เมื่อนางกวาดตามองจากที่สูง ด้านบนดูไม่สูงมากนัก แต่เมื่อมองลงไปยังเบื้องล่าง นางกลับมองไม่เห็นพื้นดินเลย แสดงว่าหน้าผานี้ลึกมาก โชคดีที่หลี่เซิงตกลงมาในบริเวณนี้หยางฉิงสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างตรงจุดที่หลี่เซิงตกลงมา นางเพิ่งพบว่ามีกระเป๋าใบหนึ่งค้างอยู่ มันเป็นกระเป๋าที่นางเคยทำให้หลี่เซิง ‘หลี่เซิงโยนมันทิ้งไปแล้ว แต่มันกลับมาตกอยู่ตรงนี้เอง’ นางคิด ก่อนจะหยิบมันใส่ในมิติจากนั้นนางเริ่มมองหาสิ่งที่มีค่าเผื่อว่าจะพบของดีติดตัวกลับไปบ้าง นางสังเกตเห็นว่ามีกล้วยไม้ป่าขึ้นอยู่บริเวณหน้าผา มันมีรูปร่างแปลกตาแต่สวยงาม นางตัดสินใจจะนำมันกลับไปปลูกที่บ้านหยางฉิงเก็บกล้วยไม้เหล่านั้นทั้งหมด โดยเหลือรากไว้เล็กน้อยเพื่อให้มันสามารถขยายพันธุ์ต่อไปเมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย นางนำเชือกที่เคยมัดไว้มาเช็กความแน่นหนาอีกครั้ง ก่อนจะใช้มันมัดตัวเองให้มั่นคง นางกระตุกเชือกเพื่อทดสอบว่ามันแข็งแรงพอจะพานางปีนกลับขึ้นไปหรือไม่…ระหว่างที่หยางฉิงออกไปจากมิติ หลี่เซิงก็รู้สึกตัวขึ้นมา เขายกมือขึ้นจับศีรษะ อาการมึนงงยังคงมีอยู่บ้าง เมื่อค่อย ๆ ลืมตา เขาก็พบว่าตนเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเขาค่อย ๆ ขยับ
โชคดีที่บริเวณนี้ไม่สูงมากเมื่อมองจากด้านบน แต่การจะไปถึงตัวหลี่เซิงได้นั้น นางจำเป็นต้องเหวี่ยงตัวไปด้านข้าง! หยางฉิงสูดหายใจเข้าลึก มือหนึ่งจับโขดหินแน่นเพื่อพยุงตัว ‘ข้าต้องไปให้ถึง…’ นางออกแรงเหวี่ยงตัวไปยังจุดที่หลี่เซิงนอนอยู่ ขณะทำเช่นนั้น มือของนางกวาดไปโดนขอบหินที่ขรุขระจนเกิดแผลเป็นทางยาว เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมา แต่… นางไม่สนใจมันเลย!หยางฉิงออกแรงเฮือกสุดท้ายในที่สุด นางก็เหวี่ยงตัวมาถึงจุดหมาย และไปยืนจุดที่ตัวหลี่เซิงนอนอยู่! หยางฉิงหาที่ยืนให้มั่นคง ก่อนจะถอดเชือกที่มัดไว้ที่เอวออก นางมองหากิ่งไม้ที่ยื่นออกมาแถวนั้น แล้วมัดเชือกไว้ให้แน่นหนา จากนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปดูหลี่เซิงทันทีเมื่อเห็นร่างของเขานอนนิ่งอยู่ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางค่อย ๆ เอามือไปอังที่จมูกของเขา และถอนหายใจด้วยความโล่งอก ‘เขายังมีลมหายใจอยู่…’ แม้มันจะแผ่วเบาเหลือเกินก็ตามหยางฉิงมองลูกธนูที่ยังคงปักอยู่ที่หน้าท้องของหลี่เซิง ‘ดีที่มันไม่ถูกจุดสำคัญ’ ปลายลูกธนูทะลุออกด้านข้าง แต่เลือดยังคงไหลซึมออกมาไม่หยุด นางไม่มีเวลามัวลังเลอีกต่อไป!นางพาหลี่เซิงเข้าไปในมิติทันที โชคดีที่มิตินี้ไม่มีข
