บ้านรองโจว
‘ถุย! นังสะใภ้อกตัญญู ออกมาไปทำงานเดี๋ยวนี้นะ!’ เสียงนางหลี่ซื่อ แม่เลี้ยงของสามีดังขึ้น
‘คุณย่าคะ แม่ฉันเพิ่งแท้งน้อง ให้คุณแม่พักเถอะนะคะ ฮือๆๆ’ เสียงโจวเอ้อร์นีลูกสาวคนโตของเธอร้อง ทำให้เหอเสี่ยวหงรู้สึกตัวทันที
ตุ้บ ตุ้บ
‘คุณแม่! อย่าตีหลานเลยนะคะ ฮือออ สะใภ้รองเพิ่งแท้งลูก คุณแม่อย่าใจร้ายกับหล่อนเลย’
‘หน๊อยย เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ!’
‘เกิดอะไรขึ้น!!’
‘น้องสามี!’ ‘โจวมี่!’ ‘คุณอาเล็ก!!’
ภายในห้อง
เสียงวุ่นวายข้างนอกทำให้เหอเสี่ยวหงลืมตาขึ้นมองทันที เมื่อมองไปรอบๆก็เห็นลูกสาวอีกสามคนซุกตัวอยู่ข้างๆเตียงเตาของเธอ ตรงกันมีลูกสาวของสะใภ้ใหญ่เหอหรงหรงหรือก็คือลูกพี่ลูกน้องของเธอเอง
เหอเสี่ยวหงยิ้มทันที! หล่อนได้กลับมาหาลูกๆของหล่อนแล้ว! เหอเสี่ยวหงค่อยๆเอามือประกบท้องทันทีที่พยายามลุกขึ้นเพราะหล่อนเพิ่งแท้งลูกจึงทำให้เจ็บท้อง
“ซะ...ซานนี” เหอเสี่ยวหงเอ่ยเรียกลูกสาวคนรองที่กำลังนั่งกอดน้องสาวอีกสองคน
“แม่!” โจวซานนีตะโกนทันทีที่เห็นแม่ของหล่อนตื่น
นอกห้อง
“ลูกสาวสามมาที่นี่มีอะไรหรอจ๊ะ” นางหลี่ซื่อเอ่ยถาม
ที่นางหลี่ซื่อพูดดีกับโจวมี่ก็เพราะหล่อนยังมีประโยชน์ต่อพวกนางยังไงละ!
โจวมี่ทำงานในโรงงานเย็บผ้า เงินเดือนเดือนละ 18 หยวน ส่งมาที่บ้านเดือนละ 3 หยวน บางทีก็จะส่งนม เนื้อหมู ไข่ มาให้ หล่อนจึงพูดดีด้วย
“ฉันหย่ากับสามีแล้วน่ะค่ะ เลยกลับมา”
โจวมี่เอ่ยเสียงเบา เพราะหล่อนก็รู้ว่าแม่เลี้ยงคนใหม่ทำดีกับหล่อนเพราะอะไร แต่เพราะหล่อนไม่มีทางเลือก หล่อนที่เพิ่งหย่ากับสามีจึงได้พาลูกสาวคนโต
ที่อายุ 6 ขวบ และลูกสาวคนเล็กอีกไม่กี่อาทิตย์จะ 2 เดือน กลับบ้านเดิมของหล่อน
ที่จริงแล้วไม่มีใครกล้าหย่าหรอก หากเพราะหล่อนไม่มีลูกชายให้ทางบ้านสามีเพราะแต่งเข้าไป 6-7 ปีแล้ว มีแค่ลูกสาว 2 คน จึงถูกบังคับหย่า เพราะพี่ชายคนโตที่เป็นทหารได้รับบาดเจ็บยังไม่ทันได้กลับมาบ้าน พี่ชายคนรองที่ถูกส่งตัวไปทำงานที่มณฑลอื่นอีก จึงทำให้บ้านหลี่ไม่เกรงกลัวบ้านเดิมของหล่อน
สามีของหล่อนมีความสัมพันธ์ลับๆกับลูกสาวหัวหน้าแผนกของนาง! ทำให้นางไม่มีทางเลือกจึงเซ็นใบหย่า หากนางอยู่ในบ้านหลี่ต่อแล้วถูกไล่ออกจากที่ทำงานมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ!
“อะไรนะ! แล้วแกจะกลับมาทำไม!!” นางหลี่ซือตกใจ
เพราะปกติเวลาลูกสามคนที่สามของสามีกลับบ้านเดิมก็ไม่ค่อยได้เอาอะไรมา และมาแปปเดียวก็กลับไม่ได้พาลูกสาวมาด้วยหล่อนจึงถาม
“แม่ แต่นี้บ้านเดิมฉันนะ” โจวมี่ตอบ
“ไม่ได้!! แกจะไปอยู่ไหนก็ไปเลยนะ! บ้านนี้น้องชายสี่ของแกเป็นเจ้าบ้าน! หลานสาวแกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนที่ป้าหย่ากับสามีแล้วกับบ้านเดิม!!” นางหลี่ซือไม่ยอม
หากพ่อโจวยังอยู่อย่าคิดเลยว่านางหลี่ซือจะมีอำนาจขนาดนี้ในบ้าน!
