“เหล่ากง..” หญิงสาวยกมือปิดหน้าอก ชันเข่าขึ้นซ่อนสิ่งที่บ่งบอกความเป็นสตรี ตะแคงตัวหนีสายตาหยาดเยิ้มของเขา “สายตาของท่านทำซินเอ๋อร์ขัดเขินแทบขาดใจแล้ว” “เช่นนั้นเหล่ากงให้มองคืนบ้าง” เขาดึงนางมาสู้สายตา “ซินเอ๋อร์ไม่กล้าหรอก” นางเผลอมองไปแล้ว แม้จะเห็นความใหญ่โตของมันแค่ครึ่งลมหายใจ แต่ก็ทำให้นางตกใจจนทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
ดูเพิ่มเติมเมืองหลวง แคว้นเทียนฝู่
“ท่านพ่อได้โปรด อย่าให้ข้าแต่งงานกับอาหูเลย” หญิงสาววัยสิบเจ็ดโขกศีรษะอ้อนวอนบิดาทั้งน้ำตา
“ทำไมเจ้าถึงไม่อยากแต่ง เขาไม่ดีตรงไหนเสี่ยวอิน” พยายามถามอย่างใจเย็น
“เขา..ข้าคิดว่าเขาไม่ได้รักข้า”
บิดาถอนหายใจอย่างแรง คำตอบของนางเขารู้ดีว่าหมายถึงนางมีบุรุษอื่นอยู่ในใจแล้ว
“มีใครบ้างที่แต่งงานเพราะรักกัน ทุกคนล้วนแต่งงานตามความเห็นควรของพ่อแม่ทั้งนั้น”
“แต่ข้าอยากแต่งงานกับคนที่ข้ารัก”
“...ยังไงเจ้าก็ต้องแต่งงานกับอาหู” แม้จะเห็นใจแต่เขาก็ต้องเด็ดขาด
“ข้าไม่แต่ง ถ้าท่านพ่อยังบังคับข้า ข้าจะหนีตามคนที่ข้ารักไป” สตรีใบหน้างดงามข่มขู่บิดา
“ถ้าเจ้าอยากให้ข้ากับแม่ของเจ้า ต้องแบกรับความอัปยศก็ตามใจเจ้าเถิด นอกจากอับอายขายขี้หน้าชาวบ้าน ข้ากับแม่ที่ป่วยออด ๆ แอด ๆ ของเจ้า ก็คงต้องขายตัวไปเป็นทาสให้บ้านอาหู เพื่อชดใช้หนี้ที่หยิบยืมมารักษาแม่ของเจ้า”
“ท่านพ่อ!” เสี่ยวอินได้แต่มองบิดาที่หุนหันเดินจากไปผ่านม่านน้ำตา
หลายวันผ่านไป
“อย่าเสียใจไปเลยอาอิน ข้าดีใจด้วยซ้ำที่เจ้าจะได้แต่งงานกับอาหู เพราะอาหูเขาเป็นคนดีมาก จิตใจโอบอ้อมอารี คอยช่วยเหลือเพื่อนอย่างข้าเสมอ” ชายหนุ่มหน้าตาดีบอกกับหญิงคนรัก ยิ้มให้นาง ไม่แสดงความเสียใจออกไปให้เห็น
“เจ้าไม่รักข้าแล้วหรืออาเกอ”
“รักสิ..แต่เจ้าก็ควรกตัญญูต่อบิดามารดามากกว่าไม่ใช่หรือ”
“แต่ข้ารักเจ้า”
“เจ้าควรลืมข้าเสีย คนอย่างข้ามันไร้อนาคต เป็นแค่ลูกจ้างในโรงเตี๊ยม แต่อาหูเป็นทหารในวังหลวง มีหน้าที่การงานที่ดี เขาจะต้องมีตำแหน่งที่สูงขึ้นในอนาคต เจ้าก็จะสุขสบายมากขึ้น ไม่ต้องลำบากเหมือนตอนนี้”
“ข้ายอมลำบากถ้าได้อยู่กับเจ้า”
“แต่ข้าอยากให้เจ้าอยู่อย่างสุขสบายกับอาหูมากกว่า..เจ้ากับข้าจบสัมพันธ์กันแค่นี้ดีกว่า” จูเกอตัดใจลูกขึ้นแล้วหันหลังให้หญิงสาวผู้เป็นที่รัก “ลาก่อน”
“อาเกอ” เสี่ยวอินร้องไห้น้ำตานองหน้า เมื่อชายคนรักเดินจากไปทันทีที่พูดจบ
