1
บุคคลสำคัญล้วนปรากฎตัว
งานสมรสก็ไม่ได้ไปอ้างว่าติดภารกิจแท้จริงไม่สามารถทนมองหน้าเจ้าบ่าวได้ กระทั่งได้เจอเธอในวันนี้และเธอจำเขาได้ในทันที
“ขอบคุณค่ะ แต่รบกวนพี่รอฉันสักครู่นะคะ”
กล่าวขอบคุณเสร็จกำลังจะตามเขากลับไปก็นึกขึ้นมาได้จึงรีบวิ่งกลับไปที่รถด้านหลัง รถนั่นเธอควรนำมันกลับไปด้วย ตระกูลเย่มีรถเพียงสองคันหายไปหนึ่งก็คงลำบากเธอเอง
“พวกคุณไปได้แล้ว”
“เธอพูดจริง ๆ หรือ”
หนึ่งในคนที่จับเธอมาร้องถามด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าแค่เธอเดินออกไปพูดไม่กี่คำ ผู้บัญชาการจอมโหดนั่นจะยอมปล่อยโจรอย่างพวกเขาไปง่ายแบบนี้
“ฉันบอกแล้วไง ถ้าพวกคุณเชื่อฉันพวกคุณจะรอด”
“เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมผู้บัญชาการถึงยอมปล่อยพวกเราไป”
“น้องสาว ถ้าอยากรู้อะไรก็ถามต่อได้เลยฉันจะตอบหมดทุกอย่างแต่ถ้านานไปผู้บัญชาการรอนานพวกคุณอาจจะไม่รอดแล้ว”
พอเธอพูดจบพวกเขาก็รีบวิ่งลงจากรถไปทันที โอกาสรอดชีวิตแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ ต่อให้มีหลายชีวิตก็คงไม่พอใช้หากทำให้จางอวี้เจินไม่พอใจ
ร่างอวบอิ่มเดินกลับไปหาคนที่มีศักดิ์เป็นพี่ชาย ก่อนจะยิ้มกว้างให้เขา เธอมีเรื่องต้องขอให้เขาช่วยอีกแล้ว
“พี่อวี้เจินให้คนของพี่ขับรถนั่นกลับไปที่สำนักงานตระกูลเย่ได้ไหมคะ”
“นายสองคนขับรถนั่นกลับไป”
“แล้วใครจะขับรถให้ผู้บัญชาการละครับ”
“เดี๋ยวฉันขับเอง”
“ครับ”
ทหารทั้งสองนายตอบแล้ววิ่งไปขึ้นรถของตระกูลเย่ ส่วนเกาม่านอี้ก็ขึ้นไปนั่งข้างคนขับ จางอวี้เจินเอี่ยวตัวไปดึงสายเข็มขัดมารัดให้เธอก่อนจะออกรถไป
เกาม่านอี้คนเก่าอาจจะไม่เคยคิดกับจางอวี้เจินในฐานะชายหนุ่มหญิงสาว แต่ตอนนี้ในร่างเกาม่านอี้คือหลี่ม่านม่านผู้เขียนนิยายเรื่องนี้ นั่นทำให้เธอไม่ต้องฝืนใจปฏิบัติตัดรอนน้ำใจจางอวี้เจิน เพื่อรักษาน้ำใจของเย่หมิงเสวียนเหมือนชาติก่อนอีกต่อไป
“พี่อวี้เจิน สบายดีแล้วหรือคะ เมื่อวานยังบอกว่าไม่สบายอยู่เลย”
หญิงสาวถามพลางยิ้มมุมปาก ตัวเธอรู้ดีว่าเขาโกหกเพื่อจะได้ไม่ต้องส่งเธอเข้าหอกับผู้ชายคนอื่น พอถามเสร็จก็ใช้หลังมือแตะหน้าผากเขาวัดไข้ แสร้งตีหน้าใสซื่อไร้เดียงสา
“ม่านม่าน”
ชายหนุ่มเรียกชื่อเธอเสียงแผ่ว ตกใจที่เธอเข้าใกล้เกินไปจึงเหยียบเบรกกระทันหัน ขบวนรถด้านหลังจึงต้องหยุดชะงักตามไปด้วย เกาม่านอี้หัวเราะในใจท่าทีของเขาช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน นึกอยากจะกัดแก้มสีชมพูของเขาเบา ๆ ดูสักที
