อดีตที่ยากจน!! แม่เลี้ยงสามีที่เอาเปรียบบ้านใหญ่ บ้านรองของพวกเธอต้องชดใช้!! อีกเพียงวันเดียวเหอเสี่ยวหงก็จะได้กลับไปในที่ที่ได้จากมาแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เหล่าลูกสาวจะเป็นยังไงกันบ้าง ถ้าถามว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าจะได้กลับไป ก็ต้องบอกว่าก่อนที่จะมาเกิดใหม่ เหอเสี่ยวหงได้เจอกับคน ๆ หนึ่ง ที่บอกเธอไว้ว่าจะได้เกิดใหม่ แต่เมื่อถึงเวลาหรือก็คือเมื่อไหร่ที่เหอเสี่ยวหงครบสามสิบปี เธอจะได้กลับไปยังที่ที่ได้จากมา เพื่อชดใช้ให้กับสามีและลูกสาวที่เธอทิ้งมา เหอเสี่ยวหงเปิดตู้เซฟที่คุณย่าเก็บของสำคัญไว้ให้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ เพชร ทองคำ โฉนดที่ดินต่าง ๆ บ้าน เหอเสี่ยวหงเก็บใส่มิติบางส่วน และเหลือทองคำไว้ให้ผู้เป็นพ่อร้อยกว่าแท่ง พร้อมกับเงินอีกล้านหยวน ส่วนโฉนดที่ดินเหอเสี่ยวหงให้หยาดฟ้าดูแล จริง ๆ ของพวกนี้เหอเสี่ยวหงจะไม่ให้ใครก็ได้ เพราะคุณย่าเคยบอกเอาไว้ว่าของทุกอย่างเป็นของเหอเสี่ยวหง จะให้หรือไม่ให้ใครก็ได้ โดยเฉพาะกับคนเป็นพ่อของเธอ
Lihat lebih banyakบรรยากาศภายในห้องทำงานเย็นเฉียบท่ามกลางอากาศภายนอกที่ร้อนระอุ
“อีกแค่ 10 วันเองเหอเสี่ยวหง” หญิงสาวพึมพัมกับตัวเองหลังเปิดดูปฏิทินประจำปีที่ตั้งไว้บนโต๊ะทำงาน
อีกแค่สิบวันก็จะถึงวันเกิดที่เธอเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ เป็นเวลาเกือบสามสิบปีที่รอคอยมันใกล้จะมาถึงแล้ว
เหอเสี่ยวหงใช้มือที่ถือปากกาเช็ดน้ำตาที่กำลังจะไหล “ฉันใกล้จะได้กลับไปหาทุกคนแล้ว” เธอยิ้มอย่างยินดี
ก๊อก! ก๊อก!
‘คุณเหอคะ! หยาดฟ้าเองค่ะ’
“เข้ามา!”
เสียงรองเท้าส้นสูงกระแทกกับพื้นห้องดังขึ้น ทำให้เหอเสี่ยวหงที่เหม่ออยู่ เงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินเข้ามาภายในห้อง
“มีอะไร” เหอเสี่ยวหงถามเสียงเรียบ พลางก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ
“กลีเซอรีนจำนวน 10,000,000 ก้อน ขี้ผึ้งสีขาวจำนวน 3,000,000 ก้อน เทียนคละสีจำนวน 5,000,000 เล่ม หยาดได้สั่งซื้อจากโรงงานให้ไปส่งที่สวนแล้วนะคะ ไม่เกิน 2 วัน ทางโรงงานน่าจะส่งถึง” หยาดฟ้าที่ก้มหน้าอ่านใบเสร็จเงยหน้าขึ้นบอกแล้วพูดต่อ
“แล้วก็ของที่คุณเหอซื้อมันเป็นจำนวนมาก ทางโรงงานเลยแถมน้ำมันรำข้าวกับน้ำมันมะพร้าวให้ชนิดละ 1,000 ลิตรค่ะ” ว่าจบก็ยื่นใบเสร็จให้ผู้เป็นเจ้านาย
เหอเสี่ยวหงปิดแฟ้มเอกสารแล้วหยิบใบเสร็จขึ้นตรวจก่อนจะถามต่อ “อืม แล้ววันนี้มีอะไรอีกไหม”
“อ๋อ! เมื่อกี้คุณนายเหอให้เลขาโทรมานัดคุณเหอ ไปกินข้าวกับครอบครัวที่ร้านคุณเหอหลินหลินค่ะ” หยาดฟ้าเอ่ยรายงาน
“ฮึ คุณแม่อยากเจอลูกสาวนอกคอกคนนี้ด้วยหรือยังไง” เหอเสี่ยวหงหลุดขำด้วยใบหน้าที่นิ่ง
