นยามราตรีอันมืดมน ภายในไนท์คลับหรู สถานที่อันเป็นสิ่งโปรดปรานของผู้คนนับล้าน ดังก้อนไปด้วยเสียงดนตรีภายใต้แสงสี พิชชากำลังยืนจับแก้วไวน์พรางหันมองรอบๆดั่งกับว่ามองหาใครอยู่ ”ยัยบรีส มึงว่ากูจะได้เจอเดนมั้ย“ร่างเล็กกล่าวถามเพื่อนสาวที่ยืนกระดกดื่มอยู่ตรงหน้า เมื่อมองหาแล้วไม่มีวี่แววที่จะเจอเขา บรีสวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะพรางกลืนกินไวน์ที่อยู่ในปากลงคอ ก่อนจะเผยสีหน้าแห่งความมั่นใจ ”เจอแน่ มึงไม่ต้องห่วง!“ ”มึงรู้ได้ไง“เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทดูจะมั่นใจเสียเหลือเกิน ก็ทำเอาหญิงสาวอดที่จะสงสัยเอาไว้ไม่ไหว ขมวดคิ้วบางจ้องหน้าบรีสพรางเอ่ยถามนํ้าเสียงจริงจัง เมื่อบรีสเห็นเช่นนั้นก็กระตุกยิ้มกวน ” เอาเป็นว่ากูรู้“ สิ้นสุดคำพูดก็ยกแก้วขึ้นกระดกปล่อยให้ยัยพิชชาเพื่อนรักมันยืนตะหงิดอยู่แบบนั้น “เอ้าๆ มายืนมองหน้ากูทำไม ดื่มสิดื่มๆ” บรีสรีบยกแก้วยื่นให้กับพิชชา มือบางรับแก้วมาพร้อมสลดสีหน้าสงสัย หันมาจิบไวน์สวยๆ กวาดตามองรอบๆ ก่อนที่ดวงตาจะตื่นกว้างขึ้นมา เมื่อไปสดุดกับใครบางคน “เจอจริงด้วย!!” พิชชาส่งเสียงดังตวาดลั่นจนบรีสหันมามองตาม อีกด้านของไนท์คลับ.. “กูจะไปสูบบุหรี่” ชายร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกล่าวบอกเพื่อนสนิทที่กำลังนั่งโอบสาวซ้ายคนขวาคน “เออ ไม่ต้องรีบกลับมาก็ได้นะ” แดนเทพกล่าวในขณะที่กำลังคลอเคลียอยู่กับสาวสวยด้านข้าง “เออ” เดนนิสกระแทกเสียงด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะหันหลังเดินออกไป ในขณะนั้นเอง ดูเหมือนจะมีสายตาใครบางที่เอาแต่จับจ้องตามแผ่นหลังกำยำอยู่ทุกช่วงเวลา “เห็นมั้ย กูว่าละ” บรีสกล่าวด้วยสีหน้าภูมิใจ หันมามองพิชชาที่จ้องตามหลังชายคนรักเก่าดั่งกับจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว “เดี๋ยวกูมานะ!” เมื่อเห็นคนที่สายตากำลังจับจ้องเดินออกไป พิชชารีบกล่าวบอกคนตรงหน้าโดยไม่แม้แต่จะละสายตาออกจากคนระยะไกลหันมาสนใจคำพูดของเพื่อนสักนิด กล่าวจบเธอก็รีบสาวเท้าเรียวก้าวออกไปทางที่มอง “เอ้า ยัยนี่..“ บรีสกรอกตามองบนแสดงถึงความเบื่อหน่าย ก่อนจะหันกลับไปรินไวน์ยกแก้วขึ้นกระดกดังเดิมเช้ารุ่งวันต่อมา ในยามที่หญิงสาวยังคงหลับไหล เธอไม่รู้ตัวเลยว่าชายคนรักอุ้มเธอขึ้นรถมาด้วย จนถึงท่าเรือไปยันเกาะแห่งหนึ่ง พอลืมตาตื่นก็พบกับเจ้าตัวที่นอนอยู่ในห้องที่ไม่เคยคุ้นตา ทว่าสิ่งแปลกรอบตัวไม่ได้ทำให้เธอเป็นกระวนกระวาย