1
บุคคลสำคัญล้วนปรากฎตัว
“นั่นเป็นเรื่องของพวกคุณ ฉันให้โอกาสพวกคุณเท่านี้ แต่พวกคุณควรรู้ไว้ว่าผู้บัญชาการมณฑลซูเป่ยจางอวี้เจินนั้นโหดเหี้ยมมาก หากเขาตั้งใจไม่ปล่อยไม่ว่าอยู่ที่ไหนเขาก็จะตามหาคุณจนเจอ”
คนร้ายเมื่อได้ฟังก็ขนลุกชันขึ้นทั่วร่าง พวกโจร ขโมยไม่มีใครไม่รู้จักกิตติศัพท์ของผู้บัญชาการมณฑลจางอวี้เจิน เพราะพวกเขามาจากที่อื่นจึงไม่รู้ว่าที่นี่คือเขตพื้นที่ของจางอวี้เจินผู้นั้น
ปืนในมือที่ใช้ข่มขู่เธอก่อนหน้านี้เริ่มสั่นเทาเล็กน้อย ไม่คิดว่าเธอจะโกหกเพียงเพื่อเอาตัวรอดเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
“พวกเราควรทำอย่างไรต่อ”
“ถ้าเชื่อฉันก็แค่จอดรถ จอดรออยู่ตรงนี้รอให้ผู้บัญชาการมณฑลมาถึง”
“หากผู้บัญชาการมาถึงพวกเราจะรอดได้ยังไง”
“เมื่อตัดสินใจจะเชื่อฉัน พวกคุณก็ไม่ควรถามแล้วไม่ใช่หรือคะ”
รถที่ขับออกมาหยุดลงเมื่อเธอพูดจบ ถึงอย่างไรขับต่อก็ไม่รอดไม่สู้ยอมเสี่ยงอยู่ที่นี่กับเธอยังดีเสียกว่า ทั้งหมดจึงนั่งรออยู่ในรถ เกือบห้านาทีก็มีรถทหารสองคันวิ่งมาจอดฝั่งตรงข้ามของถนนนอกตัวเมือง ทหารผู้น้อยทุกคนลงจากรถแล้วจ่อปืนมายังรถที่คนร้ายขับ
เกาม่านอี้เปิดประตูลงจากรถยืนนิ่งอยู่ตรงประตู รอจนคนที่ตั้งใจมาพบลงจากรถตอนเห็นเธอ ชายหนุ่มรูปร่างสูงสมส่วนสมเป็นชายชาติทหาร ใบหน้าหล่อคม ดวงตาดุร้ายราวกับเหยี่ยวมองเหยื่อ เขาขมวดคิ้วเพ่งมองร่างอวบอีกฝั่งถนน
ทำไมเป็นเธอ เขาได้ยินว่ามีคนถูกจับป็นตัวประกันแต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเธอ แต่ที่คิดไม่ถึงมากที่สุดคงจะเป็นเธอไม่ร้องไห้เพราะความกลัว ทั้งยังยืนยิ้มอยู่ตรงนั้นตามลำพัง
จางอวี้เจินรีบเดินเข้าไปหาเธอด้วยความเป็นห่วง ไม่ระวังว่าจะถูกลอบทำร้ายเลยสักนิด พระรองของเธอคนนี้มั่นใจในฝีมือตนเองมากทำให้ไม่กลัวว่าจะถูกลอบทำร้าย พอเห็นคนที่รอกำลังเดินมาเกาม่านอี้ฉีกยิ้มกว้างตั้งใจวิ่งข้ามถนนไปหาชายหนุ่มอีกฝั่งหนึ่ง
“ม่านม่าน ทำไมอยู่ที่นี่”
“พี่อวี้เจิน ฉันถูกคนร้ายจับมาและกำลังรอพี่อยู่”
“รอพี่? ถูกคนร้ายจับแต่รอพี่แบบนี้มันยังไงกันม่านม่าน จะอย่างไรก็ช่างเถอะบาดเจ็บหรือเปล่า พวกมันไปไหนกันหมดพี่จะได้ส่งมันไปลงนรกเสีย”
