-SOLO PART-
06.00 น.
~ครืนนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนน~
ในขณะที่ผมนอนหลับตาลงเพื่อข่มอารมณ์ของตัวเองเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์บวกกับความแค้นของผมทำให้ผมทำรุนแรงกับเธอได้ขนาดนี้ สังเกตจากรอยแดงตามลำคอ ไล่ลงมายังลำตัวและแขนเรียว บริเวณครึ่งการสาวของเธอยิ่งไม่ต้องพูดถึงระบมจนแดงไปหมด ผมคลั่งเกินไปหว่ะเธอหมดสติไปแล้วผมก็ยังไม่หยุด ระบายใส่เธอไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจากโต๊ะเล็กๆ บริเวณหัวเตียงของผม ผมจึงพลิกตัวและจับหัวคนตัวเล็กที่นอนหนุนแขนผมอยู่ให้ไปนอนหนุนยังหมอนดีๆ อย่างเบามือ เพราะกลัวว่ายัยตัวเล็กที่กำลังนอนหลับจะตื่นขึ้นมา
“อืออออ” เสียงยัยตัวเล็กครางออกมาอย่างแผ่วเบา ราวกับว่ากำลังจะถูกกวนให้ตื่นจากห้วงนิทรา
-Marcus-
แกร่ก!! แกร่ก!!
ติ๊ด!
ผมเดินออกไปยังระเบียงหลังห้องก่อนที่จะกดรับสายทันที ผมมั่นใจได้เลยว่าถ้ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญ อย่างไอ้มาร์คัสไม่มีทางโทรหาผมเวลานี้เเน่นอน
(โซโล่เพื่อนรักมึงทำอะไรอยู่ครับ) น้ำเสียงที่กวนบาทาดังออกมาจากปลายสาย
“ไอ้เชี้ยมาร์คัส! มึงโทรมาถามกูแค่นี้” ความมั่นใจในตอนแรกของผมเริ่งเปลี่ยนเป็นความไม่มั่นใจขึ้นมาทันที
(ก็กูคิดถึง) คำที่ชวนจะอ้วกพี่เปล่งออกมาจากปากมันแต่ละทำให้ผมหมดคำจะพูดกับมันจริงๆ
“สัส!!!”
(ทำไม...มึงกำลังเผด็จศึกอยู่รึไงวะ ฮ่าฮ่าฮ่า) ทำพูดที่สู่รู้ของมัน น่ามั่นไส้จริงๆ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาเล่นปะวะ
“เสือก!!!”
(มึงต้องโมโหขนาดนี้เลย กูเตือนมึงไปแล้วนะไอ้โซ)
“เข้าเรื่องมึงมา...ไม่งั้นกูว่าง”
(เออๆ มึงก็ระวังตัวนะเว้ย ไอ้โจเซฟมันหมาลอกกัด คนหนุนหลังมันต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ มันถึงได้กล้าถล่มคลังสิ้นค้าของมึงขนาดนี้ กูกำลังให้คนของกูสืบอยู่ เตรียมตัวให้พร้อมงานนี้เรามันแน่) ปลายสายพูดออกมาเสียงเรียบต่างจากเมื่อกี้
“เออ!!! แค่นี้"
(น้องข้าวตูหลับอ่อวะ...ถึงคุยนานไม่ได้)
"สัส!!!" มีขี้เกรียจฟังมันจึงชิงวางสายไปก่อน
ติ๊ด!
ไอ้โจเซฟมันเป็นคู่แข่งทางธุรกิจของพวกผม ที่ไอ้มาร์คัสมันเตือนผมก็เพราะว่าปกติคนอย่างมันไม่กล้าที่จะทำเรื่องพวกนี้หรอกอย่างมากมันก็เป็นได้แค่หมาลอบกัด คนของผมเล็กๆน้อยๆ แต่ว่าครั้งนี้มันไม่ใช่ แสดงว่าจะต้องมีคนอยู่เบื้องหลังมันแน่นอน
“หึ” ต่อให้พวกมันจะเป็นใครหน้าไหนพวกมันก็จะต้องพังพินาศด้วยน้ำมือของผมอยู่ดี อย่างที่ผมเคยบอกผมมีธุรกิจเทาๆ ที่ทำร่วมกันกับเพื่อนด้วยธุรกิจนั้นก็คือ ‘ค้าอาวุธสงครามข้ามชายแดน’ มันเป็นเพียงธุรกิจเดียวที่ผิดกฎหมายที่พวกผมทำนอกนั้นเป็นงานถูกกฎหมายทั้งหมด
แกร่ก!!! แกร่ก!!!
