Share

บทที่5 เริ่มต้นใหม่

last update Последнее обновление: 2025-02-14 02:47:11

หลังจากแยกบ้านวันนี้ก็ผ่านมาสามวันแล้ว เหอเสี่ยวหงในตอนนี้ก็กำลังบำรุงร่างกายเพราะเพิ่งแท้งลูกและยืนนานเกินไปตกดึกจึงปวดท้องทำให้ล้มนอนอีกครั้ง

‘พี่สะใภ้ใหญ่’

‘อ้าว น้องสาวสามตื่นแล้วเหรอ’

‘ใช่ค่ะ  เสี่ยวจวี่ร้องไห้งอแงน่ะค่ะ’

เสียงทักทายของพี่สะใภ้และน้องสาวสามีดังขึ้นข้างนอกห้องของเหอเสี่ยวหง

เนื่องจากบ้านหลังนี้มี 8 ห้องนอน เหอเสี่ยวหงเลือกเอา 3 ห้อง เหอหรงหรงก็เลือกเอา 3 ห้อง โจวมี่เลือก 1 ห้อง มันจึงเหลือ 1 ห้อง ทั้งสามจึงตกลงกันว่าจะทำเป็นห้องครัว ส่วนห้องครัวเก่าก็จะทำเป็นห้องเก็บฟืน

บ้านหลังนี้อยู่ติดกับคลองน้ำที่ชาวบ้านใช้ แต่บ้านหลังนี้อยู่ต้นน้ำและมีกำแพงอ้อมสูง 2 เมตร ลานหน้าบ้านนั้นมีต้นไม้ต้นใหญ่ 2 ต้น ใต้ต้นไม้จะมีโต๊ะและเก้าอี้อยู่ 2-3 ตัว

ข้างบ้านด้านขวาจะมีห้องครัวเก่าที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นห้องเก็บฟืน กับมีบ่อน้ำที่มีไม่กี่บ่อในหมู่บ้าน ส่วนด้านหลังนั้นจะเป็นแปลงผักกับเล้าไก่เก่า

ภายในตัวบ้านจะคล้ายครึ่งวงกลม เมื่อเปิดประตูทางซ้ายจะเป็นห้องครัว ถัดจากห้องครัว 2 ห้อง จะเป็นห้องของเหอหรงหรง ส่วนอีกห้องจะเป็นห้องตรงข้ามกับประตู ข้างๆกันจะมีอีกห้องที่ยกให้โจวมี่ และทางด้านขวาจะเป็นห้องของเหอเสี่ยวหง

เหอเสี่ยวห้องนั้นนอนห้องที่อยู่ติดประตูและตรงข้ามห้องครัวกับลูกสาวคนเล็ก ส่วนลูกสาวคนโต คนรอง คนกลาง นอนห้องตรงกลางเพราะลูกๆเริ่มโตแล้วเหอเสี่ยวหงจึงแยกห้องนอน และเตียงเตานั้นเล็กเกินไป

ส่วนตรงกลางบ้านจะมีโต๊ะยาวที่สามารถนั่งได้หลายคนกับมีเก้าอีก 7 ตัว

ส่วนอาหารนั้นแน่นอนว่าต้องแยกกันทำเพราะทุกคนได้แยกบ้านกันแล้ว แต่ถ้าหากจะกินข้าวด้วยกันก็แค่ทำแล้วเอามารวมกันก็ได้

หม้อที่ได้จากการแยกบ้าน 1 ใบ กับโจวมี่ที่ได้มาจากบ้านอดีตสามี 1 ใบ พอดีกับเตาที่มีในบ้าน 2 เตา จึงทำให้การทำอาหารนั้นไม่ค่อยยุ่งยาก

แกร๊ก

“พี่สะใภ้ใหญ่ โจวมี่” เหอเสี่ยวหงเรียกทั้งสอง

“สะใภ้รองเป็นอย่างไรบ้าง มานั่งก่อน ๆ ” เหอหรงหรงมาพยุงเหอเสี่ยวหงไปนั่ง

สามวันที่ผ่านมาเหอเสี่ยวหงไม่ได้ลุกออกมาจากห้องเลย เพราะต้องพักร่างกายจะมีเหอหรงหรงกับโจวมี่เข้าไปดูอาการสลับกันบ้าง

ส่วนอาหารจะเป็นโจวเอ้อร์นีที่เป็นคนทำอาหาร ถึงแม้จะยังเด็กแต่เพราะเข้าครัวตั้งแต่เด็กจึงทำอาหารเป็นบ้าง

“เป็นอย่างไรบ้างคะพี่สะใภ้รอง” เป็นโจวมี่ที่เอ่ยถาม

“พี่ดีขึ้นแล้วจ้ะ” เหอเสี่ยวหงตอบ

“เฮ้อ หมดทุกข์สักทีนะ” เหอหรงหรงว่า

‘คิดแบบนั้นเหรอ’ เหอเสี่ยวหงคิดในใจ

“แล้วโจวมี่จะเอายังไงเหรอจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงถาม

“เดิมทีฉันจะเอาลูกมาฝากคุณแม่เลี้ยงน่ะค่ะ แต่จะจ้างเลี้ยง แต่คงจะไม่ได้แล้ว นี่ก็ใกล้หมดเวลาลาของฉันแล้ว” โจวมี่ว่าพลางป้อนนมลูกสาว

“แล้วทำไมถึงหย่ากับน้องเขยละจ๊ะ” เป็นเหอหรงหรงที่เป็นคนถาม

“ก็เพราะคนบ้านหลี่รู้ยังไงล่ะคะว่าพี่ชายใหญ่ฉันบาดเจ็บและพี่รองฉันถูกส่งไปที่อื่น! ก็เลยหาทางเขี่ยฉันออกเพราะสามีฉันไปชอบลูกสาวหัวหน้าแผนกฉัน! พอคลอดเสี่ยวจวี่ ก็บังคับฉันหย่า บอกว่าฉันไม่มีหลานชายให้ ยังดีที่พ่อสามียังมีเยื่อใยต่อหลานสาวบ้างก็เลยให้จักรเย็บผ้ากับจักรยานพ่วงข้างที่ได้เป็นสินสอดให้ฉัน เอาหม้อให้กับเงินอีกร้อยกว่าหยวน” โจวมี่พูดด้วยสีหน้าเจ็บปวด

คนบ้านหลี่ย่อมรู้ว่าตอนนี้บ้านโจวไม่ต่างกับนกที่ปีกหัก เพราะเสาหลักของบ้านคนหนึ่งก็บาดเจ็บ คนหนึ่งก็ถูกย้ายไปที่อื่น ทำให้ไม่มีใครเกรงกลัวโจวมี่และบังคับหย่า

“คนบ้านหลี่นี่ก็จริงๆ พอจะแต่งก็แทบกราบเท้า พอจะหย่าก็หย่า!” เหอหรงหรงโมโห

ลูกสาวที่แต่งออกจากบ้านก็เหมือนกับน้ำที่ถูกสาดออก แล้วหากถูกหย่าก็ไม่มีใครอยากแต่งงานด้วยอีก ในตอนนี้ยังไม่ได้พัฒนามาก หากถูกหย่าและกลับบ้านเดิมก็จะถูกนินทา!

“ยังดีนะคะ ที่บ้านหลี่ได้ซื้อนมไว้แล้วเพราะคิดว่าจะได้หลานชาย พอหย่าฉันก็ให้นมผงมา 5 กระปุก!” โจวมี่ว่า

“โอ้ ดีจริง ๆ” เหอเสี่ยวหงเห็นด้วย

หากจะซื้อของต้องมีคูปองและเส้นสายกับความเร็วบ้างถึงจะซื้อได้ เพราะของเป็นที่ต้องการมาก บ้านหลี่มีตำแหน่งในร้านค้าของรัฐหลายแห่งจึงซื้อได้แต่ก็ต้องจ่ายเงินอีกหลายหยวนเพื่อซื้อ

ตอนนี้เสี่ยวจวี่ยังกินนมของโจวมี่อยู่ นม 5 กระป๋องจึงยังไม่ได้ใช้ แต่ถ้าเสี่ยวจวี่ต้องกินนมผง อย่างน้อยก็อยู่ได้เดือนเดียวกับอย่างมากก็สองเดือน

“เอาอย่างนี้ไหม เอาเสี่ยวจวี่ให้พี่เลี้ยงให้ก่อน เธอจะได้ทำงานได้!” เหอหรงหรงบอกโจวมี่

จริงๆเหอเสี่ยวหงก็อยากเป็นคนเลี้ยงอยู่หรอกแต่ก็เพราะตอนนี้เหอเสี่ยวหงยังมีลูกสาวที่ต้องบำรุงร่างกายอยู่ จึงไม่สามารถรับปากว่าจะเลี้ยงให้ได้

“จริงเหรอคะ! ฉันจะให้เงินพี่ 6 หยวนต่อเดือนให้ดู เสี่ยวจวี่และเสี่ยวยวี่ให้ฉัน!” โจวมี่เหมือนเห็นแสงสว่าง

“ใช่จ้ะ ตอนนี้สะใภ้รองร่างกายไม่สะดวก พี่จะดูแลให้เอง” เหอหรงหรงยิ้ม

เหอเสี่ยวหงนั้นเพิ่งแท้งลูกไป อีกทั้งยังมีลูกสาวอีกสี่คนหากจะให้เลี้ยงคงจะไม่ได้ หล่อนมีลูกสาวสามคน คนโตกับคนกลางก็ดูแลตัวเองได้แล้ว เพราะฉะนั้นหล่อนจึงนับว่าเหมาะสมกว่าเหอเสี่ยวหง

แอ้ แอ้ แง่!~

“เอาเสี่ยวจวี่ไปนอนเถอะจ้ะ” เหอเสี่ยวหงบอกเพราะเสี่ยวจวี่เริ่มร้องไห้แล้ว

“ได้ค่ะ! ไปเถอะเสี่ยวยวี่” โจวมี่เรียกลูกสาวคนโต

จริง ๆ แล้วลูกสาวคนโตหล่อนชื่อว่า ‘หลี่ยวี่’ ลูกสาวคนเล็กชื่อว่า ‘หลี่จวี่’ แต่เพราะหย่ากันแล้วหล่อนจึงไม่อยากเกี่ยวของกันจึงไม่เรียกชื่อเต็มของลูกสาว

