Share

บทที่ 9 กอดสตรีผมทอง

last update Last Updated: 2025-11-17 20:59:21

พวกคนที่ประตูกระโจมต่างกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปจับเสวียนหู่แห่งอี้โจว 

“รีบไปจับเขามัดไว้เร็วเข้า” เสียงของอันเยว่ฉียังคงสั่งต่อไป

จางป๋อเหวินส่งคบเพลิงให้กับอันเยว่ฉี จากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปไล่จับชายที่มีร่างสูงใหญ่กว่าเขาสองเท่าอย่างไร้ความกลัว 

“เจ้ากล้าข้ามศพทหารในค่ายของข้าหรือ อย่าหวังว่าจะได้ตายดีเลย” หงเจี้ยนหยางแม้จะเจ็บข้อมือจนมือสั่น แต่เขาไม่อาจยอมให้ใครมาหยามคนตายได้ เขาจึงตั้งท่ารับมือศัตรูเต็มที่

“ต้องรีบไปช่วยท่านกุนซือ เขาคนเดียวไม่ไหวแน่” อันเยว่ฉีหันไปบอกเหล่าบ่าวชายในจวนที่ยังหวาดกลัวท่านกั๋วกงไม่เลิก นางเห็นแล้วว่าอดีตแม่ทัพหงผู้นั้นมีฝีมือสูงมาก

แต่บรรดาบ่าวชายพวกนั้นยังคงตัวสั่นไม่กล้าขยับ

“ชิ อดีตแม่ทัพอะไรกัน ไม่มีทหารมีฝีมือไว้ในบ้านสักคนเลยเหรอ” หญิงสาวทำเสียงไม่พอใจ แต่ก็ส่งคบเพลิงให้บ่าวพวกนั้น และวิ่งเข้าไปช่วยท่านกุนซืออีกแรง

“ท่านแม่ทัพ ท่านต้องหยุดได้แล้ว” อันเยว่ฉีตะโกนวิ่งเข้าไปกอดเอวของหงเจี้ยนหยางเอาไว้จากด้านหลัง นางฉวยโอกาสในระหว่างที่เขากำลังยกมือตั้งรับลูกเตะของกุนซือจาง 

“ท่านเทพธิดา อันตราย!” จางป๋อเหวินตะโกนด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเทพธิดาจะหาญกล้าเพียงนั้น

“รีบมัดเขา!” หญิงสาวไม่หวาดกลัว แต่เพราะหงเจี้ยนหยางตัวสูงแรงเยอะมาก นางที่สูงเพียงไหล่ของเขาจึงถูกเหวี่ยงไปมาอย่างง่ายดาย แต่อย่างไรนางก็ไม่ยอมปล่อยมือ

“เจี้ยนหยาง เจ้าต้องหยุดนะ” จางป๋อเหวินกลัวมากว่าเขาอาจทำให้ท่านเทพธิดาที่เป็นเพียงสตรีร่างบอบบางได้รับบาดเจ็บ และเมื่อเจ้าเสือดำได้สติ เขาจะต้องเสียใจมากแน่นอน

“ท่านแม่ทัพ..เจี้ยนหยาง เจ้าหยุดนะ! เจ้าต้องหยุดได้แล้ว ตอนนี้เจ้าไม่ได้อยู่ในสนามรบแล้ว ที่นี่ไม่มีใครตาย!” สิ้นเสียงของหญิงสาว หงเจี้ยนหยางก็ค่อยๆ สงบลง ไม่เหวี่ยงหญิงสาวที่กอดเอวของเขาไปมาแล้ว แต่ยังคงตัวสั่นจนน่าสงสาร

“มัดเขาเลย” หญิงสาวหันไปบอกกุนซือจาง

จางป๋อเหวินกระโดดไปดึงผ้าม่านฉีกจนขาดและรีบนำมามัดตัวของอดีตแม่ทัพหงเอาไว้ อันเยว่ฉีค่อยๆ ปล่อยมือจากเอวของชายร่างใหญ่ ปล่อยให้กุนซือจางพันผ้ารอบตัวเขาอย่างแน่นหนา

