แชร์

ทะลุมิติมารักษาเพื่อหย่าขาด
ทะลุมิติมารักษาเพื่อหย่าขาด
ผู้แต่ง: Siya Rck

บทที่ ๑/๑ หานลั่วอิง

ผู้เขียน: Siya Rck
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-22 16:44:40

ผืนปฐพีกว้างใหญ่ สายนทีหลั่งไหลไม่เคยหยุดนิ่ง ตะวันขึ้นตรงดิ่งทำหน้าที่อยู่ไม่รู้วาย จันทร์สกาวส่องแสงล้อดาวกลางเมืองไม่ซ่อนเร้นจางหาย

เมืองหลวงอันกว้างใหญ่และหรูหรามั่งคั่งของแคว้นจิ่นซู บนถนนทุกสายยามนี้คลาคล่ำเต็มไปด้วยฝูงชน ถนนเส้นใหญ่ใจกลางเมืองหลวงนั้นเป็นแหล่งรวมของร้านค้ามากมาย

ดังเช่นร้านเครื่องทองหย่งชิน ที่สตรีในสกุลชนชั้นสูงจะต้องมาสั่งทำเครื่องประดับกันไม่เว้นแต่ละวัน แม้ราคาจะสูง แต่สตรีทั้งหลายกลับกัดฟันทำใจกล้าควักเงินก้อนโตจ่ายโดยไม่เสียดาย เพราะต้องการเครื่องประดับคุณภาพชั้นหนึ่ง ที่ลวดลายต้องออกแบบไม่ซ้ำใคร

ขอเพียงตนโดดเด่นกว่าใคร มากเท่าใดก็ยอมจ่ายจริงแท้

ถัดไปไม่ไกลเป็นร้านเสื้อสกุลเหลา ซึ่งมีแพรพรรณคุณภาพดีจากทั่วแคว้นมารวมกันอยู่ที่นี่ ร้านเสื้อสกุลเหลาไม่ใช่ร้านที่ชาวบ้านทั่วไปจะกล้าก้าวขาเข้าไป เพราะแม้ผ้าคุณภาพด้อยที่สุดเพียงหนึ่งฉื่อ [1] ก็มีราคามากถึง 2 ตำลึงเสียแล้ว

ด้วยเงินจำนวนนี้สำหรับชาวบ้านทั่วไป ก็สามารถใช้กินอยู่ได้นานถึงสองเดือน เพราะฉะนั้นผู้ที่จะเข้าไปร้านเสื้อสกุลเหลาได้ ก็จะเป็นผู้มีฐานะขั้นต้นอย่างน้อยคือเศรษฐีไปถึงบรรดาขุนนางชั้นสูง

ตอนนี้แคว้นจิ่นซูสงบรุ่งเรืองมาหลายสิบปี ไร้วี่แววจะเกิดสงคราม ในตอนที่ปฐมฮ่องเต้พระองค์แรกขึ้นครองราชย์ ผู้คนทุกหมู่เหล่าจึงมีคำกล่าวติดปากกันว่า ‘ผืนปฐพีกว้างใหญ่ สายนทีหลั่งไหลไม่เคยหยุดนิ่ง ตะวันขึ้นตรงดิ่งทำหน้าที่อยู่ไม่รู้วาย จันทร์สกาวส่องแสงล้อดาวกลางเมืองไม่ซ่อนเร้นจางหาย’

ซึ่งหมายถึงองค์ปฐมฮ่องเต้ที่ทรงปกครองบ้านเมืองแคว้นจิ่นซูให้ประชาชนอยู่อย่างผาสุก ความเจริญรุ่งเรืองของแคว้นนั้นราวกับดวงจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่กลางท้องฟ้า ทั้งการค้าก็เฟื่องฟู เหล่านักปราชญ์หลั่งไหลเข้าสู่เมืองหลวง สร้างความเจริญให้แคว้นจิ่นซูไม่หยุดนิ่งดั่งสายน้ำที่กำลังไหลไป ทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจทำหน้าที่แข็งขันประหนึ่งดวงตะวัน

