Share

บทที่ 10 หญิงสาวที่นอนทับบนอก

last update Last Updated: 2025-11-17 20:59:44

“เจ้าเป็นใคร” หงเจี้ยนหยางก้มลงมองดูปลายผมสีทองที่สะท้อนแสงโคมเล็กน้อยจากด้านนอกแล้วรู้สึกประหลาดใจ จึงเอ่ยถาม

“ข้าชื่อ อันเยว่ฉี” หญิงสาวแนะนำตัวอีกครั้ง

“ข้า..เหมือนจะจำได้ว่าเจ้าคือเทพธิดา นี่ข้าตายแล้วหรือ”

“ยัง เจ้ายังไม่ตาย ถึงแม้ข้าจะเป็นเทพธิดาจริงๆ แต่ก็เป็นเพียงชื่อที่ผู้อื่นเรียกเท่านั้น ข้ายังคงอยู่ในโลกคนเป็นเช่นเดียวกับเจ้า”

“ข้ายังไม่ตายอีกหรือ อีกนานหรือไม่” เขาถาม

หญิงสาวรู้สึกกังวลเพราะดูเหมือนเขาจะป่วยเป็นทั้งโรคพีทีเอสดีและป่วยซึมเศร้าด้วย

“เจ้าอยากตายหรือ” นางถามระหว่างที่จับดึงเขาให้นั่งลงข้างเตียง

“ข้าไม่รู้” เขานั่งลงและตอบคำถามอย่างเคร่งเครียด ไม่ยอมปล่อยมือของเทพธิดา

“ชีวิตเป็นของเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่รู้” นางนั่งลงข้างเขา ตัดสินใจว่าคืนนี้คงไม่ได้กลับบ้านไปนอนแล้ว ยังไงคืนนี้ก็ดูแลคนป่วยให้ผ่านพ้นไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยเก็บเงินจากเขาก้อนโตเป็นค่ารักษานอกสถานที่

“ข้า..ทุกคนล้วนทิ้งข้าไว้ ข้าไม่สมควรมีชีวิต ไม่สมควรมีความสุขและปล่อยให้พวกเขาตายตามลำพัง” เขาเริ่มมือสั่นเมื่อพูดถึงสิ่งที่หวาดกลัว

“เจ้าบอกว่ามีคนปกป้องเจ้าไว้ใช่หรือไม่” นางถาม

“อืม..ข้าไม่รู้จักชื่อเขาด้วยซ้ำ แต่เขากลับเอาตัวมาบังข้าไว้” 

“ไม่เป็นไร” อันเยว่ฉีเห็นว่าเขาตัวสั่นมากขึ้น จึงเข้าไปกอดเขาเอาไว้

“ไม่ต้องกังวล แม้เจ้าไม่รู้จักชื่อเขา แต่เจ้าจะต้องเคยทำบางสิ่งจนเขายอมสละชีวิตเพื่อเจ้า” หญิงสาวพยายามอธิบายอย่างอ่อนโยน

“ไม่ ข้าไม่เคยทำอะไรเพื่อพวกเขา” แม้เขาจะพูดออกไปเช่นนั้น แต่อาการตัวสั่นก็ลดลงเมื่อนางกอดเขาเอาไว้ ในใจรู้สึกกลัวน้อยลง

“ไม่จริงเลย เจ้าเป็นคนดี เจ้าปกป้องทุกชีวิตในอี้โจว เจ้าเป็นผู้พิทักษ์ของพวกเราทุกคน หากข้าเป็นทหารผู้นั้น ข้าจะภูมิใจมากที่ได้ปกป้องเจ้าเอาไว้”

“ข้า..ข้า..เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาจะไม่เสียใจ ไม่รู้สึกกลัว”

“ข้าไม่รู้ แต่เขากล้าหาญมาก เขาคงไม่กลัว และดีใจที่ปกป้องชีวิตเจ้าเอาไว้ได้ เขาอาจจะคาดหวังให้เจ้ามีชีวิตอย่างมีความสุข เจ้าต้องปล่อยวางเรื่องพวกนั้นที่เจ้าคิดไปเอง หวาดกลัวเอง 

