ยามเหม่าจ้าวหม่านฟางแต่งตัววันนี้นางกำลังอารมณ์ดีคิดหาทางออกไปเที่ยวนอกเมือง นางจึงรีบตื่นขึ้นมาแต่งตัวจนบ่าวรับใช้แปลกใจ
“พระชายาเพคะ”
“ข้าเคยบอกเจ้าอย่างไรเรียกข้าเหมือนเดิมตอนที่เราอยู่ตามลำพัง”
“เจ้าค่ะคุณหนูสาม” เข่อซิงทำตามที่คุณหนูสามต้องการและยกสำหรับเข้ามา อาหารมื้อแรกหน้าตาก็น่าทานไปหมดจ้าวหม่านฟางไม่รอช้าทันที
“คุณหนาสามอยากไปที่ใดหรือเจ้าคะ”
“ข้าไปได้ใช่หรือไม่” จ้าวหม่านฟางถามเพื่อความแน่ใจ
“ได้เจ้าค่ะ” เข่อซิงคิดว่าคุณหนูสามคงอยากกลับไปเยี่ยมบ้านแต่คำตอบที่ได้ยิน บ่าวรับใช้ก็หน้าเสียและส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน “ไปมิได้เจ้าค่ะคุณหนู”
“ทำไม? ข้าอยากไปหอคณิกาหากเจ้าไม่พาไปข้า ข้าจะกระโดดน้ำอีกรอบ” จ้าวหม่านฟางขู่บ่าวรับใช้จนนางต้องพาออกมานอกเมืองมุ่งหน้าไปที่หอคณิกาโดยมีองครักษ์ของหยางเพ่ยตงแอบตามจ้าวหม่านฟางมา
“ทูลท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่ามา” หยางเพ่ยตงนั่งอ่านหนังสือราชการอยู่ในห้องทำงานสายตาไม่มองมาที่องครักษ์ จนเห็นความลำบากในการที่จะพูดออกมา
“ว่ามา!”
“พระชายาทรงไปที่หอคณิกาพ่ะย่ะค่ะ” ซิ่วอิงก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองคนที่ต้องรองรับอารมณ์ชินอ๋องก็หนีไม้พ้นเขา
“สามหาว ! นางกล้าดีอย่างไร” หากใครพบเจอเข้าชื่อเสียงของเขาคงป่นปี้ที่ปล่อยให้พระชายาออกไปเที่ยวคอคณิกาที่มีบุรุษมากมายมือหนากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“พาข้าไป”
จ้าวหม่านฟางกำลังนั่งเคลิบเคลิ้มมองชายรูปงามที่กำลังเล่นดนตรี แต่ความรู้สึกเหมือนกำลังมีคนแอบมองจึงหันไปมองอีกฝั่งสตรีโฉมงามผู้นั้นเป็นใคร
“คุณหนู นั่นองค์หญิงหยางเผยอิ่งเจ้าค่ะ”
“หยางเผยอิ่ง”
ชื่อแช่นี้เป็นของหยางเพ่ยตงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากองค์หญิงหยางเผยอิ่งน้องสาวคนสุดท้องของหยางเพ่ยตง นางจึงรีบลุกขึ้นเพื่อจะออกไปจากหอคณิกาแห่งนี้
“โอ๊ะ”
“ข้าขออภัยแม่นาง...” บุรุษรูปงามเดินมาชนกับจ้าวหม่านฟางทั้งสองดวงตาประสานกัน ความทรงจำของนางหลั่งไหลเข้ามานี่คืออี้เฉิน คนรกของคุณหนูสาม
“หม่านฟาง” อี้เฉินแสดงความดีใจออกมาจนปิดไม่มิดเขากลับมาอยู่ที่แคว้นได้หนึ่งเดือนแล้วพร้อมกับข่าวร้าย คนรักของเขาได้แต่งงานเป็นพระชายาของชินอ๋องหย่างเพ่ยตง
“อี้เฉิน” จ้าวหม่านฟางมองใบหน้าของเขาบุรุษผู้นี้คงจะรักจ้าวหม่านฟางมาก ตอนนี้นางเป็นพระชายาของชินอ๋องต้องทำตัวให้เกียรติพระสวามี
“จ้าวหม่านฟาง!”