ทีแรกก็อยากถามเรื่องที่เธอบอก พอนึกได้ว่าเธอถูกคนร้ายทั้งสี่จับตัวมาก็นึกโมโห หากเธอเป็นอะไรไปต่อให้ตามฆ่าพวกมันทั้งหมดก็ไม่คุ้มค่าเลย ผู้บัญชาการทหารรีบล้วงเอาปีนที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมา ดึงเธอให้หลบอยู่ด้านหลัง ก้าวไปข้างหน้าไม่มีท่าทางเกรงกลัวเลย เดินได้แค่ก้าวเดียวก็ถูกหญิงสาวฉุดข้อมือแข็งแกร่งไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวค่ะ พี่อวี้เจิน ฉันไม่ได้รับบาดเจ็บคนพวกนั้นแค่ได้ยินชื่อพี่ก็พากันกลัวจนตัวสั่นหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะยืนอยู่ตรงนี้ได้หรือคะ”
“ถึงม่านม่านจะไม่บาดเจ็บแต่พวกนั้นจับเธอมา อีกทั้งยังขโมยของย่อมต้องถูกลงโทษ ในฐานะผู้บัญชาการอย่างไรพี่ก็ปล่อยไปไม่ได้”
“แต่ฉันสัญญากับพวกเขาไว้ว่าถ้าหากยอมปล่อยฉัน ฉันจะให้พี่ไว้ชีวิตพวกเขา หากพี่อวี้เจินเอาเรื่องพวกเขาฉันก็กลายเป็นคนเสียสัจจะไม่ใช่หรือคะ”
จางอวี้เจินมองหน้าลูกสาวเพื่อนสนิทของพ่อที่โตมาด้วยกัน สงสัยท่าทีของเธอไม่น้อย เขาย่อมต้องสงสัยในเมื่อก่อนหน้านี้ม่านม่านของเขาเป็นคนยอมคน มีเขาคอยปกป้องเสมอ ปฏิเสธหรือดื้อรั้นก็ไม่เป็น เขาถึงได้อยากอยู่ข้าง ๆ คอยดูแลเธอไปตลอด แต่ตอนนี้กลับแย้งคำพูดของเขาเพื่อขอชีวิตคนร้าย
“นะคะพี่อวี้เจิน”
“พี่เห็นแก่ม่านม่าน จะปล่อยไปสักครั้งแต่เรื่องที่ขโมยก็ยังต้องลงโทษอยู่ดี”
“คนพวกนั้นแค่มาขโมยของตัวเองกลับไปเพราะถูกขโมยก่อน ไม่ใช่พวกหัวขโมยมืออาชีพ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่กล้าเข้ามาในเขตซูเป่ยที่มีผู้บัญชาการมณฑลจางอวี้เจินดูแลอยู่หรอกค่ะ และถ้าพวกเขาเป็นคนไม่ดีฉันจะยอมขอร้องพี่เพื่อพวกเขาหรือคะ”
จางอวี้เจินยืนฟังนิ่ง ๆ คิดตามก็เห็นด้วยกับเธอทุกสิ่ง แม้เธอจะโกหกเขาก็เลือกจะเชื่ออยู่ดี ขอเพียงเธอร้องขอต่อให้ต้องช่วยคนชั่วแค่ไหนเขาก็ทำได้ เขายิ้มออกมาทันทีเมื่อเกาม่านอี้เกาะแขนเงยหน้าส่งสายตาออดอ้อนราวเด็กน้อยมาให้เขา
ทหารชั้นผู้น้อยเหล่านั้นรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว เพราะตลอดเวลาที่ทำหน้าที่ไม่เคยเห็นผู้บัญชาโหดเหี้ยมยิ้มแบบนี้แม้แต่ครั้งเดียว
“พี่อวี้เจินไม่เชื่อฉันหรือคะ”