เดิมทีพ่อโจวเป็นลูกชายคนที่สองของครอบครัวโจว พ่อโจวมีลูกชายทั้งหมด 3 คน ลูกสาว 1 คน มีลูกกับภรรยาคนแรก 3 คน คือ
ลูกชายคนโต โจวจือหยวน ปีนี้อายุ 29 ปี เป็นทหาร แต่งงานแล้วมีลูกสาว 3 คน
ลูกชายคนรอง โจวเหวินหลง ปีนี้อายุ 26 ปี เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงงานเย็บผ้าที่โจวมี่ทำงานอยู่ แต่งงานแล้วมีลูกสาว 4 คน
ลูกสาวคนที่สาม ลูกสาวคนเดียวคือโจวมี่ อายุ 23 ปี หล่อนทำงานในโรงงานเย็บผ้าและแต่งออกไปแล้ว 7 ปีก่อน
คนสุดท้ายคือลูกชายของนางหลี่ซือ ชื่อ โจวกว่าง แต่งงานแล้วมี ลูกสาว 1 คน ลูกชาย 2 คน
นางหลี่ซือเป็นลูกสาวของพี่ชายของแม่คุณพ่อโจว หรือก็คือ นางกับสามีเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน!! ตอนสามีอยู่ นางก็มีอำนาจแต่มันไม่เหมือนตอนนี้ แต่ก่อนลูกสะใภ้ทั้งสองไม่ต้องลงแปลงนา มีแต่นางกับสามีที่ต้องลง นางเครียดแค้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้จึงต้องไปบอกแม่สามีเพราะแม่สามีคิดมาตลอดว่าที่ได้แต่งงานกับพ่อของพ่อโจวก็เพราะพี่ชายของนาง! จึงไม่กล้าขัดใจหลานสาวที่เป็นลูกสะใภ้ในตอนนี้ ทำให้นางไม่ต้องลงแปลงนา
เมื่อสองเดือนก่อนพ่อโจวป่วยและจากไปทำให้ชีวิตของสองสะใภ้และลูกสาวเปลี่ยนไป! เพราะโจวจือหยวนที่บาดเจ็บไม่รู้จะได้กลับมาตอนไหน กับ โจวเหวินหลงที่ถูกย้ายไปทำงานมณฑลอื่นไม่ส่งเงินกลับมา!
จากแผ่นแป้งที่ได้กินวันละ 3-4 แผ่น ตอนนี้ได้กินวันละแผ่น อย่าพูดถึงไข่ที่ได้กินอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ก็ไม่ได้กิน! ต้องลงแปลงนา ซักผ้า ล้างจ้าน ทำอาหารให้นางหลี่ซือกับบ้านสามนั่งกินนอนกิน!
ทำไมสองสะใภ้ไม่ไปบอกย่าโจว? ก็เพราะยิ่งไปบอกยิ่งไม่ได้กินอะไรเลยนะสิ! ย่าโจวตามใจลูกสะใภ้คนนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไหนเลยจะฟังหลานสะใภ้ที่เจอกันแค่ช่วงมีเทศกาล!!
ยิ่งบ้านใหญ่ บ้านรอง มีแต่หลานสาวให้ ไหนเลยจะดีกว่าบ้านสามที่มีลูกชายสองคน!!
“ถ้าพี่ชายฉันอยู่ แม่คิดว่าจะเป็นยังไงคะ!” โจวมี่เริ่มมีปากเสียง
ตอนที่พี่ชายอยู่แม่เลี้ยงคนนี้แทบจะอุ้มนางเดินไปไหนมาไหนด้วย พอพี่ชายไม่อยู่กลับไล่นางออกจากบ้าน หลานสาวของหล่อนเพิ่งจะ 2 ขวบ กว่าจะโต จะมีใครจะจำได้อีก เดิมทีหล่อนคิดว่าจะจ้างเลี้ยงลูกหล่อน ตอนนี้หล่อนไม่อยากจ้างเลี้ยงแล้ว!!