“ท่านอ๋อง”
หยางเพ่ยตงเดินเข้ามาหานางด้วยแววตาที่โกรธเคืองพร้อมกับเดินมาแทรกตัวเข้าตรงกลางระหว่างจ้าวหม่านฟางและอี้เฉินพร้อมกับลากน้องออกมาจากหอคณิกา
“ปล่อยข้า”
“แต่งงานแค่ไม่กี่วันคิดจะสวมหมวกเขียวให้ข้าแล้วหรือ” หยางเพ่ยตงโกรธจัดที่นางกล้านัดพบกับบุรุษผู้อื่นทั้งที่เป็นพระชายาของเขา
“ข้ามิได้...อ๊ะ” จ้าวหม่านฟางกำลังจะอธิบายแต่ก็ถูกชินอ๋องกระชากแขนเข้าไปใกล้จนนางรู้สึกเจ็บ และทำใจดีสู้เสือไม่ติดจะหลบตาของหยางเพ่ยตง
“แล้วทำไมหรือ”
“เจ้า! อยากตายหรืออย่างไร”
“ข้าอยากตายคาอย่างอื่นมากกว่า” นางพูดจบพร้อมกับมองต่ำลงไปจนหยางเพ่ยตงปล่อยมือนางตอนนี้เขากำลังโกรธจัดไม่ยอมฟังอะไรจากปากของนาง
“หึ ซิ่วอิงพาพระชายาไปทำงานในห้องครัวและให้บ่าวรับใช้ใช้งานนางได้”
“เจ้า หยางเพ่ยตง!” จ้าวหม่านฟางไม่พอใจที่หยางเพ่ยตงจะให้นางไปเป็นบ่าวรับใช้ที่ห้องครัว นางทำอาหารเป็นเสียที่ไหนจ้าวหม่านฟางคนเดิมนั้นเก่งงานบ้านงานเรือนทุกอย่าง
“เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”
“คุณหนูสามเจ้าคะ” จ้าวหม่านฟางจึงยอมเดินตามองครักษ์มาที่ห้องครัว นางทนความลำบากได้เพราะลำบากกว่านี้ก็เคยทำมาแล้ว
“วันนี้พระชายาจะเข้ามาทำงานที่ห้องครัวพวกเจ้าใช้งานได้เลย”
แต่จะมีใครกล้าใช้พระชายาของชินอ๋องนอกเหนือจากหยางเพ่ยตงที่สั่งให้คนไปเฝ้านางทำงานให้ห้องครัวโดยให้นางไปตักน้ำมาใส่โอ่งจนเต็ม
“คุณหนูเจ้าคะเดี๋ยวบ่าวทำเอง”
“เข่อซิง ข้าทำเองได้เจ้าอย่าลำบากเลย” จ้าวหม่านฟางน้อยใจที่หยางเพ่ยตงไม่ยอมฟังนางแถมยังโยนความผิดให้นางว่านางกำลังสวมหมวกเขียวให้ “หน้าตาซื่อบื้อแล้วยังจะโง่เขลาอีก”
จ้าวหม่านฟางตักน้ำจนเต็มจะเต็มโอ่งมือที่เริ่มแดงและพองเป็นตุ่มเพราะเกิดจากการยกของหนักเหงื่อไหลลงมาด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าวแถมยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ช่วงเที่ยงโอ่งสุดท้ายนางจึงพักเมื่อมองไปที่มือสายตาก็เริ่มพร่ามัว
“คุณหนูเจ้าคะเดี๋ยวบ่าวทำเองเจ้าค่ะ” เข่อซิงสงสารคุณหนูของตัวเองอยู่ที่จวนก็ลำบากมากโขแต่งงานเป็นพระชายายังคงมาโดนใช้ให้ทำงานหนัก