ผมเลื่อนประตูเปิดก่อนที่จะเลื่อนมันปิดไว้อย่างเก่า ก่อนที่ผมจะเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงยืนดูยัยตัวเล็กที่นอนหลับตาพริมอยู่บนเตียง ตอนที่เธอนอนนิ่งแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน
“...”
ผมเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำเพื่อที่จะออกไปจัดการกับไอ้พวกหมาลอบกัด ผมออกมาจากห้องลงมาตามบันไดก่อนที่จะไปนั่งที่ห้องรับแขกเพื่ออ่านรายละเอียดความเสียหายที่เกิดขึ้น ที่พวกมันได้ทำไว้ ‘กูจะคิดบัญชีกับพวกมึงให้หมดทุกตัว’ ก่อนที่ผมจะออกจากบ้านผมก็นึกขึ้นได้ว่า
“ไอ้ทิม! ไปตามป้ากุลมา” ผมเรียกไอ้ทิมมือขวาของผมเสียงเรียบ ก่อนจะออกคำสั่งให้มันไปทำ
“ครับนาย”
“เรียงหาป้าหรอคะนายใหญ่” ป้ากุลเธอเดินเข้ามาในห้องรับแขก ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของผม
“เตรียมข้าวต้มกุ้งไปให้ข้าวตูที่ห้อง” ผมเอ่ยบอกป้ากุลแกออกไป
ผมไม่ได้เป็นห่วงหรอกนะ ผมแค่กลัวว่ายัยตัวเล็กที่บอกบางแบบนั้นจะมาตายที่บ้านของผมแค่ก็นั้น
“ได้ค่ะ”
“มีอะไรก็ไปทำเถอะครับ”
“…” เมื่อป้ากุลแกเดินออกไป ผมก็หันไปเห็นไอ้ทิมมัน
“มึงยิ้มเชี้ยไร” ไอ้ทิมอยู่กับผมมานานมาก จนมันแทบจะเป็นเพื่อนตายของผมอีกคนได้เลย นี่เป็นครั้งที่แรกที่ผมเห็นมันยิ้ม...
“มึงอย่างตาย?”
“ไม่ครับนาย”
09.00 น.
“เพื่อนแพงไปดูหนูข้าวซลูกสายแล้วยังไม่เห็นลงมาเลย แล้วเอาข้าวต้มไปเสริฟให้พี่เขาด้วย” เสียงพิกุลเอ่ยบอกกับหลานสาวของเธอทั้งสองคน ก่อนที่เธอจะลงมือล้างผลไม้ในตะกร้าตรงหน้าของเธอต่อ
“จ่ะป้า/จ้าป้า” ทั้งสองขานรับป้าของพวกเธอ ก่อนจะเดินไปเตรียมของตามที่ผู้เป็นป้าสั่ง
เพื่อนกับแพงเดินขึ้นไปยังชั้นสองของฝั่งตะวันออกของบ้าน ก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูบานเล็ก
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“พี่ข้าว พี่ข้าวคะ…” เพื่อนเอ่ยเรียกข้าวตู แต่ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมาจากในห้องเลย
“…”
“พี่ข้าวเพื่อนกับแพงขออนุญาตเข้าไปนะคะ” แพงเป็นคนพูดออกมา ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป
“…”
-KAOTU PART-
ฉันมองเหม่อออกไปนอกระเบียงมาสักพักแล้วหลังการที่ฉันอาบน้ำเสร็จ ตอนนี้ต่อให้วิวข้างนอกจะสวยแค่ไหน มันก็ยังไม่สามารถทำให้ฉันอยากมองมันได้เลย เพราะตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออกเลยว่าตัวเองจะต้องทำอะไรก่อนดี ฉันไม่รู้ว่าฉันจะสู้หน้าแม่ยังไง ไหนจะพี่ข้าวปั้นอีก ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขาโกรธอะไรพี่ชายของฉันแต่สิ่งที่เขาทำกับฉันมันเกินกว่าที่ฉันจะรับได้ ฉันอยากจะรู้แค่ว่าเขาทำกับฉันแบบนี้ทำไม เพราะเขาแค้นพี่ปั้น แล้วพี่ปั้นไปทำอะไรให้เขารู้สึกแค้นขนาดนี้ คำถามเกิดขึ้นมากมายภายในหัวของฉัน เป็นคำถามที่ฉันทำได้เพียงแค่ถามตัวเอง เพราะถึงยังไงฉันก็ไม่คิดจะถามผู้ชายใจร้ายคนนั้นออกไปอยู่แล้ว
แอ๊ดดดด....