พวกเขาจะต้องเชื่อใจเจ้ามาก ถึงพยายามช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ เจ้าควรใช้ชีวิตให้ดี รีบรักษาตัวให้หาย และกลับไปปกป้องชายแดน ทำในสิ่งที่พวกเขาเชื่อใจให้เจ้าทำอย่างสุดใจ”

“ข้า..ข้าทำไม่ได้” แม้เขาจะตัวใหญ่มาก แต่ยามนี้เขาเหมือนเด็กชายที่หวาดกลัวจนตัวสั่น รวบกอดร่างของหญิงสาวแรงขึ้น

อันเยว่ฉีรู้สึกเอ็นดูชายตัวใหญ่ผู้นี้มาก แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็ราวกับเด็กที่กำลังออดอ้อนขอร้องไม่ให้แม่ทิ้งเขาไว้ที่โรงเรียนลำพัง หญิงสาวจึงยิ้มออกมาอย่างจนใจในความย้อนแย้งของบุรุษตัวใหญ่ตรงหน้า

“ไม่ต้องกลัว ข้าเป็นเทพธิดาจำได้หรือไม่ ข้าจะช่วยให้เจ้าหายเจ็บ ข้าสาบานด้วยชีวิต ถึงตอนนั้น ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป” พูดไปนางก็ตบมือเบาๆ ลูบหลังของเขาไปด้วย

“เทพธิดา ท่านแน่ใจหรือว่าข้าจะหายดี”

“ข้าแน่ใจที่สุด”

ฟังคำรับรองของหญิงสาวที่อ้างตัวว่าเป็นเทพธิดาอย่างมั่นใจ ในอกของหงเจี้ยนหยางก็ค่อยๆ อุ่น เขาไม่รู้ว่าจะเชื่อนางได้หรือไม่ แต่เมื่อกวาดสายตามองเส้นผมสีทองที่แตกต่างของนาง มันชวนให้เขาอยากเชื่อมั่นสักครั้ง

เขาจะไม่เป็นเพียงขุนนางไร้ค่าที่มีแต่ตำแหน่งกลวงๆ อีก เขาจะกลับไปเป็นจอหงวนบู๊ผู้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง เขาจะปกป้องชายแดนและเมืองอี้โจวให้สงบสุขตามที่พี่น้องในค่ายเชื่อใจ

หงเจี้ยนหยางยื่นมือไปกำเส้นผมสีทองด้านหลังของหญิงสาวเอาไว้ จับลูบเส้นผมนุ่มลื่นราวกับเส้นไหมทองคำด้วยความสบายใจ กอดนางไม่ยอมปล่อย เขารู้สึกสบายใจอย่างประหลาดเมื่อมองเส้นผมพวกนั้น

พวกเขานั่งเช่นนั้นอยู่นาน อันเยว่ฉีทั้งง่วงนอนทั้งปวดเอวที่ต้องเอี้ยวตัวกอดชายตัวใหญ่เอาไว้ แต่เขาคล้ายหวาดกลัวจนไม่ยอมปล่อยมือ ยังกอดนางไว้เช่นเดิม นางจึงเกาะไหล่กว้างหนาของคนไข้เอาไว้ จัดท่าทางการนั่งให้สบายตัวขึ้น และนอนซบไหล่กว้างหลับไปทั้งอย่างนั้น 

หงเจี้ยนหยางได้ยินเสียงเอะอะโวยวายด้านนอกเรือนนอน เขาจึงลืมตาขึ้น ในห้องสว่างจนเห็นเพดานชัดเจน น่าจะเช้าแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกหนักช่วงอกจนไม่สบายตัว สองมือชาจนไม่รู้สึก จึงเงยหน้ามอง ภาพตรงหน้าทำให้เขาตกใจอยู่บ้าง!

