Share

ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70
ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70
Penulis: Ainthira06 / โจวเหว่ยฟาง

บทที่ 1 นี่มันอะไรกัน

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-14 03:20:33

แป้งร่ำรู้สึกตัวขึ้นอีกทีก็ตอนเย็นแล้ว เพราะด้านนอกมีเสียงผู้คนมากมาย เธอจึงลุกขึ้นนั่งเพื่อทบทวนสติ และความทรงจำบางอย่างที่เพิ่งได้รับมาอย่างตกใจ ตอนนี้เธอไม่ใช่แป้งร่ำหญิงวัยกลางคนเหมือนเดิมแล้ว เธอคือเฉินเฟิ่นอี้สาวน้อยที่อยู่ในครอบครัวเฉินยุค 70

โชคดีที่บ้านเฉินมีแต่คนขยันจึงสามารถส่งหลานๆ เข้าเรียนในตำบลได้ ร่างของสาวน้อยที่เธออยู่ในตอนนี้มีอาการอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่แต่ก่อนมีร่างกายที่แข็งแรงมาก แต่ก็ไม่ค่อยแปลกใจเพราะช่วงหลังๆ มานี้ เฉินเฟิ่นอี้เหมือนจะจับได้ว่าคนรักของหล่อนเปลี่ยนไป จึงไม่ค่อยรับประทานอาหาร

ซึ่งสาวน้อยคนนี้ก็น่าสงสารมากเพราะถูกคนรักและเพื่อนสนิทที่เป็นญาติผู้พี่หักหลัง ยังดีที่บ้านเฉินรักหลานอย่างเท่าเทียมกัน ไม่อย่างนั้นหล่อนคงถูกตีตาย

‘ชีวิตของฉันไม่มีอะไรให้ห่วง ต่อจากนี้ฉันขอให้เธอไปสู่สุคตินะเฉินเฟิ่นอี้ ฉันสัญญาว่าจะดูแลครอบครัวของเธอให้ดี’ แป้งร่ำในร่างของเฉินเฟิ่นอี้คิดในใจ ต่อจากนี้เธอคือเฉินเฟิ่นอี้ ไม่ใช่แป้งร่ำอีกแล้ว

ถ้าถามว่าทำไมเธอถึงทำใจได้เร็วขนาดนี้ คงเป็นเพราะชีวิตของแป้งร่ำมีแต่การทำงาน แม้แต่การรับประทานอาหารตอนเช้าก็ยังไม่ทันได้แตะ พอได้ลาออกมาพักผ่อนมันก็รู้สึกดี แต่อย่าลืมว่าเธอทำงานมาทั้งชีวิตแล้ว พอรู้ตัวว่าตายจากโลกเดิมและมายังอดีตของคนๆ หนึ่งที่หมดอายุขัยไปแล้ว ก็รู้สึกสงสารและการที่เธอมาที่นี่คงไม่ใช่ความบังเอิญ

เฉินเฟิ่นอี้ตั้งสติก่อนลุกขึ้นเพื่อเดินออกมาดูด้านนอก จากความทรงจำของร่างเดิม ตอนนี้คงเป็นตอนเย็นเพราะหลังเลิกงานทุกคนจะเข้าบ้านมาพูดคุยกันก่อนแยกย้ายไปทำงานบ้าน จริงๆ ก็นั่งพักนั่นแหละ ซึ่งห้องนี้เล็กมาก เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้าประตูแล้ว

“เฟิ่นอี้!” สะใภ้สี่ที่เห็นประตูห้องนอนของลูกสาวคนโตเปิดก็รีบลุกมาดูอาการของลูกสาวทันที วันนี้เป็นวันที่ห้าที่หล่อนหมดสติไป หากหล่อนไม่ฟื้นสะใภ้สี่คงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต

เพราะเห็นว่าหลานสาวจากบ้านเดิมไม่มีเพื่อน สะใภ้สี่จึงเป็นคนบอกให้หล่อนเข้าหาญาติผู้น้องอย่างเฉินเฟิ่นอี้ แต่ใครจะรู้ว่าหล่อนเป็นงูพิษ แย่งแม้กระทั่งคู่หมั้นของน้องสาวตนเองได้

