รถสปอร์ตสีเงินที่กำลังจอดอยู่ตรงฟุตบาทใกล้ประตูทางเข้าโรงเรียน เจ้าของรถยังคงนั่งอยู่ในรถ วันนี้เขาไม่ได้มารับหลานแต่ตั้งใจมาทำอย่างอื่น
เพียงเห็นเป้าหมายออกจากโรงเรียนไป เขาก็ขับรถตามออกไปช้า ๆ จนรถมาจอดตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนสาธารณะ
ใบเฟิร์นนั่งอุ้มลูกน้อยที่กำลังหลับอยู่บนตัก เธอค่อย ๆ หลับตาลงสูดดมกลิ่นอายของอากาศยามเย็น ทุกครั้งที่อยู่ในบรรยากาศที่เงียบสงบเธอกลับรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก
อยู่ ๆ ก็มีชายหนุ่มร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ เธอเงยหน้ามองเขา ถ้าจำไม่ผิดเธอเคยเจอผู้ชายคนนี้เมื่อหลายวันก่อน เธอเห็นเขาผ่าน ๆ ในบริษัทของเพื่อนสนิท แต่ทำไมครั้งนี้เธอกลับคุ้นหน้าเขาเหมือนเคยเจอมามากกว่าหนึ่งครั้ง
“มองอะไร”
“ปะ...เปล่าค่ะ” ใบเฟิร์นรีบก้มหน้าลงทันที
“ขยับไปหน่อย”
แม้จะแปลกใจแต่น้ำเสียงดุดันนั้นก็ทำให้เธอไม่กล้าถาม และยอมขยับตามที่เขาบอกอย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มนั่งลงเมื่อหญิงสาวขยับให้ ก่อนจะยกมือพาดไปตรงพนักพิงแล้วไขว่ห้าง เขาหันมองเธอจากด้านข้าง จมูกเล็กที่เชิดขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากสีแดงระเรื่อ ทำเขาเผลอมอง
“ไม่เจอกันนานเลยนะ” อเล็กซ์พูดขึ้น
ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นเธอหันไปจ้องมองใบหน้าของเขาอีกครั้ง เธอเริ่มขยับออกห่างจากเขาเรื่อย ๆ โดยที่ยังไม่ละสายตาไปไหน เธอจำเขาได้แล้ว เขาคือชายชั่วในคืนนั้น คนที่ทำให้เธอต้องฝันร้าย
“ตกใจอะไรขนาดนั้น” เขาขยับหน้าเข้ไปใกล้แล้วกระซิบถามเธอ
“คุณคงจำคนผิดแล้วล่ะค่ะ” เธอรีบหลบหน้าเขาทันที
“เธอคิดอย่างนั้นเหรอ ใบเฟิร์น”
ใบเฟิร์นลุกขึ้นจากม้านั่งทันที เพื่อจะรีบเดินออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด แต่แล้วอเล็กซ์ก็รีบลุกแล้วเดินมาขวางหน้าเธอไว้
“ขอทางหน่อยค่ะ” ใบเฟิร์นจะเดินเลี่ยงไปทางอื่น
“หนีแบบนี้แสดงว่าจำฉันได้งั้นสิ” เพราะเขามั่นใจว่าก่อนหน้านี้ใบเฟิร์นคงจะจำเขาไม่ได้เหมือนกัน
เพราะแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่พวกเขาเจอกัน ตอนนั้นเธอคิดแค่เรื่องหาทางหนีไปจากตรงนั้นโดยไม่ได้สนใจอย่างอื่น แม้แต่หน้าตาอันหล่อเหลาของเข้าเธอก็ไม่สนใจที่จะมอง ส่วนเขาเอาแต่ความเจ็บปวดเสียใจจากฝีมือของคนอื่นไปลงที่เธอ โดยไม่สนว่าเธอจะเจ็บปวดเพียงใด
“...”