“เธอคิดว่าพี่ชายเธอจะกลับมาอยู่เหรอหึ! ลูกเมียอยู่นี่แต่ไม่ส่งเงินมา ให้ฉันเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียให้ จะให้เลี้ยงแกกับลูกอีกเหรอฝันไปเถอะ!” นางหลี่ซือแค่นหัวเราะ
“ฉันส่งเงินมาให้ทุกเดือนแม่ยังว่าฉันเป็นภาระอีกเหรอ” ถึงแม้หล่อนจะไม่ใช่ลูกแท้ๆแต่นางก็เลี้ยงหล่อนมาจนโต ย่อมผูกพันธ์กับนาง
“ใช่! ออกไปเลยนะ!” นางหลี่ซือเริ่มไล่
“งั้นพวกเราแยกบ้านกันเถอะค่ะ!!”
“ฮือออ แม่!!”
“สะใภ้รอง!!”
“พี่สะใภ้!”
เสียงร้องของหลายคนร้องดังขึ้นเพราะเห็นเหอเสี่ยวหงออกมา หล่อนเพิ่งแท้งลูกเมื่อคืนจึงไม่รู้สึกตัว
“หึ คิดว่าฉันอยากเลี้ยงแกมากหรือไง!”
นางหลี่ซือบอกเมื่อเห็นเหอเสี่ยวหงเดินออกจากห้องโดยมีโจวต้านีลูกสาวของบ้านใหญ่และโจวซานนีลูกสาวคนรองของหล่อนประคองหล่อนออกมา ตามหลังมาก็คือลูกสาวบ้านใหญ่และบ้านรองที่เหลือ
“งั้นคุณแม่ก็แยกบ้านเถอะค่ะ เราจะได้ไม่เป็นภาระของคุณแม่ ต้านีไปเรียกเลขาธิการมา!” เหอเสี่ยวหงบอกแม่เลี้ยงก่อนจะหันไปบอกหลานสาว
“ได้ค่ะ!” ต้านีบอกก่อนจะวิ่งออกจากบ้านไป
“เธอจะอกตัญญูกับฉันเหรอ!” นางหลี่ซื่อเริ่มตื่นตระหนก
เธอมองนางหลี่ซืออย่างดูแคลน นางหลี่ซือนั้นหน้าเหมือนคุณแม่เหออย่างกับคนเดียวกัน!!
“ทำไมเหรอคะ สามีฉันไม่ใช่ลูกชายคุณ! ฉันต้องแท้งลูกเพราะทำงานให้พวกคุณ!” เหอเสี่ยวหงพูดเสียงดัง
ในเวลานี้คนอื่นในหน่วยคอมมูไปลงแปลงนาทำให้หมู่บ้านเงียบ เมื่อเหอเสี่ยวหงตะโกน คนบ้านอื่นที่ไม่ได้ลงแปลงนาก็เดินออกมาดูทันที อย่างย่าโจวก็เดินออกมาเช่นกัน!!
“สะใภ้รอง!!” นางหลี่ซือตะคอกกลับ
เพราะอีกไม่กี่วันการเก็บเกี่ยวฤดูนี้จะหมดลงแล้ว นางหลี่ซือกับบ้านสามที่ไม่ไปลงแปลงนาปล่อยให้บ้านใหญ่กับบ้านรองลงแปลงนารอส่วนแบ่งจากทั้งสองบ้านและจะไล่ทั้งสองบ้านออกจากบ้าน!!
หากแยกบ้านตอนนี้พวกหล่อนจะมีอะไรกิน!
“มีอะไรกันอาหลี่ซื่อ” เสียงย่าโจวเอ่ยถาม
“โถ่ คุณแม่คะ ฉันเลี้ยงอาใหญ่ อารอง อาสามมาตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นก็หนีหายไปหมด ทิ้งลูกเมียให้ฉันเลี้ยงพวกหล่อนกลับอกตัญญู ฮือออ” นางหลี่ซื่อเริ่มบีบน้ำตา
“พวกฉันจะแยกบ้านผิดตรงไหนคะ! สามีฉันไม่อยู่แล้วฉันจะอยู่ทำไม? ให้ฉันมาลงแปลงนาทำงานเลี้ยงบ้านสามงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!” เหอเสี่ยวหงแค่นยิ้ม
ย่าโจวยังไม่ทันได้อ้าปากด่าหลานสะใภ้ เหอเสี่ยวหงก็พูดแทรกทันที
“นี่มันเวรมันกรรมอะไรของฉัน!!” นางหลี่ซือรีบพูดออกมาเมื่อเห็นแม่สามียังไม่พูดอะไร
“แฮ่ก แฮ่ก มาแล้วค่ะอาสะใภ้รอง” โจวต้านีที่รีบวิ่งไปเรียกเลขาธิการหมู่บ้านจากแปลงนามาก็หอบทันที
“มาแล้วหรอ” เหอเสี่ยวหงยิ้มก่อนจะปรายตามองนางหลี่ซือ
ในเวลานี้ผู้ชายไม่มีใครอยู่บ้านเพราะต้องออกไปลงแปลงนาเก็บแต้ม รวมถึงน้องชายคนเล็กของสามีที่เรียนมัธยมปลายไม่จบสักทีอยู่ในอำเภอ! ส่วนน้องสะใภ้สามและลูกสาวนั้นก็อยู่กับน้องชายสามที่เช่าห้องของญาติสะใภ้สามอยู่
“คุณลุงหม่าคะ บ้านรองต้องการแยกบ้านค่ะ!” เหอเสี่ยวหงรีบบอก
ถึงแม้เธอจะบอกว่าพวกเธอจะแยกบ้านแต่ก็ไม่รู้ว่าเหอหรงหรงจะทำอย่างไรเพราะเธอไม่มีสิทธิ์ตัดสิน
“บ้านใหญ่ด้วยค่ะ!” เหอหรงหรงรีบบอก
เพราะหล่อนกับน้องสะใภ้รองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน หากเหอเสี่ยวหงไม่อยู่หล่อนจะอยู่ทำไม!