ทำไมทุกคนที่นางรักถึงไม่รักนาง ทำไมทั้งบิดาและทั้งเขาถึงหันหลังให้นางอย่างง่ายดาย
หนึ่งเดือนผ่านไป
เสี่ยวอินมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของเจ้าบ่าว ที่เปิดผ้าคลุมหน้าของนางด้วยสายตาเย็นชา ไม่สนใจรอยยิ้มอ่อนโยนที่เขามอบให้สักนิด แต่ก็ยอมทำตามประเพณีโดยดี ยอมแม้กระทั่งร่วมหัวจมท้ายเป็นสามีภรรยา
ก๊อก ๆ ๆ
ยามโฉ่วของคืนแต่งงาน ขณะที่บ่าวสาวกำลังนอนหลับอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้ง
“อาหู”
ไป๋ซินหูรีบลุกจากที่นอนแล้วรีบเดินไปเปิดประตู
“มีเรื่องด่วนอันใดท่านพ่อ”
“มีคำสั่งให้หน่วยของเจ้าออกเดินทางนำเสบียงอาหารและยาไปที่เมืองไฮ่ เพราะที่นั่นฝนตกหนัก หินจากภูเขาถล่มปิดเส้นทางสัญจร ทำให้ชาวบ้านถูกตัดขาดจากเมืองอื่น ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก แล้วตอนนี้ก็เริ่มเกิดการระบาดของโรคซางหานในเด็กอีกด้วย”
“ตอนนี้เลยหรือท่านพ่อ”
“ภายในยามโฉ่วพวกเจ้าต้องไปรวมตัวกันที่หน้าประตูทิศเหนือของวังหลวง”
“เช่นนั้นข้าจะรีบไปเตรียมตัว ท่านพ่อไปพักผ่อนเถิด”
เจ็ดเดือนผ่านไป
เสี่ยวอินเก็บจดหมายที่ได้รับจากสามีหลังจากที่อ่านจบ นางไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับข้อความที่บอกว่าเขาเสร็จงานแล้ว และกำลังจะเดินทางกลับ ซึ่งป่านนี้ก็คงกำลังอยู่ในระหว่างเดินทาง และคงใช้เวลาอีกแรมเดือนกว่าจะมาถึงเมืองหลวง
นางลูบหน้าท้องที่นูนออกมาพอสมควร ทารกในท้องเริ่มดิ้นให้รู้สึกแล้ว แต่นางก็ไม่ได้ตื่นเต้นยินดีสักนิด
“เสี่ยวอิน”
“พี่สะใภ้” หญิงสาวรีบลุกขึ้นเดินไปหาพี่สะใภ้ของสามี
“เป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกปวดหลังปวดเอวบ้างไหม”
“ไม่ ข้าปกติดีมาก ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย”
“โชคดีนัก เด็กคนนี้ช่างเจียมตัวดีเหลือเกิน รู้ว่าพ่อไม่อยู่ก็ไม่กล้าทำให้แม่เหนื่อยเพราะตัวเอง”
เสี่ยวอินได้แต่ยิ้มกับคำพูดของพี่สะใภ้ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร
“วันนี้เจ้าพอจะมีเวลาว่างไหม”
“พี่สะใภ้จะไปไหนหรือ”
“อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดของสามีข้าแล้ว ข้าอยากไปไหว้พระขอพรให้เขาสักหน่อย ข้าก็เลยอยากชวนเจ้าไปด้วย เจ้าจะได้ไหว้พระขอพรให้ลูกในท้องกับสามีของเจ้าบ้าง”
