공유

บทที่ 2 ระบบเส็งเคร็ง

last update 최신 업데이트: 2025-02-14 03:21:08

ซะเมื่อไหร่ล่ะ!

เฉินเฟิ่นอี้มองไข่ไก่ในมือของเธอหนึ่งฟองอย่างอึ้งๆ นี่คือรางวัลภารกิจแรกที่เธอไปช่วยน้องสาวเก็บผัก อุตส่าห์ลงทุนช่วยขุดหัวมันแต่เธอได้ไข่ไก่ตอบแทนนี่นะ ระบบเส็งเคร็งนี่เอาเปรียบเธอมาก!

[ภารกิจและการรับรางวัลพิเศษเสร็จสิ้นแล้ว กดตกลง]

เสียงในหัวยังดังต่อเนื่องเมื่อเฉินเฟิ่นอี้ยังมองไข่ไก่ในมือนิ่งๆ หากหญิงสาวไม่กดตกลงภารกิจก็จะถือว่ายังไม่เสร็จสิ้น เฉินเฟิ่นอี้ถอนหายใจก่อนจะวางไข่ไก่ลงในตะกร้าไข่ที่เธอไปเก็บมา รวมกันแล้วอย่างน้อยก็มีสิบสองฟองแหละ

ร่างบอบบางหิ้วตะกร้าไข่ไก่เข้าไปในห้องครัวที่มีบรรดาป้าสะใภ้และแม่ของเธอกำลังทำอาหารอยู่ เฉินเฟิ่นอี้หยุดอยู่หน้าเตาทำอาหาร ที่มีสะใภ้รองกำลังย่างแผ่นแป้งอยู่

“ป้าสะใภ้รองฉันช่วยค่ะ”

ไม่ว่าเปล่าเฉินเฟิ่นอี้รีบนำตะกร้าไข่ไก่ไปวางบนโต๊ะ ก่อนที่จะมาช่วยผู้เป็นป้าสะใภ้ย่างแผ่นแป้ง มันเป็นอาหารมื้อเช้าของคนที่จะไปลงแปลงนาพรุ่งนี้ เพื่อย่นเวลาทำอาหารจึงต้องทำตอนนี้ พรุ่งนี้เช้าก็แค่อุ่น

“อั๊ยย่ะ เฟิ่นอี้ไม่ต้องๆ หลานเพิ่งฟื้นก็ควรที่จะพักผ่อนให้มาก แค่นี้ป้าทำเองคนเดียวได้” เพราะพี่สะใภ้ น้องสะใภ้ต่างแบ่งงานกันอย่างยุติธรรม นี่คืองานของหล่อน หล่อนจึงกลัวว่าจะถูกแม่สามีต่อว่าที่ให้หลานสาวมาช่วย

ปกติเฉินเฟิ่นอี้จะช่วยป้าสะใภ้หรือแม่ของเธอทำอาหารมื้อกลางวัน แต่พอมีอาการป่วยเข้ามาแทรก งานในครัวก็แทบจะไม่ได้แตะ หน้าที่นี้จึงตกไปเป็นของน้องสาวสี่ของเธอแทน เพียงแต่วันนี้หล่อนมีการบ้านที่ต้องทำ จึงไม่ได้เข้ามาช่วย

“ป้าสะใภ้รองถ้าไม่ให้ฉันช่วย ฉันคงไม่หายป่วยง่ายแน่ๆ ค่ะ” เฉินเฟิ่นอี้กล่าวยิ้มๆ

พอล้มป่วย ทุกคนก็ไม่ให้เธอช่วยทำงานในแปลงนา งานในบ้านก็แทบจะไม่ได้แตะเพราะอาการป่วยและถูกห้าม เมื่อไม่ได้ออกแรงอาการป่วยของเธอจึงทรุดตัวลงเพราะไม่แข็งแรง เนื่องจากบ้านของเฉินเฟิ่นอี้อยู่ในชนบทและไม่มีรถ ทำให้การเดินทางไปโรงพยาบาลในอำเภอเป็นเรื่องที่ยากมาก

