Share

ตอนที่ 11 ซื้อเมล็ดพันธุ์

last update Last Updated: 2025-04-28 11:48:15

หลี่เซิงนอนมองนางอยู่ จึงเห็นนางเดินเข้ามาหาเขา “เจ้าอยากปลูกสิ่งใด?”

“ข้าอยากปลูกแตงโมนะ ที่นี่มีเมล็ดแตงโมหรือไม่” พูดถึงผลแตงโมแล้วก็รู้สึกอยากกินขึ้นมา

“ถ้าเจ้าอยากได้เมล็ดผลไม้ชนิดนั้นต้องเข้าไปซื้อในเมือง ที่เราอยู่ไม่ค่อยมีใครได้ปลูกผลไม้ชนิดนี้กัน เพราะมันปลูกยาก มีแค่คนมีเงินเท่านั้นถึงจะได้กินพวกมัน ข้าก็ยังไม่เคยได้กินเลยสักครั้งเดียว

‘ที่นี่เมล็ดแตงโมหายากขนาดนี้เลยหรือ’ “ข้าจะเข้าไปในเมืองได้เช่นไรกัน ข้ายังต้องดูแลท่านอยู่ ข้าไม่กล้าไปคนเดียวหรอกนะ” นางก็อยากเข้าไปดูตลาดในเมืองหลวงอยู่เหมือนกันแต่ก็ยังเป็นห่วงหลี่เซิง

หมู่บ้านที่นางอยู่นี้ชื่อหมู่บ้านอันเหอ เป็นหมู่บ้านที่อยู่ไม่ห่างไกลจากเมืองหลวงเท่าไหร่นัก จึงสามารถเดินทางเอาของไปขายในเมืองหลวงได้ แต่การเดินทางนั้นต้องใช้รถเกวียนวัวหรือเกวียนม้าเท่านั้น บางคนใช้ลาลากแทนก็มี

“ถ้าอย่างนั้น เจ้าไปถามที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน เผื่อจะมีของที่เจ้าอยากได้ ลูกชายของผู้ใหญ่บ้านเขาขายของเดินทางไปหลายพื้นที่ ถ้าโชคดีอาจได้พบสิ่งของแปลก ๆ ที่เขานำมาจากที่อื่นก็ได้”

นางได้ฟังที่หลี่เซิงพูดก็ตาลุกวาว นางอยากไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้านเสียแล้วสิ

“ข้าไปบ้านผู้ใหญ่แล้ว ท่านอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม แต่ข้าสัญญาว่าจะไปไม่นานแน่นอน ข้าจะไปบ้านของท่านหมอหลี่เทา เพื่อเอาเงินไปให้เขาด้วย” นางลืมไปเลยว่ายังติดค่ายาจากท่านหมอหลี่เทาอยู่

เขาเห็นว่านางดูท่าทางอยากไปมากเสียจริง เขาก็ไม่อยากขัดขวางสิ่งที่นางอยากทำ “ข้าอยู่คนเดียวได้ เจ้าไปเถอะ ข้าดูเป็นคนอ่อนแอถึงขนาดต้องให้เจ้ามาเป็นห่วงข้าอยู่ตลอดเวลาเลยหรือไร” ตอนนี้เขาแข็งแรงขึ้นมากแล้วจากเมื่อก่อน

“ถ้าอย่างนั้นข้าเอาอาหารให้ท่านเสร็จแล้ว ข้าไปเลยก็แล้วกัน” หยางฉิงยิ้มกว้างจนตากลมโตปิดลงเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งซีดด้วยความดีใจ

หลี่เซิงมองรอยยิ้มของหยางฉิงด้วยใจที่เหม่อลอย นี่เขาเป็นอะไร ทำไมเขาต้องหลบสายตาของนางด้วย…

หยางฉิงเดินทางออกจากบ้านก็ช่วงสายแล้ว ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่บ้านจะอยู่บ้านหรือไม่ นางมองเส้นทางเล็ก ๆ ที่ลัดเลาะผ่านหมู่บ้าน บ้านของนางอยู่เกือบท้ายหมู่บ้านและใกล้กับบ้านคนอื่นไม่กี่หลัง นางเดินไปตามเส้นทางสายเล็ก ที่คุ้นเคย สองข้างทางเต็มไปด้วยชาวบ้านที่กำลังลงทำนา เนื่องจากฤดูหนาวผ่านพ้นไปและเข้าสู่ฤดูทำนา

