บทนำ
ย้อนกลับไปที่บทนำ
“อาอี้” เสียงแหบพร่าร่ำเรียกผู้เป็นภรรยา เขาทำใจอยู่นานกว่าจะทำใจได้ว่าต้องร่วมหอกับเธอ เดิมทีแสร้งรักไม่เท่าไรแต่ร่วมหอเขาต้องทำใจอยู่นานเพื่อให้เธอตายใจว่าเขารักด้วยใจจริง
“พี่หมิงเสวียน” เกาม่านอี้แสร้งขานรับเดินไปหาเขาเชื่องช้า เก็บใบหน้าเบื่อหน่ายเอาไว้ แสดงรอยยิ้มใสซื่อให้เขาเห็นประคองเขาเดินไปยังโต๊ะกลางห้องที่ตั้งใจรินเหล้าไว้ให้เขา
“อาอี้เหนื่อยหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ พี่หมิงเสวียนต่างหากที่เหนื่อย ดื่มหน่อยสิคะฉันเตรียมเหล้านี้ไว้ให้พี่เองเลย” น้ำเสียงอ่อนโยนพูดพร้อมยกแก้วเหล้าขึ้นมาจ่อริมฝีปากเขา ฝืนใจแค่ไหนเย่หมิงเสวียนก็ไม่ปริปากพูดเขา พยักหน้ายิ้มให้แล้วเทเหล้าเข้าปากจนหมดแก้ว
“พี่ดีใจจริง ๆ รู้หรือเปล่าที่อาอี้ยอมแต่งงานกับพี่” เย่หมิงเสวียนจ้องหน้าภรรยาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล สองมือประคองใบหน้าอิ่มของเธอไว้ตั้งใจจะจุมพิตแล้วพาเธอไปที่เตียง ใบหน้าโน้มใกล้เรื่อย ๆ แต่ไม่ทันได้แตะริมฝีปากเย่หมิงเสวียนก็ฟุบหน้าลงกับไหล่ของเธอ
“หลับไปซะ อิหลัวชั่ว กล้าพูดนะว่าดีใจ แกน่ะเสียใจสุด ๆ เลยที่ได้แต่งกับอาอี้ ชั่วจริง ๆ” หลี่ม่านม่านในร่างเกาม่านอี้บ่นพึมพำทั้งที่ตนเองเป็นคนเขียนบทพูดให้เขาเองกับมือแท้ ๆ พอได้ยินเองกลับรู้สึกคลื่นไส้จนอยากอาเจียนออกมา ครั้งก่อนเธอยังไม่รู้สึกว่ามันแย่เท่าไร แต่ครั้งก่อนเขากลับมาเจ้าชู้โลเลหลังจบบทส่งท้าย เธอจึงรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงลมปากผู้ชายเท่านั้น ไม่ได้มีความจริงใจอยู่เลย
เธอลากเขาอย่างทุลักทุเลไปที่เตียง ถอดเสื้อผ้าเขาออกเพื่อให้เขาคิดว่าทั้งคู่ร่วมหอกันแล้วเมื่อคืนนี้ ให้เรื่องดำเนินต่อไปตามเส้นเรื่องหลักได้
ส่วนตัวเธอสวมเพียงชุดนอนตัวบาง เดินไปนั่งอยู่ตรงโต๊ะกลางห้อง คิดทบทวนในเนื้อหานิยายของตนเอง
“ครั้งก่อนฉันปล่อยมันไปตามเส้นเรื่องเลยได้ย้อนกลับมา แปลว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดฉันถึงได้ย้อนกลับมาเปลี่ยน ฉันต้องเปลี่ยนบางอย่าง ไม่สิหรือฉันต้องแก้พล็อตเปลี่ยนเส้นเรื่องทั้งหมดเลย โอ๊ยปวดหัวเว้ย ทำไมมันวุ่นวายงี้ละเนี่ย”
