วันนี้รถม้าของขุนนางในเมืองหลวงทุกคันล้วนมุ่งหน้าไปยังจวนของมหาเสนาบดีหานจง เพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลองครบรอบวันเกิดในวัยห้าสิบปีของขุนนางใหญ่ โคมแดงประดับไว้ทั่วจวน ยิ่งเสริมความเป็นมงคล มองไปที่ใดก็เห็นแต่ความมั่งคั่งและสง่างามของจวนหลังใหญ่แห่งนี้
วันนี้หานลั่วอิงสวมใส่ชุดที่สั่งทำล่วงหน้าจากร้านผ้าสกุลเหลา ซึ่งตัดเย็บจากผ้าไหมหางโจวสีชมพูอ่อน ปักลวดลายดอกโบตั๋นดูงดงามเกินคำบรรยาย ผ้าคาดเอวปักลายเถาวัลย์อย่างประณีต เครื่องแต่งกายผนวกรวมกับใบหน้างามโดดเด่นแล้ว ก็ส่งเสริมกันเป้นอย่างดี จนสามารถพูดได้ว่าหานลั่วอิงนับเป็นโฉมสะคราญนางหนึ่งได้ไม่แพ้ใคร
ไฉ่หงบรรจงเสียบปิ่นปักผมที่ด้ามทำมาจากทองคำแท้ ตรงปลายประดับด้วยไข่มุกตงจูเม็ดใหญ่และมีสายสร้อยสีทองห้าเส้นห้อยระย้าลงมา เครื่องประดับชิ้นนี้ หานลั่วอิงต้องใช้เงินถึงสามร้อยตำลึงในการสั่งทำกับร้านหย่งชิน เพราะธรรมดาแล้วไข่มุกตงจูนั้นก็หายากมาก แต่ไข่มุกที่มีขนาดใหญ่เท่าหัวแม่มือกลับหายากยิ่งกว่า ราคาสามร้อยลำตึงจึงควรคู่กับปิ่นทองล้ำค่าชิ้นนี้แล้ว
ไฉ่หงมองคุณหนูของตนที่กำลังพิศดูโฉมตนเองในคันฉ่องทองเหลือง แล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูวันนี้ท่านงามมากที่สุดเลยเจ้าค่ะ หากท่านแม่ทัพถานได้มาเห็นท่านในวันนี้ บ่าวเชื่อว่าแม่ทัพถานจะต้องหันกลับมามองคุณหนูซ้ำอีกแน่นอน”
กิริยาโดยปกติของหานลั่วอิงต่อคนทั่วไป นางจะเป็นคนก้าวร้าวและเอาแต่ใจเป็นอย่างยิ่ง แต่หากนางได้รักใครแล้ว ก็จะดีกับคนผู้นั้นเป็นพิเศษ ไฉ่หงก็เป็นหนึ่งในนั้น บรรดาบ่าวไพร่ในจวนสกุลหาน ไฉ่หงได้สวมใส่เสื้อผ้าชั้นดีจากร้านสกุลเหลา มีเครื่องประดับสวยงามอีกหลายชิ้นที่เจ้านายซื้อให้ อาหารการกินก็ไม่ต้องไปกินรวมกับบ่าวไพร่คนอื่น มีสำรับแยกให้ต่างหาก ทั้งมีห้องนอนส่วนตัวด้วย เมื่อหานลั่วอิงดีกับนางเช่นนี้ ไฉ่หงจึงจงรักภักดีจนหมดหัวใจ
ดีมากเสียจนมีคนค่อนขอดว่าหานลั่วอิงเลี้ยงดูสาวใช้อย่างคุณหนูตระกูลใหญ่ผู้หนึ่งเสียเลยด้วยซ้ำ
“อืม...ข้าก็อยากให้พี่อวินซีได้เห็นข้าในชุดนี้เร็วๆ เหมือนกัน” เมื่อมองสำรวจความเรียบร้อยของตนเองในกระจกจนพอใจแล้ว หานลั่วอิงก็เห็นพ้องกับไฉ่หง นางพร้อมจะไปปรากฏตัวแล้ว หานลั่วอิงเดินออกมาจากเรือนหยกขาว ขณะเดินผ่านสวนหย่อมด้านนอก ก็บังเอิญมาพบกับศัตรูหัวใจเข้าอย่างจัง!