“ข้ามิเป็นอะไรเจ้าคนทรราชนั่น” จ้าวหม่านฟางพูดด้วยน้ำเสียงโกรธจัดไร้เหตุผล เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ไยถึงยังมีคนนับถือ
“คุณหนู! เดี๋ยวเข่อซิงช่วยเจ้าค่ะ”
“แดดร้อนเราไปพักกันก่อน”
เมื่อก้าวเดินได้เพียงสองก้าวภาพที่อยู่ตรงหน้าก็พร่ามัวไปหมดนางจึงส่ายหน้าและพยายามฝืนลืมตาขึ้นมา จ้าวหม่านฟางพยายามที่จะพาที่เกาะแต่ทุกอย่างก็สายไปนางก้มลงกับพื้นและหมดสติท่ามกลางแดดที่ร้อนจ้า
“คุณหนู ช่วยด้วยเจ้าค่ะพระชายาเป็นลม”
ซิ่วอิงที่ยืนอยู่บริเวณนั้นจึงรีบวิ่งเข้ามาและอุ้มจ้าวหม่านฟางกลับตำหนักไป โดยให้บ่าวรับใช้ไปตามหมอหลวงมาดูอาการ เข่อซิงร้องห่มร้องไห้เพราะกลัวว่าคุณหนูจะเป็นอะไรขึ้นมา
“หมอหลวงพระชายาทรงเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
“เจ้าทำใจให้เย็นก่อนพระชายามิได้เป็นอะไรเพียงแค่ร่างกายอ่อนแอให้พักสามสี่วันก็ดีขึ้น เดี๋ยวข้าให้ยาไว้”
บ่าวรับใช้จึงยิ้มออกและเดินไปนั่งที่พื้นรอจ้าวหม่านฟางตื่นขึ้นมา ซิ่วอิงรีบกลับไปรายงานชินอ๋องทันทีสตรีตัวเล็กนิดเดียวหยางเพ่ยตงก็โกรธจนใช้งานพระชายา เขาไม่แน่ใจแล้วว่าโกรธหรือหวงพระชายา
ตำหนักของหยางเพ่ยเตงได้ต้อนรับองค์หญิงหยางเผยอิ่ง ที่เพิ่งกลับเข้าวังตอนที่หอคณิกาดีที่ไม่มีใครสังเกตเห็นนาง นางจึงรีบออกไปอีกทาง
“เสด็จพี่เพคะ”
“น้องสามนั่งก่อน” หยางเพ่ยตงเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารส่งยิ้มให้น้องสาวสุดที่รัก ถึงแม้ผู้คนจะหาว่าเขาเป็นทรราชก็ตาม เขาถูกพระสนมของเสด็จพ่อใส่ร้ายว่าจะลอบฆ่าพ่อตัวเองจึงไม่ได้ขึ้นครองบัลลังก์ เพราะพี่ชายเองก็เสียสละอยากออกไปอยู่นอกวังแต่ก็ต้องขึ้นครองัลลังก์แทนหยางเพ่ยตง
ฮาวายทั้งห้าคนเดินทางมาถึงฮาวายโดยหยางเพ่ยตงพาน้องชายและน้องสะใภ้มาด้วยจะได้ดูแลหนิงอ้ายยามที่เขาสวีตกับจ้าวหม่านฟางสองคนจะได้มีคนดูแลหนิงอ้าย“พี่ฝากหนิงอ้ายสัก 2-3 ชั่วโมงนะ”“รีบทำเวลาหน่อยแล้วกัน”หยางซูเมิ่งบอกกับพี่ชายพาเขามาด้วยก็แค่อยากให้เขาดูแลหนิงอ้ายให้ส่วนตัวเองจะไปสวีตกับจ้าวหม่านฟางสองคน ทริปนี้หนิงอ้ายคงจะได้น้องสมใจ“พูดมาก”ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องพักที่อยู่ติดทะเลมองไปทางไหนก็เจอแต่ทะเล บรรยากาศสวยงามไปหมดแต่จ้าวหม่านฟางนั้นสวยกว่าร้อยเท่า“อุ้ย เข้ามาทำอะไรคะฟางฟางจะไปดูลูก”“พี่ขอชื่นใจหน่อยได้ไหมลูกอยู่กับซูเมิ่ง ไม่ต้องห่วงเรามาทำน้องให้หนิงอ้ายกัน”“แต่...”