ระหว่างทางไปบ้านผู้ใหญ่บ้าน นางทอดสายตามองวิวทิวทัศน์สองข้างทาง เห็นภูเขาหลายลูกตั้งตระหง่านอยู่ไกลออกไป แม้นางไม่เคยขึ้นเขา แต่เคยได้ยินเพื่อนที่ชอบปีนเขาเล่าว่าบนภูเขานั้นเต็มไปด้วยสมบัติจากธรรมชาติ ทั้งพืชสมุนไพรและผลผลิตป่าไม้ นางเองก็เคยคิดอยากลองขึ้นเขาสักครั้งเหมือนกัน

นางเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อย จนกระทั่งมาถึงหน้าบ้านของผู้ใหญ่บ้านโดยไม่รู้ตัว นางชะเง้อคอมองข้ามรั้วไม้ไผ่เข้าไปในบ้าน บ้านผู้ใหญ่บ้านเป็นบ้านดินสามหลังที่ต่อเชื่อมกันในรั้วไม้ไผ่เก่า ๆ ดูทรุดโทรมเล็กน้อย ‘ทำไมไม่มีใครอยู่ในบ้านเลยนะ’ นางมองไปที่หน้าบ้านก็ไม่เห็นใคร

“ผู้ใหญ่บ้าน! มีใครอยู่บ้าง!” นางร้องเรียกเสียงดัง

ไม่นาน ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้าน เขาดูอายุไม่ต่างจากนางนัก มีผิวคล้ำ รูปร่างสูงเพรียว ใบหน้าดูใจดี เขาคือลูกชายของผู้ใหญ่บ้าน พี่หลี่อี้

“ข้าก็นึกว่าใครมาเรียกพ่อข้า ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง หยางฉิง ข้าได้ยินว่าเจ้าล้มหัวกระแทกพื้น ดีขึ้นแล้วหรือ?”

“ข้าดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณพี่หลี่อี้ที่เป็นห่วง” นางยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นว่าเขาอยู่บ้าน

“แล้วเจ้ามีธุระอะไรกับพ่อข้า ถึงได้มาร้องเรียกเสียงดังเช่นนี้”

“ข้าขอเข้าไปคุยในบ้านได้ไหม ข้าร้อนจะแย่แล้ว” นางบ่นพลางปาดเหงื่อ แดดร้อนจนทำให้การยืนคุยหน้าบ้านช่างไม่สบายเอาเสียเลย

“เจ้าก็ไม่บอกตั้งแต่แรก มา ๆ เข้ามาในบ้านก่อน พ่อข้าอยู่ในบ้านนั่นแหละ ท่านเองก็อยากพบเจ้าเหมือนกัน”

“ลุงผู้ใหญ่บ้านอยากพบข้าหรือ?” นางขมวดคิ้วสงสัย “หรือเป็นเรื่องที่ข้าทะเลาะกับหลี่เจิงเมื่อวานนี้...”

“ไม่รู้สิ เจ้าทำอะไรไว้ล่ะ?” หลี่อี้แกล้งตอบทิ้งท้าย ก่อนจะเดินนำนางเข้าไปในบ้าน

นางเดินตามหลังพี่หลี่อี้มา พร้อมกับยอมรับชะตากรรมที่จะโดนผู้ใหญ่บ้านสอบสวนในวันนี้

นางเดินตามเขามาจนถึงโต๊ะหลังบ้าน ที่มีครอบครัวของผู้ใหญ่บ้านนั่งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา

“สวัสดีเจ้าค่ะ ลุงผู้ใหญ่บ้านกับท่านป้าหานหยุน” หยางฉิงทักทายด้วยความนอบน้อม

นางมองไปทางลุงผู้ใหญ่บ้านซึ่งมีท่าทางดูใจดี อายุประมาณ 45 ปี เป็นชายผอมสูง หน้าตามีริ้วรอยแห่งวัย ผมของเขามีสีขาวแซมดำ ดวงตาเล็กตี ส่วนป้าหานหยุน เป็นผู้หญิงวัยกลางคนไม่แก่มากนัก นางเป็นคนตัวเล็ก ผิวขาวเหลือง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม

ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านเป็นขาเม้าท์ประจำหมู่บ้าน เรื่องต่าง ๆ ที่ผู้ใหญ่บ้านรู้ ก็มาจากภรรยาเสียส่วนใหญ่ นางนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านมาเล่าให้ผู้ใหญ่บ้านฟังตลอด ผู้ใหญ่บ้านจึงทันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสมอ

“วันนี้ลมอะไรพัดเจ้ามาหาข้าได้ล่ะ” หลี่จงถามนาง เขาไม่เคยเห็นนางมาเรียกหาเขาสักทีถ้าไม่ได้มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอะไร

“ข้ามีเรื่องรบกวนผู้ใหญ่เล็กน้อยเจ้าค่ะ” นางพูดพร้อมยิ้มกว้าง

“อืม… ว่าแล้ว ถ้าเจ้าหาเรื่องคงไม่มาหาข้าหรอก เจ้าจะมีเรื่องอะไรล่ะ หรือจะเรื่องเมื่อวานนี้กัน?”

“ท่านผู้ใหญ่บ้านรู้หรือ แต่ข้าไม่ได้มาเพราะเรื่องนั้นหรอก ข้ามีเรื่องอื่นต่างหาก”

ผู้ใหญ่บ้านหลี่เอียงคอ คิ้วของเขาขมวดครุ่นคิดถึงเรื่องร้ายแรงที่นางจะมาให้เขาช่วย...

“งั้นก็พูดมาเถอะ ข้าขี้เกียจเดา” ผู้ใหญ่บ้านหลี่จงพูดพร้อมเอนหลังพิงเก้าอี้

“ข้าจะมาถามซื้อเมล็ดพันธุ์ผลไม้จากผู้ใหญ่บ้าน ไม่ทราบว่าท่านมีพันธุ์ผลไม้หรือไม่” นางไม่ได้บอกว่าจะซื้อเมล็ดพันธุ์ของสิ่งใด

“อ่อ ข้าก็นึกว่าเรื่องอะไร แค่จะมาซื้อเมล็ดพันธุ์ เจ้าจะซื้อไปทำไม” นางไม่เคยปลูกพืชผักไม่ใช่หรือ

“ผู้ใหญ่บ้านคงเคยได้ยินเรื่องของข้าผ่านหูมาบ้าง ตอนนี้ข้ากลับตัวกลับใจเป็นคนดีแล้ว ข้าอยากปลูกผักผลไม้เอาไว้ขายและเอาไว้กินบ้าง ตอนนี้สามีของข้าก็นอนเจ็บอยู่บนเตียง ถ้าข้าไม่ดิ้นรน ข้าจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงปากท้องพวกเราสองคนล่ะเจ้าค่ะ”

ผู้ใหญ่บ้านหลี่จงมองดูท่าทางการพูดของหยางฉิงที่ดูแปลกไป นางคงกลับตัวแล้วจริง ๆ เรื่องนี้เขาได้ยินมาจากชาวบ้านมาบ้าง ว่าหยางฉิงตั้งแต่หลังจากที่นางลมหัวกระแทกพื้น นางดูเปลี่ยนไปมาก ดูรักสามีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติทั้งทีดันมีสามีเป็นผู้พิการ   ตอนที่ 102 รักษาสัญญา [จบ]

    วันหนึ่ง นางเดินทอดน่องชมร้านดอกไม้ มีเพียงบ่าวรับใช้หนึ่งคนติดตามมาด้วย ขณะกำลังเพลิดเพลินกับดอกไม้ตรงหน้า นางก็เดินชนใครบางคนเข้าอย่างจังสายตาทั้งคู่สบกันหัวใจของหลี่หยูฟางพลันเต้นแรงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่นางจดจำได้ไม่ลืม เพียงแวบเดียว...นางรู้ทันทีว่าเขาคือใครทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยทัก เขาก็เบือนหน้าหนีแล้วรีบเดินจากไป‘เขาหนีข้าไปอีกแล้ว...’ นางคิดในใจด้วยความเจ็บปวด คราวนี้นางไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว นางเติบโตพอจะออกเรือนได้ด้วยซ้ำ...ฝ่ายชายหนุ่มเมื่อเหลือบเห็นสีหน้าผิดหวังของหญิงสาว ก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้ นางโตขึ้นมากจริง ๆ งดงามยิ่งนักผู้ติดตามที่คอยเฝ้าดูอยู่ข้างกายเขา ถึงกับไม่เชื่อสายตาตนเอง เมื่อนายท่านของเขาแย้มยิ้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตานั้น ชายหนุ่มจึงหุบยิ้มลงทันที สายตาเหม่อมองเมืองหลวงเบื้องหน้า เมืองที่เขาเคยมาเมื่อห้าปีก่อน บัดนี้เปลี่ยนไปมากจนแทบจำไม่ได้...เว้นเสียแต่กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของนาง ที่ยังคงติดอยู่ในใจเขาไม่จางหายหลังจากวันนั้น เขาก็หาเรื่องใกล้ชิดนางอยู่หลายครั้ง บ้างแกล้งเดินชน บ้างแกล้งทำของตก เพื่อให้มีโอกาสพูดค

  • ทะลุมิติทั้งทีดันมีสามีเป็นผู้พิการ   ตอนที่ 101 ส่งถึงฝั่ง

    ด้านหลี่หยูฟาง นางลอบออกมานอกเรือน เดินไปยังจุดที่เคยพบเด็กชายผู้นั้น ตามที่นางสังเกต เด็กคนนั้นน่าจะมีอายุมากกว่านางเล็กน้อย และอาจจะน้อยกว่าพี่ชายของตนอยู่บ้างแต่เมื่อมาถึงจุดเดิม กลับไม่พบร่างของเด็กชายคนนั้นเสียแล้ว...นางถอนหายใจเบา ๆ ด้วยความเสียดาย แล้วกำลังจะหันหลังกลับทว่าในเงามืดเบื้องหลัง ปรากฏร่างของเด็กชายผู้หนึ่ง ผมยาวสลวยรวบเป็นมวยต่ำด้านหลัง ใบหน้าขาวกระจ่าง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมีแววเจ้าเล่ห์แฝงอยู่เพียงชั่วครู่ เขามองเด็กหญิงวัยสิบขวบตรงหน้าด้วยสายตานิ่งเฉยเขาเห็นว่านางกำลังมองหาใครบางคนอยู่ และเฝ้ามองนางเงียบ ๆ ไม่เผยตัว จนกระทั่งนางหันหลังกลับ จึงจงใจขยับตัวให้เกิดเสียงเสียงเบา ๆ ที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้หลี่หยูฟางหันขวับไปมอง และเมื่อพบว่าเป็นคนที่นางกำลังตามหา ดวงตาของนางก็เปล่งประกายทันใด “เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย! ข้านึกว่าเจ้ากลับไปเสียแล้ว” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดีเด็กชายผู้นั้นกลับไม่ตอบอะไร เพียงจ้องมองนางอย่างนิ่งเงียบเมื่อนางไม่ได้รับคำตอบ สีหน้าของหลี่หยูฟางก็พลันหม่นลงเล็กน้อย นางรู้สึกเสียใจลึก ๆ กับท่าทีเย็นชาของเขา...เมื่อเห็นเขาไม่ตอบ หลี่หยูฟางจึงถ

  • ทะลุมิติทั้งทีดันมีสามีเป็นผู้พิการ   ตอนที่ 100 เติบโต

    ภายในห้องนอน หยางฉิงหลับใหลไปด้วยความเหนื่อยล้า โดยมีหลี่เซิงนอนกอดอยู่เคียงข้าง ทั้งสองใช้เวลาร่วมกันตลอดทั้งคืน จนกระทั่งยามนี้จึงได้หลับพักผ่อนอย่างแท้จริงเมื่อทั้งสองตื่นขึ้นมาก็สายมากแล้ว จึงออกมาจากมิติ หลี่เซิงดูสดชื่นกว่าทุกวัน เพราะเมื่อคืนเขาได้เติมเต็มช่วงเวลาที่ขาดหายไป หยางฉิงมองเขาอย่างหมั่นไส้น้อย ๆ เมื่อออกจากห้อง นางก็พบว่าลูกชายทั้งสองออกจากห้องไปนานแล้ว ตอนนี้พวกเขาโตพอที่จะไม่ติดแม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว...เวลาแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้เข้าสู่ปีที่สอง หยางฉิงตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้ว ท้องครั้งนี้ของนางไม่ใหญ่เท่าตอนท้องลูกชาย ทำให้นางคิดว่าน่าจะได้ลูกเพียงคนเดียวนางมาพักอยู่ในเรือนที่เมืองหลวง เพราะอย่างน้อยก็สามารถออกมานั่งเฝ้าร้าน ดูแลกิจการหน้าร้านได้บ้าง จึงไม่รู้สึกเบื่อมากนักเมื่อเข้าสู่เดือนที่เก้า หยางฉิงคลอดลูกตามที่คาดหวังไว้ เป็นเด็กหญิงตัวอวบอ้วนน่ารักน่าชัง เด็กน้อยเปรียบเสมือนสีสันใหม่ของครอบครัว หยางฉิงจึงตั้งชื่อให้ลูกสาวว่า ‘หลี่หยูฟาง’ แปลว่า กลิ่นหอมละมุน เพราะนางเกิดมาพร้อมกลิ่นกายหอมอ่อน ๆ เป็นเอกลักษณ์ ใครเข้าใกล้ก็อดที่จะอยากอุ้มนางไม่

  • ทะลุมิติทั้งทีดันมีสามีเป็นผู้พิการ   ตอนที่ 99 สั่งสอน (แสดงความรักนิดหน่อย)

    เมื่อชายชรานั่งรถเกวียนมาจนถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ก็มีผู้คนออกมาต้อนรับมากมาย พร้อมกับเสียงเรียกขานว่า“เชิญเสด็จพะยะค่ะ ฝ่าบาท!”เสียงเรียกขานเปี่ยมด้วยความยินดีดังขึ้นพร้อมกันเมื่อชายชราได้ยินคำเรียกขานนั้น เขาถึงกับถอนหายใจเบา ๆ ความสนุกตลอดหลายวันที่เขาแอบออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ตนเคยปกป้องดูแล บัดนี้จำต้องวางลงเสียแล้ว...ทางด้าน หยางฉิง นางยืนอยู่ต่อหน้าเด็กน้อยทั้งสองคนที่มีนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งสุขุมเยือกเย็น อีกคนกลับซุกซนเอาเรื่อง นางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะส่ายหน้าให้ลูกชายคนโตหยางฉิงเพิ่งได้ฟังเรื่องราวจากท่านตาโจวเล่อ นางหันไปมองหลี่เต๋อชางด้วยแววตาภาคภูมิใจ เขาช่างละม้ายคล้ายสามีของนาง เพียงแต่เงียบขรึมกว่า ต่างจากหลี่เจียเฉิงโดยสิ้นเชิงนางถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ เมื่อคิดว่าลูกชายคนโตแอบออกไปเล่นตอนไหน ถึงกับไปแกล้งลูกของท่านอ๋องสามจนร้องไห้ ดีที่ท่านอ๋องไม่ติดใจเอาความอะไรหยางฉิงปรายตามองหลี่เจียเฉิงด้วยสายตาดุเมื่อหลี่เจียเฉิงเห็นสายตาของมารดา เขาก็หลบตาลงทันที“เจ้ารู้ไหมว่าวันนี้เจ้าทำอะไรผิดไป?” นางถามด้วยน้ำเสียงเข้มได้ยินเช่นนั้น หลี่เจียเฉิงสะด