หานหนิงอันที่กำลังจะไปร่วมงานเลี้ยงของบิดา เมื่อเห็นพี่สาวก็ชะงักฝีเท้าทันที ใบหน้าของหานหนิงอันนั้นงดงามน่ารัก แต่ถ้าเทียบกันแล้ว ความงามกลับห่างชั้นจากหานลั่วอิงอยู่มาก เมื่อได้เห็นชุดผ้าไหมชั้นดีและปิ่นไข่มุกตงจูบนศีรษะของพี่สาว หานหนิงอันก็กำผ้าเช็ดหน้าในมือไว้แน่น แววตาเผยความริษยาออกมาอย่างไม่อาจกลั้น
แม้ว่าจะเป็นบุตรสาวของท่านพ่อเหมือนกัน แต่เหตุใดหานลั่วอิงจึงได้สิ่งที่ต้องการทุกอย่าง ไม่ว่าพี่สาวเอ่ยปากขออะไร ท่านพ่อก็จะรับปากในทันที ดูได้จากเรือนที่พัก เรือนหยกขาวเสมือนตำหนักขององค์หญิงเลยด้วยซ้ำ ผิดกับเรือนพักของนางและท่านแม่ที่ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนที่แสนเรียบง่าย เสื้อผ้าแม้จะตัดจากร้านผ้าสกุลเหลาเหมือนกัน แต่ด้วยเงินที่ท่านพ่อให้สองแม่ลูกใช้นั้น ก็จำกัดเหลือเกิน นางจึงไม่มีโอกาสได้ตัดชุดผ้าไหมหางโจวเลยสักชุดเดียว!
แล้วเครื่องประดับสวยงามนั่นอีกเล่า...ชาตินี้คนอย่างหานหนิงอันคงไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของ!
เดิมทีหานลั่วอิงอยากจะเดินไปถึงงานเลี้ยงก่อนน้องสาว แต่พอเห็นท่าทีอีกฝ่ายและคิดดูดี ๆ อีกที นางก็ควรช้าหน่อยเพื่อปล่อยให้หานหนิงอันได้เห็นชุดผ้าไหมหางโจวและปิ่นไข่มุกตงจูจะดีกว่า หานลั่วอิงจึงแกล้งชะลอฝีเท้าลงอย่างจงใจ
เมื่อหานหนิงอันเดินมาใกล้พี่สาว แววตาก็มองหานลั่วอิงตั้งแต่หัวจรดเท้า ในใจพลันคิดว่า ‘ดูเอาเถิด! ขนาดรองเท้าปักลายดอกไม้ยังเป็นผ้าไหมอย่างดี คงเป็นรองเท้าคู่ใหม่อีกกระมัง!’
แต่ปากกลับเอ่ยตรงกันข้าม “พี่ใหญ่ วันนี้ท่านงดงามเหลือเกินนะเจ้าคะ”
หานลั่วอิงพยักหน้ารับเบา ๆ หางตาชำเลืองมองน้องสาวที่แต่งกายงดงาม แต่ดูแล้วทุกอย่างบนร่างของหานหนิงอันนั้น ดูด้อยกว่านางไปเสียทุกอย่าง ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มหยันออกมา
“เจ้าก็งามเช่นกัน เสียแต่ว่า...”
“แต่ว่า...อะไรหรือเจ้าคะ”
หานหนิงอันเค้นเสียงถามออกมาจนได้ นางมองแววตาของพี่สาวที่ไม่มีความจริงใจเลยสักนิด แล้วก็รู้ว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีเจตนาดีต่อนางเช่นกัน กระนั้นหานหนิงอันก็ยังอยากรู้ว่าพี่สาวร่วมบิดาของนางจะพูดอะไร
หานลั่วอิงสำรวจน้องสาวด้วยแววตาที่ไม่ต่างออกไปจากที่อีกฝ่ายใช้มองนางเมื่อครู่ “ดูด้อยไปสักหน่อย แต่จะโทษอะไรได้ ในเมื่อเจ้าไม่ใช่ข้า”
ไฉ่หงลอบยิ้ม แม้คุณหนูของนางจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องการแต่งบทกวี แต่วาจานั้นหากต้องการเชือดเฉือนคน ก็ทำได้เฉียบคมยิ่ง
ส่วนสาวใช้ของหานหนิงอันอย่างซินอี๋เมื่อเจ้านายถูกหยามหน้าก็อดเคืองแทนนายไม่ได้ จึงกระซิบบางอย่างที่ข้างหูเจ้านายเบา ๆ หลังจากนั้นหานหนิงอันก็มีสีหน้าดีขึ้นมาก