หยาดฟ้าเห็นท่าทีไม่ดีจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “แล้วคุณเหอต้องการสั่งอะไรเพิ่มไหมคะ หยาดจะได้ไปเตรียมให้”
“เธอไปพักเถอะ เย็นนี้ฉันคงจะต้องเข้าห้างไปซื้อของสักหน่อย” หลังว่าจบก็เปิดแฟ้มเอกสารขึ้นมาอ่าน
“ได้เลยค่ะ ถ้ามีอะไรโทรเรียกหยาดได้ตลอดเลยนะคะ”
“อือ บอกให้คนงานที่ไร่เอารถไปจอดรอหลังห้างเลยนะ”
“ได้เลยค่ะ ฉันจะโทรบอกหัวหน้าคนงาน”
เสียงประตูปิดลงพร้อมกับเหอเสี่ยวหงที่วางปากกา ก่อนที่เธอจะหลับตาลงแล้วเอนตัวพิงเก้าอี้ตัวโปรด
เหอเสี่ยวหงเป็นลูกสาวคนโตของท่านายพลทหารยศใหญ่และคุณนายร้านเพชรชื่อดัง ปีนี้เหอเสี่ยวหงจะอายุครบสามสิบปีแล้ว เธอมีน้องสาวที่อายุห่างกันเป็นสิบ ๆ ปี ชื่อเหอหลินหลิน ปีนี้หล่อนก็เพิ่งจะยี่สิบปีเหมือนกัน แต่หล่อนนั้นเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของคนเป็นพ่อและแม่ ช่างแตกต่างกับเหอเสี่ยวหงผู้เป็นพี่สาว
แต่ก่อนในตอนที่เหอเสี่ยวหงยังเด็ก พ่อของเธอยังเป็นเพียงพลทหารตัวเล็ก ๆ ในกองทัพ และแม่ของเธอก็เป็นเพียงพนักงานในร้านเพชรที่เป็นของแม่เธอในปัจจุบัน จึงทำให้ไม่มีเวลาดูลูกสาวคนโต เหอเสี่ยวหงจึงถูกส่งให้ไปอยู่กับผู้เป็นย่าตั้งแต่จำความได้
และเมื่อเหอเสี่ยวมีอายุสิบขวบ มีแม่เฒ่าชรามาอ้างว่าเป็นหมอดูมาทำนายว่าลูกสาวผู้หนึ่งจะเป็นใหญ่ และลูกสาวอีกคนจะเป็นน้อย ซึ่งในเวลานั้นครอบครัวของเหอเสี่ยวหงยังไม่เชื่อมากนัก แต่แล้วพอผ่านไปสองเดือนคุณนายเหอกลับตั้งครรภ์ขึ้นมาอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่หลังจากคลอดเหอเสี่ยวหง คุณนายเหอไม่มีท่าทีว่าจะตั้งครรภ์อีกครั้ง
และเมื่อคุณนายเหอตั้งครรภ์ได้ห้าเดือน ท่านนายพลเหอที่เป็นเพียงทหารปลายแถว กลับได้รับโอกาสให้ขึ้นเป็นทหารยศสูง จึงทำให้ท่านทั้งสองเชื่อว่าเด็กในท้องจะขึ้นเป็นใหญ่ ลูกสาวคนโตที่ละเลยอยู่แล้วยิ่งละเลยไปอีก ยิ่งเมื่อคลอดลูกสาวคนเล็กออกมาผู้เป็นเจ้านายของคุณนายเหอก็ย้ายตามสามีไปอยู่ต่างประเทศ ร้านเพชรเล็ก ๆ จึงถูกยกให้คนสนิทที่ทำงานมาตั้งแต่ที่เปิดร้านอย่างคุณนายเหอ
ยิ่งพอมีหน้ามีตาในสังคม ไม่ต้องคอยวิ่ง คอยเดินตามหัวหน้า ทำให้ทั้งสองมีเวลาว่างจากการทำงาน
มาเลี้ยงเหอหลินหลิน ส่วนเหอเสี่ยวหงที่อายุครบสิบปีก็ถูกส่งกลับไปให้ผู้เป็นย่าเลี้ยง ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะมาอยู่กับพ่อแม่ไม่กี่ปี
เมื่อเหอเสี่ยวหงอายุได้ยี่สิบปีคุณย่าเหอก็เสียชีวิตลงด้วยโรคชรา ตอนนั้นเหอเสี่ยวหงที่เรียนมัธยมควบคู่ปริญญาตรีเพิ่งจะจบพอดี จากที่ต้องพักผ่อนก่อนทำงานเป็นปี สองปี ก็ต้องมาบริหารไร่หลายร้อยหมู่ ในนามทายาทคนเดียวของคุณย่าเหอ