“คะ…คุณแม่” เฉินเฟิ่นอี้มีสีหน้าตกใจก่อนจะมีน้ำตาไหลออกจากดวงตางดงาม แม่ของเฉินเฟิ่นอี้มีใบหน้าที่เหมือนกับแม่ของเธอที่เสียชีวิตไปแล้วไม่มีผิด

“เฟิ่นอี้ของแม่”

ท่ามกลางความเงียบทุกคนหันมามองสองแม่ลูก ผู้หญิงในบ้านที่เฝ้าหลานสาวต่างพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก เฉินเฟิ่นอี้ฟื้นแล้ว พรุ่งนี้ทุกคนจะได้ไปทำงานสักที

“ดีๆ หลานสาวสามฟื้นแล้ว” เฉินอี้หรือก็คือลุงใหญ่ของบ้านเฉินเอ่ย

“ต่อไปนี้สะใภ้สี่ก็ห่างๆ กับบ้านเดิมด้วยก็แล้วกัน ตาเฒ่าอี้กับยายแก่อี้เข้าข้างหลานสาวของพวกเขา เหยียบย่ำหลานสาวอีกคน คนแบบนี้ไม่สมควรเป็นตาเป็นยายใคร!”

ปู่เฉินโพล่งขึ้นมาอย่างโมโห ไม่ได้โมโหลูกสะใภ้แต่โมโหบ้านอี้ต่างหาก จริงอยู่ที่หลานสายในกับหลานสายนอกมันต่างกัน แต่อย่าลืมสิว่าทั้งสองคนก็เป็นหลานเหมือนกัน เพราะความอยากได้โดยไม่สนถูกผิดสนับสนุนหลานสาวแย่งคู่หมั้นคนอื่น

“ค่ะ ฉันรู้แล้ว” สะใภ้สี่ตอบพ่อสามีพร้อมพยุงตัวลูกสาวนั่งลงบนพื้นที่มีโต๊ะรับประทานอาหารอยู่ด้านหน้า

“พี่สาวฟื้นแล้ว! ฉันอยากให้พี่สอนวิชานี้ให้มากๆ เลยค่ะ!” เฉินเหม่ยเย่น้องสาวสี่หรือก็คือหลานสาวคนเล็กของบ้าน ที่มีพ่อแม่คนเดียวกันกับเฉินเฟิ่นอี้รีบบอก

เฉินเฟิ่นอี้เป็นเด็กผู้หญิงที่เรียนเก่งมาก เรียกได้ว่าเธออยู่ในอันดับต้นๆ ของชั้นปีเลยก็ว่าได้ แต่น่าเสียดายที่ล้มป่วยกลางคันซะก่อน ไม่อย่างนั้นคงขึ้นชั้นมัธยมปลายแล้ว ตอนแรกเฉินเฟิ่นอี้ไม่ยอมลาออกจากโรงเรียนเพราะเธอเรียนมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว แต่เพราะยิ่งเรียนอาการยิ่งหนักและเป็นช่วงที่ลุงสามของบ้านกลับมาพอดี เขาจึงยื่นคำขาดว่า หากอยากเรียนเขาจะพาไปที่กองทัพด้วย เฉินเฟิ่นอี้ที่ได้ยินว่ากองทัพก็รีบตกลงลาออกทันที

“เหม่ยเย่จ๊ะ หลานต้องรอพี่สาวสามหายดีก่อนนะ” สะใภ้รองกล่าวยิ้มๆ อย่างเอ็นดูหลานสาว