“เด็กคนนี้...” เขาเอื้อมมือไปลูบหลังออกัส แต่ใบเฟิร์นก็พาเบี่ยงตัวหลบ อเล็กซ์จึงต้องดึงมือกลับ
“ทะ...ทำไมคะ” เธอเริ่มกลัว กลัวว่าเขาจะรู้อะไรมา
“ฉันเคยเจอ”
“...” ใบเฟิร์นก้าวถอยหลังช้า ๆ ยิ่งเป็นแบบนี้เธอยิ่งต้องอยู่ให้ห่างจากเขา
“จะรีบไปไหน เห็นฉันเป็นผีหรือไง ทำไมถึงได้ทำหน้าแบบนั้น”
“คุณตามฉันมาทำไม”
“แค่มาดูว่าใช่คนที่ฉันเคย...” เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้
“เพื่ออะไรคะ” เธอไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนี้ทำไม
“เปล้า!!” เขาตอบเสียงสูง “แค่อยากมาทวงของ”
“ของ?” เธอทวนคำของเขา
“นาฬิกาของฉัน”
“คุณยังไม่ได้คืนเหรอ” ใบเฟิร์นถามด้วยความแปลกใจ เพราะเธอมั่นใจว่าเขาต้องได้มันคืนไปตั้งนานแล้ว หรือทางร้านยังไม่ติดต่อเขามา
“แสดงว่าเธอเป็นคนเอาไป” เขาเดินเข้าไปใกล้พลางจับไหล่ของเธอ “ฉันจะแจ้งตำรวจจับขโมย ภาพจากกล้องวงจรปิดก็ยังอยู่”
“...” ใบเฟิร์นนิ่งไป เธอจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี เธอไม่ได้ตั้งใจจะหยิบของ ๆ เขาออกมา แต่เพราะคนที่ช่วยเธอออกมาบอกให้เธอนำมันติดตัวมาด้วย และบอกกับเธอว่าต้องหนีไปให้ไกลจากผู้ชายคนนี้ ไม่อย่างนั้นถ้าถูกเขาตามเจอเธอจะถูกเขากักขังไว้แบบนี้ไปตลอด
“ว่าไง เธอจะรับผิดชอบยังไง นาฬิกาเรือนนั้นมีมูลค่าสิบล้านนะ ไม่สิ...ตอนนี้ราคาน่าจะเพิ่มขึ้น”
ใบเฟิร์นทำหน้าตกใจ เธอรู้ว่านาฬิกาเรือนนั้นราคาแพง แต่ไม่คิดว่าราคามันจะสูงขนาดนี้
“ฉะ...ฉันจะนำมันมาคืนค่ะ คุณอย่าเพิ่งแจ้งความได้มั้ย” เธอเริ่มหวั่นใจว่าเขาจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ
“ฉันให้เวลาเธอหนึ่งอาทิตย์ นำนาฬิกามาคืนให้ได้ ด้วยตัวของเธอเอง”
“ค่ะ” ใบเฟิร์นรับปาก เพราะเธอแค่กลับไปที่ร้านแล้วนำมันกลับมาให้เขาด้วยตัวเอง
“ถ้าครบหนึ่งอาทิตย์แล้วยังไม่มีนาฬิกามาคืนฉัน เธอคงฉลาดพอที่จะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เขาทิ้งคำขู่ให้เธอ “เอาโทรศัพท์มา”
“คุณจะทำอะไร”
“เอามาน่า” เขาแบมือออกไป
ใบเฟิร์นเองก็ไม่มีทางเลือก เพราะหากขัดใจเขา เขาอาจจะแจ้งความจับเธอตอนนี้ก็ได้
“ติดต่อฉันมาเบอร์นี้”
“ค่ะ”
อเล็กซ์เดินออกจากตรงนั้นไปโดยทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้กับใบเฟิร์น นาฬิกาเรือนนั้นเธอเข้าใจว่าทางร้านคืนเขากลับไปแล้วด้วยซ้ำ เธอต้องกลับไปที่ร้านนั้นเพื่อถามหานาฬิกาอีกครั้ง
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาใบเฟิร์นเดินทางไปยังร้านรับจำนำที่เธอเคยนำนาฬิกาไปฝากไว้เมื่อหลายปีก่อน เธอมั่นใจว่าเธอส่งเงินจนครบแล้ว ทำไมนาฬิกายังไม่กลับคืนสู่เจ้าของ
“ขอโทษนะคะ” เธอเรียกพนักงานตรงเคาน์เตอร์
“มีอะไรให้ช่วยครับ”
ใบเฟิร์นบอกความประสงค์ของเธอไป แต่ปรากฏว่าทางร้านตอบกลับเธอมาว่า ได้ติดต่อกลับไปหาคนที่ใบเฟิร์นทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ให้แล้ว ตอนนั้นเธอได้เบอร์เขามาจากแม่บ้าน ซึ่งเขาก็ให้คนมารับไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน
ใบเฟิร์นออกจากร้านด้วยท่าทางงง ๆ ในเมื่อเขาให้คนมารับนาฬิกาไปแล้ว แล้วเขาจะมาทวงนาฬิกาจากเธอทำไมอีก
ปึก!!