‘หอชมจันทร์’นั้นเป็นร้านอาหารเลื่องชื่อที่สุดในเมืองหลวง เหล่าผู้มีฐานะต่างแวะเวียนเข้าออกกันไม่ขาดสาย เพื่อลิ้มลองอาหารเลิศรสจากพ่อครัวฝีมือดี ที่ร่ำลือกันว่าเมื่อเทียบชั้นกับพ่อครัวในวังหลวงแล้ว รสชาติไม่ได้ด้อยกว่าเลยสักนิด

แน่นอนว่าเมื่อวัตถุดิบชั้นเลิศมารวมกันอยู่ที่นี่ ราคาอาหารแต่ละจานจึงไม่ธรรมดา แต่เก้าอี้ของหอชมจันทร์ก็ไม่เคยว่างได้นาน เพราะมีลูกค้าเข้าร้านอยู่เสมอ จนหลงจู๊เจ้าของกิจการยิ้มไม่หุบ

บนชั้นสามของหอชมจันทร์ถูกจัดเป็นชั้นพิเศษ มีห้องรับรองลูกค้าแค่เพียงห้าห้องเท่านั้น เป็นที่นิยมสำหรับขุนนางหรือพ่อค้าระดับเศรษฐีที่ต้องการมาสังสรรค์กันที่นี่ เพราะแต่ละห้องนั้นถูกออกแบบให้สามารถเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี ราคาค่าเปิดห้องจึงเป็นเงินมากถึง 30 ตำลึง

แต่ไม่ว่าค่าใช้จ่ายในหอชมจันทร์จะแพงสักเท่าใด ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับบุตรีคนโตของ ‘มหาเสนาบดีหานจง’ อย่าง ‘หานลั่วอิง’ เลยแม้แต่น้อยเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีผู้นี้มีรูปโฉมงดงามโดดเด่นจนผู้คนที่มองเห็นนางครั้งแรก ต้องมองซ้ำอีกครั้ง ผิวขาวราวหิมะดูเนียนนุ่มไปทั่วร่าง เส้นผมยาวดำสลวย ริมฝีปากแดงเหมือนผลอิงเถา [2] ใบหน้างดงามราวกับเทพธิดา นัยน์ตาวาวใสคู่นั้นมักจะปรากฏแววถือตัวอยู่จาง ๆ ยามเมื่อนางไม่แสดงความรู้สึกใดออกมา

แต่...นั่นคือความรู้สึกของคนที่พบนางในครั้งแรกเท่านั้น!

เพราะหากถามคนในเมืองหลวงแล้ว ผู้คนเกือบทั้งหมดล้วนส่ายหน้าในพฤติกรรมที่ไม่สมกับเป็นกุลสตรีของหานลั่วอิง เพราะนางสามารถควบอาชาได้องอาจเยี่ยงบุรุษ ยิงธนูได้แม่นยำ ส่วนนิสัยนั้นไม่มีความอ่อนหวานเลยสักนิด จึงมียอดบัณฑิตคนหนึ่งล้อเลียนว่า หากหานลั่วอิงได้เกิดเป็นบุรุษ มหาเสนาบดีหานจงคงจะผลักดันให้เป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเป็นแน่

แต่ถึงแม้จะมีผู้คนดูแคลน และวิพากษ์วิจารณ์บุตรีของมหาเสนาบดีหานจงลับหลังเรื่องการไม่ปฏิบัติตัวตามจารีตอันควรทำของสตรีอย่างไร หานลั่วอิงก็ไม่ได้สนใจเลยสักนิด นางเป็นสตรีที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก เหตุเพราะว่าหานลั่วอิงได้รับการตามใจจากบิดามาตั้งแต่แต่เด็ก