“ได้สิ” แต่นางไม่ได้อยากไปไหว้พระขอพรหรอกนะ นางแค่รู้สึกเบื่อ อยากออกไปเที่ยวเล่นบ้างก็เท่านั้น
วัดไท่หลินจง
“พี่สะใภ้ ข้าอยากเข้าห้องน้ำ”
“ห้องน้ำต้องเดินลงบันไดไปทางด้านหลัง ไกลหน่อยนะ ให้ข้าไปเป็นเพื่อนไหม”
“ไม่ต้องหรอก ที่วัดนี้ร่มรื่นนัก เข้าห้องน้ำแล้วข้าอยากจะเดินเล่นสักหน่อย”
“ตามใจ ข้าจะนั่งสมาธิรออยู่ที่นี่นะ”
“อือ”
เสี่ยวอินเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วก็เดินชมสวนที่แสนร่มรื่นของวัด เดินไปเรื่อย ๆ จนถึงสระน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในสวน มองดูปลาหลีฮื้อสีสันหลายสิบตัวแหวกว่ายอยู่ในสระ
แล้วหูของนางก็บังเอิญได้ยินเสียงหัวเราะของสตรีนางหนึ่ง.. จึงเหลือบไปมองด้วยความใคร่รู้..เห็นบุรุษสตรีคู่หนึ่ง.. แต่เพียงแค่เห็นแผ่นหลังผึ่งผายของฝ่ายชาย ก็จำได้ทันทีว่าเขาคือหูเกอ อดีตชายคนรักของตน
ความหึงหวงบังเกิดขึ้นทันที เมื่อเห็นพวกเขาส่งยิ้มให้กันและกันอย่างหวานซึ้ง
เท้าที่ยืนนิ่งอยู่ริมสระเปลี่ยนเป็นเดินตรงไปยังที่พวกเขานั่งอยู่
“เสี่ยวอิน!” หูเกอเห็นหญิงสาวที่เดินเข้ามาก็ตกใจ “เจ้ามาได้อย่างไร เป็นอย่างไร สบายดีไหม” แต่ก็รีบทักทายอย่างเป็นมิตร
เสี่ยวอินมองหญิงสาวที่มากับเขาด้วยสีหน้าชิงชังอย่างเปิดเผย
“เจ้ามากับใครหรืออาเกอ”
“นางคือแม่นางสี นางกับข้ากำลัง”
“ไม่ต้องบอก ข้าไม่อยากรู้ ข้าแค่อยากมาทักเจ้าเท่านั้น ข้าไปแล้ว” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินจากไปทันที
ถ้าไม่ใช่เพราะไป๋ซินหู คนที่ได้ยืนอยู่ข้างอาเกอก็ต้องเป็นนาง เพราะเขาคนเดียวทำให้นางต้องเสียคนรัก ทำให้นางต้องเจ็บปวดใจถึงเพียงนี้
ไป๋ซินหู ข้าเกลียดเจ้ายิ่งนัก!!!
เสี่ยวอินเดินหน้าบึ้งกลับไปที่ศาลาใหญ่ เห็นพี่สะใภ้กำลังนั่งสมาธิอยู่ก็ไม่อยากเสียมารยาท จึงนั่งสงบสติอารมณ์ของตัวเองเงียบ ๆ แต่ภาพของอาเกอกับสตรีนางนั้นก็ยังรบกวนจิตใจไม่เลิก
เขากับนางกำลังจะแต่งงานกันงั้นหรือ..
ริมฝีปากบางเม้มเข้ากันหา ปาดน้ำตาที่ยังไม่ทันไหลออกจากดวงตาทิ้ง
“ขอให้สามีและลูกของข้าเดินทางกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยด้วยเถิดพระคุณเจ้า”
เสียงขอพรที่ไม่ดังนักของสตรีวัยกลางคนนางหนึ่ง ทำให้เสี่ยวอินหันไปมอง.. มองสตรีนางนั้นตั้งใจไหว้พระขอพร มองรูปปั้นพระพุทธรูปที่นางกราบไหว้ แล้วมองไปที่รูปปั้นองค์อื่น ๆ ภายในศาลา..
นางลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบธูปมาจุด แล้วมองจ้องไปที่ดวงตาของพระพุทธรูป
‘ถ้าท่านศักดิ์สิทธิ์จริง ขอให้ไป๋ซินหูสามีของข้าจากข้าไปชั่วชีวิต อย่าได้กลับมาที่เมืองหลวงแห่งนี้อีก ส่วนลูกของเขาคนนี้’ นางก้มมองท้องของตัวเอง ‘ถ้าข้าสมหวังข้าจะยอมให้เด็กคนนี้ได้เกิดมา เพื่อชดเชยกับชีวิตของพ่อเขา’
ทุกคนในสกุลไป๋มองบุรุษรูปร่างสูงสง่า ใบหน้าเปี่ยมด้วยอำนาจน่าเกรงขามที่ก้าวลงจากรถม้า แล้วหันไปอุ้มสตรีรูปร่างบอบบางอรชร ไม่ยอมให้นางเดินลงมาเองด้วยความรู้สึกยากจะบรรยายผู้เฒ่าไป๋ แม่เฒ่าไป๋ ไป๋ซุนหยา ต่างน้ำตาซึมกับภาพตรงหน้า รู้สึกได้ถึงความรัก ความเอาใจใส่ที่หลานเขยมีต่อหลานสาวของพวกเขา“ท่านผู้เฒ่า แม่เฒ่า” ลุงโปคารวะผู้เฒ่าทั้งสอง แล้วรับการคารวะกลับจากคนอื่น ๆ ของสกุลไป๋ “ไม่ได้เจอกันนานแต่พวกท่านก็ยังดูแข็งแรงกันมาก”“ท่านก็เช่นกัน” ผู้เฒ่าไป๋ทักทายกลับ แล้วมองไปที่สตรีที่ถูกสามีเดินโอบเข้ามาหาพ่อบ้านโปถอยออกไปอย่างรู้หน้าที่ เพื่อเปิดทางให้เจ้านาย“คารวะผู้อาวุโสทุกท่าน ข้าเติ้งอี้เทียน วันนี้พาไป๋ซินซิน หลานสาวของพวกท่านกลับมาหาพวกท่านแล้ว” เขาพูดแทนภรรยาที่ตอนนี้น้ำตาคลอเต็มเบ้าตาไปแล้วไป๋ซินซินปาดน้ำตาทั้งรอยยิ้ม มองปู่ ย่า และลุงของตัวเอง น้ำตาแห่งความดีใจไหลอาบแก้มนางคุกเข่าลงตรงหน้าพวกเขา แล้วหมอบคำนับลงกับพื้น“ไป๋ซินซิน..คารวะท่านปู่..ท่านย่า..ท่านลุง..ป้าสะใภ้..ฮือ ๆ ๆ ฮึก ๆ ๆ” พูดไปร้องไห้ไปด้วยความรู้สึกที่เต็มตื้นไปด้วยความยินดี“อาซิน” แม่เฒ่าไป๋คือคนแรกที่เดิ
เติ้งอี้เทียนมองภรรยาข้างกาย เห็นถ้วยชาว่างเปล่าก็รีบรินน้ำชาให้“ฮูหยินหมี่ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องลูกข้าไม่รีบ” แล้วหยิบขนมตั้งใจจะป้อนใส่ปากให้ภรรยาได้ชิม“อ๊วก!”“เป็นอะไร” เขาตกใจ ไม่คิดว่านางแกล้งทำ เพราะมันไม่ใช่นิสัยของนาง“อยู่ ๆ ก็รู้สึกไม่ค่อยดี หน้ามืด รู้สึกแปลก ๆ อยากอาเจียน” กระซิบบอกสามีเสียงเบาเพราะเกรงใจคนอื่น“ให้ข้าตรวจดูหน่อย บางทีอาจจะเพราะเดินทางไกลแรมเดือน เจอกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปมาก็ทำให้ชี่พร่องได้” ฮูหยินซ่งรีบเสนอตัวกับเติ้งชิงฮวา“เจ้าสอง ให้ฮูหยินซ่งตรวจดูเมียเจ้าสักหน่อยเถิด สามีของนางเป็นหมอ นางเองก็เป็นหมอทำคลอดขึ้นชื่อ มีความรู้เรื่องแพทย์ดีทีเดียว ถ้าเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาจะได้รีบรักษา”“รบกวนท่านแล้ว” เขารีบเปิดทางให้อีกฝ่ายฮูหยินซ่งจับชีพจรที่ข้อมือของไป๋ซินซิน ไม่นานก็ยิ้มกว้างออกมา“ไม่ต้องห่วง ๆ นางไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ไม่ต้องตกใจ ก็แค่อาการของคนท้องน่ะ”“คุณพระคุณเจ้า!” เติ้งชิงฮวาอุทานออกมาเสียงดัง ก่อนจะหันไปหาคนรับใช้ที่ยืนปรนนิบัติอยู่ด้านข้าง “ข้าจะมีหลานเหมือนคนอื่นเขาแล้ว” แล้วหัวเราะด้วยความดีใจ “ดู ๆ ว่าที่พ่อแม่ตัวแข็งเป็นหินกันไปแล้ว