แต่ทั้งสองคนยังคงระแวดระวังหงเจี้ยนหยางไม่วางตา

“ขะ..ข้า..ไม่ได้อยู่สนามรบจริงหรือ” ชายตัวสูงถามเสียงสั่นเครือ คล้ายความหวาดกลัวยังคงเกาะกุมจิตใจของเขาจนมืดมิด กลิ่นสุราโชยออกมาจากตัวเขา

“ไม่..เจี้ยนหยาง เจ้าเข้าใจผิด เจ้าไม่ได้อยู่ที่นั่น” อันเยว่ฉีเอ่ยเสียงเบา

“เจ้าโกหก!” เขายังไม่อยากยอมรับ แม้เขาจะเริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองอาจเห็นภาพหลอนอีกแล้ว แต่ภาพพวกนั้นมันเหมือนจริงมาก

“ไม่ ข้าไม่ได้โกหก เจ้าอยู่บ้านแล้ว ที่สนามรบจะมีสตรีได้อย่างไร เจ้าดูข้าสิ” นางยังคงเอ่ยปลอบอย่างอ่อนโยน ค่อยๆ ขยับเข้าไปจนชิดเพื่อให้เขามองตัวเองได้อย่างชัดเจน แต่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง

“เจ้า เป็นสตรี..เจ้า ไม่ได้โกหก”

“อืม..เจ้าอยู่บ้านแล้ว เจ้าไม่ได้อยู่ที่นั่น” อันเยว่ฉีค่อยๆ กอดเขา ลูบหลังคนตัวใหญ่บางเบาเพื่อให้เขารู้สึกสงบมากขึ้น

“ทหารยาม..มีทหารยามถูกยิง..เขา..เขาปกป้องข้าไว้” น้ำตาของเสวียนหู่เริ่มไหลอย่างไม่อาจควบคุม

“ไม่ ที่นี่ไม่มีใครตาย”

“ไม่มีแน่หรือ ข้าเห็นกับตา!”

“ที่นี่ไม่มี เป็นเพียงภาพอดีตที่เจ้าหวาดกลัวเท่านั้น แต่หากเจ้าไม่วางใจ รู้สึกเป็นห่วงเขา พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปช่วยจัดงานศพให้เขาอย่างสมศักดิ์ศรี ดีหรือไม่” 

“...” หงเจี้ยนหยางพูดไม่ออก แต่ยกสองมือสั่นๆ มากอดสตรีที่กำลังปลอบเขา คล้ายการทำเช่นนั้นช่วยให้ความหนาวเย็นในใจอบอุ่นขึ้น แต่ติดที่เขายกมือขึ้นสูงไม่ได้ เพราะถูกมัดเอาไว้อยู่ 

จางป๋อเหวินดูวิธีกำราบเสวียนหู่ของเทพธิดาแล้วรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แม้เขาจะเห็นว่าการกอดใกล้ชิดเช่นนั้นไม่ค่อยเหมาะสม แต่ยามนี้ไม่อาจเลือกวิธี ขอเพียงหงเจี้ยนหยางยอมสงบลงย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ก่อนหน้านี้ ยามที่หงเจี้ยนหยางดื่มหนักจนเมามาย หลายครั้งที่เขาเห็นภาพหลอนจนแทบจะพังเรือนทั้งหลัง ไม่ผู้ใดทำให้เขาสงบลงได้ ต้องรอจนเขาหมดแรงไปเอง ยามนี้สงบลงแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องดี 

“ข้า..เห็นไฟลุกไหม้ทั่วทั้งห้อง ขะ..ข้า..” อดีตแม่ทัพพยายามเล่าความกลัวกับใครสักคนที่ยอมฟังเขา ไม่มองว่าเขาเป็นตัวประหลาดหรือเสียสติ

“หงเจี้ยนหยาง เจ้าอย่ากังวล ที่นี่ไม่มีไฟไหม้ ไม่ต้องกลัว” หญิงสาวยังคงกอดปลอบเขาต่อไปอย่างอ่อนโยน แม้ในใจจะอยากปล่อยแล้ว เพราะอดีตแม่ทัพผู้นี้ตัวเหม็นสุราจนนางแทบทนไม่ไหว 