ไม่ว่าบุตรสาวอยากทำสิ่งใดก็ตาม บิดาก็ไม่เคยขัดใจแม้เพียงสักครั้ง หานลั่วอิงคือบุตรสาวที่เกิดจากฮูหยินเอกที่หานจงรักมากที่สุด เมื่อบุตรสาวมีอายุได้สองปี มารดาก็ตายจากไป ทิ้งความเศร้าไว้ในใจของหานจงอย่างไม่เสื่อมคลาย แม้เขาจะมีภรรยารองหลังจากนั้น แต่ก็แต่งโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหามารดาที่จะมาคอยช่วยดูแลหานลั่วอิงให้เท่านั้น ส่วนบุตรสาวคนเล็กที่เกิดจากภรรยารองนามว่า‘หานหนิงอัน’ วัยสิบห้าปี กลับไม่ค่อยได้รับความสนใจจากบิดาเท่ากับพี่สาวคนโต

แม้หานลั่วอิงจะมีชื่อเสียงด้านความไม่เป็นกุลสตรีก็ตาม แต่อย่างไรนางก็เป็นสตรีนางหนึ่ง ทั้งยังมีบุรุษในดวงใจแล้วด้วย!

คนผู้นั้นคือ ‘ถานอวิ๋นซี’แม่ทัพทิศอุดรวัยยี่สิบสามปี ทว่าอนิจจาฟ้าดินไม่เห็นใจ ความรักนี้กลายเป็นรักเพียงข้างเดียว เพราะถานอวินซีได้หมั้นหมายกับหานหนิงอันไปเมื่อสามปีก่อนแล้ว

แต่คนอย่างหานลั่วอิงกลับไม่ยอมแพ้ ในเมื่อนางรักมั่นปักใจกับเขามาตั้งแต่เยาว์วัย เรื่องอะไรจะให้นางยอมยกเขาให้กับหญิงอื่น แม้ว่าจะต้องแย่งชิงถานอวิ๋นซีมาจากน้องสาวของตนก็ตาม หานลั่วอิงก็จะทำ!


[1] * ฉื่อ คือหน่วยวัดของจีนแบบโบราณ มีความยาวประมาณ 33.3 เซนติเมตร หรือประมาณ 1 ฟุต

[2] * อิงเถา คือ เชอร์รี่

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมารักษาเพื่อหย่าขาด   บทที่ ๔/๒ แบกรับเอาไว้

    ตกดึกค่ำคืนนั้น หานลั่วอิงนั่งเงียบอยู่ภายในห้องที่จัดเตรียมไว้สำหรับการรักษาตัวของถานอวิ๋นซี โดยมีไฉ่หงยืนอยู่ด้านข้างไม่ห่าง ดวงตาของหานลั่วอิงเหม่อลอย และยังมีหยาดน้ำตาหลั่งไหลลงมา นางหวนคิดไปถึงเหตุการณ์ในอดีตเมื่อครั้งนั้นตอนที่ถานอวิ๋นซีได้รับตำแหน่งแม่ทัพทิศอุดร เขาอายุได้สิบเจ็ดปี ฮ่องเต้พระราชทานบรรดาศักดิ์นี้ให้เขา เพื่อเป็นเกียรติแก่ตระกูลหานและปลอมประโลมดวงวิญญาณของบิดาถานอวิ๋นซีที่เสียชีวิตในสนามรบ ผ่านมาไม่กี่เดือนหลังจากบิดาของเขาจากไป ชนเผ่าเร่ร่อนก็รุกคืบเข้ามาที่เขตชายแดนตะวันตกอีกครั้ง ถานอวิ๋นซีจึงนำกำลังพลออกไปต่อต้านข้าศึก และสุดท้ายเขาก็ได้ชัยชนะกลับมา แต่ระหว่างทางที่กลับสู่เมืองหลวง ก็ถูกสายลับของศัตรูที่แฝงกายอยู่ในแคว้นลอบโจมตี ม้าตัวที่เขาควบขี่อยู่ถูกอาวุธลับ มันวิ่งเตลิดหนีเข้าไปในป่าตามสัญชาติญาณ ส่วนถานอวิ๋นซีก็ถูกธนูปักที่ท้อง หานลั่วอิงนั้นเช้ามาลืมตาตื่นขึ้น นางไม่เคยคิดถึงคนอื่นนอกจากเขา อาศัยที่นางอยู่ใกล้ชิดท่านพ่อมาโดยตลอด จึงได้รับรู้เรื่องนี้ก่อนทุกคนที่อยู่ในเมืองหลวง แม้จะมีอายุเพียงแค่สิบสองปี แต่หานลั่วอิงก็ลอบออกจากจวนไปจนได้ ความรั