อันเยว่ฉีนอนทับอยู่บนตัวของเขา นางกำลังหลับไม่รู้เรื่อง ใบหน้าของนางอยู่วางอยู่บนอกแกร่ง อ้าปากเล็กน้อยจนน้ำลายเปื้อนเสื้อของเขาเปียกเป็นวง หงเจี้ยนหยางชะงักค้างทำตัวไม่ถูก

“ชิ..ใครมันเสียงดังกัน” หญิงสาวที่นอนคว่ำอยู่บนร่างบุรุษบ่นด้วยความไม่พอใจ แม้จะยังหลับตาอยู่ แต่นางเพียงยกมือเช็ดน้ำลายและพลิกหน้าอีกด้านก่อนจะหลับต่อไป

ชายตัวใหญ่ที่ถูกอันเยว่ฉีกระทำราวกับเป็นเตียงนอนได้แต่กะพริบตาครั้งแล้วครั้งเล่า มองรอยบนแก้มของหญิงสาวที่ถูกทับมาทั้งคืนจนแดงเป็นริ้ว ก่อนจะค่อยๆ วางศีรษะกลับลงไปเช่นเดิม และนอนนิ่งมองเพดานอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร

เขาสำรวจความรู้สึกของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะแน่ใจว่าไม่ได้ชอบหญิงสาวที่ทับเขาอยู่ แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าเมื่อคืนนางมานอนกับเขาได้อย่างไร

เขาได้ยินเสียงของจางป๋อเหวินเอ่ยว่าห้ามรบกวนจากด้านนอกห้อง แต่เสียงของสตรีที่บีบจนเล็กแหลมระคายหูก็ฟังไม่ออกว่าพูดอะไรบ้าง 

เมื่อเวลาผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชา[1] หญิงสาวบนอกก็ยังพยายามซุกตัวเพื่อหาความอบอุ่นจากร่างของเขาไม่เลิก ในที่สุดชายหนุ่มก็พอนึกออกรางๆ ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แม้ความทรงจำจะไม่ชัดเจน แต่เขาจำได้ว่าอันเยว่ฉีมาช่วยเขาไว้จากกองเพลิงโหมกระหน่ำ 

และเป็นเขาเองที่รั้งกอดนางไว้จนนางไม่ได้นอน เขารู้สึกสบายใจมากที่ได้ลูบเส้นผมสีทองของนาง เมื่อคืนเขาเห็นว่านางหลับจึงล้มตัวลงนอนบ้าง พยายามขยับให้เบา เขาไม่ยอมปล่อยให้นางหลุดออกจากอ้อมกอด

ใครจะนึกว่านางกลับกอดเขาแน่นไม่ยอมปล่อยแม้จะหลับแล้วก็ตาม ปกติคนที่หลับแล้วก็มักจะขยับไปนอนในท่าที่สบายตัว แต่นางกลับปีนขึ้นมาบนตัวเขา ซุกตัวหาความอุ่นราวกับเป็นลูกสุนัข

 


[1] เวลาหนึ่งถ้วยชา เทียบตามเวลาปัจจุบันจะประมาณ 10-15 นาที

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 10 หญิงสาวที่นอนทับบนอก

    “เจ้าเป็นใคร” หงเจี้ยนหยางก้มลงมองดูปลายผมสีทองที่สะท้อนแสงโคมเล็กน้อยจากด้านนอกแล้วรู้สึกประหลาดใจ จึงเอ่ยถาม“ข้าชื่อ อันเยว่ฉี” หญิงสาวแนะนำตัวอีกครั้ง“ข้า..เหมือนจะจำได้ว่าเจ้าคือเทพธิดา นี่ข้าตายแล้วหรือ”“ยัง เจ้ายังไม่ตาย ถึงแม้ข้าจะเป็นเทพธิดาจริงๆ แต่ก็เป็นเพียงชื่อที่ผู้อื่นเรียกเท่านั้น ข้ายังคงอยู่ในโลกคนเป็นเช่นเดียวกับเจ้า”“ข้ายังไม่ตายอีกหรือ อีกนานหรือไม่” เขาถามหญิงสาวรู้สึกกังวลเพราะดูเหมือนเขาจะป่วยเป็นทั้งโรคพีทีเอสดีและป่วยซึมเศร้าด้วย“เจ้าอยากตายหรือ” นางถามระหว่างที่จับดึงเขาให้นั่งลงข้างเตียง“ข้าไม่รู้” เขานั่งลงและตอบคำถามอย่างเคร่งเครียด ไม่ยอมปล่อยมือของเทพธิดา“ชีวิตเป็นของเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่รู้” นางนั่งลงข้างเขา ตัดสินใจว่าคืนนี้คงไม่ได้กลับบ้านไปนอนแล้ว ยังไงคืนนี้ก็ดูแลคนป่วยให้ผ่านพ้นไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยเก็บเงินจากเขาก้อนโตเป็นค่ารักษานอกสถานที่“ข้า..ทุกคนล้วนทิ้งข้าไว้ ข้าไม่สมควรมีชีวิต ไม่สมควรมีความสุขและปล่อยให้พวกเขาตายตามลำพัง” เขาเริ่มมือสั่นเมื่อพูดถึงสิ่งที่หวาดกลัว“เจ้าบอกว่ามีคนปกป้องเจ้าไว้ใช่หรือไม่” นางถาม“อืม..ข้าไม่รู้จักชื่อเข