สวมบทนักวิเคราะห์อยู่เป็นชั่วโมงกว่าจะได้ข้อสรุปว่าจะเปลี่ยนเส้นเรื่องทั้งหมดในครั้งนี้ หญิงสาวจึงแอบขยับขึ้นไปนอนบนเตียง เผื่อว่าเขาตื่นมาก่อนในตอนเช้าจะได้เห็นว่าเธอนอนอยู่ข้าง ๆ
ทุกสิ่งจะเปลี่ยนได้ก็ต่อเมื่อเธอเลิกกับเขาหรือยกเลิกงานแต่ง แต่เพราะเธอดันย้อนกลับมาตอนแต่งงานแล้ว เลยทำได้แค่ค่อย ๆ เปลี่ยนมันโดยไม่ให้มีใครรู้
ที่สำคัญ...อีกไม่นานเธอจะได้เจอพระรองลูกรักของตนเองแอบดีใจนิดหน่อยเหมือนกัน
แสงแดดอุ่น ๆ ยามเช้าส่องทะลุม่านหน้าต่างห้องนอนเข้ามา ทำให้คนที่กำลังหลับใหลต้องปรือตามองอย่างหัวเสีย กว่าจะได้หลับได้นอนก็ปาไปดึกดื่นค่อนคืน ทำไมเธอถึงไม่ปิดม่านให้มันดีกว่านี้กันนะ
ร่างอวบอ้วนลุกจากเตียงตั้งใจจะปิดม่านแล้วนอนต่อแต่กลับนึกได้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในห้องเพียงลำพัง ในอดีตหลังแต่งงานเกาม่านอี้ก็ตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำหน้าที่ภรรยาแสนดี ดูแลอาหารการกินให้ผู้เป็นสามีและพ่อแม่สามี ครั้งนี้เธอไม่ต้องการให้เหตุการณ์ซ้ำรอยเพราะต้องการเปลี่ยนเส้นเรื่องทั้งหมด
“พี่หมิงเสวียน ตื่นเถอะค่ะนี่เช้าแล้ว”
“นี่มันยังเช้าอยู่เลย จะรีบปลุกฉันไปไหน”
ชายหนุ่มตอบกลับมาน้ำเสียงหงุดหงิด เขาหลับไปไม่กี่ชั่วโมงแต่ดันถูกปลุกตั้งแต่พระอาทิตย์เพิ่งขึ้นแบบนี้ ทำให้ลืมตัวไปว่าต้องทำดีด้วยเพื่อให้เธอตายใจ เกาม่านอี้ชักสีหน้าทันที ผู้ชายคนนี้คงลืมตัวเพราะนอนไม่เต็มอิ่มแต่ถูกเธอปลุก
“พี่หมิงเสวียน โกรธฉันหรือคะ” เจ้าของริมฝีปากอิ่มแสร้งถามกลับด้วยน้ำเสียงน้อยใจ คนได้ฟังรำคาญไม่น้อยกำลังจะลุกขึ้นมาเอาเรื่องเธอแต่บังเอิญคิดได้พอดีว่าเธอมีประโยชน์ต่อตนเองมากเท่าไร
“อาอี้ พี่ขอโทษพี่คิดว่าคนใช้มาปลุก อาอี้โกรธพี่หรือเปล่า”
“ฉันเข้าใจค่ะ เมื่อคืนพี่ดื่มหนักมากคงยังง่วงอยู่แต่ฉันหิวแล้ว และอยากกินอาหารเช้าพร้อมพี่ ฉันกวนพี่หรือเปล่าคะ”
เธอแสร้งพูดกับเขาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด น้ำเสียงแผ่วเบาเพื่อให้เขาคิดว่าตนเองยังคงเป็นหญิงสาวหัวอ่อนคนเดิม ที่เขาจะชี้นกชี้ไม้ก็จะไม่ขัด