  • ทะลุมิติทั้งทีดันมีสามีเป็นผู้พิการ   ตอนที่ 98 ชายชรา

    หลี่เจียถิง บุตรชายคนโต เป็นเด็กฉลาด ช่างพูด และกล้าแสดงออก ต่างจากหลี่เต๋อชาง ซึ่งเป็นเด็กช่างสังเกต เงียบขรึม และไม่ค่อยพูดเท่าใดนัก นางให้ลูกทั้งสองทดลองฝึกงานในกิจการของนางทั้งหมด หลี่เจียถิงชอบฝึกฝนในโรงเตี๊ยมและโรงทำน้ำมันพริก ส่วนหลี่เต๋อชางกลับชอบกิจการในเมืองหลวงและโรงเรือนทำยามากกว่า โดยเฉพาะเรื่องสมุนไพรที่เขาสนใจเป็นพิเศษนางไม่คิดจะบังคับ หากพวกเขาชอบหรือไม่ชอบสิ่งใด นางก็จะตามใจ ไม่ว่าในอนาคตพวกเขาจะสานต่อกิจการหรือไม่ก็ตาม เพราะตอนนี้พวกเขายังเด็กนัก นางจึงไม่อยากให้ต้องคิดมากเหมือนผู้ใหญ่วันหนึ่ง ขณะที่นางกำลังยุ่งกับการดูแลร้านเทียนเจินถัง นางจึงฝากหลี่เต๋อชางให้อยู่กับท่านตาโจวเฉียวทางด้านโจวเฉียวกำลังนั่งคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาได้ทำงานกับหยางฉิงมาเกือบห้าปีแล้ว เขามีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำงานที่นี่ ตอนนี้โจวเล่อก็เติบโตพอจะช่วยงานได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นเด็กเรียนดี เขาจึงไม่ค่อยเป็นกังวลนักโจวเฉียวเหลือบมองหลี่เต๋อชาง ซึ่งนั่งอยู่ตรงโต๊ะคิดเงินด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจ เขารู้สึกเอ็นดูเด็กชายผู้นี้เหมือนเป็นหลานแท้ ๆ หลี่เต๋อชางเป็นเด็กฉลาดเกินวัย นั่นทำให้เขาอด

  • ทะลุมิติทั้งทีดันมีสามีเป็นผู้พิการ   ตอนที่ 97 เป็นคนดี?

    เมื่อพูดจบ นางก็เหลือบมองสีหน้าของทั้งสองคนอ๋องสามที่รู้ว่ายาร้าน เทียนเจินถัง เป็นของดีจริง ๆ เคยกลับไปเพื่อซื้อยาเพิ่ม แต่กลับได้รับข่าวว่ายาทั้งหมดถูกขายหมดไปแล้ว ช่างเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าอาจารย์ของนางจะส่งยาชนิดใหม่มา เขาจึงไม่อยากพลาดโอกาสนี้เช่นกัน“ถ้าอาจารย์ของเจ้านำยาเข้ามาขายอีก เจ้าส่งคนมาแจ้งข้าได้หรือไม่?” เขาถามเสียงเรียบหวังจวิ้นเจี้ยงที่ถูกท่านอ๋องตัดบทไปก็รีบพูดขึ้นทันที “ถ้าเช่นนั้น เจ้าส่งคนมาแจ้งข้าด้วย ข้าเองก็อยากรู้ว่ายาตัวใหม่ของอาจารย์เจ้าจะเป็นยาแบบใดกันแน่”หยางฉิงเห็นความวุ่นวายตรงหน้าแล้วอดยิ้มไม่ได้ “ท่านทั้งสองวางใจได้เจ้าค่ะ ข้าจะให้คนเข้าไปแจ้งทั้งสองท่านอย่างแน่นอน”เมื่อพูดจบ นางก็แย้มยิ้มออกมา อาจารย์ที่ว่านั้นก็คือตัวนางเอง หากมีเวลาว่างเมื่อใด นางก็จะคิดค้นและปรุงยาขึ้นในเวลานั้น ร้านของนางไม่ได้เป็นร้านขายยาโดยตรง เพียงแต่นำยามาขายเสริม แต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้ร้านของนางเป็นที่อิจฉาของร้านยาดัง ๆ หลายแห่งแล้ว อย่างไรก็ตาม นางยังโชคดีที่มีคนคอยคุ้มกันอย่างดี พวกนั้นจึงไม่กล้าก่อเรื่องกับครอบครัวของนางโดยตรงเมื่อทั้งสองได้รับคำมั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status