หลังจากโจวที่พาลูกสาวเข้าห้องไปก็เหลือเพียงเหอเสี่ยวหงกับเหอหรงหรง ส่วนลูกสาวนั้นเล่นกันอยู่ในห้อง

“คะ?” เหอเสี่ยวหงสงสัย

เพราะเมื่อโจวมี่เข้าห้องไป เหอหรงหรงก็เอาเงินออกมายื่นให้เหอเสี่ยวหงพร้อมกับตั๋วคูปองปึกใหญ่

“นี่คือเงิดชดเชยที่บาดเจ็บของสามีฉันเอง ทางนู้นส่งมาให้ในวันที่เราแยกบ้านกันพอดีแต่ฉันไม่ได้เอาออกมา” เหอหรงหรงบอก

“แต่นี่ของพี่ชายใหญ่นะคะ มันก็เป็นของบ้านใหญ่ก็ถูกแล้ว” เหอเสี่ยวหงตอบ

“เอาไปเถอะ! ถ้าไม่มีเธอเราก็ไม่ได้แยกบ้าน!” เหอหรงหรงยัดเงินและตั๋วคูปองใส่มือน้องสาวที่พ่วงตำแหน่งน้องสะใภ้

เพราะฉะนั้นเหอเสี่ยวหงจึงได้เงินเพิ่มมา บวกเงินตอนแยกบ้านและเงินเก็บที่มี เหอเสี่ยวหงก็พบว่าเธอมีเงินมากกว่าสองพันหยวน!! ไหนจะมีคูปองปึกใหญ่อีก

“ถ้าโรงเรียนในตำบลเปิด ฉันจะส่งลูกสาวเข้าเรียน!” เหอเสี่ยวหงพูดต่อ

เพราะตอนนี้โรงเรียนปิดให้เด็ก ๆ ไปช่วยผู้ปกครองเก็บเกี่ยวผลผลิตอยู่จึงจำเป็นต้องปิดโรงเรียน

ในตำบลจะมีโรงเรียนประถมของหน่วยผลิตอยู่แห่งหนึ่ง ค่าเรียนปีละ 10 หยวน เรียน 5 ปี! ไม่รวมค่าอื่นๆอย่างน้อยก็ต้องมี 50 หยวน!! ทำให้ไม่มีใครอยากส่งลูกหลานเรียน หากส่งเรียนแล้วคนในครอบครัวต้องอดจะส่งไปเรียนทำไม?

แต่ก็สามารถสอบเทียบระดับได้หากทั่นใจว่าจะผ่านเพราะจะได้ประหยัดค่าเล่าเรียนด้วย

ประถมเรียน 5 ปี มัธยมต้นและมัธยมปลายเรียนชั้นละ 2 ปี!

เพราะในตอนที่พ่อโจวยังมีชีวิตอยู่ ถึงนางหลี่ซือไม่มีอำนาจมากแต่นางก็กลัวลูกชายนางไม่มีเงินใช้ จึงบอกพ่อโจวว่าเงินไม่พอที่จะส่งหลานสาวเรียนทั้งหมดเพราะโจวกว่างเรียนอยู่ ถึงพอโจวจะรักลูกเท่าๆกันแต่แน่นอนว่าลูกชายกับหลานสาวพ่อโจวเลือกลูกชาย

ถึงแม้พวกนางยืนยันจะส่งลูกสาวเข้าเรียนเหมือนพวกนางก็ไม่สามารถทำได้ ในเวลานั้นเป็นช่วงที่พ่อโจวล้มป่วยด้วย นางหลี่ซือจึงมีข้ออ้างมากขึ้น

ลูกสาวของเธอจึงได้เรียนแค่ที่เธอสอนและในเวลาที่จะนอนแล้วเท่านั้น เพราะเวลาอื่นต้องทำงาน!

“พอดีเลย! ฉันก็จะส่งต้านีกับซือนีของฉันไปเรียนด้วย!!” เหอหรงหรงตาลุกวาว

พวกเธอเป็นคนบ้านเหอ แน่นอนว่าพวกเธอได้เรียนในระดับมัธยม! แต่มีเพียงเหอเสี่ยวหงจบในระดับมัธยมปลาย ส่วนเหอหรงหรงนั้นเรียนจบแค่มัธยมต้นเพราะถึงแม้บ้านเหอจะมีเงิน แต่เหอหรงหรงรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่มีความสามารถเท่าเหอเสี่ยวหง จึงเรียนจบแค่มัธยมต้นเท่านั้น

“ฉันจะให้เอ้อร์นีกับซานนีไปเรียนก่อน แล้วปีหน้าค่อยส่งอู๋นีไปด้วย” เหอเสี่ยวหงบอก