รุ่นปัจจุบันของบ้านเฉินมีทั้งหมด 9 คน แบ่งเป็นผู้ชาย 5 คนผู้หญิง 4 คน ซึ่งตอนนี้เฉินจงพี่ชายใหญ่ของบ้านตามผู้เป็นอาไปทำงานในกองทัพทหาร พี่สาวใหญ่เฉินเจียอี๋แต่งงานไปเมื่อสองปีก่อนกับคนในตำบล ตอนนี้มีลูกสาวชื่อเหรินอี้อายุหนึ่งปีแล้ว พี่สาวรองเฉินเยี่ยนฉิงเพิ่งแต่งงานไปปีก่อนกับคนในหมู่บ้านข้างๆ ปัจจุบันยังไม่มีลูก

ส่วนคนที่เหลือในบ้านก็ยังเรียนอยู่ยกเว้นเฉินเฟิ่นอี้พี่สาวสามที่ลาออกจากโรงเรียนไปแล้ว เฉินไห่หลิวน้องชายรองและเฉินตงน้องชายสามตอนนี้กำลังเรียนในระดับมัธยมต้น เฉินเหม่ยเย่น้องสาวสี่และเฉินจางน้องชายสี่ตอนนี้เรียนระดับประถม ส่วนน้องชายคนเล็กของบ้านอย่างเฉินชิงชิงน้องชายห้าเพิ่งสองขวบปี จึงอยู่ในความดูแลของสะใภ้สี่ผู้เป็นแม่ และย่าเฉินที่หลงหลานชายคนเล็ก

“ไม่เป็นไรค่ะป้าสะใภ้รอง ฉันหายดีแล้ว” เฉินเฟิ่นอี้ส่ายหน้าทั้งๆ ที่ใบหน้าของเธอยังซีดเซียวอยู่

“หายดีอะไรกัน! ไปๆ สะใภ้ใหญ่พาเหล่าน้องสะใภ้ไปทำอาหาร” ย่าเฉินว่าหลานสาว ก่อนจะบอกลูกสะใภ้ให้ไปทำอาหารมื้อเย็นของวันนี้ได้แล้ว

“ค่ะ”

เฉินเฟิ่นอี้ได้โอกาสเหลือบมองทุกคนอย่างละเอียด ทุกคนไม่ได้ผอมเหมือนชาวบ้านคนอื่นแต่ก็ไม่ได้อวบอ้วน ง่ายๆ ก็คือได้รับสารอาหารครบถ้วน และเหมือนว่าในแต่ละวันทุกคนจะได้รับประทานไข่ไก่ต้มคนละครึ่งลูก

ประตูในบ้านเยอะมาก บางประตูติดกันก็มี ในความทรงจำก็คือทุกคนมีห้องแยกเป็นของตนเอง แต่มันเป็นเพียงห้องเล็กๆ ที่พอนอนได้เท่านั้น สมาชิกทั้งหมดมีถึงสิบแปดคน แน่นอนว่าบ้านหลังแค่นี้มันไม่พอ ด้านนอกยังมีการต่อเติมยื่นออกไปจากตัวบ้านอีก

“เหม่ยเย่จ๊ะ พาพี่ชายน้องชายหลานไปเก็บผักหลังบ้านให้ที” สะใภ้รองที่ตามพี่สะใภ้ออกไปไม่นานกลับเข้ามาบอกหลานสาว

“ได้ค่ะ”

เฉินเหม่ยเย่พยักหน้า รีบเก็บการบ้านที่กำลังทำใส่กระเป๋า เมื่อถึงเวลาทำงานบ้าน ต่อให้เป็นการบ้านที่สำคัญหล่อนก็ต้องทำงานบ้านก่อน พอลุกขึ้นหล่อนก็ชะงักเล็กน้อยเพราะถูกกระตุกแขนเสื้อ

“คะ?” เฉินเหม่ยเย่เอียงศีรษะมองพี่สาวอย่างไม่เข้าใจ

“พี่ไปด้วย”

“ได้ค่ะ”

เฉินเฟิ่นอี้มองบรรดาน้องชายน้องสาวที่ช่วยกันเก็บผักในสวนผักหลังบ้าน เธอได้รับอนุญาตให้ตามมาด้วยแต่ไม่ให้ช่วยน้องๆ เก็บเพราะเพิ่งฟื้น มือเล็กยกขึ้นไพล่หลังมองบ้านเฉินที่หลังไม่เล็ก คงเป็นเพราะมีการต่อเติมตลอด จากบ้านหลังเล็กจึงดูใหญ่เมื่อเทียบกับบ้านใกล้ๆ