เธอไม่ได้ทำเพียงแค่คิดแต่ยังยื่นหน้าไปกัดแก้มเขาเบา ๆ อย่างที่ใจคิดอีกด้วย พอกัดเสร็จถึงมีสติขึ้นมา แต่คนถูกกัดเองไม่มีสติแล้วในตอนนี้
“โอะ ขอโทษค่ะฉันหิวมากไปหน่อย”
“ม่านม่านคงไม่ได้หิวแล้วไล่กัดคนอื่นเหมือนที่ทำกับพี่หรอกใช่หรือเปล่า”
จางอวี้เจินได้สติขึ้นมาก็ยังวางท่าเคร่งขรึมถามเรื่อยเปื่อย ทั้งที่ในใจกลับเต้นระรัวไปหมด แม้แต่ใบหน้าเองยังไม่คลายสีชมพูระเรื่อนั่นออกไปเลย
ข้อแก้ตัวของเธอก็ช่างไร้สาระเสียจริง แต่เพราะคนพูดคือเกาม่านอี้เขาจึงยอมเชื่ออย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
“จะเป็นไปได้อย่างไรคะ ม่านม่านของพี่ไม่ได้หิวพร่ำเพรื่อเสียหน่อย”
ได้ยินคำว่า ‘ม่านม่านของพี่’ ผู้บัญชาการสุดโหดยิ่งรู้สึกเขินอาย ใบหน้า ใบหูร้อนผ่าวไปหมด ที่แดงอยู่ก็ยิ่งแดงไปใหญ่
“ม่านม่านคงมีความสุขดีกับสามีใช่หรือเปล่า”
“ฉันลืมไปแล้วว่าสามีรออยู่ ขอบคุณพี่อวี้เจินที่มาช่วยได้ทัน สามีฉันบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“คิดว่าคงไม่เป็นไรมาก มีพยาบาลคอยดูอยู่คงไม่เป็นอะไร”
เกาม่านอี้ยิ้มโล่งเมื่อได้ยินว่าเย่หมิงเสวียนมีอี้จินเฉิง นางพยาบาลสาวสวยคอยดูแลอยู่ เธอคือตัวละครสำคัญที่จะทำให้เธอหลุดพ้นจากตระกูลเย่ได้ งั้นเธอก็ไม่ควรไปขัดจังหวะเขาในตอนนี้ เวลาน้อยนิดคงไม่สามารถทำให้เย่หมิงเสวียนถูกใจเธอได้
“งั้น เราไปหาอะไรกินก่อนได้ไหมคะ ฉันหิวจนปวดท้องไปหมดแล้ว”
“ได้สิ อย่างนั้นไปกินที่ภัตตาคารเจิ้งดีหรือเปล่า ถือเสียว่าพี่ให้ของขวัญวันแต่งงานแก่ม่านม่าน”
“ขอบคุณค่ะ งั้นฉันจะไม่เกรงใจพี่แล้ว จะกินให้พี่อวี้เจินหมดตัวไปเลย โทษฐานไม่มาร่วมงานแต่งงานของฉัน”
“กินได้ก็กินไป พี่เลี้ยงไหวอยู่แล้ว”
ทั้งสองนั่งพูดคุยกันไปจนกระทั่งถึงหน้าภัตตาคารเจิ้งที่มากินอาหาร ฟังเพลงบ่อย ๆ ลูกน้องคนอื่นถูกไล่กลับไปหมด รถที่ถูกชิงมาก็ถูกส่งกลับ
ขณะเดินเช้าไปด้านในภัตตาคารรอบข้างก็มองมาที่เธอเป็นตาเดียว จากนั้นหันไปซุบซิบกันต่อ เกาม่านอี้รู้ตัวดีว่าคนพวกนั้นมองและนินทาเรื่องอะไรอยู่
นอกจากจะนินทาเรื่องเธอไม่สวย ไม่เหมาะสมกับผู้บัญชาจางอวี้เจินแล้ว คนพวกนั้นยังอิจฉาเธอที่ไม่มีใครสามารถเหนี่ยวรั้งหัวใจผู้บัญชาการสุดโหดไว้ได้เลย
“ม่านม่านนั่งนี้”
น้ำเสียงอ่อนโยนของชายหนุ่มบอกแก่หญิงสาว แล้วเลื่อนเก้าอี้ออกมาให้เธอนั่งอย่างที่เคยทำมาตลอด ก่อนเธอจะเจอกับพระเอกของเรื่อง
“ม่านม่านสั่งเลย อยากกินอะไร”
“ฉันขอเหมือนเดิมก็แล้วกันค่ะ”