ลุงสามเคยปรึกษาเรื่องนี้กับคนที่บ้านว่าจะพาเฉินเฟิ่นอี้ไปรักษาในเมือง เพราะการรักษาในเมืองพัฒนามากกว่าในแถบชนบทแบบนี้ อีกอย่างเขาก็มีสวัสดิการทหาร ลุงสามไม่มีภรรยาและลูกจึงเอ็นดูหลานสาวในบ้านเป็นที่สุด

“เฟิ่นอี้ทุกคนเป็นห่วงลูกมากนะ” สะใภ้สี่ที่เห็นว่าลูกสาวคนโตของหล่อนขัดพี่สะใภ้ก็รีบเอ่ยท้วงทันที

“แม่คะ แม่ไม่ต้องห่วงฉันค่ะ ฉันอาการดีขึ้นมาก” เฉินเฟิ่นอี้พูดจริงๆ อาการปวดตามร่างกายตอนนี้เริ่มหายไปแล้ว แม้จะสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามใคร

“เอาน่าสะใภ้สี่ เฟิ่นอี้อยากช่วยเราก็ปล่อยให้หลานช่วย” สะใภ้ใหญ่ส่ายหน้าพร้อมกับหั่นผักที่หลานสาวเก็บมาให้

“เฮ้อ พวกพี่ก็เข้าข้างหล่อน”

เด็กสาวบ้านเฉินช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้เกิดมาในบ้านหลังนี้ หากเป็นบ้านหลังอื่น ต่อให้ป่วยหรือใกล้ตายก็ต้องทำงานให้เสร็จ เปรียบเทียบได้กับบ้านข้างๆ ที่ตอนนี้มีเสียงด่าทอออกมาให้ได้ยิน และไม่ใช่แค่หลังเดียว ยังมีหลังอื่นอีก ซึ่งที่นี่มันเป็นเรื่องปกติมากยกเว้นบ้านเฉิน

“น่าสงสารหลานสาวบ้านหลี่จริงๆ” สะใภ้ใหญ่พึมพำ

บ้านหลี่ที่ว่าก็เป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันนี่เอง บ้านหลี่มีสมาชิกพอๆ กันกับบ้านเฉิน แต่ทุกคนทำงานแค่ในแปลงนาและมีเพียงหลานชายที่ถูกส่งเข้าเรียน จะว่าหลานชายก็ไม่ถูก เป็นหลานชายจากลูกชายคนโตของบ้านที่บ้านหลี่ส่งเรียน

ทุกคนส่ายหน้าเพราะนี่คือเรื่องปกติของหลายๆ บ้าน แม้แต่บ้านเดิมของเหล่าสะใภ้ก็เป็นเช่นนี้ พอแต่งเข้าบ้านเฉินที่ยอมกัดฟันส่งลูกชายคนที่สามเข้าเรียนและได้เป็นถึงทหาร ความคิดของสะใภ้ก็เปลี่ยนไปมากจากคำสอนของแม่สามี แรกๆ พวกหล่อนไม่ถูกกันเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะมีพ่อสามี แม่สามีที่ดี เหล่าสามีที่เป็นพี่น้องกันก็รักใคร่กลมเกลียว พวกหล่อนก็สามัคคีกันขึ้นมา

“เราก็ช่วยหล่อนไม่ได้หรอก”

เฉินเฟิ่นอี้นั่งย่างแผ่นแป้งพร้อมเก็บข้อมูลไปด้วย เธอมีความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิมก็จริง แต่เหมือนหล่อนจะไม่คบค้าสมาคมกับใคร จึงทำให้ไม่ค่อยได้รู้จักคนอื่นๆ มากนัก

[ภารกิจพิเศษ : สอนน้องสาวทำการบ้านเพื่อรับเจ็ดแต้ม]

อยู่ๆ เสียงระบบเส็งเคร็งที่เธออาสาตั้งชื่อให้ใหม่ก็ดังขึ้นในหัวพร้อมแผ่นกระดานใสที่ลอยอยู่ตรงหน้า เธอสะดุ้งจนป้าสะใภ้รองทักขึ้นมา เฉินเฟิ่นอี้ส่ายหน้าเพราะอีกฝ่ายคงไม่เห็นแผ่นกระดานใสด้วย