“ถึงข้าจะไม่มีทุกอย่างเหมือนพี่ใหญ่ ต้องด้อยกว่าโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ว่าข้าก็ได้บางสิ่งที่มีค่ามากที่สุด ซึ่งพี่ใหญ่คงไม่อาจไขว่คว้ามาเป็นของตนเองได้ แม้ว่าจะมีทรัพย์สินมากเพียงใดก็ตาม”
หานหนิงอันยกมือที่ถือผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา แสร้งปิดหน้าแสดงท่าทีเอียงอาย ก่อนจะกล่าววาจาเชือดเฉือนใจที่นางเลือกมาใช้เพื่อทำร้ายจิตใจพี่สาว “ของมีค่าชิ้นนั้นคือ...พี่อวิ๋นซีอย่างไรเล่าเจ้าคะ”
ตกดึกค่ำคืนนั้น หานลั่วอิงนั่งเงียบอยู่ภายในห้องที่จัดเตรียมไว้สำหรับการรักษาตัวของถานอวิ๋นซี โดยมีไฉ่หงยืนอยู่ด้านข้างไม่ห่าง ดวงตาของหานลั่วอิงเหม่อลอย และยังมีหยาดน้ำตาหลั่งไหลลงมา นางหวนคิดไปถึงเหตุการณ์ในอดีตเมื่อครั้งนั้นตอนที่ถานอวิ๋นซีได้รับตำแหน่งแม่ทัพทิศอุดร เขาอายุได้สิบเจ็ดปี ฮ่องเต้พระราชทานบรรดาศักดิ์นี้ให้เขา เพื่อเป็นเกียรติแก่ตระกูลหานและปลอมประโลมดวงวิญญาณของบิดาถานอวิ๋นซีที่เสียชีวิตในสนามรบ ผ่านมาไม่กี่เดือนหลังจากบิดาของเขาจากไป ชนเผ่าเร่ร่อนก็รุกคืบเข้ามาที่เขตชายแดนตะวันตกอีกครั้ง ถานอวิ๋นซีจึงนำกำลังพลออกไปต่อต้านข้าศึก และสุดท้ายเขาก็ได้ชัยชนะกลับมา แต่ระหว่างทางที่กลับสู่เมืองหลวง ก็ถูกสายลับของศัตรูที่แฝงกายอยู่ในแคว้นลอบโจมตี ม้าตัวที่เขาควบขี่อยู่ถูกอาวุธลับ มันวิ่งเตลิดหนีเข้าไปในป่าตามสัญชาติญาณ ส่วนถานอวิ๋นซีก็ถูกธนูปักที่ท้อง หานลั่วอิงนั้นเช้ามาลืมตาตื่นขึ้น นางไม่เคยคิดถึงคนอื่นนอกจากเขา อาศัยที่นางอยู่ใกล้ชิดท่านพ่อมาโดยตลอด จึงได้รับรู้เรื่องนี้ก่อนทุกคนที่อยู่ในเมืองหลวง แม้จะมีอายุเพียงแค่สิบสองปี แต่หานลั่วอิงก็ลอบออกจากจวนไปจนได้ ความรั
เมื่อได้อ่านเนื้อความในจดหมายซ้ำครั้งที่สาม ขาสองข้างของหานลั่วอิงก็อ่อนแรงจนทั้งร่างนางทรุดลงกับพื้นทันที ไม่ต่างกันนักมือทั้งสองข้างก็สั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้ามีหยาดน้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย สภาพของหานลั่วอิงดูแตกสลายหลังจากที่นางได้รับข่าวร้ายไฉ่หงตกใจมากยามเห็นอาการของผู้เป็นนาย รีบพยุงคุณหนูของตนขึ้นมา แล้วพาไปนั่งพักบนเตียง “คุณหนู! เจ้าคะ” ไฉ่หงเรียกสติเจ้านายพร้อมเขย่าแขนหานลั่วอิง อารามตกใจทำให้สาวใช้หลุดเรียกสรรพนามเดิมตั้งแต่ยามที่ไม่ได้แต่งงาน แต่จะว่าแปลกก็ไม่ได้ สถานะครึ่ง ๆ ของเจ้านายก็ทำให้ไฉ่หงเรียกเช่นนี้อยู่แทบทุกวันหานลั่วอิงเรียกสติที่หลุดลอยออกไปเพราะความตกใจกลับคืนมาได้ เนื่องจากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของสาวใช้ คราวนี้หานลั่วอิงก็ปล่อยเสียงร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น นางยื่นมือออกมาสะเปะสะปะแล้วกอดตัวไฉ่หงไว้แน่น ด้วยว่าไม่รู้จะยึดผู้ใดเป็นหลักให้ในยามนี้ไม่นานนักไฉหงก็ได้รับรู้ถึงสาเหตุแห่งความกลัวที่จู่โจมผู้เป็นนาย หานลั่วอิงร่ำไห้และเล่าข่าวสารผ่านม่านน้ำตา สาวใช้พลันมีความตระหนกไม่ต่างกัน“พี่อวิ๋นซีบาดเจ็บหนัก ยามนี้เขากำลังเดินทางกลับมารักษาตัวที่เ
