‘มัวแต่อ่อยผู้ชาย ไหนล่ะนาฬิกาของฉัน’
ใบเฟิร์นหันไปมองรอบ ๆ ทันที แสดงว่าเขาต้องอยู่แถว ๆ นี้ ไม่อย่างนั้นเขาจะเอาคำพูดบ้า ๆ พวกนี้มาจากไหน
“นิสัยไม่ดีแล้วยังจะปากหมาอีกนะ” ทันทีที่เห็นว่าใบก็เฟิร์นพึมพำออกมา โดยไม่สนใจว่าเขาจะได้ยินหรือเปล่า
‘เธอว่าไงนะ!’ อเล็กซ์กลับได้ยินชัดเจน เขาถามกลับไปทันควัน
“คุณให้คนไปรับนาฬิกาแล้วไม่ใช่เหรอ” ทางร้านบอกเธอมาอย่างนั้น
‘แต่ฉันยังไม่ได้นาฬิกาคืน’ เขาบอกเธอแบบนั้น
“คุณก็ไปถามคนที่คุณให้มารับนาฬิกาสิว่าเขาเอาไปไว้ที่ไหน” เธอย้อน
“ไม่รู้ ในเมื่อฉันยังไม่ได้ของเธอก็ต้องรับผิดชอบ” นี่ไม่ใช่เสียงจากโทรศัพท์ แต่เป็นเสียงของคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของใบเฟิร์นตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้
“คุณสะกดรอยตามฉันมาเหรอ” เธอหันกลับไปมองตามเสียงทันที
ท่าทีตกใจเพียงเล็กน้อยทำให้อเล็กซ์ต้องขมวดคิ้ว เหมือนว่าเธอจะไม่ได้ตกใจที่เห็นเขาสักเท่าไหร่
“แค่จะมาดูว่าเธอเอานาฬิกาของฉันไปแอบไว้ที่ไหน” เขาพูดพลางเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง
“ทางร้านบอกว่าคุณให้คนมารับไปแล้วจริง ๆ นะ” เธอยังยืนยันในสิ่งที่เธอได้ข้อมูลมา
“ในเมื่อฉันยังไม่ได้ของ ยังไงคนที่ต้องรับผิดชอบก็คือคนที่หยิบออกไปจากห้องของฉัน” เขาเอานิ้วจิ้มไปที่ไหล่ของใบเฟิร์น “นั่นก็คือเธอ”
“ถ้าอย่างนั้นเราไปให้ที่ร้านยืนยันกันนะ ว่าคนของคุณมารับไปแล้วจริง ๆ” ใบเฟิร์นทำท่าจะเดินไปแต่ก็โดนอเล็กซ์จับไหล่ไว้ ใบเฟิร์นจึงหมุนตัวกลับมาหาอเล็กซ์อีกครั้ง
“ฉันไม่ไปหรอก เธออาจจะเอาใครที่ไหนก็ได้มายืนยัน หรือเตี๊ยมกับคนที่ร้าน”
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง” เธอก็หมดปัญญาแล้วว่าจะทำยังไงให้เขาเชื่อ
“เธอก็เอานาฬิกามาคืนฉันให้ได้สิ”
“คุณจะทำแบบนี้ไปทำไมในเมื่อคุณได้นาฬิกาคืนไปแล้ว” เธอคิดว่าเขาได้นาฬิกาคืนแล้วแน่ ๆ เพราะทางร้านไม่มีทางโกหกเธอแน่นอน
“ฉันจะให้โอกาสเธออีกสามวัน ถ้าฉันยังไม่ได้นาฬิกาคืนก็เตรียมตัวเข้าคุกได้เลย” เขายื่นคำขาดกับเธอ
“คุณ...” เธอจับแขนเสื้อของเขาไว้ “ฉันขอร้อง คุณจะให้ทำอะไรก็ได้แต่อย่าแจ้งความได้มั้ย”
อเล็กซ์มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่กลมนั้นก่อนจะยิ้มมุมปาก นี่เธอกำลังอ้อนวอนเขาอยู่อย่างนั้นเหรอ ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ไม่ต่างจากคืนนั้นเลย ใบหน้านวลที่เต็มไปด้วยน้ำตาอาบแก้มเอ่ยปากอ้อนวอนเขาสารพัดเพื่อให้เขาปล่อยเธอไป แม้คราวนี้จะไม่มีน้ำตาแต่ความรู้สึกที่ได้มองก็ไม่ต่างกัน ไม่รู้ทำไมเขาถึงชอบมอง