เธอพูดเช่นนั้นจางอวี้เจินก็หันไปสั่งอาหารทั้งหมดเอง ทุกสิ่งล้วนเป็นของที่เกาม่านอี้ชอบ เขาจำมันได้ขึ้นใจไม่ว่าเมนูไหน สั่งเสร็จพนักงานของภัตตาคารจึงเดินจากไปทิ้งให้ทั้งสองได้คุยกันระหว่างรออาหาร
"พี่อวี้เจินคะ ฉันมีอีกเรื่องอยากให้พี่ใช้อำนาจที่มีช่วยหน่อยได้หรือเปล่าคะ"
“ได้สิ”
ไม่ผิดจากที่คิดเขาตกลงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น พอพูดจบก็ยิ้มให้แล้วรับปิ่นในมือเธอมาถือเอาไว้ ปิ่นนี้เธอขโมยมันออกมาจากกรอบตกแต่งในสำนักงานตระกูลเย่
“นี่หมายความว่าอย่างไร”
“ฉันอยากให้พี่ใช้อำนาจที่มีตามหาเจ้าของปิ่นนี้ค่ะ การหาคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแต่เจ้าของปิ่นนี้อยู่นอกเขตซูเป่ยแน่ พี่จะได้ไม่ต้องหาในเขตให้เหนื่อย”
“พี่จะจัดการให้”
“คุณเย่ เป็นอย่างไรบ้างคะ”
หญิงสาวพยาบาลคนนั้นถามขึ้นเมื่อเห็นคนบาดเจ็บเปิดเปลือกตา หลังโดนยิงเขาก็ถูกพาส่งสถานพยาบาลในเมืองซูเป่ยทันที โชคดีที่สำนักงานและสถานพยาบาลไม่ได้ไกลกัน โดยมีนางพยาบาลคนนั้นคอยดูแลปฐมพยาบาลให้
เย่หมิงเสวียนบาดเจ็บจากการถูกกระสุนปืนเฉียดแขน ทำให้ไม่ต้องผ่าเอากระสุนออก แต่เขารู้สึกกลัวว่าเกินไปจึงได้หมดสติ
ภาพแรกที่เย่หมิงเสวียนเห็นคือใบหน้านวลงดงามของพยาบาลสาวสวย คิ้วเรียวขมวดเป็นปมคงเพราะเป็นห่วงคนเจ็บมากจึงได้ไม่เป็นอันทำอะไรแบบนี้
“ผมอยู่โรงพยาบาลใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ คุณเย่ถูกยิงคนที่สำนักงานจึงช่วยกันพาคุณส่งโรงพยาบาล พวกเราเป็นห่วงคุณเย่มากนะคะ”
น้ำเสียงหวานพูดด้วยความนุ่มนวลพลางช่วยพยุงเขานั่งพิงหัวเตียง เย่หมิงเสวียนแอบรู้สึกดี คนแรกที่เขาพบหลังตื่นไม่ใช่หญิงสาวอวบอ้วนน่าเกลียดคนนั้น แต่พริบตาเดียวก็นึกขึ้นมาได้ว่าเกาม่านอี้ต้องมีชีวิต
“เกาม่านอี้ปล่อยภัยดีหรือเปล่าครับ”
16บทส่งท้ายระหว่างที่คนสองคนกำลังยืนกอดกันอยู่ ทหารคนสนิทก็พุ่งเข้ามาโดยไม่ทันได้ดูสถานการณ์ก่อน ทำเอาผู้บัญชาการคิ้วกระตุก เจียงจื่อหยวนนึกอยากจะเอาหัวโขกพนังให้รู้แล้วรู้รอดไป เขายังไม่ชินกับการมีนายหญิงในบ้านจึงค่อนข้างลืมตัวแต่เรื่องนี้จะโทษเขาก็ไม่ได้เพราะเรื่องที่เขานำมารายงานเร่งด่วน“นายอยากถูกลงโทษสักครั้งสินะจื่อหยวน”“พี่อวี้เจินอย่าดุนักสิคะ รองเจียงเข้ามาแบบนี้ต้องมีธุระแน่ ๆ”“ว่ามา”“เจอตัวอี้จินเฉิงแล้วครับ”“ที่ไหน”“ในเขตอาคารสำนักงานเก่าตระกูลเย่ครับ”“ม่านม่านเธออยู่ที่นี่ พี่ไปดูเอง”“ค่ะ”จางอวี้เจินพูดจบก็เดินนำออกไป คิดว่าคงไปจัดการอี้จินเฉิงแน่ ๆ หลังตระกูลเย่ถูกจับ อี้จินเฉิงที่ไม่ได้รู้เรื่องราวการค้าของเถื่อนเหล่านั้นถูกปล่อยตัวไป แต่เพราะข่าวลือมากมายภายนอกทำให้เธอไม่มีที่ไปอีก จะกลับไปโรงพยาบาลก็ไม่ได้ เป้าหมา