ควับ!!! ฉันรีบหันไปมองทันทีที่ประตูห้องเปิดด้วยความตกใจ
“พี่ข้าวค่ะ ขอโทษนะคะพอดีพวกเราเรียกแล้วค่ะ แต่พี่ข้าวไม่ตอบพวกเราก็เลยเข้ามา” แพงรีบบอกพร้อมกับขอโทษฉันคงกลัวว่าจะโดนดุ
“ไม่เป็นไรจ้ะ พี่ไม่ได้ยินเอง” ฉันรีบตอบพวกเธอออกไป พร้อมกับส่งยิ้มจางๆ ก่อนที่พวกเธอจะรู้สึกผิดไปมากกว่านี้
“ข้าวต้มค่ะ...” เธอพูดพร้อมกับยื่นถาดข้าวต้มมาให้ฉัน ฉันจึงรีบรับมันไว้
“ขอบใจค่ะ” ฉันกล่าวขอบคุณเธอทั้งสองออกไปด้วยรอยยิ้ม
“พะ...พี่ข้าว” เธอทำหน้าตกใจที่เห็นร่องรอยตามตัวฉัน...
“…” ฉันเงียบไม่ตอบพวกเธอ
“พี่ขออยู่คนเดียวนะ” ฉันเอ่ยบอกกับพวกเธอไป ตอนนี้แม้แต่หน้าพวกเธอฉันยังไม่กล้าที่จะมองเลย
“ค่ะ...พี่ข้าวมีอะไรก็เรียกพวกหนูได้เลยนะคะ”
“ขอบใจจ่ะ”
แอ๊ด! ปึง!
...
ฉันพยายามบอกกับตัวเองตลอด ‘อะไรที่ผ่านไปแล้วเรากลับไปแก้ไขอะไรมันไม่ได้อีกแล้ว’ แต่เอาเข้าจริงพอมันเกิดมาจริงๆ มันก็ยากมากที่คนอย่างฉันจะผ่านเรื่องนี้ไปได้
~ครืนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนน~
"แม่..."
‘จะทำยังไงดีข้าวตู...คิดสิ คิด’ ต่อให้ฉันมีเรื่องทุกมากแค่ไหน ฉันก็ยังไม่อยากบอกให้แม่รู้ตอนนี้ สิ่งที่ฉันต้องทำก็คือ ต้องปรับอารมณ์ และทำตัวเองตอนนี้ให้เหมือนเดิมที่สุดเท่าที่จะทำได้
ติ๊ด!
“ค่าแม่...” ฉันเอ่ยทักแม่เสียงยาว พร้อมกับมือที่จิกลงกับผ้าห่มผืนหนาอย่างข่มน้ำตาของตัวเองเอาไว้
(ไม่โทรหาเลยนะลูกสาวคนสวยของแม่ เป็นอะไรรึป่าว สบายดีไหมจ๊ะ)
“ข้าวสบายดีค่ะ ข้าวคิดถึงแม่มากเลยนะคะ” ฉันทำได้แต่ตอบแม่ไปพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอ
(แม่ก็คิดถึงหนู…แค่หนูรับสายแม่ก็สบายใจแล้ว ตั้งใจทำงานนะลูกเดี๋ยวแม่ไปทำขนมต่อค่ะ)
“ค่ะแม่”
(แม่รักหนูนะ)
“หนูก็รักแม่ค่ะ”
ติ๊ดดดดด!!!