“สะใภ้ใหญ่!!”
ในเวลานี้นางหลี่ซื่อตกตะลึง เพราะพี่ชายใหญ่เป็นทหาร เงินเดือนหนึ่งจึงมาก หล่อนจะปล่อยเงินทิ้งได้อย่างไร!
“สะใภ้ใหญ่โจว สะใภ้รองโจวต้องการแยกบ้านหรอ” เลขาธิการหม่าเอ่ยถาม
“ใช่ค่ะ” เหอเสี่ยวหงตอบ
“ถ้าอย่างนั้นผมจะเขียนหนังสือแยกบ้านให้! พวกธัญพืชกับเงินมีเท่าไร” เลขาธิการหม่าว่าก่อนจะก้มลงเขียนหนังสือพร้อมกับถามต่อ
“รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันไปเอาออกมาให้ค่ะ!!” เหอเสี่ยวหงบอกก่อนจะเดินเข้าห้องนางหลี่ซือไป
“เธอจะทำอะไร!! เปิดเดี๋ยวนี้นะ!” นางหลี่ซือรีบเดินไปจะเข้าห้อง แต่เหอเสี่ยวหงลงกลอนประตูไว้ก่อน
“เดี๋ยวฉันไปเอาธัญพืชมาเองค่ะ” เหอหรงหรงว่าก่อนจะเข้าครัว
ธัญพืชในครัวนั้นมีไม่เยอะเพราะนางหลี่ซือแยกไว้ในห้องจะเอาไปให้ครอบครัวลูกชาย จึงมีแค่ แป้งสาลี 3 ชั่ง แป้งมันเทศ 3 ชั่ง ถั่วเขียว 3 ชั่ง
ส่วนในห้องของนางหลี่ซือนั้นมี ข้าวขาว 15 ชั่ง แป้งสาลี 9 ชั่ง แป้งมันเทศ 12 ชั่ง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วแดง อย่างละ 18 ชั่ง เงินอีก 2,379 หยวน!!
“หม้อในบ้าน มี 2 หม้อ บ้านใหญ่กับบ้านรองขอเอาไป 1 อันค่ะ! ” เหอเสี่ยวหงที่เรียกลูกสาวและหลานสาวเข้าไปขนของออกมาแล้วก็เข้าครัวไปเอาหม้อที่เพิ่งซื้อมาได้ไม่ถึงปีมา 1 ใบ!
“ต่อจากนี้บ้านใหญ่ บ้านรอง บ้านสามโจวจะไม่มีความเกี่ยวข้องกัน! ยากดีมีจน ทางใครทางมัน ไม่ต้องให้เงินตอบแทน! ข้าวขาวบ้านละ 5 ชั่ง แป้งสาลีบ้านละ 5 ชั่ง ถั่วเขียวบ้านละ 7 ชั่ง ถั่วเหลือง ถั่วแดงบ้านละ 18 ชั่ง!! เงินทั้งหมด 2,379 หยวน ได้บ้านละ 792 หยวน” เลขาธิการหม่าสรุปออกมา
“ไม่... ไม่ให้! ฉันไม่ให้!” นางหลี่ซือร้องออกมา
หล่อนจะเอาของไปให้กับครอบครัวลูกชายในอำเภอ ถ้าให้ของกับพวกสะใภ้พวกนี้ลูกชายหล่อนจะกินอะไร?
หล่อนจึงไม่ยอม หล่อนยังไม่ได้ไปแลกคูปองมาอีกด้วยซ้ำ ถ้าหล่อนให้เงินทั้งหมดไป หล่อนจะอยู่ไดัอีกกี่ปีกัน!
