LOGINตอนนี้หานลั่วอิงที่แต่งกายอย่างงดงาม สมกับเป็นบุตรีตระกูลสูง กำลังถือโถน้ำแกงใบหนึ่งซึ่งด้านนอกห่อด้วยถุงผ้าฝ้าย เพื่อรักษาความร้อนของน้ำแกงเอาไว้ น้ำแกงไก่โถนี้นางขอให้แม่ครัวของจวนสอนวิธีการปรุงให้ แม้จะถูกมีดบาด มือโดนน้ำร้อนลวก จนไฉ่หงบ่าวรับใช้คนสนิทเห็นแล้วปวดใจ
กระนั้นถึงจะยากลำบากสักเท่าใด แต่ผลของความพยายามนั้นก็ออกมาคุ้มค่า ตอนนี้แม้ยังไม่ได้เปิดฝาออก ยังได้กลิ่นน้ำแกงหอมกรุ่นลอยออกมา หลงจู๊ที่รับเงินห้าสิบตำลึงจากไฉ่หงมาแล้ว ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเสีย เมื่อหญิงสาวทั้งสองเดินขึ้นมาห้องพิเศษลำดับที่สอง
สองนายบ่าวสบตากัน เป็นไฉ่หงที่ผลักประตูให้นายสาวเดินเข้าไป เสียงพูดคุยที่ได้ยินก่อนหน้าเงียบกริบลงทันที โดยเฉพาะเป้าหมายของวันนี้อย่างถานอวิ๋นซีที่คิ้วขมวดมุ่น แววตากรุ่นโกรธ ใบหน้าหล่อเหลากระด้างเย็นชาขึ้นมาทันตา แทบจะเผยคำว่าชิงชังรังเกียจออกมาโดยไม่คิดจะปิดบัง
แต่นั่นเป็นใบหน้าที่หานลั่วอิงเห็นทุกครายามที่ได้พบหน้ากันอยู่แล้ว นางจึงไม่ใส่ใจ เดินอ้อมไปยังข้างกายของบุรุษหนุ่มผู้มีเครื่องหน้าสมบูรณ์แบบดุจหยกสลัก แล้ววางโถน้ำแกงลงตรงหน้าเขา พูดโดยไม่สนใจตาหลายคู่ของผู้นั่งร่วมโต๊ะที่มองมาเลยแม้แต่น้อย
“พี่อวิ๋นซี อิงอิงตุ๋นน้ำแกงไก่มาให้ท่าน ยามนี้เพิ่งเป็นต้นฤดูใบไม้ผลิ อากาศจึงยังหนาวเย็น น้ำแกงโถนี้ข้าใส่สมุนไพรช่วยให้เลือดลมของท่านไหลเวียน...”
ปึก...
โถน้ำแกงถูกปัดลงจากโต๊ะอย่างไม่ไว้หน้า เจ้าของมือทำด้วยเหตุผลที่ว่าในเมื่อหานลั่วอิงไม่ไว้หน้าเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจหน้านาง โถน้ำแกงกลิ้งลงพื้นไปหลายตลบแล้วหยุดนิ่ง แต่มันไม่แตกเพราะถูกรองด้วยถุงผ้าฝ้ายอย่างหนา ทว่าน้ำแกงกลับหกออกมาจนหมด
คราวนี้เป็นฝ่ายคนใต้ปกครองของถานอวิ๋นซีทำตัวไม่ถูก ทหารหาญชายฉกรรจ์ทำทีมีเรื่องอื่นให้ต้องสนใจ บ้างก็หันไปกระซิบ บ้างก็รินสุราให้ตนเอง ไม่มีใครกล้ามองใบหน้าของท่านแม่ทัพตรง ๆ ได้แต่แอบเหลือบมองและไม่พูดอะไรออกมา เพราะเหตุการณ์เช่นนี้...ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
“เจ้าออกไป! ข้าไม่ได้เชิญเจ้ามาร่วมวงด้วย หน้าหนาเกินไปแล้ว” แรกเริ่มเขายังเก็บงำท่าทีได้ แต่ผ่านมาหลายปีหานลั่วอิงก็ไม่มีแม้แต่ความละอายพกติดตัวเอาไว้ ถานอวิ๋นซีจึงไม่คิดจะทน
หากไม่ใช่ว่าบิดาของหานลั่วอิงเป็นมหาเสนาบดี ถานอวิ๋นซีคงลงดาบที่คอขาว ๆ ของนางตัดความรำคาญแล้ว!