นายหญิงใหญ่สกุลเติ้งมองเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกันมาเกือบสามสิบปี เห็นตั้งแต่นางแต่งเข้าสกุลหมี่ใหม่ ๆนางคลอดลูกชายคนแรกก็ส่งชุดฮั่นฝูที่ตัดเย็บด้วยไหมอวิ๋นเซียงรับขวัญ พอถึงวัยแต่งภรรยาเข้าบ้านก็ยังมอบหวีหยกเหอเถียนเป็นของขวัญนางคลอดหมี่มี่เป็นคนรองก็ส่งกำไลข้อเท้ารับขวัญ เมื่อถึงวันออกเรือนก็ยังมอบปิ่นมุกกับต่างหูเข้าชุดให้เป็นของขวัญทั้งที่ตอนนั้นในใจผิดหวังกับการกระทำของนางกับลูกสาวมาก ที่พอเห็นเจ้าสองบาดเจ็บสาหัส ความสัมพันธ์ก่อนหน้าก็เริ่มจืดจาง.. แรก ๆ ก็ยังมาให้เห็น แต่พอรู้ว่าเจ้าสองเอ็นขาด กระดูกหัก อาจจะกลับมาเดินไม่ได้อีก สองแม่ลูกก็เริ่มหายไปจากสกุลเติ้ง เจอกันอีกทีก็ตอนส่งเทียบเชิญร่วมงานแต่งจะว่าไปแล้ว ลูกทั้งสองคนของนางล้วนเติบโตมาพร้อม ๆ กับเจ้าสองของตน มีหรือที่นางจะไม่เอ็นดู.. แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อเจ้าสองไม่มีใจให้หมี่มี่เลยเจ้าสองนั่นก็จิตใจมั่นคงเด็ดขาดมาแต่ไหนแต่ไร สองแม่ลูกนี้เคยทำอย่างไรไว้เขาย่อมจำขึ้นใจ จากเดิมที่ไม่เคยมีใจให้อยู่แล้ว แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะทำตามที่มารดาอย่างตนเห็นชอบแต่พอเกิดเรื่องขึ้น ต่อให้ตนเห็นชอบอย่างไรก็ไร้ค่า“พี่ชิงฮวา ทำไมเงีย
หนึ่งเดือนผ่านไปสมาคมหอการค้า“ข้าต้องกลับแล้ว”“ทำไมรีบกลับนักเล่า รอให้จบกระดานก่อนค่อยกลับสิ”“ข้าต้องกลับให้ตรงเวลา เพราะไม่อยากให้เหล่าผอรอนาน นางจะออกมารอรับข้าที่หน้าประตูทุกวันน่ะ”ผู้เฒ่าหูหัวเราะ “นี่ท่านบอกเล่าหรืออยากคุยอวดกับข้ากันแน่ท่านเติ้ง”“ท่านผู้เฒ่าคิดว่าข้าคุยอวดงั้นหรือ” เขาหัวเราะชอบใจเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้า “ตามนั้นก็ได้ ข้าขอตัวลา”“เชิญ”คฤหาสน์สกุลเติ้ง“เหล่ากง”เติ้งอี้เทียนกางแขนรอรับร่างบาง ที่รีบเดินจนเกือบเป็นวิ่งเข้ามาหา “อากาศเย็นแบบนี้ยังจะออกมารออีก ทำไมไม่รออยู่ในเรือนเล่า”“ใบไม้ผลิใบแล้ว อากาศไม่เย็นเท่าไหร่แล้ว”“ถึงจะเปลี่ยนฤดูก็ยังเย็นอยู่ดี ออกมาก็ต้องใส่เสื้อคลุมให้เรียบร้อย ถ้าเจ้าป่วยขึ้นมาเราจะเดินทางได้อย่างไร”“ไม่ป่วยง่าย ๆ หรอก ซินเอ๋อร์ดื่มยาบำรุงตามที่ท่านสั่งทุกวัน” สมุนไพรอะไรที่หมอถานจัดให้ดื่มนางไม่เคยขัด เพื่อเตรียมร่างกายไว้สำหรับการเดินทางไกล ไปพบครอบครัวของบิดาที่เมืองหลวงหลังจากที่ได้ฟังสามีเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับบิดาของนาง และเรื่องที่เขาเคยส่งพ่อบ้านโปไปที่บ้านบิดาขณะที่เขายังรักษาตัว เพื่อนำสินน้ำใจไปมอบ