บ้านเฉินมีเนื้อที่ทั้งหมดสามหมู่ แบ่งเป็นตัวบ้านสองหมู่ และการทำสวนผักรวมถึงเลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ด และเลี้ยงหมู่อีกหนึ่งหมู่ ซึ่งมากกว่าหลายบ้านด้วยซ้ำ ส่วนมากจะมีแค่หนึ่งถึงสองหมู่ เท่านั้น ที่สำคัญยังเป็นบ้านดินผสมฟางอีก

ปี 1970 ยังมีการจำกัดจำนวนการเลี้ยงไก่คนสองคน สามารถเลี้ยงไก่ได้หนึ่งตัว ที่บ้านมีทั้งหมดสิบแปดคน จึงเลี้ยงไก่ได้ทั้งหมดเก้าตัว และพวกมันก็ออกไข่ทุกวัน บ้านหลังอื่นจะนำไข่ไปขายแต่ไม่ใช่บ้านเฉินที่เก็บไว้ให้ทุกคนในบ้านรับประทาน

ติ้ง!

[ระบบเชื่อมต่อสำเร็จแล้ว ผู้เชื่อมต่อโปรดกดตกลง]

เฉินเฟิ่นอี้รีบมองไปยังสวนผักที่น้องๆ กำลังเก็บอยู่ ทุกคนไม่ได้หันมามองทางนี้ และด้านหน้าของเธอก็ปรากฏแผ่นใสๆ บางอย่างที่มีตัวหนังสือ มุมซ้ายล่างมีคำว่ายกเลิก ส่วนมุมขวาล่างมีคำว่าตกลง

“นี่คืออะไร” เฉินเฟิ่นอี้พึมพำและไม่มีท่าทีว่าจะกดเลย ไม่มีคำอธิบายใดๆ เธอจะกดทำไม

‘นายหญิงรีบๆ กดตกลงนะ! ข้าต้องทำงานต่อ’

อยู่ๆ ก็มีเสียงที่ดังขึ้นมาภายในหัว เฉินเฟิ่นอี้ตกใจจนเดินถอยหลัง แต่ยิ่งเดินเจ้ากระดานใสก็ลอยตามมา เหมือนกับว่ามันติดตัวเธออยู่ จนกระทั่งมาหยุดในที่ไม่มีคน เฉินเฟิ่นอี้จึงตัดสินใจถามเสียงในหัว

“ตกลงจะไม่บอกใช่ไหมว่าคืออะไร” เฉินเฟิ่นอี้กระตุกยิ้ม นี่คงเป็นสุดยอดการโกงเหมือนกับนิยายที่เธออ่านล่าสุดสินะ เธอโชคดีจริงๆ อย่างน้อยก็คงไม่ลำบาก

‘ข้าคือระบบสุดแกร่งที่มาเพื่อช่วยนายหญิงยังไงล่ะ’

น้ำเสียงยียวนทำให้เฉินเฟิ่นอี้ขมวดคิ้ว นี่คือระบบของเธออย่างนั้นเหรอ! ไม่เอาแล้วได้ไหม ท่าทางจะไม่ถูกชะตากับเธอเลย แต่เหมือนมันจะรู้ทันจึงบอกวิธีใช้ตัวมันเอง

‘ก็ได้ๆ ข้าเป็นระบบที่มีภารกิจให้นายหญิงทำ หากทำภารกิจสำเร็จก็จะได้รับรางวัลตอบแทน แน่นอนว่านายหญิงไม่มีทางรู้ว่ารางวัลคืออะไร ในหนึ่งวันจะได้รับหนึ่งภารกิจ ครบหนึ่งร้อยภารกิจนายหญิงจะได้วันละสองภารกิจ อีกอย่างคือภารกิจแต่ละอย่างก็มีแต้มสะสมแล้วแต่ความยากง่าย มันสามารถนำมาเแลกกับของในระบบได้หลายอย่าง ซึ่งระบบแลกแต้มของนายหญิงที่สามารถเปิดได้ก็ต่อเมื่อมีคะแนนถึงหนึ่งพันแต้ม’