“ฮืออออ...” พอแม่ว่างสายไปน้ำตาของฉันก็ไหลออกมา เพราะความเจ็บปวด และความรู้สึกต่างๆ ที่ตีกันอยู่ในหัวของฉันตอนนี้ฉันไม่รู้เลยว่าจะต้องจัดการกับอะไรก่อนดี
14.00 น.
ฉันเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ฉันมารู้สึกตัวอีกทีก็...
แอ๊ด! ปัง!
ผู้ชายใจร้ายคนนั้นกลับมาแล้วสินะ เสียงปิดประตูเสียงดังขนาดนี้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นแหละที่ทำได้
“เธอ!” เขาตะคอกเรียกฉันก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ จากนั้นเขาก็จับฉันลุกขึ้นนั่ง ทั้งๆ ที่ฉันยังลืมตาได้ไม่เต็มตา ทำให้ฉันเวียนหัวขึ้นมาทันที
“ทำไมไม่กินข้าว”
“…” ฉันได้แต่มองหน้าเขา กับคนอื่นฉันอาจจะไม่กล้าสู้หน้ากับพวกเขา แต่กับผู้ชายตรงหน้าคนนี้มันไม่ใช่ เขาทำร้ายฉัน ฉันอ้อนวอลขอความเมตตาจากเขา เขาก็ไม่เคยรับฟัง ต่อให้ตอนนี้ฉันจะกลัวเขามากแค่ไหน แต่สิ่งที่เขาทำกับฉันมันยิ่งทำให้ฉันอยากที่จะจำหน้าเขาไว้ จำไว้ให้แม่นๆ
“อยากตายรึไงวะ” เขาตะคอกถามฉันอีกครั้ง
“ทะ...ทำไมคะ”
"หึ..."
“...เพราะพี่ของมึงไง” เขาตะคอกใส่ฉันพร้อมกับจ้องหน้าฉัน แววตาของเขาตอนนี้มันเต็มไปด้วยความแค้นสินะ...
“แล้วฉันทำอะไรผิด” ฉันได้แต่ถามเขาไป
“…”
“แค่เพราะฉันเป็นน้องพี่ข้าวปั้นหรอค่ะ”
“…” เขายังคงเงียบไม่ตอบอะไรฉันกลับมาสักคำ
“คุณเป็นคนบอกเองว่าพี่ปั้นไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย”
“…”
“แล้วสิ่งที่คุณทำกับฉันมันเป็นสิ่งที่ลูกผู้ชายควรจะทำหรอค่ะ?”
“…”
แอ๊ด! ปัง!