เมื่อมองไปแล้วมีเขานอนกอดอยู่ข้างกาย เวลานี้เธอรับรู้ได้เลยว่าเขาคือพื้นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับตัวเอง ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็ถึงเวลาที่ชายผู้หลับไหลอยู่ในอ้อมกอดหญิงสาวลืมตาตื่น จึงพาคนน้องออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก ทันไดเปิดประตูออกมา ดวงตาคู่สวยเปร่งประกายทันที เมื่อวิวด้านหน้าคือกลางทะเลใหญ่ บนพื้นนํ้ามีเงาของท้องฟ้าสีประกายอากาศบริสุทธิ์ที่ห่างหายมานานแตะเข้าปลายจมูก พิชชารีบเดินต้อนออกไปยืนอยู่กลางแจ้งของมุมหนึ่งบนเรือ ซึ่งมีพร้อมทั้งที่นอนอาบแดด หรือแม้กระทั่งสระว่ายนํ้าในตัว หญิงสาวรีบเดินไปยืนสูดเอาอากาสสดชื่นเข้าปอด มองไปยันวิวด้านหน้าที่ใครได้เห็นก็นำพาแต่ความสงบเจ้าสู่จิตใจ ”อื้มมม สงบสุขที่สุดดด“ ร่างระหงสูดเอาอากาศเข้าเต็มปอด ด้วยรอยยิ้มหวานที่แต่งแต้มบนใบหน้า บ่งบอกว่าเธอพึงพอใจกับมันขนาดไหน ”ขนาดนั้นเชียวหรอพิชชา หื้ม” ชายที่เดินตามหลังมาอดที
“ฉันบอกว่าไม่โอเคไง ไม่รับคนนี้ ไปหาคนใหม่มา!” พิชชาสั่งเสียงลั่น กอดอกมองหน้าสองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง บ่งบอกว่าเธอไม่ได้ล้อเล่น ทำเอาชายลูกน้องในสูทดำเหงื่อตกทำตัวไม่ถูก เมื่อผู้เป็นนายเองเอาแต่เงียบ คนที่ออกคำสั่งก็เปรียบเสมือนเจ้านายคนที่สอง ส่วนเลขาสาวที่ยังไม่ทันได้เริ่มทำงานก็กำลังจะถูกไล่ออกนั้นแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด “ว่าไงนะคะ!” แนนนี่กัดฟันถาม ผู้หญิงคนนี้คงเป็นแค่เด็กที่ผู้เป็นนายเลี้ยงดูไว้ล่ะสิ มาทำเป็นใช้อำนาจหยิ่งยโส รอให้ตนได้ขึ้นเป็นว่าที่นายหญิงของตระกูลนี้เมื่อไหร่เถอะ จะเอาคืนให้ไม่เหลือแม้แต่ที่ซุกหัวนอนปลายเท้าเลยทีเดียว “ฉันไม่พูดซํ้า” เรียวแขนสองข้างยกขึ้นกอดอกพรางยักคิ้วใส่คนมองข้างนึง เป็นการกวนประสาทที่ได้ผลดีเลยแหละ เมื่อเห็นอีกฝ่ายตอบสนองด้วยสีหน้าที่แดงแปร๊ดดั่งระเบิ่ดจะลงนั่นแล้วก็สาแก่ใจ ยิ่งนึกอยากจะกลั่นแกล้งคนที่คิดแต่จะแย่งผัวชาวบ้าน ใบหน้านวลซบลงบนแผงอกแกร่ง ในขณะที่แววตายังคงจับจ้องอยู่บนหน้าซิลิโคนนั่นไม่ละเลือน “คุณเดนนิสคะ—“เมื่อรอให้เจ้านายปริปากช่วยแต่เขากลับเอาแต่เงียบ จึงตัดสินใจเป็นคนกล่าวเรียกเขาหวังจ