“อะไรก็ได้เหรอ” เขาก้มลงไปกระซิบข้างหูของเธอ
“...” ใบเฟิร์นเม้มปากเข้าหากันแน่น เธอรู้สึกว่าคนเจ้าเล่ห์แบบเขาต้องมีแผนอะไรแน่ ๆ
“นอนกับฉันสิเป็นค่าดอกเบี้ยจนกว่าเธอจะมีนาฬิกามาคืน”
ใบเฟิร์นเงยหน้ามองอเล็กซ์พลางถอยออกห่างจากเขาททันที คิ้วเรียวได้รูปขมวดเข้าหากัน ไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดคำนี้ออกมาตรง ๆ
“แต่ฉันมีคนรักแล้ว” เธอโกหกออกไปเพื่อหวังให้เขาเปลี่ยนความคิด
“คิดว่าฉันจะสนใจเหรอ” เขายักไหล่
“คุณไม่ละอายใจบ้างเหรอที่เคยทำเรื่องแย่ ๆ แบบนั้นกับฉัน”
“ฉันไม่ได้เอาเธอฟรี ๆ สักหน่อย เธอได้เงินจากฉันไปตั้งเท่าไหร่ นี่ฉันยังได้ไม่คุ้มเสียเลยด้วยซ้ำ ไหนจะนาฬิการาคาหลักล้านของฉันที่เธอขโมยไปอีก ใครกันแน่ที่ต้องละอายใจ” ท่าทางของเขาเหมือนไม่ได้รู้กผิดเลยสักนิด
“คุณมัน...” เมื่อได้ฟังคำแก้ตัวของเขา เธอหมดคำจะพูดจริง ๆ เขาต้องเป็นคนแบบไหนถึงไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำในคืนนั้นไม่ผิด ผู้ชายคนนี้อันตรายจริง ๆ
“ฉันทำไม” เขาจ้องหน้าเธอ “เลือกเอาแล้วกันระหว่างมานอนกับฉัน กับให้ฉันแจ้งความ”
“คุณรังแกคนที่อ่อนแอกว่าแบบนี้เสมอเหรอ”
“เธอคนแรก”
ดูเหมือนว่าหญิงสาวตรงหน้าจะโตขึ้น เธอมีความกล้าที่จะโต้แย้งเขา ต่อปากต่อคำกับเขา ไม่งอแงเหมือนตอนนั้น ตอนที่อยู่ใต้ร่างของเขาบางครั้งเธอก็ร้องไห้จนน่ารำคาญ
“ฉันไปทำอะไรให้คะ”
“ก็ไม่นี่ แค่อยากรู้ว่าผู้หญิงแบบเธอจะเอาตัวรอดยังไง”
“คุณมันโรคจิต”
“อย่าพูดมากไปหน่อยเลย ยังไงเราก็เคยนอนด้วยกัน”
หน้าของใบเฟิร์นแดงก่ำ สองมือกำหมัดแน่นเธอทั้งอายทั้งโกรธเขาในเวลาเดียวกัน แต่ไม่มีทางที่เธอจะทำอะไรเขาได้เลยในตอนนี้ เธอจึงทำได้แค่ขบกรามแน่นเพื่อข่มอารมณ์ของตัวเอง
“ทำไม...มีสิทธิ์อะไรมาโกรธฉัน” เขาบีบคางของเธอพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนจมูกเกือบชนกัน
“อย่านะ” ใบเฟิร์นสะบัดหน้าหนี
“เอาเถอะ ฉันให้เวลาเธอไปคิดอีกสามวัน” เขาปล่อยแขนของเธอ “แล้วอย่าคิดที่จะหนี เพราะฉันจะไม่ปล่อยให้เธอลอยนวลเป็นครั้งที่สอง”
พูดจบอเล็กซ์ก็เดินขึ้นรถไป ปล่อยให้ใบเฟิร์นมองตามด้วยความกังวล นี่อเล็กซ์กำลังแกล้งเธอเล่นอยู่ใช่มั้ย ยังไงเธอก็มั่นใจว่าเขาได้นาฬิกาคืนไปแล้ว แล้วทำไมยังจะให้เธอเอาไปคืนแถมขู่จะแจ้งความจับเธออีก แล้วเธอจะเอานาฬิกาจากที่ไหนไปคืนกันล่ะ
วันต่อมา ณ.บริษัท ใบเฟิร์นก็ยังคงมาทำงานแต่เช้า แม้ว่าเมื่อคืนเธอจะมีเรื่องกวนใจจนนอนไม่หลับก็ตาม
“เจอตัวพอดีเลยค่ะ” ปอลินเดินมาดักหน้าของใบเฟิร์นไว้พลางยื่นของในมือให้ใบเฟิร์น “พี่ป้องฝากมาให้ค่ะ”
“ไม่เห็นจะต้องลำบากเลย” เธอเกรงใจ ไม่ได้สนิทกันไม่เห็นจะต้องซื้อมาฝากกันเลย