“ข้า..เหลือข้าคนเดียว” เขาเล่าเรื่องที่ถูกโจมตี และทุกคนล้วนถูกไฟคลอกจนล้มตายกันหมด เหลือเขาหนีรอดออกมาลำพัง แต่เพราะความกลัวทำให้เขาเล่ารายละเอียดไม่ไหว

“ไม่เป็นไร ข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะอยู่กับเจ้า”

“ท่าน..เทพธิดา” กุนซือจางกระซิบถาม เขาอยากรู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี

อันเยว่ฉีจึงโบกมือไล่ให้กุนซือจางออกไปจากห้องนั้น ทั้งยังหันไปขยับปากว่าให้เสียงเบาๆ จางป๋อเหวินแม้จะรู้สึกไม่สบายใจแต่ก็ยังยอมออกไปแต่โดยดี ทั้งยังสั่งห้ามใครทำเสียงดังใกล้เรือนนอนของท่านกั๋วกง

“เจ้าคงปวดขาแล้ว เราเดินไปนั่งพักที่เตียงดีหรือไม่” หญิงสาวหันมาถามหงเจี้ยนหยางด้วยความเป็นห่วง

“...” เขาไม่ตอบ แต่ก็ยอมพยักหน้า 

อันเยว่ฉีหันไปมองกุนซือจางที่ออกจากห้องไปแล้ว ทั้งยังช่วยปิดประตูให้จนในห้องเริ่มมืด ยังดีที่มีแสงโคมจากด้านนอกเล็ดลอดเข้ามาบ้าง นางจึงไม่ต้องคลำทางในความมืด

หญิงสาวปล่อยมือจากการกอดเขา แม้เขาจะพยายามยื้อสุดกำลัง แต่เมื่อเห็นว่านางเพียงจับมือเขาให้เดินตาม ไม่ได้ทิ้งเขาไว้ลำพัง ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่จึงยอมปล่อยมือ และเดินตามอย่างเชื่อฟัง

ในใจของอันเยว่ฉีรู้สึกว่าคนไข้ตัวใหญ่น่ากลัวอยู่มาก หากเขาเกิดกลัวและอาละวาดอีกนางก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงพยายามพาคนไข้ก้าวข้ามสิ่งของในห้องอย่างระมัดระวัง พยายามปลอบใจตัวเองว่าอย่างน้อยเขาก็ถูกมัดไว้แล้ว 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 10 หญิงสาวที่นอนทับบนอก

    “เจ้าเป็นใคร” หงเจี้ยนหยางก้มลงมองดูปลายผมสีทองที่สะท้อนแสงโคมเล็กน้อยจากด้านนอกแล้วรู้สึกประหลาดใจ จึงเอ่ยถาม“ข้าชื่อ อันเยว่ฉี” หญิงสาวแนะนำตัวอีกครั้ง“ข้า..เหมือนจะจำได้ว่าเจ้าคือเทพธิดา นี่ข้าตายแล้วหรือ”“ยัง เจ้ายังไม่ตาย ถึงแม้ข้าจะเป็นเทพธิดาจริงๆ แต่ก็เป็นเพียงชื่อที่ผู้อื่นเรียกเท่านั้น ข้ายังคงอยู่ในโลกคนเป็นเช่นเดียวกับเจ้า”“ข้ายังไม่ตายอีกหรือ อีกนานหรือไม่” เขาถามหญิงสาวรู้สึกกังวลเพราะดูเหมือนเขาจะป่วยเป็นทั้งโรคพีทีเอสดีและป่วยซึมเศร้าด้วย“เจ้าอยากตายหรือ” นางถามระหว่างที่จับดึงเขาให้นั่งลงข้างเตียง“ข้าไม่รู้” เขานั่งลงและตอบคำถามอย่างเคร่งเครียด ไม่ยอมปล่อยมือของเทพธิดา“ชีวิตเป็นของเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่รู้” นางนั่งลงข้างเขา ตัดสินใจว่าคืนนี้คงไม่ได้กลับบ้านไปนอนแล้ว ยังไงคืนนี้ก็ดูแลคนป่วยให้ผ่านพ้นไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยเก็บเงินจากเขาก้อนโตเป็นค่ารักษานอกสถานที่“ข้า..ทุกคนล้วนทิ้งข้าไว้ ข้าไม่สมควรมีชีวิต ไม่สมควรมีความสุขและปล่อยให้พวกเขาตายตามลำพัง” เขาเริ่มมือสั่นเมื่อพูดถึงสิ่งที่หวาดกลัว“เจ้าบอกว่ามีคนปกป้องเจ้าไว้ใช่หรือไม่” นางถาม“อืม..ข้าไม่รู้จักชื่อเข