เฉินเฟิ่นอี้รีบย่างแผ่นแป้งที่เหลือเพื่อไปให้ทันน้องสาวที่ทำการบ้านอยู่ ภารกิจพิเศษหรือ ทำไมระบบไม่ได้บอกเธอก่อน ขอให้มีเวลาทำใจก่อนก็ไม่ได้หรือยังไง อีกอย่างแผ่นแป้งต้องย่างถึงยี่สิบแผ่น เฉินเฟิ่นอี้จึงไม่กล้าขอตัวหยุดทำ ก็เมื่อกี้เธอเป็นคนอาสาทำเอง หากขอตัวออกไปคงโดนแม่เธอดุแน่

แผ่นแป้งถูกพลิกไปมาอย่างคล่องแคล่ว ยังดีที่เธอมีสกิลการทำอาหารติดตัว และเฉินเฟิ่นอี้ทำอาหารเป็นอยู่แล้ว แผ่นแป้งยี่สิบแผ่นจึงใช้เวลาไม่นาน

เฉินเฟิ่นอี้รีบล้างมือให้สะอาด แล้วจึงเดินเข้าไปในบ้าน ยังดีที่เฉินเหม่ยเย่ยังทำการบ้านไม่เสร็จ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะไม่ได้เจ็ดแต้มแน่ ซึ่งต่อให้เป็นคะแนนเดียวเธอก็จะทำอยู่ดี

“พี่มาสอนฉันใช่ไหมคะ!” เฉินเหม่ยเย่เอ่ยอย่างตื่นเต้น หล่อนทำการบ้านวิชานี้ไม่เป็นจริงๆ จะถามพี่ชายก็ยังไม่ได้ เพราะทุกคนกำลังทำการบ้านตนเองให้เสร็จก่อนรับประทานอาหาร

“อืม”

เฉินเฟิ่นอี้นั่งลงตรงข้ามน้องสาวที่ดวงตาเป็นประกาย เธอรับสมุดวิชาคณิตศาสตร์มาพลิกดู ในความทรงจำของเธอเฉินเหม่ยเย่ไม่ชอบวิชานี้เอามากๆ จึงไม่แปลกใจที่จะเรียนไม่เข้าใจ ซึ่งจะโทษหล่อนฝ่ายเดียวก็ไม่ได้เพราะจากการอ่านคร่าวๆ มันเป็นวิชาที่เลยวัยของหล่อน!

“ตัวนี้คือตัวอะไร เธอต้องรู้จักตัวนี้ก่อน ค่อยนำมาบวกกับตัวนี้และลบตัวนี้” เฉินเฟิ่นอี้ที่ทำความเข้าใจคร่าวๆ ชี้ให้น้องสาวดู ชีวิตก่อนเธอเป็นพนักงานบัญชีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องตัวเลขมากมายก่อนขึ้นเป็นเลขา ไหนจะเป็นวิชาที่ถนัดของเฉินเฟิ่นอี้อีก จึงไม่แปลกที่เธอจะเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว

“อ้อ ฉันนึกว่าต้องลบตัวนี้ก่อนค่ะ” เฉินเหม่ยเย่ยกมือขึ้นเกาหัว แอบมองน้องชายสี่หรือก็คือเฉินจางที่แอบทำตาม

“ลบได้เหมือนกันแต่มันค่อนข้างจะยุ่งยาก”

ต่อให้เธอสามารถบอกอีกฝ่ายได้ว่าต้องทำยังไงแต่เฉินเฟิ่นอี้ก็ไม่ได้เฉลยให้หล่อนทราบ หากหล่อนทำผิดก็แค่สอนใหม่ แต่ถ้าเฉลยไปแล้วครั้งหน้าหล่อนก็จะทำไม่ได้อีก จริงๆ การบ้านแบบนี้จะมีไม่บ่อยนักเพราะทางโรงเรียนรู้สถานการณ์ทางบ้านของเด็กที่เลิกเรียนแล้วก็ต้องมาทำงานเก็บแต้ม