“คุณจะเอาอย่างไรครับ! ผมไม่มีเวลาขนาดนั้น” เลขาธิการหม่าเริ่มหงุดหงิดเพราะเขาต้องไปดูแปลงนาอีก
“ฉันกับพี่สะใภ้ใหญ่เซ็นเสร็จแล้วค่ะ” เหอเสี่ยวหงยื่นกระดาษให้เลขาธิการหม่า
“คะ....คุณแม่” นางหลี่ซือรีบเรียกย่าโจว
“อาหลี่ซะ...ซือ” ยังไม่ทันได้พูดอะไร ย่าโจวก็เจอสายตาของเหอเสี่ยวหงที่ทำให้ต้องหลบสายตา
“คุณโจว..” เลขาธิการหม่า
เมื่อถูกกดดัน นางหลี่ซือจึงทำได้เพียงปั๊มนิ้วลงบนกระดาษเพราะหล่อนไม่รู้หนังสือ
“ผมต้องไปแล้ว หนังสือสัญญามีสี่ฉบับ กับผม บ้านใหญ่ บ้านรอง บ้านสาม คนละฉบับ” พูดเสร็จก็เดินออกไปทันที
“สะใภ้รอง!!” ทันทีที่ย่าโจวเห็นหน้าลูกสะใภ้ที่ซีดเผือกก็หันไปจะจัดการกับเหอเสี่ยวหง
“คุณย่ามีอะไรหรือเปล่าคะ? ถ้าไม่มีฉันจะพาน้องสามีฉัน ไปเก็บของไปอยู่บ้านฉันแล้ว!!” เหอเสี่ยวหงบอก
บ้านที่เธอว่าก็คือบ้านเหอที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน บ้านเหอนั้นตอนนี้ไม่มีคนอยู่แล้วเพราะเมื่อสี่ปีก่อนถูกโจรปล้นฆ่าทั้งบ้าน ยังดีที่เหอเสี่ยวหงกับเหอหรงหรงนั้นแต่งออกมาแล้วจึงเหลือเพียงพวกเธอเท่านั้นที่เป็นคนบ้านเหอ
และเหอเสี่ยวหงกับเหอหรงหรงเท่านั้นที่สามารถเข้าไปอยู่กับครอบครัวได้เพราะที่ตรงนั้นเป็นของบ้านเหอ!!
ย่าโจวตะลึง บ้านเหอนั้นเป็นบ้านที่มีฐานะระดับหนึ่ง หลานชายหลานสาวได้ร่ำเรียนทั้งหมดอย่างเหอเสี่ยวหงกับเหอหรงหรงนั้นก็เรียนจบมัธยปลาย!!
บ้านหลังนั้นเป็นบ้านปูน 8 ห้อง มีครัวข้างบ้านและมีบ่อน้ำข้างครัว! ไหนจะพื้นที่ปลูกผักเลี้ยงสัตว์ได้อีกเยอะ! โต๊ะ เตียงเตา ก็มีครบเพราะเหอเสี่ยวหงเคยให้โจวเหวินหลงกับพี่สามีอย่างโจวจือหยวนไปดูแลตลอดทุกเดือน!
แต่ก่อนบ้านรองโจวตอนพ่อสามียังอยู่ก็อยากจะไปอยู่ที่นั้นแต่นางหลี่ซือก็กลัวผีตระกูลเหอหากนางทำอะไรเหอเสี่ยวหงกับเหอหรงหรง!
“ฉันไปแล้วค่ะ!! พี่สะใภ้ใหญ่ไปเก็บของกันเถอะ! เราะจะกลับบ้านเรากัน! เอ้อร์นี ซานนี อู๋นี ลิ่วนี ไปกันเถอะลูก” บอกย่าโจวก่อนจะหันไปบอกเหอหรงหรงและหันมาคุยกับลูกสาว
บ้านเหอ
เหอเสี่ยวหงที่เก็บของเสร็จแล้วก็ขนของมาที่บ้านเหอไม่กี่รอบเพราะไม่มีของมากมายอะไร ก็มาเปิดบ้านก่อนเหอหรงหรง เพราะเหอเสี่ยวหงเห็นหลี่จวี่ หลานสาวคนเล็กวัยเกือบ 2 เดือนของสามีนั้นเริ่มจะร้องไห้เพราะหิวแล้ว
“โจวมี่ เธอพาหลานสาวเข้ามาก่อนเถอะ!” เหอเสี่ยวหงตะโกนเรียกน้องสาวสามีที่อยู่บนรถจักรยานหน้าบ้านให้เข้ามาบ้าน
“ได้ค่ะ!” โจวมี่พาลูกสาวทั้งสองคนเข้ามาในบ้าน
“เธอนั่งพักตรงนี้ก่อนนะ พี่ชายเธอเป็นคนทำขึ้นมาเลยนะ ฉันทำความสะอาดให้แล้วเดี๋ยวค่อยเข้าห้อง! ” เหอเสี่ยวหงบอก
“ขอบคุณมากค่ะ พี่สะใภ้รอง!” โจวมี่ยิ้ม
ของในบ้านหลังจากเกิดเรื่องหลายอย่างก็ใช้ไม่ได้แล้ว อย่างโต๊ะเหอเสี่ยวหงก็ให้สามีมาเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด เตียงเตาก็ก่อขึ้นใหม่ กำแพงห้องในบ้านก็ทำใหม่ทั้งหมด เรียกได้ว่าทำใหม่เกือบทั้งหมด! ถ้าถามว่าเอาเงินมาแต่ไหน แน่นอนว่าพวกเธอและสามีย่อมเก็บเงินไว้ส่วนหนึ่งและเข้ากองกลางส่วนหนึ่ง! และวันนี้ก็มาถึง วันที่พวกเธอเป็นอิสระ!