แม้จะหงุดหงิดเพียงใดแต่เย่หมิงเสวียนก็ยังไม่ปริปากบ่น เพราะเขายังไม่ได้ของที่ต้องการจากเธอจึงไม่กล้าทำให้เธอไม่พอใจ เขาซ่อนใบหน้าไม่พอใจเอาไว้ภายในยิ้มให้เธอ มือขวาลูบหัวเธอแผ่วเบาราวกับเอ็นดูเธอจับจิตจับใจ ทั้งที่ความเป็นจริงเขาสุดแสนจะรังเกียจ
‘นี่ฉันเขียนให้มันเป็นพระเอกได้ยังไง’ หลี่ม่านม่านคิดในใจเมื่อเห็นเขามีท่าท่างจำใจที่ซ่อนไว้ไม่มิด เมื่อเขาแสร้งทำเธอก็ต้องแสร้งทำเช่นเดียวกัน จึงยิ้มให้แล้วช่วยประคองเขาลงจากเตียงนอน
ครั้งนี้เธอไม่ต้องเข้าครัวทำตัวเป็นแม่บ้านผู้แสนดีอีกแล้ว ลงมาถึงห้องอาหารชั้นล่างเย่หมิงเสวียนก็เรียกให้สาวใช้จัดโต๊ะอาหาร ส่วนตัวเธอและสามีนั่งรออยู่ตรงโต๊ะอาหารโดยมีเสื้อคลุมสวมทับชุดนอนเอาไว้
ฉินรั่วหนานแม่บังเกิดเกล้าของเย่หมิงเสวียนเองก็ลงมาทานอาหารเช้าด้วยกัน เธอไม่ถูกใจลูกสะใภ้คนนี้แม้แต่นิดเดียวแต่ก็ต้องยอมเพราะเธอคือเนื้อชิ้นใหญ่ที่จะมาอุดรูความหิวกระหายของตระกูลเย่ในตอนนี้ได้
“คุณแม่ สวัสดีค่ะ”
“อาเสวียน ทำไมลูกถึงหน้าซีดนัก นอนไม่พอหรือ”
“ผมแค่ตื่นเช้าไปหน่อยเท่านั้น คุณแม่ไม่ต้องห่วงครับ”
ฉินรั่วหนานจงใจเมินคำทักทายของสะใภ้ แล้วหันไปพูดคุยกับลูกชายแทน เกาม่านอี้ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แล้วนั่งรอสาวใช้จัดโต๊ะอาหารต่อ ทำไมเธอต้องสนใจในเมื่อชาตินี้เธอไม่ได้ต้องการเกี่ยวดองเป็นสะใภ้ของฉินรั่วหนาน คนพวกนี้จ้องจะหุบทรัพย์สมบัติของตระกูลเกาในมือเธอ ชาติก่อนเธอให้เขาทั้งหมดไม่ว่าจะถูกทำร้ายอย่างไรก็ตาม สุดท้ายตระกูลมีภัยเธอไม่ทอดทิ้งและยังตั้งครรภ์บุตรชายเขาจึงกลับมาง้อเธอ
ชาตินี้ต่างออกไปเพราะหลี่ม่านม่านคนนี้สำนึกผิดแล้ว เธอจะไม่เขียนให้นางเอกต้องมีสามีชั่วช้าเลวทรามแบบนั้นอีก ที่สำคัญเธอจะหาพระเอกคนใหม่ให้เกาม่านอี้และคน ๆ นั้นต้องเป็นคนดีที่รักหวังดีกับเกาม่านอี้
“อาอี้ กินให้มากหน่อย ดูเหมือนอาอี้จะเตรียมงานแต่งจนผอมลงกว่าเดิม ถ้าผอมมากกว่านี้พี่คงต้องรู้สึกผิดกับพ่อแม่อาอี้แน่ ๆ”
“อาเสวียน ลูกบอกว่าเกาม่านอี้ผอมลงแม่ไม่เห็นว่าเธอจะผอมลงตรงไหนเลย ยังคงน่าเกลียดเหมือนเดิม”
ฉินรั่วหนานพูดกับลูกชายแล้วหันไปพึมพำคนเดียว ไม่ให้ใครได้ยิน ใช่เธอเองก็ไม่ได้ยินว่าฉินรั่วหนานพูดว่าอะไร แต่ถึงไม่ได้ยินเธอก็รู้ดีเพราะรู้จักนิสัยฉินรั่วหนานเป็นอย่างดี