แต่ส่วนมากการบ้านที่ได้รับจะเป็นเด็กที่ไม่เข้าใจในวิชานี้หรือไม่ก็มีคะแนนเก็บที่น้อยและสอบไม่ผ่านบ้าง ซึ่งหากคะแนนยังน้อยอยู่ซ้ำๆ ทางโรงเรียนก็จะโดนต่อว่า

“เสร็จแล้ว!” เฉินเหม่ยเย่วางดินสอพร้อมทั้งถอนหายใจ หล่อนได้รับการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ทุกวัน เพราะคุณครูบอกว่าคะแนนวิชานี้ของเธอน้อย จึงต้องเพิ่มคะแนนด้วยการส่งงานให้ครบ

“อาหารเสร็จพอดี”

เป็นเวลาเดียวกับผู้หญิงในบ้านยกอาหารเข้ามาในห้องโถง เด็กๆ ที่ทำการบ้านรีบเก็บอุปกรณ์ทันที หากทำไม่เสร็จก็ค่อยทำหลังรับประทานอาหาร หรือหากมันมืดแล้วก็รอทำพรุ่งนี้เช้า แต่ตอนนี้ทุกคนทำการบ้านเสร็จพอดี หลังรับประทานอาหารเสร็จจะได้อาบน้ำและเข้านอน

เช้าวันใหม่เฉินเฟิ่นอี้กำลังเก็บผักในสวนหลังบ้าน ผู้ใหญ่ออกไปทำงานเก็บแต้มกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ส่วนเด็กๆ ก็ไปเรียนตั้งแต่เช้า ในบ้านจึงเหลือเพียงเฉินเฟิ่นอี้ ย่าเฉิน และเฉินชิงชิงน้องชายตัวน้อยของเธอ

ภารกิจในวันนี้คือการทำอาหารมื้อกลางวันไปส่งที่แปลงนา ซึ่งที่บ้านจะรับประทานแผ่นแป้งเป็นอาหารเช้าเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนอาหารมื้อกลางวันเหล่าสะใภ้จะกลับมาทำอาหารเพื่อนำไปรับประทานที่แปลงนาและสลับกัน อย่างเมื่อวานเป็นสะใภ้ใหญ่ วันก่อนหน้าคือสะใภ้สี่ วันนี้จึงเป็นสะใภ้รอง

เฉินเฟิ่นอี้ทำการขออนุญาตย่าเฉินแล้วเรื่องการทำอาหารไปส่งที่แปลงนา จริงๆ ต่อไปนี้เธออาจได้ทำอาหารไปส่งตลอดเพราะไม่อยากให้ทุกคนเหนื่อยมากขึ้น อีกอย่างที่ต้องขออนุญาตเพราะวันนี้เธอไม่ได้บอกใครว่าจะทำอาหารไปส่งเอง

ย่าเฉินไม่ได้ลงแปลงนาแล้วเนื่องจากอายุที่มากขึ้น ทั้งยังต้องการเลี้ยงหลานชายคนเล็กเอง คนในบ้านต่างเห็นด้วยและบอกให้ปู่เฉินหยุดทำงานในแปลงนาเหมือนกัน แต่ปู่เฉินไม่ยอมเพราะค่าใช้จ่ายต่างๆ ในบ้านมันมีมาก ทุกคนจึงให้ปู่เฉินรับแต้มที่น้อยลงแทน อย่างน้อยก็คงไม่ได้เหนื่อยมาก

“เฟิ่นอี้หลานจะทำอะไรน่ะ”

มือที่กำลังตอกไข่ใส่ถ้วยชะงัก เฉินเฟิ่นอี้มองคนที่เข้ามาใหม่เป็นย่าเฉินและเฉินชิงชิง เธอจะทำไข่เจียวน้ำ ก่อนจะตอบผู้เป็นย่าด้วยรอยยิ้ม

“ฉันจะทำไข่เจียวน้ำค่ะ ได้ซดน้ำซุปร้อนๆ คงดีไม่น้อย” เพราะเมื่อเช้าทุกคนได้รับประทานเพียงแผ่นแป้งที่ฝืดคอ และดูเหมือนว่าทุกคนจะชินกันยกเว้นเธอ!