นายพลเหอกับคุณนายเหอที่คิดว่าจะได้รับมรดกจากผู้เป็นแม่ก็รีบไปเรียกหาทนายผู้จัดการมรดกทันที แต่แล้วก็ทำให้ตกใจเพราะคุณย่าเหอยกทุกอย่างให้กับเหอเสี่ยวหง และให้เงินสดเหอหลินหลินผู้เป็นหลานสาวอีกคนเพียงหนึ่งแสนหยวน
เมื่อชื่อผู้รับมรดกมีเพียงเหอเสี่ยวหง เธอก็ถูกบิดามารดาต่อว่า ที่เป่าหูคุณย่าเหอให้ยกทรัพย์สินทุกอย่างให้คนเดียว ทั้ง ๆ ที่เหอเสี่ยวหงไม่รับรู้อะไรในส่วนนี้เลย
ต่างจากเหอหลินหลินที่แทบจะกระโดดดีใจที่ได้เงินเป็นแสนหยวน
และแล้วเวลาล่วงเลยมาหลายสิบปีก็ทำให้นายพลเหอกับคุณนายเหอรู้ซึ้งกันเลยว่าใครเป็นใหญ่ ใครเป็นน้อย เหอหลินหลินที่ทุกคนภูมิใจนักหนาได้ขอเงินไปเปิดร้านอาหาร ลูกสาวสุดรักสุดหวงขอทั้งทีทำไมจะไม่ให้ล่ะ แต่ผ่านไปไม่ถึงเดือนเหอหลินหลินก็ได้กลับมาขอเงินไปอีกหลายล้านหยวน ซึ่งหากคนขอเป็นลูกสาวคนโตอย่างเหอเสี่ยวหงทั้งสองคงจะไม่ให้ แต่นี่เป็นเหอหลินหลินลูกสาวที่ไม่กล้าขัดใจ
ยังไม่พอ! เมื่อลูกสาวที่พวกเขาทะนุถนอมมาอย่างดีกลับตั้งครรภ์ขึ้นมาในวัยยังไม่ถึงสิบแปดปี ยิ่งพ่อของเด็กเป็นวัยรุ่นเสเพลกินเหล้าข้างบ้านก็ทำให้พวกเขาแทบกระอักเลือด
เหอหลินหลินที่เรียนยังไม่จบมัธยมปลายจึงต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน ทั้งนายพลเหอกับคุณนายเหอจึงต้องแบกหน้ามาขอให้เหอเสี่ยวหง
ลูกสาวที่พวกเขาแทบจะไม่ได้เลี้ยง เซ็นรับลูกของน้องสาวเป็นลูกบุญธรรม เพราะต้องการส่งเหอหลินหลินเรียนแพทย์ แต่เพราะกลัวจะมีประวัติไม่ดี ซึ่งเหอเสี่ยวหงก็ปฏิเสธ
นายพลเหอกับคุณนายเหอที่บังคับลูกสาวคนโตไม่ได้ก็ต้องกลับบ้านมือเปล่า พอกลับมาถึงบ้านเห็นลูกสาวสุดที่รักท้องป่องก็ต้องคิดหนัก ลูกสาวคนโตที่พวกเขาละเลยกลับได้ดิบได้ดี แต่ลูกสาวที่เลี้ยงมาอย่างดีกลับกำลังแย่ลง
เงินเกือบสี่ล้านหยวนที่เหอหลินหลินได้ขอไปตอนแรกและบอกจะเปิดร้านอาหาร หล่อนเอาไปปรนเปรอให้ผู้ชายจนหมดตัว! เงินสี่ล้านหยวนหายวับไปกับตา ไหนจะไม่รับผิดชอบลูกสาวกับหลานในท้องอีก
เหอหลินหลินกลัวว่าจะถูกด่าจึงไม่กล้าบอกว่าตั้งครรภ์ พอเรื่องแดงขึ้นมาก็ไม่สามารถเอาเด็กออกได้แล้ว เพราะคนเป็นแม่จะเป็นอันตราย นายพลเหอกับคุณนายเหอจึงต้องให้ลูกสาวเก็บหลานเอาไว้ แต่ตอนนี้เงินที่บ้านเหลือไม่ถึงหนึ่งแสนหยวนเลย
นายพลเหอไม่มีทางเลือกจึงเช่าร้านอาหารที่กำลังจะเจ๊งให้ลูกสาวดูแล แต่เขาคงจะลืมไปว่าลูกสาวของตัวเองเป็นคนแบบไหน ต้องจ่ายค่าเช่า ค่าพนักงาน รายได้ที่ได้มาในแต่ละวันไม่เพียงพอให้หล่อนใช้จ่าย
คุณนายเหอจึงหาทางมาพบลูกสาวคนโตที่กำลังเป็นนักธุรกิจที่กำลังเติบโต เพื่อให้เหอเสี่ยวหงเอาเสี่ยวตงผู้เป็นหลานชายมาเลี้ยง อีกอย่างถ้าเหอเสี่ยวหงเสียชีวิตอย่างน้อยมรดกก็ต้องถูกส่งให้หลานชายที่รับเลี้ยงอยู่แล้ว แต่ก็ถูกเหอเสี่ยวหงปฏิเสธอยู่ดี
ก๊อก! ก๊อก
‘คุณเหอคะ! คุณนายเหอโทรมาค่ะ!”