เรื่องราวของหยาดฟ้าที่เหอเสี่ยวหงคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอะไรทั้งนั้นหยาดฟ้าในวัยสิบสองขวบเป็นเด็กสาวที่น่าสงสารคนหนึ่ง ตั้งแต่เด็กจนโตเธอไม่เคยเห็นหน้าผู้เป็นพ่อสักครั้ง แม่ให้เหตุผลว่าเลิกกันก่อนที่เธอจะลืมตาดูโลก และเล่าให้ฟังว่าพ่อติดเหล้าหนักมาก และชอบทุบตีแม่ที่กำลังท้องเธอเกือบห้าเดือน สุดท้ายแม่ทนไม่ไหวก็เลยเก็บเงินที่ซ่อนไว้หนีมาบ้านเกิดผู้เป็นยายและยายของเธอก็เป็นเพื่อนวัยเด็กของคุณย่าเหอ คุณย่าเหอที่สงสารก็เลยรับแม่ของเธอมาเป็นคนสนิท จนกระทั่งเธออายุสิบสองขวบก็เกิดข่าวร้ายแม่ของเธอมีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงหลังจากที่คลอดเธอออกมา และไม่ยอมเข้ารักษาอาการป่วยจนเกิดเรื้อรัง สุดท้ายจึงจากเธอไปวันนั้นหยาดฟ้าจำได้ดี เธอร้องไห้แทบใจขาดเมื่อคนที่อยู่กับเธอมาตลอดจากไป และเป็นวันเดียวกันที่มีคนเข้ามาช่วยพยุงเธอเอาไว้ นั่นก็คือคุณย่าเหอกับเหอเสี่ยวหง เพื่อนสนิทสาวพ่วงตำแหน่งเจ้านายของเธอ ถึงคุณย่าเหอกับเหอเสี่ยวหงไม่ได้เจ้ากี้เจ้าการกับตำแหน่ง และเธอก็ถือว่าเป็นหลานบุญธรรมของท่านแล้ว แต่เธอก็รู้ตัวดีว่าไม่ควรเอาตัวเองไปเทียบกับเหอเสี่ยวหงคุณย่าเหอเ
เหอเสี่ยวหงรู้สึกว่าช่วงนี้ดวงของสามีตกมาก เมื่อได้ที่ดินคืนมาแล้วทั้งโจวเหวินหลงกับพี่ชายใหญ่ก็จะพากันกลับ แต่ก็เกิดเรื่องอีกครั้งโจวกว่างโมโหที่ผู้เป็นพ่อยกบ้านและที่ดินให้กับพี่ชาย จึงลงมือกับคนเป็นแม่ด้วยอาการมึนเมา มีคนเข้าไปช่วยทันแต่อาการนางหลี่ซื่อก็หนักมาก เพราะไม่มีเงินไปหาหมอโจวเหวินหลงรับรู้และเขาก็ยังกลับฉงชิ่งไม่ได้ การกลับบ้านจึงต้องเลื่อนออกไปอีกหลายวัน ถึงนางหลี่ซื่อไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของโจวเหวินหลง โจวจือหยวน และโจวมี่ แต่นางก็เลี้ยงโจวมี่มา โจวมี่เลยมาขอร้องพี่ชายให้พานางหลี่ซื่อไปโรงพยาบาล“ถ้าคุณพานางไป ก็ไม่ต้องกลับมา” เหอเสี่ยวหงกล่าวเสียงเรียบในวันที่เธอแท้งลูก นางหลี่ซื่อไม่มีแม้แต่เชิญหมอมารักษาหรือพาเธอไปหาหมอ ปล่อยให้เธอแท้งลูกซ้ำยังบอกย่าโจวว่าเธอสะดุดขยะในห้องล้มอีก แม้นางหลี่ซื่อตายเธอก็ไม่เสียใจ‘ผมบอกพวกเขาแล้วครับ’มีไม่กี่เรื่องที่เหอเสี่ยวหงจะปฏิเสธสามี และครั้งนี้ต่อให้ใครมาขอร้องเหอเสี่ยวหงก็ไม่ยอม ลูกชายและลูกสะใภ้ หลานของนางก็ยังอยู่ ทำไมถึงต้องมาพึ่งสามีเธอด้วย อีกอย่างก่อนที่พวกเธอจะออกจากหมู่บ้าน นางหลี่ซื่อยังอยู่ในกลุ่มที่มาไล่พวกเธอเลย“ฉัน