16บทส่งท้ายเกาม่านอี้นั่งอยู่ที่เก้าอี้บ้านพักผู้บัญชาการ ช่วงนี้มีบางอย่างให้เธอคิดอย่างหนัก ไม่เข้าใจว่าทำไมมาถึงขนาดนี้แล้วยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ใจหนึ่งเธอก็อยากหลุดไปจากนิยาย แต่อีกใจกลับคิดว่าถ้าไม่ได้เจอผู้บัญชาการสุดโหดของเธออีกจะทำอย่างไรตอนนี้เธอเลยไม่กล้าอยู่ตามลำพังกับเขา เพราะในนิยายจบลงที่พระเอกบอกรักเธอ และเธอก็บอกรักเขากลับ กลัวว่าถ้าอยู่ด้วยกันแล้วเขาบังเอิญพูดมันออกมาเธอจะต้องจากไปทั้งที่ไม่ได้บอกความรู้สึกจริง ๆ“ม่านม่าน เธอมาทำอะไรตรงนี้”“เอ่อ พี่อวี้เจิน พี่ทำงานเสร็จแล้วหรอคะ”“ไม่รู้ว่าพี่คิดไปเองหรือเปล่า แต่พี่คิดว่าช่วงนี้เธอกำลังหลบหน้าพี่”“ฉันเปล่านะคะ ก็แค่มีเรื่องให้คิดมากก็เท่านั้น”“ถ้าเธอคิดมากเรื่องความรู้สึกของพี่ก็ไม่เป็นไร เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่ พี่ก็จะไม่บังคับให้เธอต้องลำบากใจ”พูดแค่ประโยคเดียวคนโหดก็ทำท่าจะเดินจาก เขาไม่เป็นไรแ
15งานเลี้ยง“เย่หมิงเสวียนปล่อยเธอเดี๋ยวนี้”“แกคิดว่าฉันโง่หรือไงจางอวี้เจิน พวกแกหลอกฉันกับพ่อมาที่นี่ก็เพื่อจัดการตระกูลเย่”“ใครจะจัดการแกได้ ถ้าแกไม่ทำชั่วก่อน คิดว่าอาละวาดที่นี่แล้วจะหนีไปได้หรือไง”จางอวี้เจินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พยายามบังคับตนเองไม่ให้ตื่นตระหนกหรือลนลานจนเย่หมิงเสวียนรู้ว่าเขากลัวมากแค่ไหนในตอนนี้ ไม่ว่าจะต้องออกรบหรือทำภารกิจแบบไหนเขาไม่เคยนึกกลัว มีแค่ตอนนี้ตอนเห็นปากกระบอกปืนจ่ออยู่ตรงลำคอระหงของเกาม่านอี้เรือนร่างบอบบางพยายามคิดหาทางหนีให้กับตนเองขณะถูกจับตัวอยู่ พลางคิดถึงเส้นเรื่องหลักของนิยาย อย่างที่คิดเรื่องไหนต้องเกิดก็ต้องเกิด ตอนใกล้จบของนิยายมีการปะทะกันระหว่างพระเอกและพระรอง ซึ่งตอนนั้นพระรองถูกยิงตาวย เธอจะไม่ยอมให้จางอวี้เจินต้องบาดเจ็บหรือเป็นอะไรไปเพราะคนสารเลวอย่างเย่หมิงเสวียนแน่นอน“พ่อถอย”จางอวี้เจินหันไปบอกจอมพลจางซีหลิงให้สั่งทหารรอ
14คนของฉันเกาม่านอี้ตอบพลางยื่นหนังสือสัญญานั้นให้เขาอีกครั้ง แต่แรกเขาไม่ได้สนใจหนังสือนี่เพราะมัวแต่ห่วงแผลตามร่างกายเธอ พอเธอยื่นให้อีกครั้งจึงหยิบมาดู หนังสือลงนามสัญญาค้าขายของตระกูลเย่กับพวกญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ไม่มีหลักฐานชัดเจนจึงเอาผิดพวกนั้นไม่ได้ เขาไม่อยากได้ชื่อว่าโหดเหี้ยม