วันมงคลของถานอวิ๋นซีและหานลั่วอิงถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนต่อมา มหาเสนาบดีหานจงจัดงานแต่งงานให้บุตรสาวอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติกลบคำครหาคำกล่าวที่ว่ามีเงินก็จ้างผีโม่แป้งได้แสดงออกมาก็คราวนี้ แม้เวลาจะกะทันหันตั้งตัวไม่ทัน แต่ด้วยเม็ดเงินมากมายที่ทุ่มลงไป ที่ว่าช้าก็กลายเป็นเร็วเสียแล้วภายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้ม และปากที่กล่าวคำอวยพร ไหนเลยแขกทุกคนที่มาร่วมงานจะไม่รู้ถึงที่มาของมงคลครั้งนี้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมหาเสนาบดีหานจงเป็นขุนนางที่ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญมากกว่าผู้ใด สถานะในราชสำนักของเขาซ่อนความยิ่งใหญ่เอาไว้ไม่มิด เส้นสายมักมาพร้อมอำนาจ แขกทุกคนจึงมาร่วมงานมงคลพร้อมด้วยของขวัญล้ำค่า ปัดเรื่องไม่ควรกล่าวถึงทิ้งให้ข่าวฉาวลอยอยู่ในอากาศเพียงชั่วคราวก่อนจะหายไป...ขบวนสินเดิมเรียงรายต่อท้ายกัน เตรียมขนย้ายไปบ้านเจ้าบ่าวของหานลั่วอิงนับได้ยี่สิบห้าคันรถม้า ความสนใจของผู้คนในงานเลี้ยงจึงถูกเบี่ยงเบนไป เกิดเป็นหัวข้อสนทนาใหม่ผู้คนต่างพูดถึงวาสนาของคุณหนูใหญ่ตระกูลหานผู้นี้อย่างอดไม่ได้ หานลั่วอิงทั้งเกิดมาในตระกูลสูงศักดิ์และร่ำรวย ตอนนี้ก็ยังได้แต่งงานกับบุรุษที่โดดเด่นที่สุดขอ
หานลั่วอิงทำทีผละออกจากอ้อมกอดของถานอวิ๋นซีด้วยท่าทางตื่นตกใจ นางรวบเสื้อผ้าตนเองขึ้นมากอดไว้ พยายามซุกกายเข้าไปในความมืดที่แสงตะเกียงส่องเข้าไปไม่ถึง แล้วเปล่งเสียงร้องไห้ออกมาไฉ่หงปราดเข้ามาหาคุณหนูของตนทันที ทั้งนายและบ่าวตระเตรียมทุกอย่างมาล่วงหน้า ในใจยังนึกหวาดหวั่นจากการกระทำนี้ กระนั้นก็กล่าวได้ว่าพวกนางไม่มีพิรุธใด และแสดงได้สมบทบาทจนไร้คนสงสัย“ท่านแม่ทัพถาน ท่าน...ท่านล่วงเกินคุณหนูใหญ่!”เป็นไฉหงที่ร้องประนามเสียงดังอย่างจงใจ สาวใช้มีน้ำตาไม่ต่างจากผู้เป็นนายสักเท่าไหร่ แน่นอนว่าเสียงประนามของไฉหงช่วยส่งข่าวลือฉาวโฉ่ของบุตรีคนโตมหาเสนาบดีหานออกไปนอกห้องเสียแล้วถานอวิ๋นซีแทบจะฟื้นคืนสติกลับมาได้จากอารมณ์มึนเมาในรสสวาททันที เขายกกาน้ำชาขึ้นมากรอกปากพลางใช้น้ำชาล้างใบหน้าขณะที่บรรดาฮูหยินของขุนนางที่มาร่วมงานวันนี้ค่อย ๆ ทยอยก้าวเข้ามาในห้องอย่างไม่เข้าใจนัก ก่อนที่สีหน้าของแต่ละคนจะตกตะลึงไปไม่ต่างกัน เมื่อเห็นว่าตนกำลังเป็นพยานในเหตุการณ์เสื่อมเสียแม้จะรู้ว่าหานลั่วอิงไม่ใช่สตรีในห้องหอ แต่อย่างไรนางก็ไม่ควรถูกดูหมิ่นเกียรติแล้วไม่ได้รับการชดใช้เช่นนี้ ความเห็นใจของสตรี
หัวใจของหานลั่วอิงเหมือนกับถูกมือยักษ์บีบรัดจนแน่น ลมหายใจนางเริ่มติดขัดด้วยความโกรธ เรื่องของถานอวิ๋นซีนั้นสร้างความบาดหมางให้สองพี่น้องมาเนิ่นนาน จากที่ไม่ถูกกันอยู่แล้ว ตอนนี้พวกนางก็แทบจะฆ่ากันด้วยคำพูดทุกครั้งเมื่อได้พบหน้ากันทุกครั้งไป“เป็นเพราะเจ้าและมารดาใช้เล่ห์เหลี่ยมไปหลอกมารดาของพี่อวิ๋นซีต่างหาก ท่านป้าที่จากไปแล้วถึงยอมให้พี่อวินซีหมั้นกับเจ้า!”“อุ้ย! พี่ใหญ่จำไม่ได้หรือเจ้าคะ ว่ามารดาข้าและท่านป้าเป็นสหายสนิทกัน เรื่องการผูกสัมพันธ์รุ่นลูก ย่อมเป็นเรื่องธรรมดายิ่ง”หานหนิงอันก้าวมายืนประจันหน้าพี่สาว ซึ่งกำลังออกอาการโมโหสุดขีด และนี่คือข้อเสียของหานลั่วอิงคือการไม่ยอมเก็บอารมณ์ใดๆ ไว้ในใจ ทุกอย่างล้วนแสดงออกผ่านสีหน้าและแววตาจนหมดสิ้น “โชคร้ายหน่อยนะเจ้าคะ เพราะพี่ใหญ่ไม่มีมารดามาตั้งแต่เด็ก จึงไม่มีใครคอยอบรมกิริยาให้สมกับเป็นบุตรสาวขุนนาง ตอนนี้ไม่รู้ว่าฮูหยินใหญ่จะเสียใจมากเพียงใดที่เห็นบุตรสาวเป็นเช่นนี้ แต่เอาเถิด...เสียใจอย่างไรก็คงไม่เกิดประโยชน์อันใด เพราะยามนี้คนกลายเป็นดินไปเสียแล้ว”เป็นเช่นนี้เป็นเช่นไรหานลั่วอิงหาได้สนใจไม่ หากว่าหานหนิงอันล่วงเกินเพียงน
วันนี้รถม้าของขุนนางในเมืองหลวงทุกคันล้วนมุ่งหน้าไปยังจวนของมหาเสนาบดีหานจง เพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลองครบรอบวันเกิดในวัยห้าสิบปีของขุนนางใหญ่ โคมแดงประดับไว้ทั่วจวน ยิ่งเสริมความเป็นมงคล มองไปที่ใดก็เห็นแต่ความมั่งคั่งและสง่างามของจวนหลังใหญ่แห่งนี้วันนี้หานลั่วอิงสวมใส่ชุดที่สั่งทำล่วงหน้าจากร้านผ้าสกุลเหลา ซึ่งตัดเย็บจากผ้าไหมหางโจวสีชมพูอ่อน ปักลวดลายดอกโบตั๋นดูงดงามเกินคำบรรยาย ผ้าคาดเอวปักลายเถาวัลย์อย่างประณีต เครื่องแต่งกายผนวกรวมกับใบหน้างามโดดเด่นแล้ว ก็ส่งเสริมกันเป้นอย่างดี จนสามารถพูดได้ว่าหานลั่วอิงนับเป็นโฉมสะคราญนางหนึ่งได้ไม่แพ้ใครไฉ่หงบรรจงเสียบปิ่นปักผมที่ด้ามทำมาจากทองคำแท้ ตรงปลายประดับด้วยไข่มุกตงจูเม็ดใหญ่และมีสายสร้อยสีทองห้าเส้นห้อยระย้าลงมา เครื่องประดับชิ้นนี้ หานลั่วอิงต้องใช้เงินถึงสามร้อยตำลึงในการสั่งทำกับร้านหย่งชิน เพราะธรรมดาแล้วไข่มุกตงจูนั้นก็หายากมาก แต่ไข่มุกที่มีขนาดใหญ่เท่าหัวแม่มือกลับหายากยิ่งกว่า ราคาสามร้อยลำตึงจึงควรคู่กับปิ่นทองล้ำค่าชิ้นนี้แล้วไฉ่หงมองคุณหนูของตนที่กำลังพิศดูโฉมตนเองในคันฉ่องทองเหลือง แล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูวันนี้ท่านงามมาก