เขาไม่ตอบอะไรฉันกลับมาเลยแม้แต่คำเดียว ก่อนที่เขาจะเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูเสียงดั’
เพล้งงง! เสียงแจกันที่อยู่หน้าห้องตกกระทบพื้นอย่างแรง
“เฮ้ย” ฉันถอนหายใจออกมา เขาเป็นคนอารมณ์ร้อน แล้วชอบทำลายข้าวของแบบนี้ตลอดเลยหรือไงนะ
@โรงพยาบาล SE"พี่มาร์คัส พี่นักรบคะ เขาเป็นยังไงบ้าง?" ฉันถามพี่มาร์คัสกับพี่นักรบออกไปทันทีที่ฉันเดินมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน"ทำใจดีๆไว้นะข้าว" พี่นักรับเอ่ยบอกกับฉันพร้อมสีหน้าที่ไม่สู้ดีเอาสะเลย"ฮึก ฮืออออ ไม่จริงเขาต้องไม่เป็นอะไร" ฉันเอ่ยบอกกับพี่นักรบพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย"ข้าวตู..." พี่มาร์คัสเอ่ยเรียกฉันเสียงอ่อน ก่อนที่มือหนาจะลูบลงที่บ่าของฉันอย่างปลอบประโลม"ฮึก มะ ไม่จริงใช่ไหมค่ะ" ฉันเอ่ยถามพวกเขาออกไปอีกครั้ง หัวใจสั่นระรัวเหมือนกับว่ามันกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว"ถ้าข้าวเป็นห่วงมันขนาดนี้ทำไมไม่ให้อภัยมันสักที?" พี่มาร์คัสเอ่ยถามฉันขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างรอคำตอบ"คะ ใครบอกว่าหนูไม่ให้โอกาสเขาล่ะคะ" ฉันเอ่ยบอกกับพี่มาร์คัสออกไปพร้อมกับน้ำตาที่ยังคงไหนออกมา"...""หนูให้โอกาสเขาตั้งนานแล..." ฉันยังไม่ทันพูดจบพี่นักรบก็เอ่ยแทรกขึ้นมา"ได้ยินชัดแล้วนะมึง" พี่นักเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองเลยไปที่ด้านหลังของฉัน อย่าบอกนะว่าเขายืนอยู่ข้างหลังฉันควับ!!! ฉันรีบหันกลับไปมองเขาทันทีที่พี่นักรบพูดจบ"ฮืออออ พี่โซโล่..." ฉันเอ่ยเรียกเขาก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดเขาไว้ทันทีราว
3 ปีก่อน...ติ๊งงงงง!!! ติ๊งงงงง!!! ติ๊งงงงง!!! ติ๊งงงงง!!!'ใครอะ?' ข้อความในมือถือของจีน่าดังเขามารัวๆ ข้อความถูกส่งมาโดยคนที่เธอไม่รู้จัดเธอจึงกดเข้าไปดูแล้วกูพบว่ามันเป็นรูปข้าวปั้นแฟนหนุ่มของเธอกับนุ่นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังนอนกอดกำลังนอนกอดกันอยู่ในสภาพที่ทั้งคู่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้น รวมถึงสภาพห้องที่ดูแล้วราวกับว่าพึ่งจะผ่านศึกสงครามมา จีน่าเธอยืนดูภาพตรงหน้านิ่งเพราะเธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าภาพตรงหน้าจะเป็นเรื่องจริง แต่ต่อให้พยายามหาเหตุผมที่จะมาลบล้างภาพตรงหน้าสักเท่าไรมันก็ไม่หายไปสักทีจนกระทั่งกรี๊ดดดดดดดด ฮือออออออจีน่ากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดที่ตอนนี้มันไม่สามารถระบายเป็นความเจ็บปวดได้ทั้งแฟนที่เธอรักและเพื่อนที่เธอสนิทด้วยทั้งคู่กำลังสวมเขาให้เธอจริงๆนะหรอ?ฮึกกกก ฮืออออออจีน่าพยายามโทรหาข้าวปั้นแต่โทรเท่าไรก็โทรไม่ติดสักที เธอจึงเลือกส่งข้อความไปแทน'มันเป็นเรื่องจริงหรอปั้น?' จีน่าส่งรูปที่มีบุคคลที่สามส่งมาให้เธอให้กับข้าวปั้นพร้อมกับพิมพ์ถามเขาออกไป'ปั้น''อ่านแล้วก็ตอบเล่าสิอย่าเงียบได้ไหม'ฮืออออออออ'ปั้นทำมันลงไปจริงหรอ' ยิ่งข้าวปั้นอ่านแล้วไม่ตอบมัน