เฉินเฟิ่นอี้ประมวลคำอธิบายอยู่ครู่หนึ่ง จึงสามารถเข้าใจได้ หมายความว่าหากเธอทำภารกิจทุกวันจนครบหนึ่งร้อยภารกิจ เธอจะสามารถเพิ่มภารกิจในแต่ละวันได้ และยังสามารถแลกแต้มสะสมได้อีก นี่มันโชคหล่นทับชัดๆ

“แล้วแต่ละภารกิจจะได้กี่แต้ม”

‘ภารกิจระดับต่ำ หนึ่งถึงสิบแต้ม’

“หะ หาาา”

เธอต้องทำภารกิจอีกกี่ชาติกันถึงจะเปิดระบบแลกของได้! สิบแต้มคูณหนึ่งร้อยวันก็ได้หนึ่งพันแต้มพอดี แต่อย่าลืมสิว่าภารกิจไม่ได้สิบแต้มตลอด

‘รีบๆ กดปุ่มเร็ว ใกล้หมดเวลาแล้ว”

เร็วเท่าความคิด มือขวาส่งไปกดปุ่มตกลงทันที แผ่นกระดานใสที่ลอยอยู่ตรงหน้ากระพริบหลายครั้งจนมีข้อความบางอย่างขึ้นมา ซึ่งมันเป็นภารกิจแรกที่ทำให้เธอต้องท้อ

[ภารกิจที่ 1 : ช่วยน้องชายน้องสาวเก็บผักเพื่อรับ 1 แต้ม]

ภารกิจแรกก็หนึ่งแต้มเลยเหรอ! นี่คือระบบที่มาช่วยเธอหรือมาแกล้งเธอกันแน่ ทุกคนยังไม่ยอมให้เธอทำงาน แต่ระบบสั่งให้เธอไปช่วยเก็บผักที่เด็กๆ เก็บกันใกล้เสร็จแล้ว แต่ยังไงก็เก็บไม่นานหรอกหรอกมั้ง

เฉินเฟิ่นอี้ชั่งใจก่อนจะเดินไปหาเด็กๆ ในสวนผัก เอาล่ะ ถึงภารกิจจะสะสมเพียงหนึ่งแต้ม แต่มันยังมีรางวัลพิเศษให้อยู่ ซึ่งเธอหวังว่ามันจะเป็นของดี

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทส่งท้าย

    วันที่ 5 เดือน 3 ปี 1984 งานมงคลสมรสของเฉินเฟิ่นอี้และโอวหยางจิงจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แขกที่ได้รับเชิญต่างพากันเข้าร่วมงานอย่างหนาแน่น เฉินเฟิ่นอี้ต้องลุกมาแต่งตัวตั้งแต่เช้ามืด ทั้งต้องคอยถามถึงหน้างานเพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาดในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง สิ่งที่รอคอยนั่นคือการแต่งงานสักครั้งในชีวิต ในตอนที่เป็นแป้งร่ำ เธอพลาดโอกาสนั้นแล้ว ครั้งนี้เฉินเฟิ่นอี้ย่อมไม่พลาด"พี่สาวสามสวยมาก" เฉินเหม่ยเย่เอ่ยชมพี่สาวด้วยความตื่นเต้น ทั้งที่ไม่ใช่งานของตนเองนาน ๆ ที เฉินเฟิ่นอี้จะได้แต่งหน้าและแต่งตัว หากไม่ใช่วันสำคัญ แต่ก็ไม่ได้จัดเต็มเหมือนวันนี้ ภายใต้ชุดสีแดงมงคล เฉินเฟิ่นอี้เป็นผู้หญิงที่สวยมากในสายตาของน้องสาว"พี่สาวสามของเธอเป็นคนสวยมาตั้งนานแล้ว หล่อนแค่ไม่แต่งตัวเหมือนกับเธอที่ต้องทำงาน" พี่สาวใหญ่เดินเข้ามานั่งใกล้น้องสาวภายในห้องเจ้าสาวตอนนี้ มีพี่สาวใหญ่ พี่สาวรอง เฉินเหม่ยเย่ และเฉินเฟิ่นอี้ที่เป็นเจ้าสาว ทั้งสี่คนเป็นหลานสาวสายหลักของลุงสามที่เป็นผู้นำตระกูล ต่อให้แต่งงานแล้วแต่ยังเป็นคนสำคัญเฉินเฟิ่นอี้แต่งงานแล้วเธอจะเป็นคนของตระกูลโอวหยาง แต่ว่ายังสามารถมีปากเสียงในตระกูลเ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 156 เติบโต