“ไข่เจียวน้ำ? ไข่เหรอ เฟิ่นอี้มันสิ้นเปลืองนะ!” ย่าเฉินว่าอย่างไม่เห็นด้วย นางไม่ได้งกเรื่องอาหารแต่ส่วนมากไข่จะทำเป็นอาหารมื้อเย็น

“คุณย่าคะ ตอนนี้ทุกคนกำลังทำงานในแปลงนาต้องการพลังงานเป็นอย่างมาก ฉันคงทำผักต้มไปส่งไม่ได้จริงๆ เมื่อเช้าทุกคนก็รับประทานเพียงแผ่นแป้งแข็งๆ” เฉินเฟิ่นอี้อธิบาย ถึงไข่น้ำจะเป็นอาหารที่ไม่เหมาะเท่าไรแต่มันก็ไม่มีเมนูให้เลือกแล้ว ในบ้านมีเพียงผักและไข่

จะผัดผักใส่ไข่ก็จะสิ้นเปลืองน้ำมันมากไหนจะปรุงรสอีก เฉินเฟิ่นอี้จึงตัดสินใจเจียวไข่และทำไข่น้ำที่ใส่ผักมีประโยชน์แทน คงต้องหาเงินและซื้อของเข้าบ้านแล้ว ถึงที่บ้านจะไม่ได้ขัดสนและไม่ได้ขี้เหนียวแต่ก็ไม่ได้ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย อีกอย่างปีหน้าเฉินไห่หลิวและเฉินตง ต้องเข้าไปเรียนมัธยมปลายในอำเภอจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก

“มันก็จริง” ย่าเฉินพยักหน้า ผักต้มแม้จะรับประทานมาตลอดแต่มันก็ช่วยเพียงอิ่มท้อง ส่วนเรี่ยวแรงหรือก็เหมือนเดิม

เฉินเฟิ่นอี้ยิ้มเมื่อย่าเฉินเห็นด้วย เธอแบ่งไข่สองฟองทำไข่ตุ๋นยอดตำลึงให้น้องชายและย่าเฉินรับประทาน ส่วนไข่เจียวน้ำนั้นใช้ไข่สิบฟองและเธอจะไปรับประทานอาหารพร้อมคนอื่นในแปลงนาเลย จะได้รอเก็บหม้อกลับมาด้วย

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทส่งท้าย

    วันที่ 5 เดือน 3 ปี 1984 งานมงคลสมรสของเฉินเฟิ่นอี้และโอวหยางจิงจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แขกที่ได้รับเชิญต่างพากันเข้าร่วมงานอย่างหนาแน่น เฉินเฟิ่นอี้ต้องลุกมาแต่งตัวตั้งแต่เช้ามืด ทั้งต้องคอยถามถึงหน้างานเพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาดในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง สิ่งที่รอคอยนั่นคือการแต่งงานสักครั้งในชีวิต ในตอนที่เป็นแป้งร่ำ เธอพลาดโอกาสนั้นแล้ว ครั้งนี้เฉินเฟิ่นอี้ย่อมไม่พลาด"พี่สาวสามสวยมาก" เฉินเหม่ยเย่เอ่ยชมพี่สาวด้วยความตื่นเต้น ทั้งที่ไม่ใช่งานของตนเองนาน ๆ ที เฉินเฟิ่นอี้จะได้แต่งหน้าและแต่งตัว หากไม่ใช่วันสำคัญ แต่ก็ไม่ได้จัดเต็มเหมือนวันนี้ ภายใต้ชุดสีแดงมงคล เฉินเฟิ่นอี้เป็นผู้หญิงที่สวยมากในสายตาของน้องสาว"พี่สาวสามของเธอเป็นคนสวยมาตั้งนานแล้ว หล่อนแค่ไม่แต่งตัวเหมือนกับเธอที่ต้องทำงาน" พี่สาวใหญ่เดินเข้ามานั่งใกล้น้องสาวภายในห้องเจ้าสาวตอนนี้ มีพี่สาวใหญ่ พี่สาวรอง เฉินเหม่ยเย่ และเฉินเฟิ่นอี้ที่เป็นเจ้าสาว ทั้งสี่คนเป็นหลานสาวสายหลักของลุงสามที่เป็นผู้นำตระกูล ต่อให้แต่งงานแล้วแต่ยังเป็นคนสำคัญเฉินเฟิ่นอี้แต่งงานแล้วเธอจะเป็นคนของตระกูลโอวหยาง แต่ว่ายังสามารถมีปากเสียงในตระกูลเ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 156 เติบโต