“ขะ...ขอโทษค่ะ” ทันทีที่ไหล่กระแทกกับใครบางคนที่เดินสวนมา ใบเฟิร์นก็รีบหันกลับไปขอโทษเขา
“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มยกมือเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร
“พี่ใบเฟิร์น” หญิงสาวที่เดินมาพร้อมกับชายหนุ่มเอ่ยทักใบเฟิร์น ทั้งคู่ยิ้มให้กัน
“เพื่อนปอเหรอ” ชายหนุ่มหันไปถามน้องสาว
“เป็นพี่ที่บริษัทที่ปอฝึกงานอยู่” ปอลินบอกชายหนุ่ม “พี่ใบเฟิร์นคะ”
“คะ”
“นี่พี่ชายปอเองค่ะ ชื่อปกป้อง” เธอแนะนำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ใบเฟิร์นยิ้มอ่อน ๆ ให้เขาตามมารยาท
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณใบเฟิร์น”
ปอลินมองหน้าพี่ชายสลับกับมองหน้าใบเฟิร์น เธอรู้สึกพึงพอใจกับท่าทีของพี่ชายเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เธอเฝ้าคิดมาตลอดว่าจะทำยังไงให้สองคนนี้ได้เจอกัน ไม่คิดว่าโชคชะตาจะเข้าข้างเธอแบบนี้ เพราะแอบชื่นชมใบเฟิร์นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ เธอจึงอยากได้มาเป็นพี่สะใภ้
“พี่ใบเฟิร์นมาช็อปปิ้งเหรอคะ”
เพราะแถวนี้เป็นย่านการค้า มีห้างขนาดใหญ่มากมาย และวันหยุดแบบนี้เหมาะแก่การเดินช็อปปิ้งที่สุด
“เปล่าหรอก พี่แค่มาธุระน่ะ”
“จะเที่ยงแล้วทานอะไรหรือยังครับ”
“ยังเลยค่ะ” ใบเฟิร์นตอบออกไปตรง ๆ เธอเองก็รีบจนลืมดูเวลาไปเหมือนกัน
“งั้นผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารมือนี้ได้มั้ยครับ” ปกป้องเองก็ไม่อยากปล่อยโอกาสให้หลุดลอย เพราะเขารู้ว่าน้องสาวเชียร์อยู่
ก่อนหน้านี้ปอลินเคยกลับมาเกริ่นกับเขาเรื่องที่จะแนะนำหญิงสาวให้ พอมาเจอใบเฟิร์นเขาก็เลยคิดว่าคนที่น้องสาวจะแนะนำให้รู้จักต้องเป็นคนนี้แน่ ๆ
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีวันนี้ฉันมีธุระต่อค่ะ”
“เสียดายจังเลยนะครับ” เขาเสียดายจริง ๆ ตามที่พูด
“ขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ” เขาไม่อยากให้ใบเฟิร์นคิดมาก “ถ้าอย่างนั้นขอเบอร์ติดต่อได้มั้ยครับ เผื่อผมแวะไปส่งยัยปอ จะได้ชวนคุณออกมาเลี้ยงกาแฟสักแก้ว”
“เอ่อ...” เธอลังเล เพราะเหมือนจะรู้ว่าชายหนุ่มกำลังให้ความสนใจ ไม่อย่างนั้นจะไม่ขอเบอร์ติดต่อตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกันแบบนี้
“ไม่ต้องเกรงใจค่ะพี่เฟิร์น พี่ชายหนูกระเป๋าหนัก”
“ก็ได้ค่ะ” ใบเฟิร์นรับโทรศัพท์มจากปกป้องแล้วกดตัวเลขลงไปก่อนจะส่งคืน
ทันทีที่ปกป้องรับโทรศัพท์กลับไป โทรศัพท์ในกระเป๋าของใบเฟิร์นก็สั่น เธอจึงหยิบออกมาดู
“ทำไมโทรไม่ติดครับ” ปกป้อหงายหน้าจอโทรศัพท์ที่กำลังโทรออกหาใบเฟิร์นให้ดู
“พอดีมีสายเข้าค่ะ” เธอก้มมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองอีกครั้งก่อนจะหงายโทรศัพท์ใหปกป้องดู ซึ่งเป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้ “ขอตัวก่อนนะคะ”
ใบเฟิร์นก็ปลีกตัวออกมาพร้อมกดรับสาย เธอขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินประโยคแรกจากคนในสาย