“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่กัน” เขาอดถามนางออกไปไม่ได้
หยางฉิงกำลังตั้งใจขุดดินอย่างเอาเป็นเอาตาย นางแทบไม่ค่อยได้ทำงานในไร่แบบนี้เลย ท่าการขุดดินของนางจึงมีท่าทางที่แปลกนัก ขณะที่นางกำลังจดจ่ออยู่กับการขุดดินอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงของหลี่เซิงที่ถามอะไรบางอย่างกับนาง? “ท่านว่าอย่างไรนะ” นางถามเขาซ้ำอีกครั้ง “ข้าถามว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” เขาคงแปลกใจที่นางลุกขึ้นมาจับจอบขุดดินถางหญ้า “ข้าอยากปลูกผักผลไม้ เผื่อว่าจะได้มีผลไม้เอาไว้ขายได้เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง” นางบอกถึงเหตุผลให้เขาฟัง “เจ้าไม่มีเงินแล้วหรือ…” ตอนแยกบ้านเขาเห็นว่านางได้เงินจากท่านแม่มาหลายตำลึงเงิน “เงินแค่นั้นจะเพียงพอให้ข้าและท่านที่เป็นคนป่วยใช้พอหรือ แต่เรื่องนี้ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าจัดการได้ ท่านแค่ดูแลตัวเองให้แข็งแรงเร็ว ๆ ก็พอแล้ว” นางตอบเขาออกไปและเริ่มกลับมาสนใจขุดดินของนางต่อ หลี่เซิงที่มองใบหน้าด้านข้างของหยางฉิง หน้าของนางแดงตัดกับดวงอาทิตย์กลมโตที่ใกล้จะตกดิน พอนางไม่ได้แต่งหน้าขาวแก้มแดงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว นางก็หน้าตาดีเหมือนกัน เขามองลงไปที่รูปร่างของหยางฉิง นางเป็นหญิงสาวที่รักสวยรักงาม หุ่นของนางจึงเหมาะที่จะเป็นแม่พันธุ์ชั้นดี ‘นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่กันเนี่ย’ เขาลบภาพในสมองของเขาออกไปทันทีเมื่อเขาเริ่มคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้ เขานึกถึงวันที่แต่งงานกับหยางฉิง เวลานั้นนางเป็นหญิงสาวเอาแต่ใจ นางชอบเขามากจึงทำทุกวิถีทางได้เขามา หลังจากที่เขาแต่งงานกับนาง เขาต้องออกไปเป็นทหารต่ออีกสามปี จนบาดเจ็บกลับมาจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้เข้าหอกับนางเลยเสียครั้งเดียว เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านางมีมุมที่ดีแบบนี้ด้วย เมื่อก่อนถ้านางทำดีกับเขาเหมือนเดิม ไม่รังเกียจที่เขากลายเป็นคนพิการ เขาก็อาจจะรักนางไปแล้วก็ได้ การดูแลเอาใจใส่ของหยางฉิงที่มีต่อเขาตลอดสองวันมานี้ทำให้เขารู้สึกดีกับนางมากขึ้น เขาเลิกมองนางและกลับมานอนพักผ่อนเอาแรง นางเอาหมอนอันใหญ่มาให้เขาหนุ่นนอนอันใหม่ หมอนที่นางนำมาช่างนุ่มยิ่งนัก และนางยังเอาหมอนอีกอันที่มีรูปทรงแปลกตา นางสอนเขาว่า ให้เขาเอาหมอนลูกยาวดันไว้ที่หลังของเขา เวลาเขานอนให้พลิกตัวไปมา ไม่อย่างนั้นก้นของเขาอาจจะเป็นแผลได้ ‘เขาแปลกใจ นางทำไมรู้เรื่องพวกนี้ได้’ ถึงหลี่เซิงจะแปลกใจแต่เขาก็ทำตามคำแนะนำที่นางบอก ถ้ามันเป็นประโยชน์ต่อเขา เขาก็จะทำตาม หยางฉิงมองเห็นตะวันใกล้ลับขอบฟ้า ความมืดมิดเริ่มคืบคลานเข้ามา นางวางจอบไว้ตรงด้านหลังบ้าน ‘พรุ่งนี้นางค่อยมาทำต่อก็แล้วกัน’ นางเดินกลับเข้ามาในบ้าน เข้าไปในคอนโดและเอาอาหารที่ทำไว้ เอาออกมาให้หลี่เซิง นางจะรอเขากินให้เสร็จก่อน จึงค่อยกลับมากินที่หลัง ตอนนี้นางเริ่มปรับตัวเข้ากับการอยู่ในยุคนี้ได้บ้างแล้ว หยางฉิงเอาอาหารไปให้เขาในห้อง นางเอาของเสียนำออกไปทิ้ง และล้างให้สะอาดนำกลับมาวางไว้ในห้องเขาเหมือนเดิน เมื่อเช้าเธอทำแผลให้เขาไปแล้ว นางต้องรอสักสองถึงสามวันเพื่อให้แผลของเขาติดกันดีเสียก่อน นางจึงจะเริ่มทำแผลให้เขาอีกครั้ง หลังจากที่นางดูแลหลี่เซิงให้ยาเขากินเรียบร้อย ก็กลับไปคอนโดเพื่ออาบน้ำ นางนอนแช่ในอ่างน้ำเพื่อผ่อนคลาย และจุดกลิ่นอโรมาเพื่อให้บรรเทาความเมื่อยล้าที่พบเจอมาตลอดทั้งวัน นางไม่ลืมที่จะมาสก์หน้าและทาครีมกันแดดทุกครั้งที่อยู่ที่นั้น นางก็ไม่ต่างจากหยางฉิงคนเดิมตรงที่ ก็เป็นคนรักสวยรักงามเหมือนกัน กลางดึกหยางฉิงเดินออกไปดูหลี่เซิงอีกครั้ง นางกลัวว่าเขาจะมีไข้ขึ้นอีก พอเดินเข้ามาในห้องของหลี่เซิง นางมองเห็นเขานอนหมอนที่นางให้และใช้หมอนข้างตามวิธีที่สอน เธอเอามือแตะตรงหน้าผากของเขาเพื่อตรวจดูให้แน่ใจ ‘ตอนนี้ตัวของเขาไม่ได้ร้อนแล้ว นางเอาน้ำดื่มวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงและเดินออกจากห้องเขาไป หลังเสียงประตูปิดลงหลี่เซิงก็ลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิด นัยน์ตาของเขามีประกายบางอย่างที่มีชีวิตชีวา เขายิ้มกับตัวเองและนอนหลับไปอีกครั้งด้วยฤทธิ์ยาที่กินไป เสียงนาฬิกาปลุกส่งเสียงร้องเพื่อปลุกหยางฉิงที่นอนหลับอยู่บนเตียงนอนให้ลืมตาตื่นขึ้น หยางฉิงไม่ลืมที่นางตั้งใจเอาไว้ วันนี้นางจะเริ่มออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายของนางแข็งแรงขึ้น นางเปลี่ยนไปใส่ชุดออกกำลังกาย เป็นกางเกงวอร์มขายาวกับเสื้อแขนยาว นางไม่มีชุดที่เป็นกางเกง จึงต้องใส่ชุดที่มีไปวิ่งแทนเสียก่อน นางล้างหน้าแปรงฟันและกลับมาที่บ้านหลี่เซิง หยางฉิงมองเห็นท้องฟ้าด้านนอกยังมืดแต่ก็ยังมีแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่ส่องแสงลงมา ทำให้มองเห็นทางพื้นที่ด้านหลังไม่มืดมากนักและเริ่มก้าวเท้าวิ่งอยู่บนพื้นที่สองไร้ด้านหลังบ้าน ถึงจะมีหญ้าขึ้นรกแต่หญ้าเหล่านั้นก็เป็นหญ้าที่ตายแล้ว ความสูงของมันก็ไม่ได้สูงมากเท่าไหร่ ยังพอให้วิ่งได้ นางวิ่งวนไปมาอยู่ห้ารอบ จึงได้หยุดวิ่งเป็นเวลาที่แสงแดดของวันใหม่สาดส่องมาที่นางพอดี จึงรีบกลับไปในบ้านเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นแบบเดิม นางกลัวว่าชาวบ้านจะมองเห็นนางในชุดแปลกตา ในระหว่างที่หยางฉิงตื่นมาวิ่งตั้งแต่เช้า ก็มีสายตาคู่หนึ่งคอยมองจ้องนางอยู่ตลอดเวลา หลี่เซิงตื่นเช้าเป็นประจำเพราะเขาเคยเป็นทหารมาก่อน เขาต้องตื่นไปฝึกร่างกายของเขาอยู่เสมอ ตื่นขึ้นมาเขาก็ได้ยินเสียงคนวิ่งไปมาอยู่หลังบ้าน เขาเพ่งสายตามองก็เห็นว่าคนที่วิ่งนั้นเป็นหยางฉิง นางแต่งชุดแปลกตาผมของนางมัดขึ้นสูงเผยให้เห็นลำคอเพียวยาวรับกับใบหน้าเรียวเล็กแต่มีแก้ม ตาของนางกลมโตหวานเห็นเด่นชัดมาแต่ไกล เขานอนมองดูนางวิ่งไปมาจนเสร็จ นางก็หายไปจากสายตาของเขา พอนางหายไป เขาก็รู้สึกเหมือนขาดหายอะไรบางอย่างขึ้นมาในใจ หลังจากที่หยางฉิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย นางก็เตรียมของทุกอย่างให้หลี่เซิงเหมือนเช่นทุกวัน เดี๋ยวนี้เธอทำเรื่องเหล่านี้จนชินเสียแล้ว นางทำทุกอย่างเสร็จก็ไปขุดดินที่ด้านหลังบ้านต่อ นางใช้เวลาขุดดินอยู่ครึ่งวันโดยมีสายตาของหลี่เซิงมองดูเธอทำงานอยู่ตลอด นางมองเห็นชาวบ้าน เดินผ่านนอกรั้วบ้านไปมาต่างทักทายนางด้วยท่าทางที่ดีขึ้น หยางฉิ่งมองดูพื้นที่ครึ่งไร่ที่ขุดจนเสร็จด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ‘ขุดเสร็จแล้วต้องทำอย่างไรต่อละ’นางยังไม่มีเมล็ดพันธุ์ของผลไม้สักอย่างเดียวเลย นางเดินเข้าไปตรงหน้าต่างที่หลี่เซิงนอนอยู่ “ท่านรู้หรือไม่ว่า ข้าจะซื้อเมล็ดพันธุ์ได้ที่ไหนบ้าง” นางค้นหาในความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไม่พบเจอสิ่งใดแม่ทัพหันกลับไป ก่อนจะใช้มีดสั้นขว้างไปยังพุ่มไม้ที่คาดว่ามีมือสังหารซุ่มอยู่หลังจากที่เขาปราบชายชุดดำจนสิ้นชีพ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้น นางรีบปีนลงจากต้นไม้แล้ววิ่งตรงไปยังจุดที่หลี่เซิงตกลงไป แม่ทัพมองดูนางที่กำลังร่ำไห้ราวกับจะขาดใจ พลางรู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยชายหนุ่มเอาไว้ได้เขาเดินไปตรวจดูศพของชายชุดดำที่สังหารเมื่อครู่ เห็นรอยเลือดและร่างไร้วิญญาณที่นอนแน่นิ่ง ‘คนผู้นี้คงเป็นคนของฉินอ๋อง’ แม่ทัพกัดฟันแน่น เป็นความผิดของเขาเอง ที่ต้องให้คนอื่นมาปกป้องตน“หลี่เซิง! ท่านอย่าเป็นอะไรนะ ฮือ!” หยางฉิงคุกเข่าร้องไห้อยู่ริมหน้าผา น้ำตาของนางไหลไม่ขาดสาย‘ถ้าไม่มีเขา ข้าก็อยู่บนโลกนี้ไม่ได้…’ ในใจของนางเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด คำว่า ‘จากลา’ ผุดขึ้นมาในหัว นางอยากกระโจนตามเขาลงไปเสียด้วยซ้ำ…แม่ทัพเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ด้านหลังหญิงสาวที่ปกปิดใบหน้าไว้ ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงรู้สึกผิด“ข้าขอโทษ ที่เป็นต้นเหตุให้คนรักของเจ้าต้องตาย”คำพูดของเขาทำให้หยางฉิงตัวสั่นด้วยความโกรธ นางเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาแดงก่ำ “ท่านอย่ามาพูดเช่นนั้น!” นางกัดฟันกรอด ไม่อาจทนฟังได้ “สามีของข้ายังไม่ตาย
ทั้งสองฟาดฟันกันอยู่ครู่หนึ่ง แต่เพราะหลี่เซิงได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว แรงที่ลงไปในดาบจึงไม่มั่นคง ทำให้การโจมตีพลาดเป้าไปหลายครั้ง พวกเขาผลัดกันรุกผลัดกันรับ สู้กันอย่างไม่มีใครยอมใครกระทั่งหลี่เซิงเห็นจังหวะเหมาะ เขาจึงฟันดาบไปที่ขาของนักฆ่าทันที!นักฆ่าหลบดาบไม่ทัน จึงถูกฟันเข้าจนเกิดบาดแผล แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือความแสบร้อนบริเวณที่ถูกดาบฟัน ราวกับถูกกัดกร่อนจากบางสิ่ง“เจ้า…ทำอะไรกับข้า!?” เขาก้มลงมองบาดแผลตรงขา ก่อนจะเห็นผงสีแดงติดอยู่หลี่เซิงมองแผลของนักฆ่าด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ พลางยิ้มมุมปาก “ไม่รู้สิ…” เขาตอบยั่วอีกฝ่ายอย่างจงใจ‘ต้องถ่วงเวลาอีกสักหน่อย…’นักฆ่าเห็นว่าหลี่เซิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ธรรมดา เขาจึงเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ก่อนจะใช้มืออีกข้างหยิบมีดเล็กที่พกติดตัวมา แล้วเหวี่ยงไปทางชายตรงหน้าอย่างรวดเร็ว!หลี่เซิงที่กำลังจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ ไม่ทันสังเกตว่ามีดเล็กพุ่งเข้ามา จึงหลบไม่ทันฉึก!มีดเล่มนั้นปักเข้าที่ขาของเขาทันที!‘มีดนี้มีพิษ!’หลี่เซิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ขาข้างที่ถูกมีดปักเริ่มชาและไร้ความรู้สึก เขาจึงจำเป็นต้องใช้ขาอีกข้างพยุงตัวเองเอาไว้นักฆ่าห
เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้ง พระจันทร์ก็เคลื่อนเลยปล่องไปกว่าครึ่งแล้ว‘ข้าต้องรีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!’หลังจากเก็บของสำคัญไว้กับตัวเรียบร้อยแล้ว หลี่เซิงก็แอบย่องออกจากห้อง เขาเห็นว่าบริเวณหน้าปากถ้ำ ทหารของฝ่ายตนเริ่มเข้าปะทะกับศัตรูด้านในแล้ว เขาใช้จังหวะที่ผู้คนกำลังสับสน หลบซ่อนตัวออกมาระหว่างทาง แม้เขาจะต้องปะทะกับทหารศัตรูอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้ลงมือสังหารพวกเขา เพียงแค่จัดการให้ไม่สามารถสู้ต่อได้ ในที่สุด หลี่เซิงก็หลบออกมานอกถ้ำได้อย่างปลอดภัยแต่ทันทีที่เขาก้าวออกมา เขากลับสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังตามเขามา…“นายท่านขอรับ! มีผู้บุกรุกเข้าไปในถ้ำของเราแล้ว ไม่รู้ว่ามันเอาสิ่งใดออกไปบ้าง ทหารที่เฝ้าประตูถูกฆ่าตายทั้งหมด และตอนนี้คนของท่านแม่ทัพกำลังตรวจค้นและยึดสิ่งของที่เราซ่อนไว้”ชายผู้นั้นรายงานสิ่งที่พบเห็นให้ฉินอ๋องได้รับทราบฉินอ๋องยืนฟังรายงานจากนักฆ่าฝีมือดี พลางจ้องมองไปยังค่ายของตนด้วยสายตาดุดัน เขาสังเกตเห็นเงาคนผู้หนึ่งวิ่งหนีออกมาจากค่าย ดูแตกต่างจากคนอื่น ๆ เขาพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา“เจ้าตามไปจัดการคนผู้นั้น! มันต้องมีของของข้าแน่ ถ้าหาไม่พบ… ก็ฆ่ามันทิ้ง
ทางด้านหลี่เซิง เขาหาจุดหลบซ่อนและนำของบางส่วนที่พกมาเก็บไว้อย่างมิดชิด โดยเหลือไว้เพียงสร้อยคอที่สวมติดตัว กับยาที่หยางฉิงให้มา หลังจากนั้นเขาออกค้นหาถ้ำที่ถูกระบุไว้ในจดหมาย จนกระทั่งพบว่า ปากถ้ำมีทหารยามหลายสิบคนเฝ้าอยู่ เป็นเรื่องยากที่เขาจะบุกเข้าไปเพียงลำพัง จึงตัดสินใจรอจังหวะให้คนของท่านแม่ทัพเข้าปะทะกับพวกมันก่อน จากนั้นจึงใช้โอกาสนั้นแทรกตัวเข้าไป ไม่นานนัก เสียงการต่อสู้ก็ดังขึ้นจากด้านหลังของเขา เสียงดาบกระทบกันดังไปทั่วค่าย“มีคนบุกรุก!”เสียงตะโกนแจ้งเตือนดังขึ้นในค่าย ทำให้พวกมันรีบจุดไฟส่องสว่างและกรูกันออกไปเผชิญหน้ากับศัตรู“พวกเจ้าคอยเฝ้าปากถ้ำ ข้าจะไปช่วยพวกที่อยู่ด้านนอก!”ชายที่ดูเหมือนหัวหน้าสั่งการเสร็จ ก็พาคนออกไปครึ่งหนึ่งเพื่อช่วยต่อสู้ด้านนอกหลี่เซิงเห็นโอกาสดี สายตาเขาเจือความเหี้ยมโหด เขาประทับธนู แล้วยิงลูกศรพุ่งตรงไปยังหน้าอกด้านซ้ายของยามเฝ้าปากถ้ำ สังหารไปสองคนในพริบตาเมื่อพวกยามเห็นพวกพ้องล้มลง หนึ่งในนั้นกำลังจะส่งเสียงเตือน หลี่เซิงไม่รอช้า เขาพุ่งตัวเข้าหาพวกมันอย่างรวดเร็ว ชักมีดออกมาแล้วกรีดผ่านลำคอของทั้งสามคนอย่างแม่นยำ ก่อนที่พวกมันจะได้ทัน