“ใช่ อู๋นียังเด็ก” เหอหรงหรงพยักหน้า

“ต้องถามโจวมี่ด้วยจะให้เสี่ยวจวี่เข้าเรียนไหม” เหอหรงหรงพูดต่อ

“ใช่” เหอเสี่ยวหงเห็นด้วย

“ฉันว่าจะไปอำเภอน่ะค่ะ พี่จะฝากซื้ออะไรไหม” เหอเสี่ยวหงถามต่อ

“ไม่จ้ะ” เหอหรงหรงปฏิเสธ

“ฉันฝากลูกฉันด้วยนะคะ”

“ได้” เหอหรงหรงพยักหน้าตอบ

เพราะในวันนี้เหอเสี่ยวหงจะไปซื้อพวกของมาไว้กินกับลูก ๆ หากเธอเอาของออกมาโดยที่ไม่มีที่มาจะมีคนสงสัยเอาได้ และเธอก็จะไปหาดูลู่ทางทำเงินสักหน่อย

ของที่ได้มาตอนแยกบ้านมันไม่ได้ลดลงมากเพราะโจวเอ้อร์หงหรือที่เธอเรียกว่าเอ้อร์นี

นั้นเวลาที่ต้องมาช่วยทำอาหารต้องใช้น้อยที่สุด จึงไม่กล้าใช้ทำอาหารเยอะ

คิดว่าจะเอาพวกเนื้อออกไปขายสัก 2-3 ชั่งอย่างน้อยก็น่าจะได้สัก 3-4 หยวน ถึงแม้จะน้อยแต่ก็ดีกว่าไม่มีรายได้เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าโจวเหวินหลงเป็นอย่างไรบ้าง

ตั้งแต่ที่โจวเหวินหลงย้ายไปทำงานที่อื่นชั่วคราวหลังพ่อโจวเสียชีวิตก็จะ 2 เดือนแล้ว

พอบอกสะใภ้ใหญ่ว่าจะเข้าอำเภอ เหอเสี่ยวหงก็ไปยืมรถจักรยานกับโจวมี่ แล้วออกไปอาบน้ำที่บ่อข้างบ้าน

หลังจากอาบน้ำเสร็จเหอเสี่ยวหงก็แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กับกางเกงยีนสีดำที่โจวเหวินหลงเคยซื้อให้ เมื่อกำลังจะออกจากห้องจึงหันไปบอกลูกสาวคนโต

“เอ้อร์นีจ๊ะ แม่จะไปข้างนอก หนูดูแลน้องด้วยนะจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาว

“ได้ค่ะ!” โจวเอ้อร์นีรับคำ

“ฉันไปแล้วนะคะ!!”

หลังจากออกจากห้องก็หันไปตะโกนบอกเหอหรงหรงที่อยู่ในห้อง จากนั้นก็ออกมาหน้าบ้านแต่ก็ได้ยินเหอหรงพูดตามหลังมาแต่ก็ไม่รู้ว่าบอกอะไร

เหอเสี่ยวหงปั่นจักรยานพ่วงข้างที่มีตะกร้า 2-3 อันอยู่ผ่านหมู่บ้านและผ่านแปลงนาเพราะถึงไม่อยากขี่ผ่านทางนี้ก็คงไม่ได้เพราะมันมีทางเดียว

ระหว่างทางเหอเสี่ยวหงที่ค่อย ๆ ปั่นในช่วงเวลาสายของวันจึงเห็นคนทำงานในแปลงนา

‘สะใภ้บ้านรองโจวจะไปไหนนั่น’ ชาวบ้านที่กำลังถอนวัชพืชกลุ่มหนึ่งพูดคุยกัน

‘เหอะ! คงจะไปใช้เงินน่ะสิ! หล่อนขอแยกบ้านแล้วเอาเงินไปหลายร้อยหยวน!’

 จางซือสะใภ้รองบ้านจางที่อยู่ข้างบ้านโจวเอ่ยขึ้นอย่างดูแคลน

นางเป็นคนนอกหมู่บ้านที่แต่งเข้าบ้านจางก่อนที่เหอเสี่ยวหงแต่งเข้าบ้านโจวไม่กี่วัน! แต่เหอเสี่ยวหงกลับมีลูกก่อนนางเป็นปี นางถูกแม่สามีด่าว่าไร้ความสามารถเป็นปี!

 ในขณะที่เหอเสี่ยวหงแม่สามีไม่กล้าด่าที่มีลูกเป็นผู้หญิงเพราะสามีของเหอเสี่ยวหงเป็นพนักงานที่มีเงินเดือน! นางที่แต่งเข้าบ้านจาง 2 ปี กลับคลอดลูกสาวออกมาให้แม่สามีด่าหนักกว่าเดิม!