“พี่ต้องเชื่อม่านม่านอยู่แล้ว ถ้าไม่เป็นอะไรก็กลับกันเถอะพี่จะไปส่ง”
เพราะเขาเป็นคนแสนดีสำหรับเกาม่านอี้เสมอไม่ว่าเมื่อไร เขาจึงกลายเป็นตัวละครในนิยายที่เธอรักที่สุด ไม่รู้เพราะรักที่สุดหรือเปล่าเธอจึงไม่ยอมให้เขามีความรักจนจบเรื่อง คราวนี้ได้ย้อนกลับมาแก้ไขเธอถึงอยากให้เขาเป็นพระเอก หากได้ย้อนกลับมาก่อนตกลงแต่งงานเธอจะไม่แต่งกับเย่หมิงเสวียนอย่างแน่นอน
เกาม่านอี้ในนิยายไม่เคยรู้ตัวเลยว่าจางอวี้เจินหลงรักเธอมาตลอด เขาก็ไม่ได้บอกเพราะอยากรอให้ถึงวันที่ตนเองมีหน้าที่มั่นคง เมื่อสองปีก่อนเขาได้รับภารกิจให้ไปทำจึงไม่ได้พบเธอเป็นเวลาเกือบสองปี พอกลับมาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชามณฑลแห่งซูเป่ย และรู้ว่าเกาม่านอี้มีคนรักเสียแล้ว ทั้งยังจะแต่งงานกันอีกไม่กี่เดือนจึงเก็บทุกอย่างไว้ในใจตนเองเงียบ ๆ
16บทส่งท้ายระหว่างที่คนสองคนกำลังยืนกอดกันอยู่ ทหารคนสนิทก็พุ่งเข้ามาโดยไม่ทันได้ดูสถานการณ์ก่อน ทำเอาผู้บัญชาการคิ้วกระตุก เจียงจื่อหยวนนึกอยากจะเอาหัวโขกพนังให้รู้แล้วรู้รอดไป เขายังไม่ชินกับการมีนายหญิงในบ้านจึงค่อนข้างลืมตัวแต่เรื่องนี้จะโทษเขาก็ไม่ได้เพราะเรื่องที่เขานำมารายงานเร่งด่วน“นายอยากถูกลงโทษสักครั้งสินะจื่อหยวน”“พี่อวี้เจินอย่าดุนักสิคะ รองเจียงเข้ามาแบบนี้ต้องมีธุระแน่ ๆ”“ว่ามา”“เจอตัวอี้จินเฉิงแล้วครับ”“ที่ไหน”“ในเขตอาคารสำนักงานเก่าตระกูลเย่ครับ”“ม่านม่านเธออยู่ที่นี่ พี่ไปดูเอง”“ค่ะ”จางอวี้เจินพูดจบก็เดินนำออกไป คิดว่าคงไปจัดการอี้จินเฉิงแน่ ๆ หลังตระกูลเย่ถูกจับ อี้จินเฉิงที่ไม่ได้รู้เรื่องราวการค้าของเถื่อนเหล่านั้นถูกปล่อยตัวไป แต่เพราะข่าวลือมากมายภายนอกทำให้เธอไม่มีที่ไปอีก จะกลับไปโรงพยาบาลก็ไม่ได้ เป้าหมา
16บทส่งท้ายเกาม่านอี้นั่งอยู่ที่เก้าอี้บ้านพักผู้บัญชาการ ช่วงนี้มีบางอย่างให้เธอคิดอย่างหนัก ไม่เข้าใจว่าทำไมมาถึงขนาดนี้แล้วยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ใจหนึ่งเธอก็อยากหลุดไปจากนิยาย แต่อีกใจกลับคิดว่าถ้าไม่ได้เจอผู้บัญชาการสุดโหดของเธออีกจะทำอย่างไรตอนนี้เธอเลยไม่กล้าอยู่ตามลำพังกับเขา เพราะในนิยายจบลงที่พระเอกบอกรักเธอ และเธอก็บอกรักเขากลับ กลัวว่าถ้าอยู่ด้วยกันแล้วเขาบังเอิญพูดมันออกมาเธอจะต้องจากไปทั้งที่ไม่ได้บอกความรู้สึกจริง ๆ“ม่านม่าน เธอมาทำอะไรตรงนี้”“เอ่อ พี่อวี้เจิน พี่ทำงานเสร็จแล้วหรอคะ”“ไม่รู้ว่าพี่คิดไปเองหรือเปล่า แต่พี่คิดว่าช่วงนี้เธอกำลังหลบหน้าพี่”“ฉันเปล่านะคะ ก็แค่มีเรื่องให้คิดมากก็เท่านั้น”“ถ้าเธอคิดมากเรื่องความรู้สึกของพี่ก็ไม่เป็นไร เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่ พี่ก็จะไม่บังคับให้เธอต้องลำบากใจ”พูดแค่ประโยคเดียวคนโหดก็ทำท่าจะเดินจาก เขาไม่เป็นไรแ
15งานเลี้ยง“เย่หมิงเสวียนปล่อยเธอเดี๋ยวนี้”“แกคิดว่าฉันโง่หรือไงจางอวี้เจิน พวกแกหลอกฉันกับพ่อมาที่นี่ก็เพื่อจัดการตระกูลเย่”“ใครจะจัดการแกได้ ถ้าแกไม่ทำชั่วก่อน คิดว่าอาละวาดที่นี่แล้วจะหนีไปได้หรือไง”จางอวี้เจินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พยายามบังคับตนเองไม่ให้ตื่นตระหนกหรือลนลานจนเย่หมิงเสวียนรู้ว่าเขากลัวมากแค่ไหนในตอนนี้ ไม่ว่าจะต้องออกรบหรือทำภารกิจแบบไหนเขาไม่เคยนึกกลัว มีแค่ตอนนี้ตอนเห็นปากกระบอกปืนจ่ออยู่ตรงลำคอระหงของเกาม่านอี้เรือนร่างบอบบางพยายามคิดหาทางหนีให้กับตนเองขณะถูกจับตัวอยู่ พลางคิดถึงเส้นเรื่องหลักของนิยาย อย่างที่คิดเรื่องไหนต้องเกิดก็ต้องเกิด ตอนใกล้จบของนิยายมีการปะทะกันระหว่างพระเอกและพระรอง ซึ่งตอนนั้นพระรองถูกยิงตาวย เธอจะไม่ยอมให้จางอวี้เจินต้องบาดเจ็บหรือเป็นอะไรไปเพราะคนสารเลวอย่างเย่หมิงเสวียนแน่นอน“พ่อถอย”จางอวี้เจินหันไปบอกจอมพลจางซีหลิงให้สั่งทหารรอ
14คนของฉันเกาม่านอี้ตอบพลางยื่นหนังสือสัญญานั้นให้เขาอีกครั้ง แต่แรกเขาไม่ได้สนใจหนังสือนี่เพราะมัวแต่ห่วงแผลตามร่างกายเธอ พอเธอยื่นให้อีกครั้งจึงหยิบมาดู หนังสือลงนามสัญญาค้าขายของตระกูลเย่กับพวกญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ไม่มีหลักฐานชัดเจนจึงเอาผิดพวกนั้นไม่ได้ เขาไม่อยากได้ชื่อว่าโหดเหี้ยม รังแกคนไม่มีอำนาจเลยตั้งใจหาหลักฐานมาตลอด“อย่างนั้นม่านม่านพักผ่อนเถอะ พี่จะออกไปสั่งงานจื่อหยวนสักหน่อย”“ได้ค่ะ ขอบคุณพี่อวี้เจินที่ยอมร่วมมือกับฉัน”“พูดอะไรอย่างนั้น ม่านม่านขอพี่ต้องยินดีอยู่แล้ว”คุยกันเสร็จชายหนุ่มก็ออกมาจากห้องของเธอ รีบถือหนังสือสัญญาไปยังห้องทำงาน ก่อนหน้านี้เขาใจร้อนเพราะรู้สึกโกรธที่เธอถูกคนอื่นรังแกจึงวู่วามเกือบฆ่าเย่หมิงเสวียน โชคดีได้เกาม่านอี้เตือนสติไว้ แต่ตอนนี้เขามีเหตุผลเพียงพอจะจัดการคนสารเลวคนนั้น“จื่อหยวน”“ผู้บัญชาการ มีเรื่องรายงานครับ”