เย่หมิงเสวียนนั่งใกล้เธอมากสุดน่าจะได้ยินที่ผู้เป็นแม่พูดถึงได้กระแอมเบา ๆ ส่งสัญญาณให้แม่หยุดพูดเรื่องนี้ ดูเหมือนปกป้องเธอแต่ไม่เลยเขาแค่ไม่ต้องการให้เธอรู้ทันเรื่องราวที่พวกเขาวางแผนไว้แล้ว
ไม่นานโต๊ะอาหารก็ถูกจัดเสร็จ วันนี้เย่ป๋อหรานมีงานต้องจัดการจึงรีบออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า คนร่วมทานอาหารเลยมีแค่สี่คนรวมถึงเย่หมิงอวี่น้องสาวของเย่หมิงเสวียนไปด้วย
“อาอวี่ ทำไมตื่นสายแบบนี้”
“ปกติ ฉันก็ตื่นเวลานี้ พี่ตื่นเช้าไปหรือเปล่าถึงได้บอกว่าฉันตื่นสาย”
เย่หมิงอวี่ตอบกลับพี่ชายเมื่อถูกตำหนิตั้งแต่เช้าแบบนี้ สองพี่น้องนี้น่ารังเกียจเหมือนกันมาก ทำไมเธอถึงได้เขียนให้ครอบครัวพระเอกน่าสมเพชได้ถึงขนาดนี้ ละอายใจต่อเกาม่านอี้จริง ๆ
16บทส่งท้ายระหว่างที่คนสองคนกำลังยืนกอดกันอยู่ ทหารคนสนิทก็พุ่งเข้ามาโดยไม่ทันได้ดูสถานการณ์ก่อน ทำเอาผู้บัญชาการคิ้วกระตุก เจียงจื่อหยวนนึกอยากจะเอาหัวโขกพนังให้รู้แล้วรู้รอดไป เขายังไม่ชินกับการมีนายหญิงในบ้านจึงค่อนข้างลืมตัวแต่เรื่องนี้จะโทษเขาก็ไม่ได้เพราะเรื่องที่เขานำมารายงานเร่งด่วน“นายอยากถูกลงโทษสักครั้งสินะจื่อหยวน”“พี่อวี้เจินอย่าดุนักสิคะ รองเจียงเข้ามาแบบนี้ต้องมีธุระแน่ ๆ”“ว่ามา”“เจอตัวอี้จินเฉิงแล้วครับ”“ที่ไหน”“ในเขตอาคารสำนักงานเก่าตระกูลเย่ครับ”“ม่านม่านเธออยู่ที่นี่ พี่ไปดูเอง”“ค่ะ”จางอวี้เจินพูดจบก็เดินนำออกไป คิดว่าคงไปจัดการอี้จินเฉิงแน่ ๆ หลังตระกูลเย่ถูกจับ อี้จินเฉิงที่ไม่ได้รู้เรื่องราวการค้าของเถื่อนเหล่านั้นถูกปล่อยตัวไป แต่เพราะข่าวลือมากมายภายนอกทำให้เธอไม่มีที่ไปอีก จะกลับไปโรงพยาบาลก็ไม่ได้ เป้าหมา
16บทส่งท้ายเกาม่านอี้นั่งอยู่ที่เก้าอี้บ้านพักผู้บัญชาการ ช่วงนี้มีบางอย่างให้เธอคิดอย่างหนัก ไม่เข้าใจว่าทำไมมาถึงขนาดนี้แล้วยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ใจหนึ่งเธอก็อยากหลุดไปจากนิยาย แต่อีกใจกลับคิดว่าถ้าไม่ได้เจอผู้บัญชาการสุดโหดของเธออีกจะทำอย่างไรตอนนี้เธอเลยไม่กล้าอยู่ตามลำพังกับเขา เพราะในนิยายจบลงที่พระเอกบอกรักเธอ และเธอก็บอกรักเขากลับ กลัวว่าถ้าอยู่ด้วยกันแล้วเขาบังเอิญพูดมันออกมาเธอจะต้องจากไปทั้งที่ไม่ได้บอกความรู้สึกจริง