เหอเสี่ยวหงยกยิ้ม ทั้งสองคนรักเหอหลินหลินมาก เมื่อลูกสาวสุดที่รักไม่มีเงินใช้ก็ต้องบากหน้าไปหายืมเงิน แต่อีกไม่กี่วันต้องหาเงินจ่ายดอกเบี้ยเงินที่มีมันก็ไม่พอ ทางเลือกสุดท้ายจึงต้องเข้าหาเหอเสี่ยวหง
“ไม่ต้องรับ!” เหอเสี่ยวหงตะโกนลั่นห้องทำงาน
จริง ๆ แล้วเหอเสี่ยวคือคนปี1960 ในเวลานั้นเธอแท้งลูกเพราะถูกแม่เลี้ยงสามีโขกสับ เพราะสามีของเธอที่ทำงานเป็นยามในอำเภอถูกส่งไปทำงานที่มณฑลอื่น พ่อสามีก็เสียแล้ว แม่เลี้ยงสามีจึงได้ใจ
เหอเสี่ยวหงเป็นคนรักลูกกับสามีมาก พอรู้ตัวว่าแท้งลูกก็เอาหัวโขกเตียงเตาเสียชีวิต นี่คงจะเป็นตราบาปของเธอที่ทำให้ไม่ลืมเรื่องราวในชาติก่อน
เหอเสี่ยวหงได้เกิดใหม่ในเด็กที่ต้องออกจากท้องแม่ เธอเกิดมาโดยใช้ชื่อและแซ่เดียวกับชาติก่อน ไหนจะเกิดมาพร้อมกับของวิเศษอย่างมิติ
ตึก! ตึก!
“คุณหยาด!”
“เฮ้ย! ตกใจหมด”
เหอเสี่ยวหงหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นท่าทางตกใจของเลขาคนสนิท เธอหยิบเอกสารที่เซ็นมาวางให้กับหล่อนพร้อมบอกว่าจะออกจากบริษัทแล้ว
“ฉันจะไปแล้วนะคะ”
“จะไปแล้วเหรอคะ” หล่อนรีบลุกจากเก้าอี้ที่นั่ง “หยาดขอตัวเก็บของก่อน” อาจเพราะมีเอกสารหลายอย่างที่สำคัญ เหอเสี่ยวหงจึงได้เห็นภาพวุ่นวายตรงหน้าที่เห็นแทบจะทุกวัน
“งั้นฉันจะไปรอที่รถนะ” ก่อนจะเดินตรงไปยังลิฟท์
“รอด้วยค่าาาา”
เหอเสี่ยวหงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข หยาดฟ้าเป็นลูกสาวคนสนิทของคุณย่าเหอ เมื่อแม่ของหล่อนป่วยและเสียชีวิต จึงถูกคุณย่าเหอรับหล่อนเป็นหลานบุญธรรม
ทั้งเหอเสี่ยวหงและหยาดฟ้ามีอายุเท่ากัน ทั้งสองจึงสนิทสนมกันและคุยกันได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะความลับของเหอเสี่ยวหงที่หยาดฟ้าบังเอิญได้รู้ เหอเสี่ยวหงจึงต้องบอกหล่อน แต่หล่อนก็เก็บเป็นความลับมาตลอด
ปรื้น ปรื้น ปรื้นนน
เสียงรถยนต์ รถเครื่องดังขึ้นในเวลาเลิกงานของชาวออฟฟิศ เหอเสี่ยวหงที่นั่งข้างคนขับเหม่อมองข้างนอกอย่างไร้จุดหมาย ทั้ง ๆ ที่มันเต็มไปด้วยกลุ่มควัน
“ยัยหง หง เสี่ยว… หงหง ยัยหง!” เสียงตะโกนของหยาดฟ้าดังลั่นรถยนต์
“อะไรยัยฟ้า!” เหอเสี่ยวหงสะดุ้งตกใจ
ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานทั้งสองคนจึงพูดกันด้วยความสนิทสนม ต่างจากเวลาทำงานเพราะหยาดฟ้าเป็นลูกน้องจึงต้องให้เกียรติเจ้านาย หากมีคนอื่นมาว่าหล่อนตีตนเสมอนาย เหอเสี่ยวหงจะมีปัญหา
“ของที่เตรียมไว้แล้วมีอะไรบ้าง” เรื่องการที่เธอต้องย้อนกลับอดีตที่ผ่านมา หยาดฟ้าก็รู้เช่นกัน!