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 9 กอดสตรีผมทอง

    พวกคนที่ประตูกระโจมต่างกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปจับเสวียนหู่แห่งอี้โจว “รีบไปจับเขามัดไว้เร็วเข้า” เสียงของอันเยว่ฉียังคงสั่งต่อไปจางป๋อเหวินส่งคบเพลิงให้กับอันเยว่ฉี จากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปไล่จับชายที่มีร่างสูงใหญ่กว่าเขาสองเท่าอย่างไร้ความกลัว “เจ้ากล้าข้ามศพทหารในค่ายของข้าหรือ อย่าหวังว่าจะได้ตายดีเลย” หงเจี้ยนหยางแม้จะเจ็บข้อมือจนมือสั่น แต่เขาไม่อาจยอมให้ใครมาหยามคนตายได้ เขาจึงตั้งท่ารับมือศัตรูเต็มที่“ต้องรีบไปช่วยท่านกุนซือ เขาคนเดียวไม่ไหวแน่” อันเยว่ฉีหันไปบอกเหล่าบ่าวชายในจวนที่ยังหวาดกลัวท่านกั๋วกงไม่เลิก นางเห็นแล้วว่าอดีตแม่ทัพหงผู้นั้นมีฝีมือสูงมากแต่บรรดาบ่าวชายพวกนั้นยังคงตัวสั่นไม่กล้าขยับ“ชิ อดีตแม่ทัพอะไรกัน ไม่มีทหารมีฝีมือไว้ในบ้านสักคนเลยเหรอ” หญิงสาวทำเสียงไม่พอใจ แต่ก็ส่งคบเพลิงให้บ่าวพวกนั้น และวิ่งเข้าไปช่วยท่านกุนซืออีกแรง“ท่านแม่ทัพ ท่านต้องหยุดได้แล้ว” อันเยว่ฉีตะโกนวิ่งเข้าไปกอดเอวของหงเจี้ยนหยางเอาไว้จากด้านหลัง นางฉวยโอกาสในระหว่างที่เขากำลังยกมือตั้งรับลูกเตะของกุนซือจาง “ท่านเทพธิดา อันตราย!” จางป๋อเหวินตะโกนด้วยความตกใจ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 8 ค่ำคืนเมามายแสนอันตราย