-SOLO PART-@บ้านข้าวตูผมขับรถสปอร์ตหรูของตัวเองเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของข้าวตู ผมไม่รู้ว่าแม่ของข้าวตูเธอรู้เรื่องของผมมากน้อยแค่ไหนแต่สิ่งที่ตอนนี้ผมควรจะทำมากที่สุดคือเล่าความเลวของตัวเองที่ได้กระทำไว้กับข้าวตู ให้แม่ของเธอได้รับรู้จากปากของผมเอง ผมไม่ได้คาดหวังว่าท่านจะให้อภัยผม เพราะถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับลูกของผม ผมก็คงไม่ให้อภัยใครง่ายๆ เหมือนกัน แต่อย่างน้อยผมก็อยากจะขอโอกาสอีกครั้งเพื่อปรับปรุงตัวเองกริ๊ง!!! กริ๊ง!!!ผมเดินลงจากรถและไปกดกริ๊งหน้าบ้านของข้าวตู รอไม่นานแม่ของข้าวตูเธอก็เดินตรงมาหาผม"คุณมาทำไมคะ" เธอเอ่ยถามทันทีที่เธอเห็นว่าคนที่มาเป็นผม ท่าทีเธอดูนิ่งจนผมเริ่มจะแปลกใจ"สวัสดีคับ ผมขอเข้าไปข้างไนได้ไหม?" ผมกล่าวทักทายแม่ข้าวตูด้วยถ่อยคำที่สุภาพ"เชิญค่ะ""ขอบคุณครับ" พูดจบผมจึงเดินตามแม่ข้าวตูเข้าไปในบ้านของเธอ"นั่งก่อนค่ะเดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้""ไม่เป็นไรครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณแม่""ค่ะ!!!" เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ ทำให้ผมไปไม่เป็นเลยทีนี้ผมว่าผมเรียกเธอว่าแม่ก็ถูกแล้วก็เธอเป็นแม่ของเมียผมนิ"เอ่อ...ผมขอโทษนะครับเรื่องที่ผมทำร้ายข้าวตู" ผมเอ่ยขอโทษแม่ขอ
"ปั้น" เสียงของจีน่าเอ่ยเรียกแฟนหนุ่มของเธอที่กำลังเดินอยู่ข้างๆ"ครับ" ข้าวปั้นหยุดเดิน ก่อนจะขานรับคำจีน่าพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ"ปั้นไม่โกรธโซเลยหรอ?" จีน่าเอ่ยถามข้าวปั้นออกไปด้วยความสงสัย เพราะนอกจากวันนั้นที่พวกเขาทะเลาะกันที่บ้านของข้าวปั้นแล้ว เขาก็ไม่ได้แสดงทีท่าว่าโกรธเคืองโซโล่ออกมาอีก"โกรธสิ! เราอยากจะบีบคอมันให้ตายคามือ" ข้าวปั้นเอ่ยตอบจีน่าออกมาเสียงเรียบ"...""แต่เราไม่ทำหรอ เดี๋ยวเวณกรรมก็ตามมันเองเรารู้จักน้องเราดีถึงภายนอกข้าวตูจะดูเป็นคนอ่อนแอก็เถอะ""หมายความว่า...ปั้นรู้?" จีน่าเอ่ยถามข้าวปั้นออกไปทั้งๆที่เธอก็พอจะรู้คำตอบอยู่บ้างแล้วจากคำพูดของเขาเมื่อกี้"เรารู้มานานแล้วว่าไอ้โซชอบข้าว" ข้าวปั้นตอบจีน่ากลับไป"ปั้นผิดแล้ว..." จีน่าตอบข้าวปั้นออกไปด้วยรอยยิ้ม"หืม แต่เราเห็นว่ามันสั่งให้ลูกน้องของมันเอาตุ๊กตามาให้ข้าวเมื่อหลายปีก่อนนะ" ข้าวปั้นตอบจีน่ากลับไปด้วยความงุนงง มันจะผิดไปได้ไงในเมื่อวันเกินข้าวตูเมื่อ 8 ปีก่อนหลังเลิกเรียนเขาเดินกลับมาบ้านก็เห็นว่ามันยืนหลบอยู่ใต้ต้นไม้วางแผลกับลูกน้องของมันเพื่อที่จะนำตุ๊กตามาให้ข้าวตู ทุกอยากอยู่ในสายตาของเขาหมด รวม