“ก็มียาสามัญประจำบ้านแล้วก็ยาสำคัญที่ต้องใช้ ผักผลไม้หลายสิบอย่าง สบู่ผลไม้รวมตระกูลเบอร์รีแล้วก็แยกหลายสิบล้านก้อน จักรเย็บผ้าเครื่องเล็ก 10 ตัว จักรยานที่แกไปเอฟมาหลายเดือนก่อน 10 คัน กล่องใส่อาหาร แก้วพลาสติก กะละมัง หม้อดิน หม้อเหล็ก กระทะ” เหอเสี่ยวหงบอกรายการบางส่วนที่จำได้ บางอย่างก็ถูกเธอเก็บใส่มิติเป็นสิบ ๆ ปี เธอจำได้ก็เก่งเกินไปแล้ว
“โห้! แกสบายเลยสิ” หยาดฟ้าอุทาน
เหอเสี่ยวหงหัวเราะ “ก็ตอนนั้นมันลำบากมาก พอมีโอกาสใครไม่อยากคว้าไว้ล่ะ”
“อ๋อจริงสิ ฉันสั่งผลไม้ตระกูลเบอร์รีทั้งแบบสดแล้วก็แห้งจากต่างประเทศมาให้ด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้เยอะมากไหมเพราะเขาบอกของตีกลับเยอะมากต้องจำกัด” หยาดฟ้าว่าพลางเลี้ยวรถหาที่จอด
เหอเสี่ยวหงที่เห็นว่าเพื่อนจอดรถแล้วก็เอ่ยบอก “ถ้าลุงฟ่านมาแล้วก็บอกให้แกขึ้นไปรอเลย”
เรื่องราวของหยาดฟ้าที่เหอเสี่ยวหงคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอะไรทั้งนั้นหยาดฟ้าในวัยสิบสองขวบเป็นเด็กสาวที่น่าสงสารคนหนึ่ง ตั้งแต่เด็กจนโตเธอไม่เคยเห็นหน้าผู้เป็นพ่อสักครั้ง แม่ให้เหตุผลว่าเลิกกันก่อนที่เธอจะลืมตาดูโลก และเล่าให้ฟังว่าพ่อติดเหล้าหนักมาก และชอบทุบตีแม่ที่กำลังท้องเธอเกือบห้าเดือน สุดท้ายแม่ทนไม่ไหวก็เลยเก็บเงินที่ซ่อนไว้หนีมาบ้านเกิดผู้เป็นยายและยายของเธอก็เป็นเพื่อนวัยเด็กของคุณย่าเหอ คุณย่าเหอที่สงสารก็เลยรับแม่ของเธอมาเป็นคนสนิท จนกระทั่งเธออายุสิบสองขวบก็เกิดข่าวร้ายแม่ของเธอมีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงหลังจากที่คลอดเธอออกมา และไม่ยอมเข้ารักษาอาการป่วยจนเกิดเรื้อรัง สุดท้ายจึงจากเธอไปวันนั้นหยาดฟ้าจำได้ดี เธอร้องไห้แทบใจขาดเมื่อคนที่อยู่กับเธอมาตลอดจากไป และเป็นวันเดียวกันที่มีคนเข้ามาช่วยพยุงเธอเอาไว้ นั่นก็คือคุณย่าเหอกับเหอเสี่ยวหง เพื่อนสนิทสาวพ่วงตำแหน่งเจ้านายของเธอ ถึงคุณย่าเหอกับเหอเสี่ยวหงไม่ได้เจ้ากี้เจ้าการกับตำแหน่ง และเธอก็ถือว่าเป็นหลานบุญธรรมของท่านแล้ว แต่เธอก็รู้ตัวดีว่าไม่ควรเอาตัวเองไปเทียบกับเหอเสี่ยวหงคุณย่าเหอเ
เหอเสี่ยวหงรู้สึกว่าช่วงนี้ดวงของสามีตกมาก เมื่อได้ที่ดินคืนมาแล้วทั้งโจวเหวินหลงกับพี่ชายใหญ่ก็จะพากันกลับ แต่ก็เกิดเรื่องอีกครั้งโจวกว่างโมโหที่ผู้เป็นพ่อยกบ้านและที่ดินให้กับพี่ชาย จึงลงมือกับคนเป็นแม่ด้วยอาการมึนเมา มีคนเข้าไปช่วยทันแต่อาการนางหลี่ซื่อก็หนักมาก เพราะไม่มีเงินไปหาหมอโจวเหวินหลงรับรู้และเขาก็ยังกลับฉงชิ่งไม่ได้ การกลับบ้านจึงต้องเลื่อนออกไปอีกหลายวัน ถึงนางหลี่ซื่อไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของโจวเหวินหลง โจวจือหยวน และโจวมี่ แต่นางก็เลี้ยงโจวมี่มา โจวมี่เลยมาขอร้องพี่ชายให้พานางหลี่ซื่อไปโรงพยาบาล“ถ้าคุณพานางไป ก็ไม่ต้องกลับมา” เหอเสี่ยวหงกล่าวเสียงเรียบในวันที่เธอแท้งลูก นางหลี่ซื่อไม่มีแม้แต่เชิญหมอมารักษาหรือพาเธอไปหาหมอ ปล่อยให้เธอแท้งลูกซ้ำยังบอกย่าโจวว่าเธอสะดุดขยะในห้องล้มอีก แม้นางหลี่ซื่อตายเธอก็ไม่เสียใจ‘ผมบอกพวกเขาแล้วครับ’มีไม่กี่เรื่องที่เหอเสี่ยวหงจะปฏิเสธสามี และครั้งนี้ต่อให้ใครมาขอร้องเหอเสี่ยวหงก็ไม่ยอม ลูกชายและลูกสะใภ้ หลานของนางก็ยังอยู่ ทำไมถึงต้องมาพึ่งสามีเธอด้วย อีกอย่างก่อนที่พวกเธอจะออกจากหมู่บ้าน นางหลี่ซื่อยังอยู่ในกลุ่มที่มาไล่พวกเธอเลย“ฉัน