    หนึ่งเดือนผ่านไป หงเจี้ยนหยางทำตามตารางการรักษาของเทพธิดาอันเยว่ฉีอย่างเคร่งครัด ข้อมือของเขาเริ่มหายปวดแล้ว และในที่สุดนางก็อนุญาตให้เขาฝึกยุทธ์ในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นได้ แต่ยังคงห้ามไม่ให้จับอาวุธจางป๋อเหวินหายโกรธหงเจี้ยนหยางเมื่อไม่กี่วันก่อน เพราะมีลูกท้อเชื่อมน้ำตาลส่งมาจากเมืองอู่โจว และหงเจี้ยนหยางก็ยกให้กุนซือจางทั้งหมด เย็นวันนี้ท่านกุนซือจึงมาคอยดูแลเขาหากจะเรียกให้ถูกคือ ท่านกุนซือผู้นั้นมาคอยกำกับไม่ยอมให้เขาจับอาวุธ แต่บังคับให้เขาฝึกร่างกายด้วยการร่ายรำตามท่าทางของเสี่ยวจิ่วเทียนฝ่า [1] ซึ่งต้องขยับร่างกายช้าๆ อย่างทรมาน ท่านกุนซือใช้อ้างว่าเขาจะได้ฝึกสมาธิด้วย“นายท่าน เอ้อหลิงนำน้ำแกงไก่ใส่โสมมาให้เจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าบอกว่าช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เอ้อหลิงจึงให้คนไปตามหาโสมอยู่สามวัน ในที่สุดวันนี้ก็ได้มา เอ้อหลิงเคี่ยวด้วยตัวเองก่อนจะนำมาให้ท่านเจ้าค่ะ” หญิงสาวร่างอรชรตัวเล็กเอวคอดได้รูปพูดขึ้นหงเจี้ยนหยางหยุดฝึกร่างกาย เขาหันไปมองดูที่มาของเสียง“เจ้าคือเอ้อหลิงคนนั้นหรือ” เขายังจำที่สาวใช้อี้ซิ่วพูดได้“เจ้าค่ะ”อนุเอ้อหลิงผู้ซึ่งหงเจี้ยนหยางไม่เคยรู้ว่านางเป็นอนุข

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 7 อายุยี่สิบสี่คือแก่แล้ว

    รุ่งขึ้น ในจวนของขุนนางหงก็มีเด็กชายจากตรอกซิ่วสือมาเก็บเงินจำนวนมาก พร้อมกับตราประจำตัวของท่านกั๋วกง ฮูหยินผู้เฒ่าได้แต่หน้าดำหน้าแดงเพราะความโกรธ ไม่รู้ว่าลูกชายของตัวเองไปก่อเรื่องอะไรมาอีกฮูหยินผู้เฒ่าตั้งใจจะถามระหว่างมื้ออาหาร แต่ท่านกั๋วกงกลับรีบร้อนกินข้าวและรีบออกจากบ้าน แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องจ่ายเงินไปจำนวนมาก แต่อย่างน้อยบุตรชายของนางกลับมาตั้งใจทำบางสิ่งอย่างแน่วแน่อีกครั้ง นางจึงไม่ได้บ่นอะไรมาก“เจ้าชื่ออะไร” หงเจี้ยนหยางถามเทพธิดาผมสองสี ระหว่างที่นั่งให้นางนวดมือให้เขา“เรียกข้าว่าท่านเทพธิดาสิ” หญิงสาวตอบราบเรียบ แต่ในน้ำเสียงมีความเย่อหยิ่งอยู่มาก“..เจ้าชื่ออะไร” เขาถามคล้ายไม่ได้ยินที่นางตอบ“ท่านเทพธิดา”เขาสะบัดมือออกจากการนวดของนางทันที“นี่ ท่านอดีตแม่ทัพ ท่านไม่อยากรักษาแล้วหรือ” ท่านเทพธิดาเอ่ยถาม นางยืดหลังเต็มความสูงเท้าเอวด้วยความไม่พอใจกับการกระทำของคนไข้ผู้ดื้อดึงไร้มารยาท“เจ้าคงไม่อยากได้เงินสองพันตำลึงทองสินะ” เขาไม่ยอมเช่นกัน“..เอ่อ สองพัน..อยากได้สิ ย่อมอยากได้ นายท่าน..ข้าชื่อว่า อันเยว่ฉีเจ้าค่ะ ปีนี้อายุยี่สิบสี่ปี ยังไม่ได้แต่งงาน และไม่คิดจะแ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 6 ชายแขนขาดและความหวัง