ๆ“ม่านม่าน เธอมาทำอะไรตรงนี้”“เอ่อ พี่อวี้เจิน พี่ทำงานเสร็จแล้วหรอคะ”“ไม่รู้ว่าพี่คิดไปเองหรือเปล่า แต่พี่คิดว่าช่วงนี้เธอกำลังหลบหน้าพี่”“ฉันเปล่านะคะ ก็แค่มีเรื่องให้คิดมากก็เท่านั้น”“ถ้าเธอคิดมากเรื่องความรู้สึกของพี่ก็ไม่เป็นไร เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่ พี่ก็จะไม่บังคับให้เธอต้องลำบากใจ”พูดแค่ประโยคเดียวคนโหดก็ทำท่าจะเดินจาก เขาไม่เป็นไรแ
15งานเลี้ยง“เย่หมิงเสวียนปล่อยเธอเดี๋ยวนี้”“แกคิดว่าฉันโง่หรือไงจางอวี้เจิน พวกแกหลอกฉันกับพ่อมาที่นี่ก็เพื่อจัดการตระกูลเย่”“ใครจะจัดการแกได้ ถ้าแกไม่ทำชั่วก่อน คิดว่าอาละวาดที่นี่แล้วจะหนีไปได้หรือไง”จางอวี้เจินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พยายามบังคับตนเองไม่ให้ตื่นตระหนกหรือลนลานจนเย่หมิงเสวียนรู้ว่าเขากลัวมากแค่ไหนในตอนนี้ ไม่ว่าจะต้องออกรบหรือทำภารกิจแบบไหนเขาไม่เคยนึกกลัว มีแค่ตอนนี้ตอนเห็นปากกระบอกปืนจ่ออยู่ตรงลำคอระหงของเกาม่านอี้เรือนร่างบอบบางพยายามคิดหาทางหนีให้กับตนเองขณะถูกจับตัวอยู่ พลางคิดถึงเส้นเรื่องหลักของนิยาย อย่างที่คิดเรื่องไหนต้องเกิดก็ต้องเกิด ตอนใกล้จบของนิยายมีการปะทะกันระหว่างพระเอกและพระรอง ซึ่งตอนนั้นพระรองถูกยิงตาวย เธอจะไม่ยอมให้จางอวี้เจินต้องบาดเจ็บหรือเป็นอะไรไปเพราะคนสารเลวอย่างเย่หมิงเสวียนแน่นอน“พ่อถอย”จางอวี้เจินหันไปบอกจอมพลจางซีหลิงให้สั่งทหารรอ
14คนของฉันเกาม่านอี้ตอบพลางยื่นหนังสือสัญญานั้นให้เขาอีกครั้ง แต่แรกเขาไม่ได้สนใจหนังสือนี่เพราะมัวแต่ห่วงแผลตามร่างกายเธอ พอเธอยื่นให้อีกครั้งจึงหยิบมาดู หนังสือลงนามสัญญาค้าขายของตระกูลเย่กับพวกญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ไม่มีหลักฐานชัดเจนจึงเอาผิดพวกนั้นไม่ได้ เขาไม่อยากได้ชื่อว่าโหดเหี้ยม รังแกคนไม่มีอำนาจเลยตั้งใจหาหลักฐานมาตลอด“อย่างนั้นม่านม่านพักผ่อนเถอะ พี่จะออกไปสั่งงานจื่อหยวนสักหน่อย”“ได้ค่ะ ขอบคุณพี่อวี้เจินที่ยอมร่วมมือกับฉัน”“พูดอะไรอย่างนั้น ม่านม่านขอพี่ต้องยินดีอยู่แล้ว”คุยกันเสร็จชายหนุ่มก็ออกมาจากห้องของเธอ รีบถือหนังสือสัญญาไปยังห้องทำงาน ก่อนหน้านี้เขาใจร้อนเพราะรู้สึกโกรธที่เธอถูกคนอื่นรังแกจึงวู่วามเกือบฆ่าเย่หมิงเสวียน โชคดีได้เกาม่านอี้เตือนสติไว้ แต่ตอนนี้เขามีเหตุผลเพียงพอจะจัดการคนสารเลวคนนั้น“จื่อหยวน”“ผู้บัญชาการ มีเรื่องรายงานครับ”