เข้าสู่วันที่ห้าของการกลับบ้านของโจวเหวินหลง เหอเสี่ยวหงก็ได้รับข่าวร้าย สกุลโจวได้สิ้นผู้อาวุโวอย่างย่าโจวไปแล้ว นางจากไปด้วยโรคชราที่เป็นปัญหามาหลายปีเหอเสี่ยวหงส่ายหน้าเมื่อวางสายจากสามีไปหลังเขาติดต่อมา ในร้านน้ำชามีโทรศัพท์จึงไม่แปลกที่เหอเสี่ยวหงจะได้รับการติดต่อจากสามี ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาการย่าโจวทรุดหลังจากที่เธอพาครอบครัวกลับ“มีอะไรหรือเปล่าครับ”เป็นผู้จัดการหลงที่เก็บโต๊ะเสร็จถามเหอเสี่ยวหง เขาเห็นเจ้านายนั่งคุยกับปลายสายไม่นาน แต่ตอนนี้หล่อนกลับมีสีหน้าที่เคร่งเครียด“ไม่มีอะไรค่ะ เดี๋ยวถ้าเอาบัญชีร้านขึ้นไปบนห้อง ตามโจวต้านีให้ด้วยนะคะ” เหอเสี่ยวหงส่ายหน้า“ได้ครับ”โจวต้านียังไม่กลับมาทำงาน คงเพราะหลานสาวตัวน้อยของเธอป่วย อันที่จริงเธอก็บอกหล่อนแล้วว่าไม่ต้องมา แต่โจวต้านีก็รั้นมาจนได้“แม่คุยอะไรกับพ่อเหรอคะ”พอผู้จัดการหลงเดินออกจากร้านไป ก็เป็นซานนีที่ประจำร้านอยู่เอ่ยถาม หล่อนรู้แค่ว่ามารดาคุยกับใคร แต่จับใจความไม่ค่อยได้“ย่าโจวเสียแล้ว” เหอเสี่ยวหงถอนหายใจสำหรับเหอเสี่ยวหงแล้วเธอรู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วมาก อีกอย่างเรื่องที่เธอแท้งเมื่อยี่สิบปีก่อนก็ยังไม่ได้บอกย่าโจ
เหอเสี่ยวหงมองหน้าหลานสาวตัวน้อยนามเฟยฮวาวัยห้าเดือนในอ้อมแขนแล้วถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าสกุลเฟยตาบอดหรือยังไง ทำไมถึงมองไม่เห็นความน่ารักของหลานสาวตัวน้อยคิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเมื่อมองลูกสาวช่วยคนอื่นขนของโจวต้านีลงจากรถ หรือเพราะเธอไม่บังคับลูกสาวกันนะ ถึงไม่ได้มีหลานให้อุ้มแบบนี้ได้แต่อิจฉาสะใภ้ใหญ่ที่ได้ลูกเขยก่อนคนอื่น แล้วยังได้หลานก่อนคนอื่นอีก ยังดีที่สหายของเธอยังไม่มีหลาน เหอเสี่ยวหงจึงไม่ต้องทนฟังเสียงอวดหลาน“ให้ฉันอุ้มหลานบ้างสิ”สะใภ้ใหญ่เดินเข้ามาหาผู้เป็นน้องสะใภ้และน้องสาว ตั้งแต่ที่ลูกสาวอุ้มหลานสาวลงรถมา นางก็ยังไม่ได้อุ้มหลานเลย มีแต่เหอเสี่ยวหงที่อุ้มหลานแล้วไม่ยอมปล่อยให้ใครอุ้มต่อ“เดี๋ยวพี่ก็ได้อุ้มแล้ว” เหอเสี่ยวหงแย้งอย่างไม่จริงจังนักโจวต้านีขอเข้าทำงานพร้อมสามีในร้านผู้เป็นอากับอาสะใภ้ โดยที่แม่ของหล่อนยินดีที่จะดูแลหลานระหว่างที่พ่อกับแม่ของหลานทำงานแบบไม่เอาเงินสักเฟิน“หลับแล้ว” สะใภ้ใหญ่บอก“อืม”เหอเสี่ยวหงส่งหลานสาวให้ผู้เป็นยายแท้ ๆ อุ้ม แล้วตัวเองก็ออกมาช่วยทุกคนขนของเข้าบ้านตึกแถว ยังไงโจวต้านีก็แต่งออกแล้วจะให้ไปอยู่รวมกับครอบครัวก็ไม่ใช่ อีกอย