เข้าสู่วันที่ห้าของการกลับบ้านของโจวเหวินหลง เหอเสี่ยวหงก็ได้รับข่าวร้าย สกุลโจวได้สิ้นผู้อาวุโวอย่างย่าโจวไปแล้ว นางจากไปด้วยโรคชราที่เป็นปัญหามาหลายปีเหอเสี่ยวหงส่ายหน้าเมื่อวางสายจากสามีไปหลังเขาติดต่อมา ในร้านน้ำชามีโทรศัพท์จึงไม่แปลกที่เหอเสี่ยวหงจะได้รับการติดต่อจากสามี ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาการย่าโจวทรุดหลังจากที่เธอพาครอบครัวกลับ“มีอะไรหรือเปล่าครับ”เป็นผู้จัดการหลงที่เก็บโต๊ะเสร็จถามเหอเสี่ยวหง เขาเห็นเจ้านายนั่งคุยกับปลายสายไม่นาน แต่ตอนนี้หล่อนกลับมีสีหน้าที่เคร่งเครียด“ไม่มีอะไรค่ะ เดี๋ยวถ้าเอาบัญชีร้านขึ้นไปบนห้อง ตามโจวต้านีให้ด้วยนะคะ” เหอเสี่ยวหงส่ายหน้า“ได้ครับ”โจวต้านียังไม่กลับมาทำงาน คงเพราะหลานสาวตัวน้อยของเธอป่วย อันที่จริงเธอก็บอกหล่อนแล้วว่าไม่ต้องมา แต่โจวต้านีก็รั้นมาจนได้“แม่คุยอะไรกับพ่อเหรอคะ”พอผู้จัดการหลงเดินออกจากร้านไป ก็เป็นซานนีที่ประจำร้านอยู่เอ่ยถาม หล่อนรู้แค่ว่ามารดาคุยกับใคร แต่จับใจความไม่ค่อยได้“ย่าโจวเสียแล้ว” เหอเสี่ยวหงถอนหายใจสำหรับเหอเสี่ยวหงแล้วเธอรู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วมาก อีกอย่างเรื่องที่เธอแท้งเมื่อยี่สิบปีก่อนก็ยังไม่ได้บอกย่าโจ
เหอเสี่ยวหงมองหน้าหลานสาวตัวน้อยนามเฟยฮวาวัยห้าเดือนในอ้อมแขนแล้วถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าสกุลเฟยตาบอดหรือยังไง ทำไมถึงมองไม่เห็นความน่ารักของหลานสาวตัวน้อยคิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเมื่อมองลูกสาวช่วยคนอื่นขนของโจวต้านีลงจากรถ หรือเพราะเธอไม่บังคับลูกสาวกันนะ ถึงไม่ได้มีหลานให้อุ้มแบบนี้ได้แต่อิจฉาสะใภ้ใหญ่ที่ได้ลูกเขยก่อนคนอื่น แล้วยังได้หลานก่อนคนอื่นอีก ยังดีที่สหายของเธอยังไม่มีหลาน เหอเสี่ยวหงจึงไม่ต้องทนฟังเสียงอวดหลาน“ให้ฉันอุ้มหลานบ้างสิ”สะใภ้ใหญ่เดินเข้ามาหาผู้เป็นน้องสะใภ้และน้องสาว ตั้งแต่ที่ลูกสาวอุ้มหลานสาวลงรถมา นางก็ยังไม่ได้อุ้มหลานเลย มีแต่เหอเสี่ยวหงที่อุ้มหลานแล้วไม่ยอมปล่อยให้ใครอุ้มต่อ“เดี๋ยวพี่ก็ได้อุ้มแล้ว” เหอเสี่ยวหงแย้งอย่างไม่จริงจังนักโจวต้านีขอเข้าทำงานพร้อมสามีในร้านผู้เป็นอากับอาสะใภ้ โดยที่แม่ของหล่อนยินดีที่จะดูแลหลานระหว่างที่พ่อกับแม่ของหลานทำงานแบบไม่เอาเงินสักเฟิน“หลับแล้ว” สะใภ้ใหญ่บอก“อืม”เหอเสี่ยวหงส่งหลานสาวให้ผู้เป็นยายแท้ ๆ อุ้ม แล้วตัวเองก็ออกมาช่วยทุกคนขนของเข้าบ้านตึกแถว ยังไงโจวต้านีก็แต่งออกแล้วจะให้ไปอยู่รวมกับครอบครัวก็ไม่ใช่ อีกอย