‘โอ้ ทำไมเจ้ารู้’ ชาวบ้านที่ทำงานด้วยกันอุทาน

‘ทำไมจะไม่รู้? วันนั้นฉันหยุดงานแล้วได้ยินเลขาธิการหม่าพูด!’ วันนั้นหล่อนเป็นลมจึงต้องกลับไปพักที่บ้าน

‘โอ้! สามีไม่อยู่แทนที่จะกตัญูญูต่อแม่ของสามี!’ ชาวบ้านอีกคนว่า

‘ใช่’ หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย

เสียงที่ชาวบ้านนินทาเหอเสี่ยวหงนั้นไม่เบาเพราะแต่ละคนถึงจะทำงานบริเวณเดียวกันแต่ก็ห่างกันอยู่ไม่น้อยจึงต้องพูดคุยกันเสียงดัง แต่เหอเสี่ยวหงทำเป็นไม่ได้ยิน

ในยุคนี้หากแยกบ้านนั้น พ่อกับแม่ต้องเสียชีวิตเท่านั้น เพราะถ้าแยกบ้านตอนพ่อและแม่ยังมีชีวิตอยู่จะเป็นการอกตัญญู!

แต่เหอเสี่ยวหงไม่สนใจ เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะนางหลี่ซือไม่ใช่แม่ของสามีเธอ!

สองข้างทางจากหมู่บ้านโจวไปตำบลถ้าเดินใช้เวลาครึ่งชั่วโมงหากใช้รถจักรยานไม่ถึง 20 นาที แต่ถ้าไปอำเภอเดินใช้เวลา 2 ชั่วโมง มีจักรยานอย่างเร็วสุด 1 ชั่วโมง!

ในใจของเหอเสี่ยวหงนั้นอยากจะย้ายเข้ามาอยู่ในอำเภอเลย เพราะมันมีความสะดวกสบายมากกว่าอยู่หมู่บ้านยากจนอย่างหมู่บ้านโจว

 แต่ก็นั่นแหละถ้าออกมาโดยที่มีแค่เธอและลูกจะถูกสงสัยเรื่องเงินทันที เพราะเธอคิดที่จะขายของเก็งกำไร!

เมื่อปั่นมาได้ครึ่งทางเหอเสี่ยวหงก็จอดพักเพราะเธอเหนื่อยและไม่อยากฝืนร่างกายเกินไป  พอหายเหนื่อยก็ปั่นต่อและเป็นแบบนี้มาตลอดทาง กว่าจะถึงอำเภอก็ใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมง!

อันดับแรกที่เหอเสี่ยวหงไปนั่นก็คือตลาดมืด! เมื่อก่อนเหอเสี่ยวหงไม่เคยมาเลยเพราะอย่างที่รู้ ๆ ว่าตลาดมือคืออะไร

และแน่นอนว่าถ้าไม่เคยมาย่อมไม่รู้รหัส เหอเสี่ยวหงจึงจ่ายเงินติดสินบนผู้คุมทางเข้าไป 1 เหมา

ภายในตลาดมืดนั้นคนคึกคักเป็นอย่างมาก แต่เสียงกลับไม่ดังแต่ก็ไม่เบา

 เหอเสี่ยวหงที่ใส่ผ้าคลุมหัวแล้วเก็บจักรยานเข้ามิติจากนั้นหยิบสบู่กลิ่นผลไม้รวมของตระกูลเบอร์รี่ออกมา 10 ก้อนและไข่ไก่ 1 แผง จากที่ตอนแรกจะเอาหมูมาขาย

“คุณป้ามองหาอะไรคะ? ให้ฉันช่วยหาไหม” เหอเสี่ยวหงรีบตรงไปที่ผู้หญิงวัยกลางคนที่เหมือนกำลังมองหาอะไรอยู่แล้วเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา

“ฉันมองหาไข่ไก่นะจ้ะ พอดีที่บ้านหลานสาวฉันหล่อนชอบกินมาก แต่วันนี้มันหมดฉันเลยมาซื้อแต่หาไม่เจอเลย”

 คุณป้าที่เหอเสี่ยวหงเรียกนั้นที่บ้านมีลูกชายเป็นทหารและมีหลานสาวคนเดียวหล่อนจึงเลี้ยงหลานอย่างดีด้วยไข่ไก่ที่อย่างน้อยก็ต้องได้กินวันละ 2 ฟอง! แต่วันนี้ร้านที่ซื้อประจำกลับไม่มา

“คุณป้าคะ! พอดีฉันมีของนะคะ” เหอเสี่ยวหงรีบบอก

“โอ้! เธอมีจริงๆเหรอ!” คุณป้าอุทาน

“ใช่ค่ะ ฉันมีอยู่ 6 ชั่ง นี่ค่ะ ดูได้เลย” เหอเสี่ยวหงเปิดตะกร้าที่ใช้ผ้าปิดไว้ออกและข้างในมันมีไข่แผง 1 และสบู่ที่ซีลใซ่ถุงใส่อยู่อีกทาง

“โอ้! เธอมีไข่ไก่ใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ! ฉันเอาทั้งหมด!” คุณป้าอุทานตกใจอีกรอบที่เห็นไข่ไก่

ไข่ไก่ใน ปี2022 มีขนาดใหญ่กว่าไข่ไก่ใน ปี1960 ไข่ไก่ใน ปี1960 2 ฟอง ค่อยมีขนาดใหญ่เท่าไข่ไก่ใน ปี2022

“แต่ไข่ไก่ของฉันมีราคามากกว่าปกตินะคะ!” เหอเสี่ยวหงรีบบอกเพราะเดี๋ยวจะหาว่าเธอโกง