รังแกคนไม่มีอำนาจเลยตั้งใจหาหลักฐานมาตลอด“อย่างนั้นม่านม่านพักผ่อนเถอะ พี่จะออกไปสั่งงานจื่อหยวนสักหน่อย”“ได้ค่ะ ขอบคุณพี่อวี้เจินที่ยอมร่วมมือกับฉัน”“พูดอะไรอย่างนั้น ม่านม่านขอพี่ต้องยินดีอยู่แล้ว”คุยกันเสร็จชายหนุ่มก็ออกมาจากห้องของเธอ รีบถือหนังสือสัญญาไปยังห้องทำงาน ก่อนหน้านี้เขาใจร้อนเพราะรู้สึกโกรธที่เธอถูกคนอื่นรังแกจึงวู่วามเกือบฆ่าเย่หมิงเสวียน โชคดีได้เกาม่านอี้เตือนสติไว้ แต่ตอนนี้เขามีเหตุผลเพียงพอจะจัดการคนสารเลวคนนั้น“จื่อหยวน”“ผู้บัญชาการ มีเรื่องรายงานครับ”
15งานเลี้ยงโถงโรงแรมกลางเมืองถูกจัดแต่งไว้อย่างสวยงามใหญ่โต เหมาะกับตำแหน่งจอมพลของเจ้าของงานอย่างยิ่ง วันนี้เป็นวันเกิดของจอมพล แขกมากมายถูกเชิญมาร่วมงานและทุกคนที่ได้รับเชิญก็ไม่มีใครไม่กล้ามาร่วมงาน“สวัสดีครับท่านจอมพล”เย่ป๋อหรานเอ่ยทักจอมพลกลางงานเลี้ยงฉลองวันเกิด จอมพลหันมายิ้มพูดคุยกับเขาสักครู่ เพื่อไม่ให้ดูเสียมารยาทและหักหน้าเขาในตอนนี้“สวัสดีคุณเย่ วันนี้มากับลูกชายหรือครับ”“นี่เย่หมิงเสวียนลูกชายคนเดียวของผม”“สวัสดีครับ ท่านจอมพลนี่เป็นของขวัญให้ท่านครับ”“ขอบคุณมาก เชิญตามสบายนะ ผมขอตัวไปดูแขกคนอื่นสักหน่อย”เจ้าของงานรับของขวัญมาแล้วยื่นให้ทหารคนสนิทข้างกาย ไม่ได้เปิดดูในทันที จากนั้นจึงขอตัวออกไปดูแขกคนอื่นที่เริ่มทยอยเข้ามาในงานบ้างแล้วปกติจอมพลจะไม่จัดงานเลี้ยงรับรองหรืองานฉลองอะไร แต่ครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญที่ถูกขอให้จัด ผู้คนจึงมาร่วมงานกันม
14คนของฉันเช้ามืดของวันต่อมาเกาม่านอี้และหลู่ปินปินเตรียมกระเป๋ามาวางไว้ใกล้ประตูเผื่อหยิบได้สะดวก พอเตรียมของเสร็จก็นั่งรอให้ฟ้าสว่างช่วงสายของวันคนบ้านนั้นต้องรีบมาเอาเรื่องเธออีกแน่“เกาม่านอี้ ออกมาเดี๋ยวนี้!”นั่นอย่างไร! เสียงโหวกเหวกด้านนอกที่เธอรอมาเสียตั้งนาน หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะเปิดประตูเรือนเดินออกมา ท่าทางนิ่งสงบต่างจากเมื่อวานทำให้อี้จินเฉิงนึกโมโห แต่พอมองดูเธอดี ๆ ก็รู้สึกดีขึ้นมากส่วนที่โผล่พ้นร่างกายของเกาม่านอี้มีแต่รอยฟกช้ำ แม้แต่ใบหน้าสวยยังบวมขึ้นเพราะถูกตีด้วยแรงของผู้ชาย หากจางอวี้เจินมาเห็นเธอในสภาพนี้ตระกูลเย่คงถูกฆ่าล้างตระกูลแน่ ๆ“เธอกล้ามากนะเกาม่านอี้ที่ทำร้ายฉัน”เย่หมิงเสวียนพูดเสียงเข้ม ก่อนจะก้าวมายืนตรงหน้าเธอ ผู้ชายคนนี้ช่างกล้าพูดเหลือเกินตัวเองถูกตีนิดหน่อยดันทำเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องที่ตีคนอื่นกลับไม่พูดถึงแม้แต่ครึ่งคำ“แล้วคุณไม่ทำร้าย