15งานเลี้ยงโถงโรงแรมกลางเมืองถูกจัดแต่งไว้อย่างสวยงามใหญ่โต เหมาะกับตำแหน่งจอมพลของเจ้าของงานอย่างยิ่ง วันนี้เป็นวันเกิดของจอมพล แขกมากมายถูกเชิญมาร่วมงานและทุกคนที่ได้รับเชิญก็ไม่มีใครไม่กล้ามาร่วมงาน“สวัสดีครับท่านจอมพล”เย่ป๋อหรานเอ่ยทักจอมพลกลางงานเลี้ยงฉลองวันเกิด จอมพลหันมายิ้มพูดคุยกับเขาสักครู่ เพื่อไม่ให้ดูเสียมารยาทและหักหน้าเขาในตอนนี้“สวัสดีคุณเย่ วันนี้มากับลูกชายหรือครับ”“นี่เย่หมิงเสวียนลูกชายคนเดียวของผม”“สวัสดีครับ ท่านจอมพลนี่เป็นของขวัญให้ท่านครับ”“ขอบคุณมาก เชิญตามสบายนะ ผมขอตัวไปดูแขกคนอื่นสักหน่อย”เจ้าของงานรับของขวัญมาแล้วยื่นให้ทหารคนสนิทข้างกาย ไม่ได้เปิดดูในทันที จากนั้นจึงขอตัวออกไปดูแขกคนอื่นที่เริ่มทยอยเข้ามาในงานบ้างแล้วปกติจอมพลจะไม่จัดงานเลี้ยงรับรองหรืองานฉลองอะไร แต่ครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญที่ถูกขอให้จัด ผู้คนจึงมาร่วมงานกันม
14คนของฉันเช้ามืดของวันต่อมาเกาม่านอี้และหลู่ปินปินเตรียมกระเป๋ามาวางไว้ใกล้ประตูเผื่อหยิบได้สะดวก พอเตรียมของเสร็จก็นั่งรอให้ฟ้าสว่างช่วงสายของวันคนบ้านนั้นต้องรีบมาเอาเรื่องเธออีกแน่“เกาม่านอี้ ออกมาเดี๋ยวนี้!”นั่นอย่างไร! เสียงโหวกเหวกด้านนอกที่เธอรอมาเสียตั้งนาน หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะเปิดประตูเรือนเดินออกมา ท่าทางนิ่งสงบต่างจากเมื่อวานทำให้อี้จินเฉิงนึกโมโห แต่พอมองดูเธอดี ๆ ก็รู้สึกดีขึ้นมากส่วนที่โผล่พ้นร่างกายของเกาม่านอี้มีแต่รอยฟกช้ำ แม้แต่ใบหน้าสวยยังบวมขึ้นเพราะถูกตีด้วยแรงของผู้ชาย หากจางอวี้เจินมาเห็นเธอในสภาพนี้ตระกูลเย่คงถูกฆ่าล้างตระกูลแน่ ๆ“เธอกล้ามากนะเกาม่านอี้ที่ทำร้ายฉัน”เย่หมิงเสวียนพูดเสียงเข้ม ก่อนจะก้าวมายืนตรงหน้าเธอ ผู้ชายคนนี้ช่างกล้าพูดเหลือเกินตัวเองถูกตีนิดหน่อยดันทำเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องที่ตีคนอื่นกลับไม่พูดถึงแม้แต่ครึ่งคำ“แล้วคุณไม่ทำร้าย