จากที่จะกลับไปพักผ่อนอยู่บ้านเกิดในช่วงปิดเทอมตามคำขอของสาว ๆ บ้านรองโจวก็ต้องกลับมาอยู่ที่ฉงชิ่ง เหอเสี่ยวหงเอ่ยขอโทษลูกสาวกับหลานสาวที่ต้องพากลับกระทันหัน ยิ่งกับอาสามแล้วเหอเสี่ยวหงยิ่งเอ่ยขอโทษอยู่หลายครั้งเหอเสี่ยวหงรู้ว่าอาสามอยากอยู่ที่บ้านเหอ แต่พอเหอเสี่ยวหงจะกลับเขาก็ไม่สามารถอยู่ต่อได้ เป็นห่วงหลาน ๆ หากปล่อยให้มาด้วยกัน“เอาไว้เรียนจบแม่ค่อยพากลับไปดีกว่า” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาวอีกตั้งหลายปีที่เด็ก ๆ จะเรียนจบ ทุกคนในหมู่บ้านก็คงจะลืมไปแล้ว อีกอย่างทุกคนก็รู้กฎหมายกันอย่างดี เหอเสี่ยวหงจึงไม่กลัวที่จะกลับไป แต่ครั้งนี้มันตั้งตัวไม่ทัน“ไม่กลับก็ได้ค่ะ อยู่นี่ก็ดีแล้ว” เอ้อร์นีเอ่ยตอบเป็นคนแรกหล่อนอยากกลับไปที่บ้านเกิดก็จริง แต่หล่อนกลัวเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีก ลึก ๆ แล้วหล่อนรู้ว่าแม่ของหล่อนเป็นห่วงเรื่องการบังคับแต่งงาน เอ้อร์นีไม่ใช่คนโง่ หล่อนถูกมารดาเลี้ยงมาอย่างดีแต่ก็ไม่ได้เลี้ยงให้โง่เขลา แม่ของหล่อนไม่ชอบการบังคับ หล่อนก็ไม่ชอบการบังคับเช่นเดียวกัน“ใช่ค่ะ ไม่กลับไปแล้วก็ได้” ลิ่วนีเอ่ยด้วยความหวาดกลัว หล่อนเป็นเด็กที่ตั้งแต่จำความได้ก็เติบโตมาในเมือง จึงไม่ร
เหอเสี่ยวหงเดินนำลูกสาวตามโจวเหวินหลงเข้าไปภายในบ้าน ชาวบ้านที่มามุงแหวกออกให้เข้าไป แต่พอเข้าไปแล้วก็กลับมามุงเหมือนเดิมครั้งก่อนอยู่เพียงนอกบ้าน แต่ครั้งนี้ที่ต้องเข้ามาในบ้านเพราะย่าโจวล้มป่วยอีกแล้ว ภายในบ้านที่ไม่ใหญ่จึงแคบลงถนัดตาเมื่อมีคนล้อมรอบ‘หลานสาวบ้านโจวแน่ ๆ’‘ฉันต้องทาบทามจากย่าโจวแล้ว’‘ฝันอยู่เหรอ บ้านรองโจวอยู่ในมือสะใภ้รองโจว คงจะให้ลูกสาวแต่งมาอยู่ชนบทหรอก!’‘ใครจะไปรู้ อีกอย่างสะใภ้ก็ต้องเชื่อฟังครอบครัวของสามี’‘ไม่ใช่ว่าแต่งงานกันแล้วรึ อายุขนาดนี้แล้ว’‘จริง ถ้ายังไม่แต่งคงจะไม่มีใครเอา’เหอเสี่ยวหงหันไปมองชาวบ้านที่นินทาลูกสาวของเธอ เรื่องที่ลูกสาวจะแต่งกับใครเหอเสี่ยวหงไม่ได้ห้าม ต่อให้ฝ่ายชายไม่มีเงินแต่ง ถ้าลูกสาวจะแต่งเธอก็ให้แต่ง สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่เป็นไร แต่คนอื่นจะเดือดร้อนด้วยทำไม“ลูกสาวฉันไม่แต่งงานแล้วทำไม”ชาวบ้านที่ซุบซิบอยู่หน้าบ้านเงียบปากกันลงทันที เมื่อสะใภ้รองโจวพูดขึ้น ใคร ๆ ก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเหอเสี่ยวหง“นี่ย่าทวด เป็นย่าของพ่อเรา”เหอเสี่ยวหงแนะนำย่าโจวให้ลูกสาวทำความเคารพ ซึ่งเด็ก ๆ รู้จัก แต่นี่ก็ไม่ได้มาเจอกันนานแล้ว เธอจึง