    ต่อให้เร่งมากแค่ไหน การสร้างบ้านยังต้องใช้เวลาสองเดือน เฉินเฟิ่นอี้จึงใช้เวลาที่ว่างในการช่วยเฉียนลี่เซียนเปิดร้านตัดเย็บ มันเป็นเพียงการตัดเย็บที่ลูกค้าสั่งตัดไม่เกินห้าตัว ปะซ่อมบริเวณที่ขาดกว่าบ้านจะเสร็จ ร้านตัดเย็บเฉียนก็เริ่มเข้าที่แล้ว เฉินเฟิ่นอี้ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เธอปล่อยให้หล่อนจัดการร้านเอาเอง เพราะมีเฉียนเฟยเข้ามาช่วยจึงไม่ค่อยห่วงนักบ้านที่สร้างใหม่เป็นบ้านปูนห้าห้องนอน ล้อมรั้วแข็งแรงไม่ให้คนนอกเข้าไป แต่เฉินเฟิ่นอี้ฝากกุญแจให้ผู้ใหญ่บ้านจ้างคนไปทำความสะอาดข้างนอกบ้านให้ รวมถึงถางหญ้าในที่ดิน ค่าดูแลเดือนละยี่สิบหยวน แน่นอนว่าเฉินเฟิ่นอี้ยอมจ่ายทันทีที่บ้านเสร็จ กลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้ก็เดินทางกลับปักกิ่งเพื่อเริ่มงาน พวกผู้หญิงมีงานถ่ายแบบเข้ามาบ้าง เฉินเฟิ่นอี้อนุญาตให้ทำและลดเงินเดือนบางส่วนของพวกหล่อนลงร้านผ้าถุงเซี่ยเซี่ยอีกสองสาขาอยู่ห่างจากสาขาใหญ่พอสมควร แต่เป็นบริเวณที่มีคนเดินผ่าน แน่นอนว่าร้านของเธอพี่ใหญ่เฉินเป็นคนหาให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าสาขาที่สองเป็นสาขาที่เฉินเฟิ่นอี้สร้างร่วมกับน้องชายน้องสาว ส่วนสาขาใหญ่ตอนนี้มันเป็นเพียงชื่อของเธอ ซึ่งแน่นอนว่าการ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 155 ยุติการขาย