“ลำบากอะไรกันคะ แค่กาแฟแก้วเดียวเอง”
“ฝากขอบคุณด้วยนะ” เธอรับกาแฟมาจากมือของปอลิน ไหน ๆ ก็ซื้อมาแล้วจะไม่รับก็ไม่ได้ อย่างน้อย ๆ วันนี้เธอคงไม่ต้องนั่งหาว
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นทานข้าวด้วยกันสักมื้อก็คงดีนะคะ”
“...” ใบเฟิร์นยิ้มอ่อน ๆ พี่น้องคู่นี้ดูเหมือนจะเข้าขากันดีเลยทีเดียว แค่พี่ชายฝากกาแฟมาแก้วเดียว แต่น้องสาวกลับมาต่อยอดได้อย่างลื่นไหล
“ไว้ค่อยเจอกันนะคะ” ปอลินรีบปลีกตัวไปทันที
ครืด~ ครืด~
ใบเฟิร์นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจ้องมองไปยังตัวเลขบนหน้าจอ ปรากฎเป็นเบอร์ที่เธอไม่ได้บันทึกไว้ก่อนจะกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
‘ได้รับกาแฟที่ฝากไปหรือยังครับ ไม่รู้ว่าจะถูกปากหรือเปล่า’
เพียงประโยคแรกที่ได้ยินใบฟิ์นก็รับรู้ไดในทันทีว่าคนในสายคือใคร เพราะก่อนหน้านี้เขาส่งน้องสาวมาออกหน้าแทนแล้ว
“ได้รับแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
‘เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นทานข้าวด้วยกันสักมื้อคงจะดีนะครับ”
“คิก ๆ” ใบเฟิร์นหลุดขำออกมาทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ ไม่คิดว่าจะได้ฟังประโยคที่เหมือนกันราวกับนัดกันมาในเวลาใกล้เคียงกันขนาดนี้
‘ขำอะไรครับ’ คนในสายเองก็แปลกใจ หรือเขาจะพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า
“คุณรู้มั้ย เมื่อกี้น้องสาวของคุณพูดอะไรกับฉัน” เธอถามออกไปขณะที่ปากบางก็ยังคลี่ยิ้ม
“พูดอะไรครับ”
“ก็พูดเหมือนคุณนั่นแหละค่ะ”
‘รู้สึกเขินจังเลยครับ’
“ไว้ถ้ามีโอกาสนะคะ”
‘แสดงว่าคุณยอมไปทานข้าวกับผมเหรอครับ’
“ค่ะ...ว้าย!!”
ปึก!!
ทันทีที่ใบเฟิร์นกำฃังหมุนตัวกลับเธอก็ชนกลับใครคนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าเขาจะตั้งใจเดินเข้ามาชนเธอ แก้วกาแฟที่อยู่ในมือของเธอจึงหล่นลงไปบนพื้น ทำให้หกเลอะเท้าของใบเฟิร์นและเขา เธอรีบเงยหน้ามองเขาทันที
‘เกิดอะไรขึ้นครับ’
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ” ใบเฟิร์นกดวางสายทันทีก่อนจะหันไปจ้องหน้าเขา
“มีอะไร” เมื่อเห็นว่าโดนมองหน้าเขาจึงเอ่ยปากถามออกไป
“คุณไม่รู้ตัวเลยเหรอคะ” เธอเลิกคิ้วถาม
“อะไร”
“อย่างน้อยคุณก็ควรขอโทษฉันสักคำ”
“เธอไม่ดูตาม้าตาเรือเอง มัวแต่คุยโทรศัพท์อยู่นั่นแหละ” ท่าทางไม่แยแสนั้นทำให้ใบเฟิร์นกัดฟันแน่น นิสัยแย่ชะมัด เธอทำได้แค่คิดในใจ
“ฉันยืนอยู่เฉย ๆ นะ เป็นคุณที่เดินมาชนฉันเอง”
“เธอกล้าพูดแบบนี้กับเจ้านายหรือไง” เขาก้มลงไปพูดให้เธอได้ยินชัด ๆ
“เจ้านาย?”