แม่ทัพหันกลับไป ก่อนจะใช้มีดสั้นขว้างไปยังพุ่มไม้ที่คาดว่ามีมือสังหารซุ่มอยู่หลังจากที่เขาปราบชายชุดดำจนสิ้นชีพ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้น นางรีบปีนลงจากต้นไม้แล้ววิ่งตรงไปยังจุดที่หลี่เซิงตกลงไป แม่ทัพมองดูนางที่กำลังร่ำไห้ราวกับจะขาดใจ พลางรู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยชายหนุ่มเอาไว้ได้เขาเดินไปตรวจดูศพของชายชุดดำที่สังหารเมื่อครู่ เห็นรอยเลือดและร่างไร้วิญญาณที่นอนแน่นิ่ง ‘คนผู้นี้คงเป็นคนของฉินอ๋อง’ แม่ทัพกัดฟันแน่น เป็นความผิดของเขาเอง ที่ต้องให้คนอื่นมาปกป้องตน“หลี่เซิง! ท่านอย่าเป็นอะไรนะ ฮือ!” หยางฉิงคุกเข่าร้องไห้อยู่ริมหน้าผา น้ำตาของนางไหลไม่ขาดสาย‘ถ้าไม่มีเขา ข้าก็อยู่บนโลกนี้ไม่ได้…’ ในใจของนางเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด คำว่า ‘จากลา’ ผุดขึ้นมาในหัว นางอยากกระโจนตามเขาลงไปเสียด้วยซ้ำ…แม่ทัพเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ด้านหลังหญิงสาวที่ปกปิดใบหน้าไว้ ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงรู้สึกผิด“ข้าขอโทษ ที่เป็นต้นเหตุให้คนรักของเจ้าต้องตาย”คำพูดของเขาทำให้หยางฉิงตัวสั่นด้วยความโกรธ นางเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาแดงก่ำ “ท่านอย่ามาพูดเช่นนั้น!” นางกัดฟันกรอด ไม่อาจทนฟังได้ “สามีของข้ายังไม่ตาย
ทั้งสองฟาดฟันกันอยู่ครู่หนึ่ง แต่เพราะหลี่เซิงได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว แรงที่ลงไปในดาบจึงไม่มั่นคง ทำให้การโจมตีพลาดเป้าไปหลายครั้ง พวกเขาผลัดกันรุกผลัดกันรับ สู้กันอย่างไม่มีใครยอมใครกระทั่งหลี่เซิงเห็นจังหวะเหมาะ เขาจึงฟันดาบไปที่ขาของนักฆ่าทันที!นักฆ่าหลบดาบไม่ทัน จึงถูกฟันเข้าจนเกิดบาดแผล แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือความแสบร้อนบริเวณที่ถูกดาบฟัน ราวกับถูกกัดกร่อนจากบางสิ่ง“เจ้า…ทำอะไรกับข้า!?” เขาก้มลงมองบาดแผลตรงขา ก่อนจะเห็นผงสีแดงติดอยู่หลี่เซิงมองแผลของนักฆ่าด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ พลางยิ้มมุมปาก “ไม่รู้สิ…” เขาตอบยั่วอีกฝ่ายอย่างจงใจ‘ต้องถ่วงเวลาอีกสักหน่อย…’นักฆ่าเห็นว่าหลี่เซิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ธรรมดา เขาจึงเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ก่อนจะใช้มืออีกข้างหยิบมีดเล็กที่พกติดตัวมา แล้วเหวี่ยงไปทางชายตรงหน้าอย่างรวดเร็ว!หลี่เซิงที่กำลังจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ ไม่ทันสังเกตว่ามีดเล็กพุ่งเข้ามา จึงหลบไม่ทันฉึก!มีดเล่มนั้นปักเข้าที่ขาของเขาทันที!‘มีดนี้มีพิษ!’หลี่เซิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ขาข้างที่ถูกมีดปักเริ่มชาและไร้ความรู้สึก เขาจึงจำเป็นต้องใช้ขาอีกข้างพยุงตัวเองเอาไว้นักฆ่าห
เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้ง พระจันทร์ก็เคลื่อนเลยปล่องไปกว่าครึ่งแล้ว‘ข้าต้องรีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!’หลังจากเก็บของสำคัญไว้กับตัวเรียบร้อยแล้ว หลี่เซิงก็แอบย่องออกจากห้อง เขาเห็นว่าบริเวณหน้าปากถ้ำ ทหารของฝ่ายตนเริ่มเข้าปะทะกับศัตรูด้านในแล้ว เขาใช้จังหวะที่ผู้คนกำลังสับสน หลบซ่อนตัวออกมาระหว่างทาง แม้เขาจะต้องปะทะกับทหารศัตรูอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้ลงมือสังหารพวกเขา เพียงแค่จัดการให้ไม่สามารถสู้ต่อได้ ในที่สุด หลี่เซิงก็หลบออกมานอกถ้ำได้อย่างปลอดภัยแต่ทันทีที่เขาก้าวออกมา เขากลับสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังตามเขามา…“นายท่านขอรับ! มีผู้บุกรุกเข้าไปในถ้ำของเราแล้ว ไม่รู้ว่ามันเอาสิ่งใดออกไปบ้าง ทหารที่เฝ้าประตูถูกฆ่าตายทั้งหมด และตอนนี้คนของท่านแม่ทัพกำลังตรวจค้นและยึดสิ่งของที่เราซ่อนไว้”ชายผู้นั้นรายงานสิ่งที่พบเห็นให้ฉินอ๋องได้รับทราบฉินอ๋องยืนฟังรายงานจากนักฆ่าฝีมือดี พลางจ้องมองไปยังค่ายของตนด้วยสายตาดุดัน เขาสังเกตเห็นเงาคนผู้หนึ่งวิ่งหนีออกมาจากค่าย ดูแตกต่างจากคนอื่น ๆ เขาพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา“เจ้าตามไปจัดการคนผู้นั้น! มันต้องมีของของข้าแน่ ถ้าหาไม่พบ… ก็ฆ่ามันทิ้ง
ทางด้านหลี่เซิง เขาหาจุดหลบซ่อนและนำของบางส่วนที่พกมาเก็บไว้อย่างมิดชิด โดยเหลือไว้เพียงสร้อยคอที่สวมติดตัว กับยาที่หยางฉิงให้มา หลังจากนั้นเขาออกค้นหาถ้ำที่ถูกระบุไว้ในจดหมาย จนกระทั่งพบว่า ปากถ้ำมีทหารยามหลายสิบคนเฝ้าอยู่ เป็นเรื่องยากที่เขาจะบุกเข้าไปเพียงลำพัง จึงตัดสินใจรอจังหวะให้คนของท่านแม่ทัพเข้าปะทะกับพวกมันก่อน จากนั้นจึงใช้โอกาสนั้นแทรกตัวเข้าไป ไม่นานนัก เสียงการต่อสู้ก็ดังขึ้นจากด้านหลังของเขา เสียงดาบกระทบกันดังไปทั่วค่าย“มีคนบุกรุก!”เสียงตะโกนแจ้งเตือนดังขึ้นในค่าย ทำให้พวกมันรีบจุดไฟส่องสว่างและกรูกันออกไปเผชิญหน้ากับศัตรู“พวกเจ้าคอยเฝ้าปากถ้ำ ข้าจะไปช่วยพวกที่อยู่ด้านนอก!”ชายที่ดูเหมือนหัวหน้าสั่งการเสร็จ ก็พาคนออกไปครึ่งหนึ่งเพื่อช่วยต่อสู้ด้านนอกหลี่เซิงเห็นโอกาสดี สายตาเขาเจือความเหี้ยมโหด เขาประทับธนู แล้วยิงลูกศรพุ่งตรงไปยังหน้าอกด้านซ้ายของยามเฝ้าปากถ้ำ สังหารไปสองคนในพริบตาเมื่อพวกยามเห็นพวกพ้องล้มลง หนึ่งในนั้นกำลังจะส่งเสียงเตือน หลี่เซิงไม่รอช้า เขาพุ่งตัวเข้าหาพวกมันอย่างรวดเร็ว ชักมีดออกมาแล้วกรีดผ่านลำคอของทั้งสามคนอย่างแม่นยำ ก่อนที่พวกมันจะได้ทัน