  • ทะลุมิติมารักษาเพื่อหย่าขาด   บทที่ ๔/๑ แบกรับเอาไว้

    เมื่อได้อ่านเนื้อความในจดหมายซ้ำครั้งที่สาม ขาสองข้างของหานลั่วอิงก็อ่อนแรงจนทั้งร่างนางทรุดลงกับพื้นทันที ไม่ต่างกันนักมือทั้งสองข้างก็สั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้ามีหยาดน้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย สภาพของหานลั่วอิงดูแตกสลายหลังจากที่นางได้รับข่าวร้ายไฉ่หงตกใจมากยามเห็นอาการของผู้เป็นนาย รีบพยุงคุณหนูของตนขึ้นมา แล้วพาไปนั่งพักบนเตียง “คุณหนู! เจ้าคะ” ไฉ่หงเรียกสติเจ้านายพร้อมเขย่าแขนหานลั่วอิง อารามตกใจทำให้สาวใช้หลุดเรียกสรรพนามเดิมตั้งแต่ยามที่ไม่ได้แต่งงาน แต่จะว่าแปลกก็ไม่ได้ สถานะครึ่ง ๆ ของเจ้านายก็ทำให้ไฉ่หงเรียกเช่นนี้อยู่แทบทุกวันหานลั่วอิงเรียกสติที่หลุดลอยออกไปเพราะความตกใจกลับคืนมาได้ เนื่องจากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของสาวใช้ คราวนี้หานลั่วอิงก็ปล่อยเสียงร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น นางยื่นมือออกมาสะเปะสะปะแล้วกอดตัวไฉ่หงไว้แน่น ด้วยว่าไม่รู้จะยึดผู้ใดเป็นหลักให้ในยามนี้ไม่นานนักไฉหงก็ได้รับรู้ถึงสาเหตุแห่งความกลัวที่จู่โจมผู้เป็นนาย หานลั่วอิงร่ำไห้และเล่าข่าวสารผ่านม่านน้ำตา สาวใช้พลันมีความตระหนกไม่ต่างกัน“พี่อวิ๋นซีบาดเจ็บหนัก ยามนี้เขากำลังเดินทางกลับมารักษาตัวที่เ

  • ทะลุมิติมารักษาเพื่อหย่าขาด   บทที่ ๓/๒ เรื่องที่ไม่อาจรับไหว

    วันมงคลของถานอวิ๋นซีและหานลั่วอิงถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนต่อมา มหาเสนาบดีหานจงจัดงานแต่งงานให้บุตรสาวอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติกลบคำครหาคำกล่าวที่ว่ามีเงินก็จ้างผีโม่แป้งได้แสดงออกมาก็คราวนี้ แม้เวลาจะกะทันหันตั้งตัวไม่ทัน แต่ด้วยเม็ดเงินมากมายที่ทุ่มลงไป ที่ว่าช้าก็กลายเป็นเร็วเสียแล้วภายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้ม และปากที่กล่าวคำอวยพร ไหนเลยแขกทุกคนที่มาร่วมงานจะไม่รู้ถึงที่มาของมงคลครั้งนี้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมหาเสนาบดีหานจงเป็นขุนนางที่ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญมากกว่าผู้ใด สถานะในราชสำนักของเขาซ่อนความยิ่งใหญ่เอาไว้ไม่มิด เส้นสายมักมาพร้อมอำนาจ แขกทุกคนจึงมาร่วมงานมงคลพร้อมด้วยของขวัญล้ำค่า ปัดเรื่องไม่ควรกล่าวถึงทิ้งให้ข่าวฉาวลอยอยู่ในอากาศเพียงชั่วคราวก่อนจะหายไป...ขบวนสินเดิมเรียงรายต่อท้ายกัน เตรียมขนย้ายไปบ้านเจ้าบ่าวของหานลั่วอิงนับได้ยี่สิบห้าคันรถม้า ความสนใจของผู้คนในงานเลี้ยงจึงถูกเบี่ยงเบนไป เกิดเป็นหัวข้อสนทนาใหม่ผู้คนต่างพูดถึงวาสนาของคุณหนูใหญ่ตระกูลหานผู้นี้อย่างอดไม่ได้ หานลั่วอิงทั้งเกิดมาในตระกูลสูงศักดิ์และร่ำรวย ตอนนี้ก็ยังได้แต่งงานกับบุรุษที่โดดเด่นที่สุดขอ