“กรี๊ดดดด!” เสียงกรี๊ดดังสนั่นทั่วห้อง ในขณะที่ในหัวกำลังมีเสียงเรียกจากชายคนหนึ่งดังเข้ามาแทรก ดั่งว่ากำลังร้องเรียกสติให้กลับคืน “พิชชา… พิชชา… น้องเป็นอะไรพิชชา!” “ฮึกกก!” หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเหนื่อย ร่างกายเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดออกมา ดั่งกับว่าไปตบตีกับใครมา เมื่อดวงตาเบิ่กกว้างขึ้นสิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าที่คุ้นเคยกำลังโน้มเข้าไกล้เธอพรางเอ่ยเรียกชื่อไม่หยุด ”พิช—-“ เพี๊ยะ!!! คำเรียกยังไม่ทันพ้นคอ ใบหน้าหล่อก็ถูกฝ่ามือเล็กฟาดเข้ามาเต็มแรงจนหันไปตามแรงตบ ทันไดนั้นทั้งความสับสนและอารมณ์หลายอย่างรีบแล่นเข้าสู่โสทประสาท ”ไอ้เดนนิส!!“ ในขณะที่มือหนากำลังกุมพวงแก้มตัวเองพรางครุ่นคิดกับการกระทำของแฟนสาวยังไม่ทันไร ก็มีหมอนใบใหญ่ถูกฟาดเข้าใส่รัวๆจนต้องยกแขนกั้นด้วยความตกใจ “โอ้ยๆ ที่รัก อะไรของน้องเนี่ยโอ้ยย มาตีพี่ทำไม”มือหนารีบคว้าหมอนใบใหญ่ออกจากมืออีกคนเมื่อ พอตั้งตัวได้แล้วมองหน้าแฟนสาวก็เห็นเธอเบ้ปากนํ้าตาคลอเอ่อ ยิ่งนำพาคนมองตกใจกับสิ่งที่เห็น ”พิชชา.. น้องเป็นอะไรครับ หื้อ? ไหนบอกพี่สิ” แม้จะไม่รู้ถึงเหตุผล ทว่าเวลานี้สิ่งเดียวที่สามารถปลอบประโลมแฟนส
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นต่อเนื่องกันเป็นสามครั้ง เรียกความสนใจจากเจ้าของห้องที่นั่งหน้าเครียดทำงาน ก่อนจะส่งเสียงอนุญาตให้คนที่ยืนรอบคำตอบอยู่ด้านนอกได้เข้ามา ประตูเปิดออกนำพาสองคนเดินเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าโต๊ะทำงานของประธานบริษัท ทว่าคนที่นั่งอยู่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นให้ความสนใจเลย จนลูกน้องต้องเป็นฝ่ายเอ่ยแจ้งจุดประสงค์ที่มาเยือน “บอสครับ นี่คือเลขาคนใหม่ที่จะเข้ามาทำงานแทนคุณพิ้งค์ชั่วคราวครับ เนื้องจากเธอลาป่วย” แดนกล่าวแจ้งผู้เป็นเจ้านายอย่างเป็นทางการ ก่อนหญิงสาวในชุดรัดรูปเข้าทรงสีแดงสดจะกล่าวแนะนำตัวเองเมื่อเดนนิสเงยหน้าขึ้นให้ความสนใจ “สวัสดีค่ะคุณเดนนิส ฉันแนนนี่ค่ะ เรียกแนนเฉยๆก็ได้ค่ะจะได้สะดวก มีอะไรเรียกใช้แนนได้ตลอดเวลาเลยนะคะ” เลขาสาวคนใหม่พูดเสียงละมุน สิ้นสุดบทพูดไม่ลืมที่จะยิ้มหวานให้กับเจ้าชายมาดนิ่งตรงหน้าไปหนึ่งฉาก “อืม ไม่มีอะไรแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว” คนฟังไม่ได้มีพิธีกงการอะไรมาก หากเข้ามาทำธุระเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ เมื่อสิ่งตรงหน้าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ขอเพียงแค่ทำงานได้ไม่ตกบกพร่อง พูดเสร็จก้มหน้าทำงานต่อไม่แม้แต่จะให้ควา