“แล้วเท่าไรละจ๊ะ” คุณป้าถาม

“ 6 ชั่ง 1 หยวนค่ะ” เหอเสี่ยวหงที่คิดราคาในใจแล้วตอบคุณป้า

“แพงจัง! 8 เหมา 5 เฟิน ได้ไหม” คุณป้าที่ตอนแรกคิดว่าราคามันจะเป็นราคาที่ขายในตลาดมืดก็ต่อรองราคากับเหอเสี่ยวหง

“คุณป้าดูไข่ของฉันซิคะ! ถ้าผัด 3 ฟองก็กินได้ทั้งครอบครัว ไม่ต้องใช้คูปอง ปกติไข่ไก่ชั่งละ 1 เหมา แต่นี่ที่ไหนคะ? ไม่ต้องใช้คูปอง ไข่ไก่ก็ฟองใหญ่ ถ้าไม่เอาก็ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปแล้ว” เหอเสี่ยวหงเดินออก

เรื่องอะไรที่เธอจะลดราคาล่ะ! ถ้าซื้อในสหกรณ์ต้องใช้คูปอง 3 ใบ กับเงินอีก 6 เหมา! ถ้าซื้อในตลาดมืดราคาจะอยู่ที่ 1 เหมา 2 เฟิน ถึง 1 เหมา 4 เฟิน หรือบางทีถ้าใช้คูปองด้วยอาจได้ราคาถูกกว่า

“เดี๋ยวจ้ะ! ฉันจะเอาทั้งหมดเลย!”

เหอเสี่ยวหงยกยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดี

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทพิเศษ 1 หยาดฟ้า

    เรื่องราวของหยาดฟ้าที่เหอเสี่ยวหงคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอะไรทั้งนั้นหยาดฟ้าในวัยสิบสองขวบเป็นเด็กสาวที่น่าสงสารคนหนึ่ง ตั้งแต่เด็กจนโตเธอไม่เคยเห็นหน้าผู้เป็นพ่อสักครั้ง แม่ให้เหตุผลว่าเลิกกันก่อนที่เธอจะลืมตาดูโลก และเล่าให้ฟังว่าพ่อติดเหล้าหนักมาก และชอบทุบตีแม่ที่กำลังท้องเธอเกือบห้าเดือน สุดท้ายแม่ทนไม่ไหวก็เลยเก็บเงินที่ซ่อนไว้หนีมาบ้านเกิดผู้เป็นยายและยายของเธอก็เป็นเพื่อนวัยเด็กของคุณย่าเหอ คุณย่าเหอที่สงสารก็เลยรับแม่ของเธอมาเป็นคนสนิท จนกระทั่งเธออายุสิบสองขวบก็เกิดข่าวร้ายแม่ของเธอมีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงหลังจากที่คลอดเธอออกมา และไม่ยอมเข้ารักษาอาการป่วยจนเกิดเรื้อรัง สุดท้ายจึงจากเธอไปวันนั้นหยาดฟ้าจำได้ดี เธอร้องไห้แทบใจขาดเมื่อคนที่อยู่กับเธอมาตลอดจากไป และเป็นวันเดียวกันที่มีคนเข้ามาช่วยพยุงเธอเอาไว้ นั่นก็คือคุณย่าเหอกับเหอเสี่ยวหง เพื่อนสนิทสาวพ่วงตำแหน่งเจ้านายของเธอ ถึงคุณย่าเหอกับเหอเสี่ยวหงไม่ได้เจ้ากี้เจ้าการกับตำแหน่ง และเธอก็ถือว่าเป็นหลานบุญธรรมของท่านแล้ว แต่เธอก็รู้ตัวดีว่าไม่ควรเอาตัวเองไปเทียบกับเหอเสี่ยวหงคุณย่าเหอเ

  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่ 77 บทส่งท้าย

    เหอเสี่ยวหงรู้สึกว่าช่วงนี้ดวงของสามีตกมาก เมื่อได้ที่ดินคืนมาแล้วทั้งโจวเหวินหลงกับพี่ชายใหญ่ก็จะพากันกลับ แต่ก็เกิดเรื่องอีกครั้งโจวกว่างโมโหที่ผู้เป็นพ่อยกบ้านและที่ดินให้กับพี่ชาย จึงลงมือกับคนเป็นแม่ด้วยอาการมึนเมา มีคนเข้าไปช่วยทันแต่อาการนางหลี่ซื่อก็หนักมาก เพราะไม่มีเงินไปหาหมอโจวเหวินหลงรับรู้และเขาก็ยังกลับฉงชิ่งไม่ได้ การกลับบ้านจึงต้องเลื่อนออกไปอีกหลายวัน ถึงนางหลี่ซื่อไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของโจวเหวินหลง โจวจือหยวน และโจวมี่ แต่นางก็เลี้ยงโจวมี่มา โจวมี่เลยมาขอร้องพี่ชายให้พานางหลี่ซื่อไปโรงพยาบาล“ถ้าคุณพานางไป ก็ไม่ต้องกลับมา” เหอเสี่ยวหงกล่าวเสียงเรียบในวันที่เธอแท้งลูก นางหลี่ซื่อไม่มีแม้แต่เชิญหมอมารักษาหรือพาเธอไปหาหมอ ปล่อยให้เธอแท้งลูกซ้ำยังบอกย่าโจวว่าเธอสะดุดขยะในห้องล้มอีก แม้นางหลี่ซื่อตายเธอก็ไม่เสียใจ‘ผมบอกพวกเขาแล้วครับ’มีไม่กี่เรื่องที่เหอเสี่ยวหงจะปฏิเสธสามี และครั้งนี้ต่อให้ใครมาขอร้องเหอเสี่ยวหงก็ไม่ยอม ลูกชายและลูกสะใภ้ หลานของนางก็ยังอยู่ ทำไมถึงต้องมาพึ่งสามีเธอด้วย อีกอย่างก่อนที่พวกเธอจะออกจากหมู่บ้าน นางหลี่ซื่อยังอยู่ในกลุ่มที่มาไล่พวกเธอเลย“ฉัน