    ต่อให้เร่งมากแค่ไหน การสร้างบ้านยังต้องใช้เวลาสองเดือน เฉินเฟิ่นอี้จึงใช้เวลาที่ว่างในการช่วยเฉียนลี่เซียนเปิดร้านตัดเย็บ มันเป็นเพียงการตัดเย็บที่ลูกค้าสั่งตัดไม่เกินห้าตัว ปะซ่อมบริเวณที่ขาดกว่าบ้านจะเสร็จ ร้านตัดเย็บเฉียนก็เริ่มเข้าที่แล้ว เฉินเฟิ่นอี้ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เธอปล่อยให้หล่อนจัดการร้านเอาเอง เพราะมีเฉียนเฟยเข้ามาช่วยจึงไม่ค่อยห่วงนักบ้านที่สร้างใหม่เป็นบ้านปูนห้าห้องนอน ล้อมรั้วแข็งแรงไม่ให้คนนอกเข้าไป แต่เฉินเฟิ่นอี้ฝากกุญแจให้ผู้ใหญ่บ้านจ้างคนไปทำความสะอาดข้างนอกบ้านให้ รวมถึงถางหญ้าในที่ดิน ค่าดูแลเดือนละยี่สิบหยวน แน่นอนว่าเฉินเฟิ่นอี้ยอมจ่ายทันทีที่บ้านเสร็จ กลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้ก็เดินทางกลับปักกิ่งเพื่อเริ่มงาน พวกผู้หญิงมีงานถ่ายแบบเข้ามาบ้าง เฉินเฟิ่นอี้อนุญาตให้ทำและลดเงินเดือนบางส่วนของพวกหล่อนลงร้านผ้าถุงเซี่ยเซี่ยอีกสองสาขาอยู่ห่างจากสาขาใหญ่พอสมควร แต่เป็นบริเวณที่มีคนเดินผ่าน แน่นอนว่าร้านของเธอพี่ใหญ่เฉินเป็นคนหาให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าสาขาที่สองเป็นสาขาที่เฉินเฟิ่นอี้สร้างร่วมกับน้องชายน้องสาว ส่วนสาขาใหญ่ตอนนี้มันเป็นเพียงชื่อของเธอ ซึ่งแน่นอนว่าการ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 155 ยุติการขาย