    งานมงคลผ่านไปแล้ว มีแต่คนอิจฉาเจ้าสาวเพราะได้รับสินสอดจำนวนมาก หลังงานมงคลเฉินเฟิ่นอี้เรียกผู้รับเหมาเข้าไปดูบ้านพร้อมกับสร้างบ้านใหม่ด้วยเวลาอันน้อยนิด เฉินเฟิ่นอี้จ่ายไม่อั้นเพื่อให้บ้านเสร็จก่อนกลับปักกิ่ง แต่ถึงจะเสร็จไม่ทันเธอก็จะรอให้มันเสร็จก่อนอยู่ดี ต่อให้มีคนนินทาและด่าว่าโง่ที่เอาเงินมาทิ้งกับบ้านที่ไม่ได้อยู่ เฉินเฟิ่นอี้ก็ไม่ได้สนใจ"พี่จัดการเรื่องผ้าถุงเสร็จแล้ว พวกเรากลับไปที่ร้านกันก่อนเถอะครับ" โอวหยางจิงบอกคนรักที่นั่งรออยู่ในโรงงานวันนี้เฉินเฟิ่นอี้เข้ามาจัดการเรื่องที่จะให้โรงงานส่งผ้าถุงเข้าไปในปักกิ่ง ค่าใช้จ่ายในการขนส่งแน่นอนว่าเฉินเฟิ่นอี้ยินดีจ่าย ขอแค่ให้ของไปถึงมือส่วนร้านเซี่ยเซี่ยร้านแรกของเธอจะยุติการขาย เรื่องนี้ได้คุยกับลุงเหว่ยเทาไปแล้วตอนที่กลับมาถึงวันแรก แต่ต้องเข้าไปคุยอีกทีเพื่อยกเลิกสัญญาพอมีการประกาศออกไปดูเหมือนว่าทุกคนจะตกใจและรีบมาซื้อเก็บเอาไว้ สินค้าจะมีเหลือให้ขายเพียงห้าพันผืนสุดท้าย หากขายหมดก่อนร้านจะปิดลงทันที"ค่ะ"หากเป็นเมื่อก่อนเฉินเฟิ่นอี้กับโอหยางจิงคงปั่นจักรยานกัน แต่ตอนนี้คุณลุงโอวหยางให้คนรักของเธอนำรถมาใช้งานระหว่างอยู

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 154 บ้านหลังแรก

    วันที่เจ็ดเดือนสามปี 1982 กลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้เดินทางมาถึงบ้านพักในอำเภอจวี่ที่เป็นบ้านหลังเดิม และเพื่อนของลุงสามเป็นคนจัดพื้นที่เอาไว้ให้แล้วการเดินทางในครั้งนี้ไม่ได้มีผู้ใหญ่บ้านเฉินเดินทางมาด้วย มีเพียงผู้ปกครองที่เดินทางกลับบ้าน เฉินเฟิ่นอี้พร้อมกับน้อง ๆ ต้องการมาเข้าร่วมงานมงคลของเว่ยฟ่งกับเจียวซีถึงได้ตามกันมา ยกเว้นเฉินชิงชิงน้องชายคนเล็กของบ้านที่ปีนี้อายุสิบเอ็ดปีแล้วเฉินเฟิ่นอี้รับกุญแจจากลุงเหว่ยเทาทันทีที่มาถึง บ้านพักหลังนี้ถือว่าเป็นความทรงจำของเธอก็ว่าได้ อยู่มาตั้งหลายปี ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม"คุณลุงเหว่ยไม่ได้ปล่อยบ้านให้คนอื่นเช่าเหรอคะ" เฉินเฟิ่นอี้หันไปถามเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่ในห้องโถง และสอบถามเรื่องราวระหว่างที่ไปอยู่ในปักกิ่ง"บ้านหลังนี้หลานบอกว่ามันเป็นความทรงจำไม่ใช่หรือ ถึงลุงไม่ได้ขายให้แต่ก็เก็บเอาไว้รอพวกหลานกลับมา" เหว่ยเทายิ้มเล็กน้อยเขาไม่ได้แต่งงานมีภรรยา สมบัติที่มีอยู่จึงเป็นของเขาและมีรายได้จากการปล่อยเช่าห้องพัก ไม่จำเป็นต้องปล่อยเช่าบ้านหลังนี้ให้คนอื่น และเด็กบ้านเฉินก็เหมือนลูกเหมือนหลานของเขา"ขอบคุณค่ะ""ลุงสามฝากบอกว่าถ้ามีเวลาให้ขึ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 153 เวลาไม่รอคอย