  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่ 76 สิ้นย่าโจว

    เข้าสู่วันที่ห้าของการกลับบ้านของโจวเหวินหลง เหอเสี่ยวหงก็ได้รับข่าวร้าย สกุลโจวได้สิ้นผู้อาวุโวอย่างย่าโจวไปแล้ว นางจากไปด้วยโรคชราที่เป็นปัญหามาหลายปีเหอเสี่ยวหงส่ายหน้าเมื่อวางสายจากสามีไปหลังเขาติดต่อมา ในร้านน้ำชามีโทรศัพท์จึงไม่แปลกที่เหอเสี่ยวหงจะได้รับการติดต่อจากสามี ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาการย่าโจวทรุดหลังจากที่เธอพาครอบครัวกลับ“มีอะไรหรือเปล่าครับ”เป็นผู้จัดการหลงที่เก็บโต๊ะเสร็จถามเหอเสี่ยวหง เขาเห็นเจ้านายนั่งคุยกับปลายสายไม่นาน แต่ตอนนี้หล่อนกลับมีสีหน้าที่เคร่งเครียด“ไม่มีอะไรค่ะ เดี๋ยวถ้าเอาบัญชีร้านขึ้นไปบนห้อง ตามโจวต้านีให้ด้วยนะคะ” เหอเสี่ยวหงส่ายหน้า“ได้ครับ”โจวต้านียังไม่กลับมาทำงาน คงเพราะหลานสาวตัวน้อยของเธอป่วย อันที่จริงเธอก็บอกหล่อนแล้วว่าไม่ต้องมา แต่โจวต้านีก็รั้นมาจนได้“แม่คุยอะไรกับพ่อเหรอคะ”พอผู้จัดการหลงเดินออกจากร้านไป ก็เป็นซานนีที่ประจำร้านอยู่เอ่ยถาม หล่อนรู้แค่ว่ามารดาคุยกับใคร แต่จับใจความไม่ค่อยได้“ย่าโจวเสียแล้ว” เหอเสี่ยวหงถอนหายใจสำหรับเหอเสี่ยวหงแล้วเธอรู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วมาก อีกอย่างเรื่องที่เธอแท้งเมื่อยี่สิบปีก่อนก็ยังไม่ได้บอกย่าโจ

  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่ 75 เฟยฮวา

    เหอเสี่ยวหงมองหน้าหลานสาวตัวน้อยนามเฟยฮวาวัยห้าเดือนในอ้อมแขนแล้วถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าสกุลเฟยตาบอดหรือยังไง ทำไมถึงมองไม่เห็นความน่ารักของหลานสาวตัวน้อยคิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเมื่อมองลูกสาวช่วยคนอื่นขนของโจวต้านีลงจากรถ หรือเพราะเธอไม่บังคับลูกสาวกันนะ ถึงไม่ได้มีหลานให้อุ้มแบบนี้ได้แต่อิจฉาสะใภ้ใหญ่ที่ได้ลูกเขยก่อนคนอื่น แล้วยังได้หลานก่อนคนอื่นอีก ยังดีที่สหายของเธอยังไม่มีหลาน เหอเสี่ยวหงจึงไม่ต้องทนฟังเสียงอวดหลาน“ให้ฉันอุ้มหลานบ้างสิ”สะใภ้ใหญ่เดินเข้ามาหาผู้เป็นน้องสะใภ้และน้องสาว ตั้งแต่ที่ลูกสาวอุ้มหลานสาวลงรถมา นางก็ยังไม่ได้อุ้มหลานเลย มีแต่เหอเสี่ยวหงที่อุ้มหลานแล้วไม่ยอมปล่อยให้ใครอุ้มต่อ“เดี๋ยวพี่ก็ได้อุ้มแล้ว” เหอเสี่ยวหงแย้งอย่างไม่จริงจังนักโจวต้านีขอเข้าทำงานพร้อมสามีในร้านผู้เป็นอากับอาสะใภ้ โดยที่แม่ของหล่อนยินดีที่จะดูแลหลานระหว่างที่พ่อกับแม่ของหลานทำงานแบบไม่เอาเงินสักเฟิน“หลับแล้ว” สะใภ้ใหญ่บอก“อืม”เหอเสี่ยวหงส่งหลานสาวให้ผู้เป็นยายแท้ ๆ อุ้ม แล้วตัวเองก็ออกมาช่วยทุกคนขนของเข้าบ้านตึกแถว ยังไงโจวต้านีก็แต่งออกแล้วจะให้ไปอยู่รวมกับครอบครัวก็ไม่ใช่ อีกอย