    งานมงคลผ่านไปแล้ว มีแต่คนอิจฉาเจ้าสาวเพราะได้รับสินสอดจำนวนมาก หลังงานมงคลเฉินเฟิ่นอี้เรียกผู้รับเหมาเข้าไปดูบ้านพร้อมกับสร้างบ้านใหม่ด้วยเวลาอันน้อยนิด เฉินเฟิ่นอี้จ่ายไม่อั้นเพื่อให้บ้านเสร็จก่อนกลับปักกิ่ง แต่ถึงจะเสร็จไม่ทันเธอก็จะรอให้มันเสร็จก่อนอยู่ดี ต่อให้มีคนนินทาและด่าว่าโง่ที่เอาเงินมาทิ้งกับบ้านที่ไม่ได้อยู่ เฉินเฟิ่นอี้ก็ไม่ได้สนใจ"พี่จัดการเรื่องผ้าถุงเสร็จแล้ว พวกเรากลับไปที่ร้านกันก่อนเถอะครับ" โอวหยางจิงบอกคนรักที่นั่งรออยู่ในโรงงานวันนี้เฉินเฟิ่นอี้เข้ามาจัดการเรื่องที่จะให้โรงงานส่งผ้าถุงเข้าไปในปักกิ่ง ค่าใช้จ่ายในการขนส่งแน่นอนว่าเฉินเฟิ่นอี้ยินดีจ่าย ขอแค่ให้ของไปถึงมือส่วนร้านเซี่ยเซี่ยร้านแรกของเธอจะยุติการขาย เรื่องนี้ได้คุยกับลุงเหว่ยเทาไปแล้วตอนที่กลับมาถึงวันแรก แต่ต้องเข้าไปคุยอีกทีเพื่อยกเลิกสัญญาพอมีการประกาศออกไปดูเหมือนว่าทุกคนจะตกใจและรีบมาซื้อเก็บเอาไว้ สินค้าจะมีเหลือให้ขายเพียงห้าพันผืนสุดท้าย หากขายหมดก่อนร้านจะปิดลงทันที"ค่ะ"หากเป็นเมื่อก่อนเฉินเฟิ่นอี้กับโอหยางจิงคงปั่นจักรยานกัน แต่ตอนนี้คุณลุงโอวหยางให้คนรักของเธอนำรถมาใช้งานระหว่างอยู

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 154 บ้านหลังแรก

    วันที่เจ็ดเดือนสามปี 1982 กลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้เดินทางมาถึงบ้านพักในอำเภอจวี่ที่เป็นบ้านหลังเดิม และเพื่อนของลุงสามเป็นคนจัดพื้นที่เอาไว้ให้แล้วการเดินทางในครั้งนี้ไม่ได้มีผู้ใหญ่บ้านเฉินเดินทางมาด้วย มีเพียงผู้ปกครองที่เดินทางกลับบ้าน เฉินเฟิ่นอี้พร้อมกับน้อง ๆ ต้องการมาเข้าร่วมงานมงคลของเว่ยฟ่งกับเจียวซีถึงได้ตามกันมา ยกเว้นเฉินชิงชิงน้องชายคนเล็กของบ้านที่ปีนี้อายุสิบเอ็ดปีแล้วเฉินเฟิ่นอี้รับกุญแจจากลุงเหว่ยเทาทันทีที่มาถึง บ้านพักหลังนี้ถือว่าเป็นความทรงจำของเธอก็ว่าได้ อยู่มาตั้งหลายปี ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม"คุณลุงเหว่ยไม่ได้ปล่อยบ้านให้คนอื่นเช่าเหรอคะ" เฉินเฟิ่นอี้หันไปถามเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่ในห้องโถง และสอบถามเรื่องราวระหว่างที่ไปอยู่ในปักกิ่ง"บ้านหลังนี้หลานบอกว่ามันเป็นความทรงจำไม่ใช่หรือ ถึงลุงไม่ได้ขายให้แต่ก็เก็บเอาไว้รอพวกหลานกลับมา" เหว่ยเทายิ้มเล็กน้อยเขาไม่ได้แต่งงานมีภรรยา สมบัติที่มีอยู่จึงเป็นของเขาและมีรายได้จากการปล่อยเช่าห้องพัก ไม่จำเป็นต้องปล่อยเช่าบ้านหลังนี้ให้คนอื่น และเด็กบ้านเฉินก็เหมือนลูกเหมือนหลานของเขา"ขอบคุณค่ะ""ลุงสามฝากบอกว่าถ้ามีเวลาให้ขึ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 153 เวลาไม่รอคอย