หานลั่วอิงยืนมองโถน้ำแกงที่ถูกปัดตกลงจนหล่นบนพื้นอย่างไม่ไยดีด้วยแววตาสั่นไหว นางกลั้นใจถามไปว่า “หรือว่าพี่อวิ๋นซีไม่ชอบน้ำแกงไก่ เช่นนั้นน้ำแกงปลาดีหรือไม่”
ถานอวิ๋นซีพยายามสะกดความหงุดหงิดและความโมโหที่กำลังผุดขึ้นมาไม่หยุด หลายปีมานี้เขาถูกหานลั่วอิงตามติดมาโดยตลอด เขาพบหน้านางมากกว่าหานหนิงอันซึ่งเป็นคู่หมั้นเสียอีก หานลั่วอิงได้กระทำสิ่งที่เขาเกลียดมากที่สุด นั่นคือการตามพัวพันบุรุษโดยไม่มียางอายเลยสักนิด!
เดิมทีถานอวิ๋นซีคิดว่าเมื่อมีการหมั้นหมายเกิดขึ้น หานลั่วอิงจะยอมตัดใจจากเขา แต่กลายเป็นว่ายังดึงดันไม่ยอมหยุดเสียอย่างนั้น ส่งผลให้เมื่อเขาได้เห็นหน้านางครั้งใด ความโกรธเกรี้ยวก็จะเกิดขึ้นทุกทีอยู่ร่ำไป
“ข้าจะไม่กินของที่เจ้าทำทุกอย่าง ต่อไปหนิงอันจะดูแลเรื่องอาหารของข้าเอง ต่อไปเจ้าไม่ต้องมาให้ข้าเห็นหน้าเลยจะดีกว่า เห็นหน้าเจ้าแล้ว...ข้าพาลกินอะไรไม่ลง”
ชื่อของน้องสาวเหมือนหนามตำใจใหเจ็บของหานลั่วอิงมาโดยตลอด นางพยายามอดทนเอาไว้ สองมือที่รวบเข้าหากันเกร็งแน่น
“ต่อไปลั่วอิงจะพยายามเป็นสตรีที่ดียิ่งกว่านี้เจ้าค่ะ ลั่วอิงมาที่นี่ก็เพราะพี่อวิ๋นซีเอาแต่หลบหน้า ลั่วอิงคิดถึงพี่อวิ๋นซีมากจริงๆ นะเจ้าคะ”
ถานอวิ๋นซีลุกขึ้นยืนโดยไม่ยอมหน้าหานลั่วอิงสักนิด เขาถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย
“คนอย่างเจ้าต่อให้พยายามอีกกี่สิบชาติ...ข้าก็ไม่มีวันมอบหัวใจให้เด็ดขาด จำใส่สมองแสนกลวงของเจ้าไว้ด้วย ช่างหน้าหนาหน้าทน ไม่มีใครเกินจริง ๆ”
พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไปทันที ทหารใต้ปกครองที่เหลือก็รีบลุกตามไป ขณะที่ถานอวิ๋นซีเดินลงบันไดหูก็ได้ยินเสียงจานชามหล่นลงพื้น เหมือนกับว่าพวกมันถูกกวาดลงจากโต๊ะภายในคราวเดียว
เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!
ชายหนุ่มแสยะยิ้มออกมา แล้วเร่งฝีเท้าลงไปที่ชั้นล่างทันที
ภายในห้องรับรอง เป็นสาวใช้ที่มีความห่วงใย ไฉ่หงรีบพลิกดูมือเจ้านาย เมื่อไม่เห็นร่องรอยอะไรก็โล่งใจ หันมองสีหน้าของหานลั่วอิงที่กำลังบิดเบี้ยวด้วยแรงโทสะ จึงกุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้
“คุณหนูเจ้าคะ ได้โปรดระงับอารมณ์ด้วย”
“ไฉ่หง จำคำข้าไว้ ไม่ว่าอย่างไร...ข้าจะไม่ยกพี่อวินซีให้นางมารร้ายอย่างหนิงอันเป็นอันขาด!”