  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่ 74 เอ้อร์นีมีความรัก

    จากที่จะกลับไปพักผ่อนอยู่บ้านเกิดในช่วงปิดเทอมตามคำขอของสาว ๆ บ้านรองโจวก็ต้องกลับมาอยู่ที่ฉงชิ่ง เหอเสี่ยวหงเอ่ยขอโทษลูกสาวกับหลานสาวที่ต้องพากลับกระทันหัน ยิ่งกับอาสามแล้วเหอเสี่ยวหงยิ่งเอ่ยขอโทษอยู่หลายครั้งเหอเสี่ยวหงรู้ว่าอาสามอยากอยู่ที่บ้านเหอ แต่พอเหอเสี่ยวหงจะกลับเขาก็ไม่สามารถอยู่ต่อได้ เป็นห่วงหลาน ๆ หากปล่อยให้มาด้วยกัน“เอาไว้เรียนจบแม่ค่อยพากลับไปดีกว่า” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาวอีกตั้งหลายปีที่เด็ก ๆ จะเรียนจบ ทุกคนในหมู่บ้านก็คงจะลืมไปแล้ว อีกอย่างทุกคนก็รู้กฎหมายกันอย่างดี เหอเสี่ยวหงจึงไม่กลัวที่จะกลับไป แต่ครั้งนี้มันตั้งตัวไม่ทัน“ไม่กลับก็ได้ค่ะ อยู่นี่ก็ดีแล้ว” เอ้อร์นีเอ่ยตอบเป็นคนแรกหล่อนอยากกลับไปที่บ้านเกิดก็จริง แต่หล่อนกลัวเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีก ลึก ๆ แล้วหล่อนรู้ว่าแม่ของหล่อนเป็นห่วงเรื่องการบังคับแต่งงาน เอ้อร์นีไม่ใช่คนโง่ หล่อนถูกมารดาเลี้ยงมาอย่างดีแต่ก็ไม่ได้เลี้ยงให้โง่เขลา แม่ของหล่อนไม่ชอบการบังคับ หล่อนก็ไม่ชอบการบังคับเช่นเดียวกัน“ใช่ค่ะ ไม่กลับไปแล้วก็ได้” ลิ่วนีเอ่ยด้วยความหวาดกลัว หล่อนเป็นเด็กที่ตั้งแต่จำความได้ก็เติบโตมาในเมือง จึงไม่ร

  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่ 73 ลูกสาวบ้านรองโจว

    เหอเสี่ยวหงเดินนำลูกสาวตามโจวเหวินหลงเข้าไปภายในบ้าน ชาวบ้านที่มามุงแหวกออกให้เข้าไป แต่พอเข้าไปแล้วก็กลับมามุงเหมือนเดิมครั้งก่อนอยู่เพียงนอกบ้าน แต่ครั้งนี้ที่ต้องเข้ามาในบ้านเพราะย่าโจวล้มป่วยอีกแล้ว ภายในบ้านที่ไม่ใหญ่จึงแคบลงถนัดตาเมื่อมีคนล้อมรอบ‘หลานสาวบ้านโจวแน่ ๆ’‘ฉันต้องทาบทามจากย่าโจวแล้ว’‘ฝันอยู่เหรอ บ้านรองโจวอยู่ในมือสะใภ้รองโจว คงจะให้ลูกสาวแต่งมาอยู่ชนบทหรอก!’‘ใครจะไปรู้ อีกอย่างสะใภ้ก็ต้องเชื่อฟังครอบครัวของสามี’‘ไม่ใช่ว่าแต่งงานกันแล้วรึ อายุขนาดนี้แล้ว’‘จริง ถ้ายังไม่แต่งคงจะไม่มีใครเอา’เหอเสี่ยวหงหันไปมองชาวบ้านที่นินทาลูกสาวของเธอ เรื่องที่ลูกสาวจะแต่งกับใครเหอเสี่ยวหงไม่ได้ห้าม ต่อให้ฝ่ายชายไม่มีเงินแต่ง ถ้าลูกสาวจะแต่งเธอก็ให้แต่ง สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่เป็นไร แต่คนอื่นจะเดือดร้อนด้วยทำไม“ลูกสาวฉันไม่แต่งงานแล้วทำไม”ชาวบ้านที่ซุบซิบอยู่หน้าบ้านเงียบปากกันลงทันที เมื่อสะใภ้รองโจวพูดขึ้น ใคร ๆ ก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเหอเสี่ยวหง“นี่ย่าทวด เป็นย่าของพ่อเรา”เหอเสี่ยวหงแนะนำย่าโจวให้ลูกสาวทำความเคารพ ซึ่งเด็ก ๆ รู้จัก แต่นี่ก็ไม่ได้มาเจอกันนานแล้ว เธอจึง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status