จากที่จะกลับไปพักผ่อนอยู่บ้านเกิดในช่วงปิดเทอมตามคำขอของสาว ๆ บ้านรองโจวก็ต้องกลับมาอยู่ที่ฉงชิ่ง เหอเสี่ยวหงเอ่ยขอโทษลูกสาวกับหลานสาวที่ต้องพากลับกระทันหัน ยิ่งกับอาสามแล้วเหอเสี่ยวหงยิ่งเอ่ยขอโทษอยู่หลายครั้งเหอเสี่ยวหงรู้ว่าอาสามอยากอยู่ที่บ้านเหอ แต่พอเหอเสี่ยวหงจะกลับเขาก็ไม่สามารถอยู่ต่อได้ เป็นห่วงหลาน ๆ หากปล่อยให้มาด้วยกัน“เอาไว้เรียนจบแม่ค่อยพากลับไปดีกว่า” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาวอีกตั้งหลายปีที่เด็ก ๆ จะเรียนจบ ทุกคนในหมู่บ้านก็คงจะลืมไปแล้ว อีกอย่างทุกคนก็รู้กฎหมายกันอย่างดี เหอเสี่ยวหงจึงไม่กลัวที่จะกลับไป แต่ครั้งนี้มันตั้งตัวไม่ทัน“ไม่กลับก็ได้ค่ะ อยู่นี่ก็ดีแล้ว” เอ้อร์นีเอ่ยตอบเป็นคนแรกหล่อนอยากกลับไปที่บ้านเกิดก็จริง แต่หล่อนกลัวเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีก ลึก ๆ แล้วหล่อนรู้ว่าแม่ของหล่อนเป็นห่วงเรื่องการบังคับแต่งงาน เอ้อร์นีไม่ใช่คนโง่ หล่อนถูกมารดาเลี้ยงมาอย่างดีแต่ก็ไม่ได้เลี้ยงให้โง่เขลา แม่ของหล่อนไม่ชอบการบังคับ หล่อนก็ไม่ชอบการบังคับเช่นเดียวกัน“ใช่ค่ะ ไม่กลับไปแล้วก็ได้” ลิ่วนีเอ่ยด้วยความหวาดกลัว หล่อนเป็นเด็กที่ตั้งแต่จำความได้ก็เติบโตมาในเมือง จึงไม่ร
เหอเสี่ยวหงเดินนำลูกสาวตามโจวเหวินหลงเข้าไปภายในบ้าน ชาวบ้านที่มามุงแหวกออกให้เข้าไป แต่พอเข้าไปแล้วก็กลับมามุงเหมือนเดิมครั้งก่อนอยู่เพียงนอกบ้าน แต่ครั้งนี้ที่ต้องเข้ามาในบ้านเพราะย่าโจวล้มป่วยอีกแล้ว ภายในบ้านที่ไม่ใหญ่จึงแคบลงถนัดตาเมื่อมีคนล้อมรอบ‘หลานสาวบ้านโจวแน่ ๆ’‘ฉันต้องทาบทามจากย่าโจวแล้ว’‘ฝันอยู่เหรอ บ้านรองโจวอยู่ในมือสะใภ้รองโจว คงจะให้ลูกสาวแต่งมาอยู่ชนบทหรอก!’‘ใครจะไปรู้ อีกอย่างสะใภ้ก็ต้องเชื่อฟังครอบครัวของสามี’‘ไม่ใช่ว่าแต่งงานกันแล้วรึ อายุขนาดนี้แล้ว’‘จริง ถ้ายังไม่แต่งคงจะไม่มีใครเอา’เหอเสี่ยวหงหันไปมองชาวบ้านที่นินทาลูกสาวของเธอ เรื่องที่ลูกสาวจะแต่งกับใครเหอเสี่ยวหงไม่ได้ห้าม ต่อให้ฝ่ายชายไม่มีเงินแต่ง ถ้าลูกสาวจะแต่งเธอก็ให้แต่ง สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่เป็นไร แต่คนอื่นจะเดือดร้อนด้วยทำไม“ลูกสาวฉันไม่แต่งงานแล้วทำไม”ชาวบ้านที่ซุบซิบอยู่หน้าบ้านเงียบปากกันลงทันที เมื่อสะใภ้รองโจวพูดขึ้น ใคร ๆ ก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเหอเสี่ยวหง“นี่ย่าทวด เป็นย่าของพ่อเรา”เหอเสี่ยวหงแนะนำย่าโจวให้ลูกสาวทำความเคารพ ซึ่งเด็ก ๆ รู้จัก แต่นี่ก็ไม่ได้มาเจอกันนานแล้ว เธอจึง
สาว ๆ ปิดเทอมสองเดือนในภาคเรียนแรก ที่ปิดนานขนาดนี้เพราะเพิ่งเปิดปีแรก จึงต้องปรับเปลี่ยนอะไรหลายอย่างจึงหยุดนานทุกคนมาปรึกษากันดูแล้ว ลูกสาวอยากกลับไปดูบ้านเกิดกันมาก โจวเหวินหลงจึงจะพาไป แต่รถคันเดียวไม่สามารถไปกันได้หมด จึงต้องซื้ออีกคันเพราะถ้าไม่ซื้อก็ไปกันไม่หมดแน่ ลำพังแค่ของก็เต็มรถแล้วแต่ครั้งนี้ต่างออกไป อาสามเหอจะไปด้วย รถที่ซื้ออีกคันก็เป็นเขาขับ ส่วนอาสี่ยังกลับไม่ได้เพราะเดินเรื่องยังไม่เสร็จ ซึ่งอาสี่เศร้ามาก หลายเดือนจนจะปีแล้วการลาออกยังไม่ถึงไหนเลย เหมือนทางกองทัพจะรั้งเขาไว้ด้วย การลาออกจึงถูกสกัดไว้“เดี๋ยวหนูกับซานนีแล้วก็เสี่ยวยวี่จะไปนั่งกับตาสามเอง” เอ้อร์นีบอกเพราะรถมีสองคันจึงต้องแบ่งกันนั่ง