“แล้วหลังจากคืนนั้น พี่ก็หาน้องเจอจริงๆ”หญิงสาวอมยิ้มภูมิใจ เมื่อนึกถึงอดีตที่ผ่านมาของเขาและเธอ มันอาจจะเป็นการพบเจอที่แปลก แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี “ถ้าพี่หาน้องไม่เจอ พี่จะคว้าน้องมาครอบครองได้ยังไงล่ะ”เดนนิสกล่าวปนขำเบาๆ เด็กสาวที่กล้าเข้ามาท้าทายเขาคืนนี้ กลายเป็นว่าที่ภรรยาเขาอย่างเต็มตัวแล้วในวันนี้ “ถ้าคืนนั้นพี่เป็นพวกโรคจิต น้องคงแย่” คนพูดยํ้า หากแต่เธอโชคไม่ดีแล้วไปเจอกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขาคงไม่มีชะตากรรมแบบนี้ “เพราะยังไงน้องก็เชื่อในความโชคดีของตัวเองไงคะ“รอยยิ้มหวานประกบบนใบหน้านวล ก่อนหญิงสาวจะหันหลังเดินก้าวเข้าไปในซอยมืดนั้น โดยมีฝีเท้ายาวคอยก้าวตามหลังอย่างติดๆ “ยังเหมือนเดิมเลยแฮะ เหมือนจะไม่ค่อยมีคนมา” สายตากวาดมองรอบๆแล้วยังคงรับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเดิมดั่งคืนนั้น แม้จะมืดจนน่ากลัวทว่ากลับมีบางสิ่งที่เรียกว่าความสวยงามปนเปรือ “คงไม่มีใครกล้ามาในที่แบบนี้แล้วแหละ นอกจากคนพิเรนอย่างน้อง” เสียงชายหนุ่มดังลอดเข้ามาจากแผ่นหลัง นำพาคนสวยหันมองเจ้าของคำพูดด้วยสีหน้าหมั่นไส้ “แหม พูดอย่างกับพี่ไม่มาเนาะ ถ้าจะพิเรนคงเป็นพี่มากกว่า” คนตัวเล็กแขวะกลับอย่างไม่ยอ
“ที่นี่….” ชายหนุ่มพึมพำออกมาเสียงเบาพรางหันกลับมามองหญิงคนรักอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “อื้ม พี่จำได้มั้ย ตอนที่เราเจอกันครั้งแรก” พิชชาพยักหน้าเบาๆผลอยยิ้มหวานให้กับชายที่ยืนมองหน้าเธอ นึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ครั้งแรกที่เธอได้พบกับผู้ชายคนนี้ เมื่อไม่กี่ปีก่อน พิชชาเป็นเดินตามถนนอย่างไร้จุดหมาย เมื่อรู้สึกว่าชีวิตช่วงนี้มีแต่ความน่าเบื่อ เมื่อเดินเข้ามาถึงซอยหนึ่ง สายตาจึงจับจ้องเข้ากับชายร่างโปร่งคนหนึ่งที่ยืนพิงผนังสูบบุหรี่ด้วยท่าทางหล่อเหลานั่น เธอไม่เคยพบกับใครที่สูบบุหรี่ได้หล่อเท่เท่าชายคนนี้มาก่อน แม้จะไม่เห็นรูปร่างเขาชัดเนื่องจากความมืด ทว่าแสงไฟอ่อนๆที่ส่องเข้าไปเผยให้เห็นถึงใบหน้าคมคายจมูกโด่งเป็นสันนั่นทำให้เธอสัมผัสได้ว่าเขาคือเทพบุตร ด้วยนิสัยดื้อรั้นของหญิงสาวเป็นสิ่งที่พาเธอเดินเข้าไปหาชายคนนั้นในซอยที่มืดเปลี่ยวได้อย่างไม่มีความเกรงกลัว “น่าเบื่อชะมัด” ควันบุหรี่ถูกเป่าออกมากระจัดกระจาย ในขณะที่คนสูบกำลังพึมพำถึงความเบื่อหน่ายของชีวิต เสียงฝีเท้าที่เดินไกล้เข้ามาดึงให้เขาเหลือบไปสนใจ สายตาคมจ้องเข้ากับใบหน้านวลของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูสีหน้าเบื่อหน่ายไม่แพ้กับตน เส