หานหนิงอันรู้สึกผิดหูกับคำเรียกขานของถานอวิ๋นซีที่เรียกพี่สาวว่า‘ลั่วอิง’ จึงหันไปมองซินจี๋ สองนายบ่าวรู้ใจกันดี แสดงละครปกปิดความผิดของตนออกมาอีกครั้งซินจี๋ชี้แจงความเท็จอย่างคล่องแคล่ว “เป็นซินจี๋ที่ไม่รู้ความ วันก่อนบ่าวมีโอกาสผ่านหอชมจันทร์อีกครั้ง ก็ไปถามเรื่องนี้เพื่อความแน่ใจ ปรากฏว่าคุณหนูใหญ่ไม่ได้ไปที่หอชมจันทร์นานมากแล้ว หญิงผู้นั้นเพียงหน้าตาคล้ายคุณหนูใหญ่ ท่านหลงจู๊บอกเช่นนั้นเจ้าค่ะ”ถานอวิ๋นซีพยักหน้ารับทราบ แม้ในใจจะรู้สึกแปลกอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่อยากคาดคั้นพวกนางสองคนอีกต่อไป นั่งค
หลังจากเหตุการณ์มีปากเสียงกันวันนั้น หานลั่วอิงก็ไม่โผล่หน้ามาให้เขาเห็นอีกเลยอาหารและยาก็ล้วนเป็นบ่าวที่ยกเข้ามา คนสั่งไม่ยอมออกหน้า เรียกได้ว่านางทำตัวห่างเหินกับเขาอย่างเปิดเผยโดยแท้ก่อนหน้านี้หานลั่วอิงเข้าครัวบ่อยครั้ง ถานอวิ๋นซีไม่ใช่ไม่รู้ถึงความจริงในข้อที่ว่าหากหานลั่วอิงรู้ว่าเขาชอบกินอะไร นางก็จะเข้าครัวไปปรุงอาหารด้วยตนเอง จนตอนนี้เขาติดรสมือของนางไปเสียแล้วยามนี้เขาไม่เห็นนางมาสองวันแล้ว แต่ก็ปากหนักไม่ยอมเอ่ยปากถามกับบ่าวรับใช้ ฝืนทนกินกับข้าวที่ไม่คุ้นลิ้นต่อไป ตอนนั้นเองที่ถานอวิ๋
สีหน้าของผู้ฟังเหมือนจะสำนึกขึ้นได้ จึงหัวเราะแก้เก้อ“ใช่! ใช่! ต้องเรียกว่าถานฮูหยิน เอาล่ะ หากข้าเจอต้นกระดิ่งสวรรค์ ก็จะนำมันมาเป็นของกำนัลให้กับถานฮูหยินอีกหลาย ๆ ต้น”หานลั่วอิงยอบกายลงแสดงความขอบคุณอย่างอ่อนน้อม ทำให้สายตาของหวังเซียวจิ้นเหม่อลอยอีกครั้ง หลังจากกลุ่มสหายทั้งหมดลากลับไปแล้ว ถานอวิ๋นซีก็ให
หานลั่วอิงใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่ที่เรือนส่วนตัวของตนเอง ในแต่ละวันนอกจากอ่านตำราทางการแพทย์แล้ว นางก็ไปเล่นหมากรุกกับถานอวิ๋นซีเกือบทุกวัน แต่ก่อนเขามักจะหงุดหงิดที่ต้องแพ้นาง แต่ตอนนี้ดูเป็นคนอารมณ์เย็นขึ้นมากและทุกเดือนนางต้องปลอมตัวเป็นท่านหมอหลี่ เข้ามาที่จวนตระกูลถานเพื่อฝังเข็มและจ่ายยา จากที่ในตอนแรกหน้าตาของถานอวิ๋นซีดูไม่เชื่อถือสักเท่าไหร่
ใบหน้าถานอวิ๋นซีตึงขึ้นมาทันที ขณะที่มองหานลั่วอิงเรียงตัวหมากบนกระดาน“เช่นนั้นสิ่งที่เจ้าคิดว่ามีประโยชน์คืออะไร ข้าอยากรู้นัก”“การเอาเวลามาคิดช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังประสบภัยแล้งทางตอนใต้น่ะสิ”“เจ้าว่าอะไรนะ!” ถานอวิ๋นซีถามซ้ำอีกครั้งสุ้มเสียงแปลกใจอย่างชัดเจน ราวกับว่าคำพูดนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินจากปากของหานลั่วอิง“ตอนที่ข้าออกไปข้างนอก ได้ยินมาว่าพื้นที่ทางตอนใต้ของแคว้นนั้นเกิดเหตุภัยแล้ง แม้จะเกิดทุกปี แต่ปีนี้หนักที่สุด”หา
ทุกเช้าหานลั่วอิงจะเข้ามาดูแลถานอวิ๋นซีด้วยตนเอง ในเรื่องของของการทำความสะอาดร่างกายนางก็ปล่อยให้บ่าวชายจัดการไป ส่วนเรื่องอาหารและยารักษารวมถึงการนวดขานั้น นางยังคงทำให้เช่นเดิมในช่วงแรกนั้นถานอวิ๋นซีไม่ยอมแม้จะมองหน้านางสักนิด แต่หานลั่วอิงก็รู้เหตุผลของเขาดี นางจึงไม่ได้เซ้าซี้และทำเท่าที่ต้องทำ นอกเหนือกว่านั้นก็ไม่แสดงอาการอะไรใด