“นะครับ”หยางเพ่ยตงหอมแก้มทั้งสองข้างของภรรยาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะไล่หอมไปทั่วหน้าแล้ววางปากทาบทับลงไปบนอวัยวะเดียวกันของผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ พอเริ่มจูบก็ขยับมือลูบไล้ไปตามเรือนร่างแสนสวยอย่างเชื่องช้า เคลื่อนไหวเนิบนาบไม่ให้เธอรู้สึกถูกรุกล้ำหรือหวาดระแวงใด ๆมือหนาลูบคลำซ้ำ ๆ ให้ภรรยาคุ้นเคยก็สอดมือเข้าไปใต้ชายเสื้อสัมผัสเอวบางโดยไม่มีอะไรปิดกั้น ก่อนจะวางสองมือโอบล้อมก้อนเนื้อเต่งตึงทั้งสองข้างด้วยแรงแ
ทั้งสองแต่งงานกันได้สามปีแล้วและมีพยานรักตัวกันหนึ่งคนคือหนิงอ้าย ชื่อของลูกสาวหยางเพ่ยตงเป็นคนตั้งให้ทั้งหมดจ้าวหม่านฟางชอบชื่อนี้มาก “จุนแม่ขา จุนพ่อไม่รักเรา” (คุณแม่คะคุณพ่อไม่รักเรา) “ไม่พูดอย่างนั้นสิคะ” ตอนนี้หยางเพ่ยตงทำงานหนักและกลับบ้านดึกดื่นจนลูกสาวน้อยใจว่าพ่อไม่รัก ดึกจนรอพ่อไม่ไหวจึงหลับไป แอด “กลับมาแล้วเหรอคะ” “ลูกหลับแล้วเหรอครับ” ช่วงนี้งานถาโถมเข้ามาจนเขาปลีกตัวไปไหนไม่ได้ตั้งแต่แต่งงานกันมาเขาก็ไม่เคยพาภรรยาไปฮันนีมูนกันเลย จึงรู้สึกผิดขึ้นมา “กลับดึกทุกวันขนาดนี้ลูกน้อยใจแล้ว” เธอเองก็น้อยใจเหมือนกันไม่รู้ว่างานจะสำคัญอะไรนักหนา ถมเวลาคุยกันก็น้อยลงไปทุกทีหรือเพราะเธอมีลูกแล้วเขาจึงไม่สนใจ “ฟางฟางครับพี่ขอโทษโปรเจกนี้จะจบลงแล้ว เดี๋ยวพี่พาฟางฟางกับลูกไปเที่ยวกันดีไหมครับ” เพราะเขารู้ว่าตอนนี้ภรรยากำลังน้อยใจเขาชวนเที่ยวหลายรอบและไม่เคยไปสักรอบเพราะติดแต่งาน วันนี้โปรเจกต์ใหญ่ที่ทำกำลังเสร็จสมบูรณ์จึงสัญญาว่าจะพาจ้าวหม่านฟางกับลูกไปพักผ่อน “พี่ขอโทษครับต่อไปจะไม่ทำงานหนักแบบนี้อีกแล้ว
“ลุกออกไปจากตัวฉัน” จ้าวหม่านฟางทั้งโกรธและเกลียดตัวเองที่ใจง่ายไปกับสัมผัสของเขาจึงผลักให้เขาออกห่างจากตัวและรีบแต่งตัว “รบกวนคุณไปส่งฉันที่บ้านด้วย” “ฟางฟางครับพี่...” หยางเพ่ยตงยังไม่ทันจะพูดอะไรหญิงสาวจึงเดินออกไปจากห้อง เขาจึงได้แต่รีบแต่งตัวและไปส่งจ้าวหม่านฟางที่บ้าน “พี่ขอโทษครับต่อไปที่จะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วพี่คิดถึงเรามากไปหน่อย” ต่างฝ่ายต่างเงียบหยางเพ่ยตงจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนเขาไม่ชอบที่จ้าวหม่านฟางเงียบจึงหาเรื่องชวนคุยแต่ก็เหมือนจะแย่ลงไปกว่าเดิม “ฟางฟางครับ” ปัง! หญิงสาวปิดประตูรถกระแทกจนเสียงดังโดยไม่รอฟังคำอธิบายจากเขา หญิงสาวรีบเดินขึ้นห้องไปโดยไม่สนใจเสียงทักทายของใครด้วยซ้ำ พอมาถึงห้องเธอก็ร้องไห้ออกมา “ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้” จ้าวหม่านฟางใช้มือมากุมหน้าอกข้างซ้ายไว้เธอยอมรับว่าเหมือนจะรู้สึกผูกพันกับเขาไม่น้อย ครั้งแรกที่เจอหน้ากันเหมือนมีอะไรลากให้เธอมารู้จักกับเขา “ฉวยโอกาส” จ้าวหม่านฟางลุกขึ้นมาอาบน้ำเพื่อให้สายน้ำช่วยชโลมจิตใจที่กำลังว้าวุ่น สองวันแล้วที่เขาติดต่อจ้าวหม่าน
วันจบการศึกษาของหญิงสาวเพื่อน ๆ ต่างพากันดีใจที่จะได้ออกไปใช่ชีวิตนอกรั้วมหาลัย บางคนต้องดิ้นรนแต่สำหรับจ้าวหม่านฟางลูกคุณหนูไฮโซที่มีครบทุกอย่างไม่จำเป็นต้องออกไปลำบาก “พี่ยินดีด้วยนะ” จื่อหยวนยื่นดอกไม้ช่อสวยให้น้องสาวแต่จ้าวหม่านฟางทำหน้าไม่ค่อยพอใจ “ให้แค่ดอกไม้?” “รถนั่นราคาแพงจะตายรอหาเงินได้เองค่อยซื้อ” รถPorscheราคาหลายสิบล้านซึ่งเขาสามารถซื้อให้น้องสาวได้แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เขาอยากให้จ้าวหม่านฟางหาเงินซื้อเองมากกว่าเพราะจะได้รู้ว่าเงินแต่บาทนั้นหาไม่ง่าย “น้องงอลแล้ว ชิ” จ้าวหม่านฟางแกล้งงอนไปอย่างนั้นหากเธอไปขออ้อนวอนคุณพ่อก็ไม่ใช่เรื่อง ครอบครัวของเธอพากันถ่ายรูปจนเสร็จหญิงสาวกำลังจะกลับไปที่บ้านก็มีเสียงของคนหนึ่งดังมาก่อน “จะกลับแล้วเหรอครับหรือพี่มาไม่ทัน” หยางเพ่ยตงเดินถือดอกกุหลาบช่อใหญ่มาและยื่นให้จ้าวหม่านฟาง เขาติดงานคิดว่าจะมาไม่ทันเสียแล้ว “เอ่อ ขอบคุณค่ะ” “ไม่ดูให้ดี ๆ ว่าในนั้นมีอะไร” หยางเพ่ยตงอยากให้หญิงสาวดูในช่อดอกไม้ว่ามีสิ่งหนึ่งที่หญิงสาวอยากได้ “อะไรของคุณ” จ้าวหม่านจึงพยายามมอง
นครเซียงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ปัจจุบัน จ้าวหม่านฟางคุณหนูที่เกิดมาในชาติตระกูลที่รวยละมั่งคั่งหญิงสาวอายุ 22 ปี ที่กำลังจะจบการศึกษาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ตอนนี้กำลังฉลองกับเหล่าเพื่อน ๆ อย่างสนุกสนานวันนี้จะเมาให้หาทางกลับบ้านไม่ได้เลย “ฟางฟางดูโต๊ะนั่นสิผู้หล่อมาก” เหมยฮวาชี้ไปที่หนุ่ม ๆ ซึ่งนั่งดื่มกันไม่ไกลจากโต๊ะของหญิงสาว จ้าวหม่านฟางจึงมองตามไปที่มือของเพื่อนชี้ ทำให้เธอยืนนิ่งเพราะสบตากับใครคนหนึ่งที่แสนจะคุ้นเคย “ฟางฟาง ยัยฟาง!” “อะไรฉันตกใจหมดเลย” “แกเล่นจ้องเขาเสียขนาดนั้นสนใจเหรอ” “ป่าว (เสียงสูง)” เธอยกเหล้าขึ้นมาดื่มเพื่อบิดปังความรู้สึกบางอย่าง ชายหนุ่มคนนั้นทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนว่าเคยเจอกันมาก่อน ช่วงนี้เอชอบฝันแปลก ๆ ไปถึงเมืองโบราณคงจะดูซีรีส์มากเกินไปเลยเก็บเอาพระเอกไปฝัน ทางด้านชายหนุ่มคนนั้นเขาก็จ้องมองจ้าวหม่านฟางไม่วางตาตอนที่เขาสบตากับหญิงสาวหัวใจของเขาสั่นไหวเหมือนจะกระเด็นออกมาให้ได้“เจอกันทีสินะ”หยางเพ่ยตงนักธุรกิจหนุ่มอนาคตไกลวัย 29 ปี เขาจำเรื่องราวในอดีตได้ทั้งหมดไม่รู้ว่าเพราะอะ
หยางจงหมิ่นเดินขึ้นมาที่กำแพงและยืนมองไปที่วังหลวงบรรพบุรุษคงจะสาปแช่งเขาที่ดูแลประชาไว้ไม่ได้ เขามองดูซากปะลักหักพังตอนนี้แคว้นเฉียงเหมือนกับเมืองร้างไปเสียแล้ว “ให้อภัยลูกด้วย” เขาไม่สามารถครองบัลลังก์ได้อีกต่อไป และเลือกที่จะเห็นแก่ตัวตายตามน้องสาวและน้องชายของตัวเอง หยางจงหมิ่นวางดาบลงและก้มกราบแผ่นดินนี้เป็นครั้งสุดท้านก่อนจะเลือกทางเดินของเขาเอง กำแพงเมืองก็ไม่สูงเท่าไรนักเขาได้แต่ส่งยิ้มให้กับโชคชะตาที่โหดร้าย หมดสิ้นแล้วฮ่องเต้หยางจงหมิ่นสวรรคตพร้อมหยางเพ่ยตงและองค์หญิงหยางเพยอิ่ง “ฝ่าบาท!” อี้เฉินนำกำลังทหารมาช้าไปหนึ่งก้าวเขารีบวิ่งไปที่ท้องพระโรง อี้เฉินคุกเข่าลงต่อหน้าจ้าวหม่านฟางที่ไม่สามารถปกป้องนางได้ “กระหม่อมอี้เฉินขออภัยที่มาช้าไป กระหม่อมจะดูแลหนิงอ้ายตราบเท่าชีวิตของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” เขาก้มกราบจ้าวหม่านฟางและท่านอ๋อง แล้วเขาต้องกลับไปบอกหนิงอ้ายว่าอย่างไร อี้เฉินนำร่างของจ้าวหม่านฟางและหยางเพ่ยตงฝั่งไว้ด้วยกันและไม่ต้องจากกันไปไหนอีก ตอนนี้ทั้งเมืองหลวงเกิดความวุ่นวายเพราะไม่มีประมุขปกครองทำให้เกิดการแย่งชิงอำนาจกันขึ้น