    หลังงานเลี้ยงจบลง ข่าวที่หลายคนจับตามองมากที่สุดไม่พ้นหลานชายหลานสาวของตระกูลเฉินมีคนรักแล้ว หลายคนยังคงต้องการขยับความสัมพันธ์ เผื่อว่าวันหน้าจะมีโอกาส จึงจ้างกลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้ไปร่วมงานอยู่บ่อย ๆช่วงปิดภาคเรียนเป็นช่วงที่ต้องทำหลายอย่าง กว่าจะลงตัวก็เปิดภาคเรียนแล้ว ภาคเรียนที่สองเป็นภาคเรียนที่เหนื่อยมาก บ่อยครั้งที่เฉินเฟิ่นอี้ต้องนอนในหอพักของมหาวิทยาลัยความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนยังคงหนาแน่น ยิ่งที่บ้านย้ายเข้าไปอยู่ในเขตตระกูลเฉิน ทุกคนย้ายเข้าไปอยู่บ้านพักทำให้ได้พบเจอหน้ากันทุกวันยิ่งได้อยู่ด้วยกันกับเฉินเฟิ่นอี้ ทุกคนต่างลงความเห็นที่จะทำงานกับเพื่อนสาว เว่ยฟ่งถึงขั้นต่อสายมาหาพ่อกับแม่เรื่องที่เขาเรียนจบแล้วจะกลับไปแต่งงานกับเจียวซีแล้วจะกลับมาอยู่ในปักกิ่งคนอื่น ๆ ก็มีท่าทีไม่ต่างกัน ผู้ชายเข้าไปช่วยรุ่นพี่โอวหยางจิงทำงาน ผู้หญิงช่วยเฉินเฟิ่นอี้ในร้านผ้าถุงเซี่ยเซี่ย ตอนนี้ได้ค่าตอบแทนน้อย แต่ถือว่าคุ้มเพราะช่วยอยู่เบื้องหลังแค่มาเรียนปีแรกก็ทำเอาผู้ปกครองปวดหัวแล้ว ปีที่ีสองยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิม ไม่มีใครกลับบ้านในช่วงปิดภาคเรียน ถ้าอยากเจอก็ให้เดินทางมาหาความสัมพัน

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 152 งานเลี้ยงต้อนรับ

    หลานชาย หลานสาว รวมถึงกลุ่มเพื่อนสนิทถูกจับแต่งตัวให้เหมาะสมกับงานสำคัญ อันที่จริงกลุ่มเพื่อนของเฉินเฟิ่นอี้ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมก็ได้ แต่ทุกคนลงความคิดเห็นว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ภายใต้การดูแลของบ้านเฉินแล้วแขกภายในงานมีหลายคนที่เคยสนิทกับคนในตระกูลเฉิน เพราะฉะนั้นเฉินเฟิ่นอี้จึงพยายามบอกคนอื่นให้หลีกเลี่ยงเท่าที่จะทำได้เฉินเฟิ่นอี้มองชุดที่ออกแบบด้วยฝีมือของพี่เยี่ยฉิงจากร้านเยว่ซิน ทันทีที่จะมีการจัดเตรียมงานเธอได้ทำการติดต่อขอตัดเย็บเสื้อผ้าให้ และตระกูลเยี่ยคือหนึ่งในพันธมิตรของปู่เธอ"เสียดายจริง ๆ ที่เธอไม่คิดจะทำงานในวงการบ้างหรือ" เยี่ยฉิงมองชุดบนตัวของเฉินเฟิ่นอี้"ไม่ละค่ะ ฉันชอบทำงานเบื้องหลังมากกว่า" เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธไป ให้ช่วยแต่งหน้าหรือทำอย่างอื่นได้ แต่จะให้ถ่ายแบบเธอทำไม่ได้จริง ๆ"อื้อ ๆ ฉันก็ว่าแบบนั้นดูเป็นเธอมากกว่า" หล่อนหัวเราะเฉินเฟิ่นอี้เป็นเจ้าของร้านผ้าถุงที่ออกแบบลวดลายเอง เยี่ยฉิงเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้าที่ไม่ถ่ายแบบงานตัวเอง จึงเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเยี่ยฉิงที่ช่วยเฉินเฟิ่นอี้แต่งตัวแล้วเดินไปช่วยคนอื่นต่อ ทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้แต่งตัว แน่นอนว่างานส

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status