    หลังงานเลี้ยงจบลง ข่าวที่หลายคนจับตามองมากที่สุดไม่พ้นหลานชายหลานสาวของตระกูลเฉินมีคนรักแล้ว หลายคนยังคงต้องการขยับความสัมพันธ์ เผื่อว่าวันหน้าจะมีโอกาส จึงจ้างกลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้ไปร่วมงานอยู่บ่อย ๆช่วงปิดภาคเรียนเป็นช่วงที่ต้องทำหลายอย่าง กว่าจะลงตัวก็เปิดภาคเรียนแล้ว ภาคเรียนที่สองเป็นภาคเรียนที่เหนื่อยมาก บ่อยครั้งที่เฉินเฟิ่นอี้ต้องนอนในหอพักของมหาวิทยาลัยความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนยังคงหนาแน่น ยิ่งที่บ้านย้ายเข้าไปอยู่ในเขตตระกูลเฉิน ทุกคนย้ายเข้าไปอยู่บ้านพักทำให้ได้พบเจอหน้ากันทุกวันยิ่งได้อยู่ด้วยกันกับเฉินเฟิ่นอี้ ทุกคนต่างลงความเห็นที่จะทำงานกับเพื่อนสาว เว่ยฟ่งถึงขั้นต่อสายมาหาพ่อกับแม่เรื่องที่เขาเรียนจบแล้วจะกลับไปแต่งงานกับเจียวซีแล้วจะกลับมาอยู่ในปักกิ่งคนอื่น ๆ ก็มีท่าทีไม่ต่างกัน ผู้ชายเข้าไปช่วยรุ่นพี่โอวหยางจิงทำงาน ผู้หญิงช่วยเฉินเฟิ่นอี้ในร้านผ้าถุงเซี่ยเซี่ย ตอนนี้ได้ค่าตอบแทนน้อย แต่ถือว่าคุ้มเพราะช่วยอยู่เบื้องหลังแค่มาเรียนปีแรกก็ทำเอาผู้ปกครองปวดหัวแล้ว ปีที่ีสองยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิม ไม่มีใครกลับบ้านในช่วงปิดภาคเรียน ถ้าอยากเจอก็ให้เดินทางมาหาความสัมพัน

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 152 งานเลี้ยงต้อนรับ

    หลานชาย หลานสาว รวมถึงกลุ่มเพื่อนสนิทถูกจับแต่งตัวให้เหมาะสมกับงานสำคัญ อันที่จริงกลุ่มเพื่อนของเฉินเฟิ่นอี้ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมก็ได้ แต่ทุกคนลงความคิดเห็นว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ภายใต้การดูแลของบ้านเฉินแล้วแขกภายในงานมีหลายคนที่เคยสนิทกับคนในตระกูลเฉิน เพราะฉะนั้นเฉินเฟิ่นอี้จึงพยายามบอกคนอื่นให้หลีกเลี่ยงเท่าที่จะทำได้เฉินเฟิ่นอี้มองชุดที่ออกแบบด้วยฝีมือของพี่เยี่ยฉิงจากร้านเยว่ซิน ทันทีที่จะมีการจัดเตรียมงานเธอได้ทำการติดต่อขอตัดเย็บเสื้อผ้าให้ และตระกูลเยี่ยคือหนึ่งในพันธมิตรของปู่เธอ"เสียดายจริง ๆ ที่เธอไม่คิดจะทำงานในวงการบ้างหรือ" เยี่ยฉิงมองชุดบนตัวของเฉินเฟิ่นอี้"ไม่ละค่ะ ฉันชอบทำงานเบื้องหลังมากกว่า" เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธไป ให้ช่วยแต่งหน้าหรือทำอย่างอื่นได้ แต่จะให้ถ่ายแบบเธอทำไม่ได้จริง ๆ"อื้อ ๆ ฉันก็ว่าแบบนั้นดูเป็นเธอมากกว่า" หล่อนหัวเราะเฉินเฟิ่นอี้เป็นเจ้าของร้านผ้าถุงที่ออกแบบลวดลายเอง เยี่ยฉิงเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้าที่ไม่ถ่ายแบบงานตัวเอง จึงเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเยี่ยฉิงที่ช่วยเฉินเฟิ่นอี้แต่งตัวแล้วเดินไปช่วยคนอื่นต่อ ทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้แต่งตัว แน่นอนว่างานส

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status