15งานเลี้ยงโถงโรงแรมกลางเมืองถูกจัดแต่งไว้อย่างสวยงามใหญ่โต เหมาะกับตำแหน่งจอมพลของเจ้าของงานอย่างยิ่ง วันนี้เป็นวันเกิดของจอมพล แขกมากมายถูกเชิญมาร่วมงานและทุกคนที่ได้รับเชิญก็ไม่มีใครไม่กล้ามาร่วมงาน“สวัสดีครับท่านจอมพล”เย่ป๋อหรานเอ่ยทักจอมพลกลางงานเลี้ยงฉลองวันเกิด จอมพลหันมายิ้มพูดคุยกับเขาสักครู่ เพื่อไม่ให้ดูเสียมารยาทและหักหน้าเขาในตอนนี้“สวัสดีคุณเย่ วันนี้มากับลูกชายหรือครับ”“นี่เย่หมิงเสวียนลูกชายคนเดียวของผม”“สวัสดีครับ ท่านจอมพลนี่เป็นของขวัญให้ท่านครับ”“ขอบคุณมาก เชิญตามสบายนะ ผมขอตัวไปดูแขกคนอื่นสักหน่อย”เจ้าของงานรับของขวัญมาแล้วยื่นให้ทหารคนสนิทข้างกาย ไม่ได้เปิดดูในทันที จากนั้นจึงขอตัวออกไปดูแขกคนอื่นที่เริ่มทยอยเข้ามาในงานบ้างแล้วปกติจอมพลจะไม่จัดงานเลี้ยงรับรองหรืองานฉลองอะไร แต่ครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญที่ถูกขอให้จัด ผู้คนจึงมาร่วมงานกันม
14คนของฉันเช้ามืดของวันต่อมาเกาม่านอี้และหลู่ปินปินเตรียมกระเป๋ามาวางไว้ใกล้ประตูเผื่อหยิบได้สะดวก พอเตรียมของเสร็จก็นั่งรอให้ฟ้าสว่างช่วงสายของวันคนบ้านนั้นต้องรีบมาเอาเรื่องเธออีกแน่“เกาม่านอี้ ออกมาเดี๋ยวนี้!”นั่นอย่างไร! เสียงโหวกเหวกด้านนอกที่เธอรอมาเสียตั้งนาน หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะเปิดประตูเรือนเดินออกมา ท่าทางนิ่งสงบต่างจากเมื่อวานทำให้อี้จินเฉิงนึกโมโห แต่พอมองดูเธอดี ๆ ก็รู้สึกดีขึ้นมากส่วนที่โผล่พ้นร่างกายของเกาม่านอี้มีแต่รอยฟกช้ำ แม้แต่ใบหน้าสวยยังบวมขึ้นเพราะถูกตีด้วยแรงของผู้ชาย หากจางอวี้เจินมาเห็นเธอในสภาพนี้ตระกูลเย่คงถูกฆ่าล้างตระกูลแน่ ๆ“เธอกล้ามากนะเกาม่านอี้ที่ทำร้ายฉัน”เย่หมิงเสวียนพูดเสียงเข้ม ก่อนจะก้าวมายืนตรงหน้าเธอ ผู้ชายคนนี้ช่างกล้าพูดเหลือเกินตัวเองถูกตีนิดหน่อยดันทำเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องที่ตีคนอื่นกลับไม่พูดถึงแม้แต่ครึ่งคำ“แล้วคุณไม่ทำร้าย