อีกอย่างถ้าจะเบียดกันไปก็คงจะไม่ได้“ดีเลยค่ะ หนูอยากนั่งกับแม่” ลิ่วนีพยักหน้าเหอเสี่ยวหงส่ายหัวก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เดินตรวจดูของพอเห็นว่าไม่ขาดอะไร ก็ไปสั่งงานผู้จัดการร้านไว้ “ฉันฝากร้านด้วยนะคะ ไม่มีกำหนดกลับ แต่ก่อนสาว ๆ จะเปิดเทอมแน่นอน” เหอเสี่ยวบอก“ได้ครับ คุณนายโจวไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะจัดการให้” ผู้จัดการหลงพยักหน้า“ส่วนบัญชีส่งให้ดูหลังวันหยุดนะคะ”
เหอเสี่ยวหงอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้าเพื่อมารอคุณลุงลี่โจวหูเอาใบชามาส่ง นี่ก็ผ่านมาสามวันตามที่เอ้อร์นีบอกว่าคุณลุงจะเป็นคนมาส่งใบชาเอง และเมื่อวานตอนเย็นคุณลุงติดต่อมาอีกครั้งว่ามาถึงฉงชิ่งแล้ว แต่เพราะมันมืดแล้วจึงจะพักกันก่อน พรุ่งนี้เช้าจึงจะมาส่งส่วนวันนี้โจวเหวินหลงไม่ได้ออกไปคุมช่าง เพราะวันนี้ทำแค่ความสะอาด และวันนี้เป็นวันที่อู๋นีบอกว่าจะกลับบ้านด้วย“ฉันลงไปรอข้างล่างนะคะ” เหอเสี่ยวหงบอกสามีที่แต่งตัวอยู่จริง ๆ เธอไม่ต้องเป็นคนรับของเองก็ได้ จะให้ผู้จัดการหลงรับเหมือนปกติก็ได้ แต่เนื่องจากครั้งนี้คุณลุงมาส่งเอง เหอเสี่ยวหงจึงต้องออกมาต้อนรับ“มากันครบแล้วเหรอ” เหอเสี่ยวหงถามพนักงาน“ครบแล้วค่ะ” เฟยหยางอิงตอบ“ไปทำความสะอาดที่เก็บใบชาเถอะ” เหอเสี่ยวหงพยักหน้าก่อนจะสั่งงาน“ได้ค่ะ”“ได้ครับ”ยังดีที่สามวันที่ผ่านมาลูกค้าที่จองห้องได้เข้าใช้ห้องครบทุกคิว เนื่องจากใบชามีเพียงพอต่อสองวัน และเมื่อวานก็เป็นวันหยุด ทุกคนไม่ได้ทำงานกัน วันนี้เหอเสี่ยวหงจึงต้องให้ทำความสะอาดห้องที่เก็บใบชา เวลาเก็บใบชาจะได้เก็บนาน ๆ อีกอย่างก็จะไม่ได้มีฝุ่นมาเกาะ“แม่!”เหอเสี่ยวหงสะดุ้งตกใจก่อนจะหัน
ตั้งแต่ที่ทำการซื้อขายใบชาจากไร่ชา เหอเสี่ยวหงซื้อใบชามาจากไร่ของคุณลุงลี่โจวหูคนเดียวเท่านั้น เพราะเธอได้เซ็นสัญญาเรื่องการซื้อขายเอาไว้ ปกติก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร คงจะมีแต่ช่วงนี้ที่มีปัญหา และใบชาก็ไม่ได้มาส่งเป็นเวลาสามวัน และคงไม่ถึงสองวันที่ใบชาที่มีจะหมดส่วนเรื่องผ้าผลตอบรับดีมาก ลูกค้าเก่าที่เคยซื้อแทบจะร้องไห้ออกมาเพราะอยากได้อีก บางคนก็ซื้อไปขายที่อื่นแต่เหอเสี่ยวหงก็ให้ราคาเต็ม ไม่ได้ลดราคาให้เพราะเธอไม่ได้ขายส่ง ส่วนจะเอาไปขายที่อื่นเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาซื้อไปแล้วยังดีที่ผ้าปักลายมีมากถึงพันกว่าม้วน จึงไม่ทำให้ของขาดตลาดเท่าไร จะมีก็แต่บางลายเท่านั้นที่เหอเสี่ยวหงให้สหายปักเพิ่ม ในหนึ่งวันจะได้ผ้าปักลายเพียงห้าม้วน หรือบางวันก็มากกว่าสิบม้วน อย่างสามวันที่ผ่านมาก็ปักลายผ้าได้ยี่สิบเก้าม้วน เหอเสี่ยวหงเก็บมันเอาไว้แยกอีกที่หนึ่ง เอาไว้ของในร้านหมดค่อยเอามาเพิ่มตอนนี้ทุกคนพยายามช่วยกันติดต่อไร่ชา เพราะต้องสอบถามเรื่องใบชาแต่ไม่มีใครรับสายเลย ไม่รู้ว่าเพราะรู้ว่าเป็นพวกเธอหรือเปล่าจึงไม่ยอมรับ หรือไม่ก็พวกเขามีปัญหากันจริง ๆ“อย่างนี้เราแย่แน่ ๆ เลยครับ” ผู้จัดการหลงเอ่
Komen