  • ทะลุมิติมารักษาเพื่อหย่าขาด   บทที่ ๓/๑ เรื่องที่ไม่อาจรับไหว

    หานลั่วอิงทำทีผละออกจากอ้อมกอดของถานอวิ๋นซีด้วยท่าทางตื่นตกใจ นางรวบเสื้อผ้าตนเองขึ้นมากอดไว้ พยายามซุกกายเข้าไปในความมืดที่แสงตะเกียงส่องเข้าไปไม่ถึง แล้วเปล่งเสียงร้องไห้ออกมาไฉ่หงปราดเข้ามาหาคุณหนูของตนทันที ทั้งนายและบ่าวตระเตรียมทุกอย่างมาล่วงหน้า ในใจยังนึกหวาดหวั่นจากการกระทำนี้ กระนั้นก็กล่าวได้ว่าพวกนางไม่มีพิรุธใด และแสดงได้สมบทบาทจนไร้คนสงสัย“ท่านแม่ทัพถาน ท่าน...ท่านล่วงเกินคุณหนูใหญ่!”เป็นไฉหงที่ร้องประนามเสียงดังอย่างจงใจ สาวใช้มีน้ำตาไม่ต่างจากผู้เป็นนายสักเท่าไหร่ แน่นอนว่าเสียงประนามของไฉหงช่วยส่งข่าวลือฉาวโฉ่ของบุตรีคนโตมหาเสนาบดีหานออกไปนอกห้องเสียแล้วถานอวิ๋นซีแทบจะฟื้นคืนสติกลับมาได้จากอารมณ์มึนเมาในรสสวาททันที เขายกกาน้ำชาขึ้นมากรอกปากพลางใช้น้ำชาล้างใบหน้าขณะที่บรรดาฮูหยินของขุนนางที่มาร่วมงานวันนี้ค่อย ๆ ทยอยก้าวเข้ามาในห้องอย่างไม่เข้าใจนัก ก่อนที่สีหน้าของแต่ละคนจะตกตะลึงไปไม่ต่างกัน เมื่อเห็นว่าตนกำลังเป็นพยานในเหตุการณ์เสื่อมเสียแม้จะรู้ว่าหานลั่วอิงไม่ใช่สตรีในห้องหอ แต่อย่างไรนางก็ไม่ควรถูกดูหมิ่นเกียรติแล้วไม่ได้รับการชดใช้เช่นนี้ ความเห็นใจของสตรี