“หยุดก่อน ๆ”เจียวหวงดึงบังเหียนบังคับม้าให้หยุด มองบุรุษรูปร่างใหญ่หนา ไว้หนวดเครายาวรกรุงรัง ดวงตาที่มองมาดูดุดันไม่เป็นมิตร แต่ก็ไม่ได้เกรี้ยวกราดจนน่ากลัว“นี่รถม้าของท่านเติ้งใช่ไหม” บุรุษผู้นั้นถามเสียงดังอย่างไม่เกรงกลัว“ใช่” เจียวหวงตอบไปแล้วก็ใจคอไม่ดีที่ฝ่ายนั้นเดินหน้าตาถมึงทึงเข้ามาหา ถ้าไม่มีเฟิงเมี่ยนอยู่ด้วยเขาคงกระโดดลงจากรถไปแล้วเฟิงเมี่ยนที่นั่งด้านข้างเจียวหวงเตรียมพร้อมจะชักดาบเติ้งอี้เทียนที่นั่งอยู่ภายในรถม้าใช้ไม้เท้าแง้มผ้าม่าน มองออกไปด้วยความอยากรู้“คารวะท่านเติ้ง”เฟิงเมี่ยนมองคนตัวใหญ่ที่ก้มหัวคารวะตน ท่าทางของเขาน่ากลัว แต่การกระทำกลับสวนทาง“ข้าไม่ใช่”“มีอะไรกับข้า” ท่านเติ้งตัวจริงถามเสียงเรียบทรงพลัง เปิดผ้าม่านกว้างขึ้นมองอีกฝ่ายเต็มตาคนตัวใหญ่รีบเปลี่ยนเป้าหมาย “คารวะท่านเติ้ง ข้าชื่อเซียงอู่ ทำงานอยู่ในเรือเดินสมุทรเกือบปีเพิ่งกลับมา จึงรู้ว่าแม่นางซินแต่งงานแก่ท่านแล้ว”เขามองอีกฝ่ายอย่างสำรวจ “ใช่”ป๊าบ!สามคนบนรถม้าสะดุ้งกับเสียงของฝ่ามือที่ประสานกัน ตามด้วยการชูแขนเขย่าและหัวเราะเสียงดังลั่น“เจ้ากำลังดีใจหรือกำลังคลั่ง” เจียวหวงถามคลายความ
เติ้งชิงฮวาคลี่ยิ้ม เดินไปหาหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มชวนมองนี่นะหรือลูกสาวของบุรุษที่เคยช่วยชีวิตหลานชายของนางเอาไว้เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน นางน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้นี่เอง หลานชายตัวดีถึงไม่ยอมชายตามองสตรีนางใด มุ่งมั่นที่จะแต่งกับนางเพียงคนเดียวให้ได้“เรียกข้าว่าท่านแม่นะ ข้าอยากมีลูกสาวหน้าตาน่ารักแบบเจ้ามานานแล้ว ตอนนี้ข้าก็สมหวังแล้ว”“ขอบคุณท่านแม่ที่เอ็นดูซินเอ๋อร์”ชิงฮวาถอดแหวนหยกคู่สีเขียวกับสีเหลืองจากนิ้วชี้แล้วสวมให้หญิงสาว“ของขวัญต้อนรับลูกสะใภ้ แหวนหยกเขียวจักรพรรดินี้ แม่แท้ ๆ ของเจ้าสองมอบให้ข้าเพื่อส่งต่อให้ลูกสะใภ้คนรองของนาง ส่วนแหวนหยกเหลืองวงนี้เป็นของแม่บุญธรรมคนนี้มอบให้เจ้า แม่สวมให้นะ”หญิงสาวตื้นตันใจในความเมตตาของแม่สามี พยายามจะกลั้นน้ำตาขณะมองนิ้วชี้ทั้งสองข้างที่ถูกสวมด้วยแหวนหยกคนละสี แต่สุดท้ายน้ำตาก็พรั่งพรูออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม“ซินเอ๋อร์ขอบคุณท่านแม่” กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ปาดน้ำตาที่อาบแก้มเหมือนเด็กน้อยเติ้งอี้เทียนอมยิ้มกับความเจ้าน้ำตาของภรรยา จับชายเสื้อตัวในซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน“ท่านแม่ทำเหล่าผอของข้าร้องไห้แล้ว”“ซินเอ๋อร์แค่ซาบซึ้งใจมากเก
ความคิดเห็น