    “อื้ม ลูกค้ารายใหญ่มาแล้ว เข้ามาก่อนสิ” เทพธิดาหัวทองเชื้อเชิญเสวียนหู่แห่งอี้โจว“ลูกค้าหรือ” หงเจี้ยนหยางไม่ค่อยเข้าใจคำที่สตรีประหลาดผู้นี้ใช้“แล้วสหายของเจ้าไม่ได้มาด้วยกันหรือ” เทพธิดาผมทองถามถึงกุนซือจาง“..เขา มีงานสำคัญที่ต้องทำ” ชายหนุ่มโกหก ที่จริงแล้วจางป๋อเหวินยังโกรธเรื่องที่เขาข่มขู่ไม่หาย วันนี้เขาจึงจำเป็นต้องมาหาเทพธิดาลำพัง“ไม่เป็นไร อย่างน้อยเจ้าก็มาแล้ว วันก่อนข้าทำให้เจ้าไม่พอใจจนเข้าใจผิด อย่างไรข้าก็เป็นหมอ ข้าจึงคิดว่าควรกอบกู้ชื่อเสียงความน่าเชื่อถือของตัวเองสักหน่อย ตามข้ามาสิ”หญิงสาวเดินนำหน้า พาชายหนุ่มตัวสูงออกจากโรงรักษาโกโรโกโสของนาง ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปยังบริเวณโล่งแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากตรอกซิ่วสือ แม้จะไม่กว้างมาก แต่เพียงพอให้ผู้คนมารวมตัวกันทำกิจกรรมกลางแจ้งที่นั่น หงเจี้ยนหยางเห็นเครื่องเล่นหลายชนิดที่ทำจากไม้รูปร่างประหลาด มีทั้งเสา ขื่อ กำแพง กล่องสี่เหลี่ยม และคานสำหรับปีนป่าย เด็กหลายคนกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานหลายคนไม่มีขา บางคนต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ บางคนมีเท้าไม้ต่อจากขาข้างที่ขาด สตรีอีกหลายคนกำลังจับราวไม้ฝึกเดิน ทุกคนล้วนเป็นคนพิการ ไม่

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 5 ไม่อยากเป็นอนุ

    หลังจากกลับถึงจวนกั๋วกง ห้องสกปรกเน่าเหม็นของหงเจี้ยนหยางก็ถูกเก็บกวาดจนเรียบร้อยแล้ว จางป๋อเหวินยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เด็กน้อยเสวียนหู่“นี่มันอะไร” เขาถามกุนซือจาง“นางเรียกว่า ตารางกายภาพบำบัด หรือก็คือ วิธีการรักษา”“ฮะ? แช่น้ำอุ่นวันละหนึ่งเค่อ [1] เดินครึ่งชั่วยาม [2] กินอาหารที่ประกอบจากเมล็ดธัญพืช โดยเฉพาะถั่วและงา ผักใบเขียว ไข่แดง..ไข่แดงหรือ” อดีตแม่ทัพขมวดคิ้วมุ่น“อืม..ข้าถามนางแล้ว นางบอกว่าให้แยกไข่ขาวออกไปและกินเฉพาะไข่แดง” จางป๋อเหวินพยายามอธิบายเพิ่ม“ไร้สาระ แค่กิน เดินกับแช่น้ำอุ่น ไม่มีตำรับยา หรือการรักษาใด วิธีมักง่ายเช่นนี้ จะให้ข้าเชื่อได้อย่างไรว่านางเป็นเทพธิดา”“นางบอกว่าเจ้ายังต้องเดินทางไปพบนางสองวันครั้งหนึ่ง เพื่อให้นางทำ..เอ่อ นางพูดว่า..กายภาพบำบัด และเจ้าต้องห้ามดื่มสุราอีกเด็ดขาด ต้องเปลี่ยนท่านอนด้วย และยังต้อง..”“พอแล้ว ข้าไม่อยากฟัง ไปเอาเหล้ามา”“ข้าไม่ใช่คนรับใช้ในจวนของเจ้า และข้าได้บอกฮูหยินผู้เฒ่าว่าเจ้าจะรักษาตัว ห้ามในจวนเก็บสุราไว้แม้แต่จอกเดียว”“จางป๋อเหวิน!”“หมูขี้ขลาด”“ข้าไม่ได้เป็นหมู!”“สุนัขเหม็นอาจม”“จางป๋อเหวิน!!..ข้า..ข้าจะฟ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status