  • ทะลุมิติมารักษาเพื่อหย่าขาด   บทที่ ๒/๒ สตรีต่ำช้า

    หัวใจของหานลั่วอิงเหมือนกับถูกมือยักษ์บีบรัดจนแน่น ลมหายใจนางเริ่มติดขัดด้วยความโกรธ เรื่องของถานอวิ๋นซีนั้นสร้างความบาดหมางให้สองพี่น้องมาเนิ่นนาน จากที่ไม่ถูกกันอยู่แล้ว ตอนนี้พวกนางก็แทบจะฆ่ากันด้วยคำพูดทุกครั้งเมื่อได้พบหน้ากันทุกครั้งไป“เป็นเพราะเจ้าและมารดาใช้เล่ห์เหลี่ยมไปหลอกมารดาของพี่อวิ๋นซีต่างหาก ท่านป้าที่จากไปแล้วถึงยอมให้พี่อวินซีหมั้นกับเจ้า!”“อุ้ย! พี่ใหญ่จำไม่ได้หรือเจ้าคะ ว่ามารดาข้าและท่านป้าเป็นสหายสนิทกัน เรื่องการผูกสัมพันธ์รุ่นลูก ย่อมเป็นเรื่องธรรมดายิ่ง”หานหนิงอันก้าวมายืนประจันหน้าพี่สาว ซึ่งกำลังออกอาการโมโหสุดขีด และนี่คือข้อเสียของหานลั่วอิงคือการไม่ยอมเก็บอารมณ์ใดๆ ไว้ในใจ ทุกอย่างล้วนแสดงออกผ่านสีหน้าและแววตาจนหมดสิ้น “โชคร้ายหน่อยนะเจ้าคะ เพราะพี่ใหญ่ไม่มีมารดามาตั้งแต่เด็ก จึงไม่มีใครคอยอบรมกิริยาให้สมกับเป็นบุตรสาวขุนนาง ตอนนี้ไม่รู้ว่าฮูหยินใหญ่จะเสียใจมากเพียงใดที่เห็นบุตรสาวเป็นเช่นนี้ แต่เอาเถิด...เสียใจอย่างไรก็คงไม่เกิดประโยชน์อันใด เพราะยามนี้คนกลายเป็นดินไปเสียแล้ว”เป็นเช่นนี้เป็นเช่นไรหานลั่วอิงหาได้สนใจไม่ หากว่าหานหนิงอันล่วงเกินเพียงน

  • ทะลุมิติมารักษาเพื่อหย่าขาด   บทที่ ๒/๑ สตรีต่ำช้า

    วันนี้รถม้าของขุนนางในเมืองหลวงทุกคันล้วนมุ่งหน้าไปยังจวนของมหาเสนาบดีหานจง เพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลองครบรอบวันเกิดในวัยห้าสิบปีของขุนนางใหญ่ โคมแดงประดับไว้ทั่วจวน ยิ่งเสริมความเป็นมงคล มองไปที่ใดก็เห็นแต่ความมั่งคั่งและสง่างามของจวนหลังใหญ่แห่งนี้วันนี้หานลั่วอิงสวมใส่ชุดที่สั่งทำล่วงหน้าจากร้านผ้าสกุลเหลา ซึ่งตัดเย็บจากผ้าไหมหางโจวสีชมพูอ่อน ปักลวดลายดอกโบตั๋นดูงดงามเกินคำบรรยาย ผ้าคาดเอวปักลายเถาวัลย์อย่างประณีต เครื่องแต่งกายผนวกรวมกับใบหน้างามโดดเด่นแล้ว ก็ส่งเสริมกันเป้นอย่างดี จนสามารถพูดได้ว่าหานลั่วอิงนับเป็นโฉมสะคราญนางหนึ่งได้ไม่แพ้ใครไฉ่หงบรรจงเสียบปิ่นปักผมที่ด้ามทำมาจากทองคำแท้ ตรงปลายประดับด้วยไข่มุกตงจูเม็ดใหญ่และมีสายสร้อยสีทองห้าเส้นห้อยระย้าลงมา เครื่องประดับชิ้นนี้ หานลั่วอิงต้องใช้เงินถึงสามร้อยตำลึงในการสั่งทำกับร้านหย่งชิน เพราะธรรมดาแล้วไข่มุกตงจูนั้นก็หายากมาก แต่ไข่มุกที่มีขนาดใหญ่เท่าหัวแม่มือกลับหายากยิ่งกว่า ราคาสามร้อยลำตึงจึงควรคู่กับปิ่นทองล้ำค่าชิ้นนี้แล้วไฉ่หงมองคุณหนูของตนที่กำลังพิศดูโฉมตนเองในคันฉ่องทองเหลือง แล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูวันนี้ท่านงามมาก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status