“ข้าเตรียมอาหารและเงินเล็กน้อยไว้ให้ท่านใช้ในยามจำเป็น นอกจากนี้ อย่าลืมพกยาที่ข้าให้ไปด้วย หากท่านรู้สึกเหนื่อย น้ำในกระบอกนี้เพียงจิบเล็กน้อยก็สามารถช่วยฟื้นฟูกำลังของท่านได้ และนี่คือสร้อยนำโชคที่ข้าทำขึ้นเพื่อท่าน อย่าลืมใส่ติดตัวตลอดเวลา อย่าปล่อยให้ตนเองต้องเผชิญอันตรายลำพัง ท่านอย่าลืมว่าข้ายังรอท่านอยู่ที่บ้าน” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่แฝงด้วยความเป็นห่วงหลี่เซิงรับสร้อยคอจากนาง มันมีลักษณะแปลกตา เป็นลูกกลม ๆ สีแดงที่ด้านในหมุนไปมาอย่างลึกลับ เขานำมันสวมไว้ที่คอ ก่อนพยักหน้ารับคำ “ข้ารู้แล้ว ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย”กล่าวอำลาหยางฉิงเสร็จแล้ว หลี่เซิงจึงก้าวออกจากบ้านไป...ขณะมองตามแผ่นหลังของหลี่เซิงที่ค่อย ๆ ไกลออกไป หยางฉิงก็ปิดบ้านให้เรียบร้อย นางเตรียมตัวเดินทางเช่นกัน ภายในมิติของนางมีสิ่งของจำเป็นพร้อมสรรพ นางแต่งกายด้วยชุดสีดำ ข้างในเป็นกางเกง ส่วนด้านนอกเป็นกระโปรงที่ช่วยให้เคลื่อนไหวสะดวก เสื้อแขนยาวสีดำเชื่อมต่อกับกระโปรง ทำให้นางคล่องตัวขณะเดินป่า และที่คอของนาง... มีเข็มทิศติดตามอยู่หนึ่งอัน...หยางฉิงรอจนกระทั่งหลี่เซิงเดินลับสายตา ก่อนค่อย ๆ ก้าวตามไปอย่างร
หยางฉิงสังเกตเห็นความผิดปกติของหลี่เซิง จึงเอ่ยถามขึ้น “ท่านเป็นอะไรหรือไม่ เหตุใดจึงดูเศร้าเช่นนี้” นางจ้องเขาด้วยความไม่เข้าใจ“เอาไว้กินข้าวเสร็จก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า” เขาพูดพลางกินข้าวต่อจนหมด วันนี้เขากินน้อยกว่าทุกวันเมื่อได้ฟังคำพูดของหลี่เซิง หยางฉิงก็รู้สึกใจคอไม่ดี นางกินข้าวไปพลางคิดไปว่าหลี่เซิงต้องการจะบอกอะไรกับนางกันแน่หลังจากนางกินเสร็จ หลี่เซิงจึงเอ่ยขึ้น “พรุ่งนี้เราไม่ได้เข้าเมืองไปขายของใช่หรือไม่”“ใช่แล้ว พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเรา” นางตอบพร้อมจิบน้ำ “ท่านมีเรื่องอะไรจะบอกข้าหรือไม่” นางถามสิ่งที่ติดค้างในใจ“ข้ามีเรื่องที่ต้องบอกเจ้า พรุ่งนี้ข้าอาจต้องออกไปทำเรื่องบางอย่าง เจ้าอยู่คนเดียวต้องปิดบ้านให้ดี หากข้าไม่ได้กลับมาหลายวัน เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าอาจต้องใช้เวลานานเสียหน่อย” เขาตัดสินใจบอกนางถึงเรื่องที่ต้องขึ้นเขาหยางฉิงที่ได้ฟังทำหน้าตกใจ “ท่านไปทำสิ่งใด บอกข้าได้หรือไม่ แล้วมันอันตรายหรือเปล่า” นางรู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลยหลี่เซิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะมองหน้านางด้วยสายตาลึกซึ้ง ราวกับต้องการจดจำภาพของนางให้ได้นานที่สุด “ทั้งอันตรายและไม่อันตราย ถ