-KAOTU PART-"จอดรถเถอะนุ่นปล่อยข้าวตูไป น้องไม่เกี่ยวอะไรด้วย" เสียงของผู้หญิงที่ชื่อจีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนคนข้างๆ"เป็นห่วงกันจริงๆเลยน้องผัวเนี่ย อ้อไม่สิหรือต้องเรียกว่าพี่สะใภ้กันนะถึงจะถูก" ฉันอึ้งไปกับคำพูดของผู้หญิงตรงหน้า 'หมายความว่าเธอคนนี้ที่ชื่อจีน่า เธอเป็นน้องสาวของผู้ชายใจร้ายคนนั้น และเธอก็เป็นแฟนเก่าของพี่ปั้นพี่ชายของฉันงั้นหรอ' ฉันพูดกับตัวเองอยู่ภายในใจพร้อมกับมองไปที่คุณจีน่าไปด้วยความงุนงง ทำไมความสัมพันธ์มันซับซ้อนจัง"หยุดเถอะนุ่น" คุณจีน่าพูดเสียงเเข็ง ตอนนี้สีหน้า ท่าทางของเธอดูเหมือนกับพี่ชายของเธอไม่มีผิดทั้งท่าทีที่ดูน่าเกรงขามและน้ำเสียงเรียบนิ่งนั้นฉันว่า 'บรรยากาศบนรถมันเริ่มจะไม่ปลอดภัยแล้วสิ' คิดได้ดังนั้นฉันจึงขยับตัวเองไปนั่งติดกับที่พิงด้านหลัง แล้วมือทั้งสองข้างฉันจับเบาะรถไว้เเน่น ฉันไม่ได้ห่วงตัวเองเลยสักนิดแต่ฉันเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กในท้องฉันต่างหาก"กูไม่หยุด มึงจะสนมันทำไมมึงไม่เกลียดพี่มันแล้วหรอ" เธอตวาดคุณจีเสียงดัง"ฉันไม่มีทางเกลียดปั้น" คุณจีก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นกัน"..." ฉันนั่งฟังที่เขาคุยกันอย่างเงียบๆ เพราะเรื่อง
17.00 น."ข้าวตู ข้าว" ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงพี่ปั้นที่เรียกฉันดังมาจากหน้าห้องนอนของฉัน"ค่า..." ฉันขานรับพี่ปั้นกลับไปก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างช้าๆ"ลงไปกินข้าวกัน""โอเครค่ะ เดี๋ยวหนูตามลงไปนะ" ฉันตอบพี่ปั้นกลับไปก่อนจะเดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วจึงเดินลงไปด้านล่าง"ฮืมมม หอมจังเลยค่ะแม่" ฉันเอ่ยบอกกับออกไป"งั้นหนูต้องกินเยอะๆนะลูก" แม่เอ่ยบอกกับฉันก่อนจะเดินเข้ามาลูบหัวของฉันอย่างทะนุถนอม"กำไลใครหรอข้าว?" เรานั่งกินอาหารกันไปได้สักพักพี่ปั้นก็เอ่ยถามฉันพร้อมกับมองดูกำไลที่ข้อมือของฉันอย่างสงสัย"ข้าวก็ไม่รู้ค่ะ มีคนมาส่งตุ๊กตามาให้ข้าวอีกแล้วค่ะ และในนั้นก็มีกำไลนี้มาด้วยข้าวพยายามแกะออกแล้วนะ แต่ทำยังไงมันก็ไม่ออกสักที" ฉันอธิบายให้แม่กับพี่ปั้นฟัง"งั้นเดี๋ยวเราไปดูที่กล่องว่าเขาซื้อมาจากที่ไหน แล้วถ้าวันไหนว่างพี่จะพาไปเอาออก" พี่ปั้นเอ่ยบอกกับฉัน ก่อนที่ลงมือทานอาหารตรงหน้าต่ออย่างเอร็ดอร่อย นานแล้วที่เราสามคนแม่ลูกไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ ทำให้อาหารมื้อนี้ยาวนานกว่าที่เคย แถมฉันก็ยังเจริญอาหารมากกว่าทุกครั้งอีกด้วย3 วันต่อมา...