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 9 กอดสตรีผมทอง

    พวกคนที่ประตูกระโจมต่างกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปจับเสวียนหู่แห่งอี้โจว “รีบไปจับเขามัดไว้เร็วเข้า” เสียงของอันเยว่ฉียังคงสั่งต่อไปจางป๋อเหวินส่งคบเพลิงให้กับอันเยว่ฉี จากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปไล่จับชายที่มีร่างสูงใหญ่กว่าเขาสองเท่าอย่างไร้ความกลัว “เจ้ากล้าข้ามศพทหารในค่ายของข้าหรือ อย่าหวังว่าจะได้ตายดีเลย” หงเจี้ยนหยางแม้จะเจ็บข้อมือจนมือสั่น แต่เขาไม่อาจยอมให้ใครมาหยามคนตายได้ เขาจึงตั้งท่ารับมือศัตรูเต็มที่“ต้องรีบไปช่วยท่านกุนซือ เขาคนเดียวไม่ไหวแน่” อันเยว่ฉีหันไปบอกเหล่าบ่าวชายในจวนที่ยังหวาดกลัวท่านกั๋วกงไม่เลิก นางเห็นแล้วว่าอดีตแม่ทัพหงผู้นั้นมีฝีมือสูงมากแต่บรรดาบ่าวชายพวกนั้นยังคงตัวสั่นไม่กล้าขยับ“ชิ อดีตแม่ทัพอะไรกัน ไม่มีทหารมีฝีมือไว้ในบ้านสักคนเลยเหรอ” หญิงสาวทำเสียงไม่พอใจ แต่ก็ส่งคบเพลิงให้บ่าวพวกนั้น และวิ่งเข้าไปช่วยท่านกุนซืออีกแรง“ท่านแม่ทัพ ท่านต้องหยุดได้แล้ว” อันเยว่ฉีตะโกนวิ่งเข้าไปกอดเอวของหงเจี้ยนหยางเอาไว้จากด้านหลัง นางฉวยโอกาสในระหว่างที่เขากำลังยกมือตั้งรับลูกเตะของกุนซือจาง “ท่านเทพธิดา อันตราย!” จางป๋อเหวินตะโกนด้วยความตกใจ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 8 ค่ำคืนเมามายแสนอันตราย

    หนึ่งเดือนผ่านไป หงเจี้ยนหยางทำตามตารางการรักษาของเทพธิดาอันเยว่ฉีอย่างเคร่งครัด ข้อมือของเขาเริ่มหายปวดแล้ว และในที่สุดนางก็อนุญาตให้เขาฝึกยุทธ์ในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นได้ แต่ยังคงห้ามไม่ให้จับอาวุธจางป๋อเหวินหายโกรธหงเจี้ยนหยางเมื่อไม่กี่วันก่อน เพราะมีลูกท้อเชื่อมน้ำตาลส่งมาจากเมืองอู่โจว และหงเจี้ยนหยางก็ยกให้กุนซือจางทั้งหมด เย็นวันนี้ท่านกุนซือจึงมาคอยดูแลเขาหากจะเรียกให้ถูกคือ ท่านกุนซือผู้นั้นมาคอยกำกับไม่ยอมให้เขาจับอาวุธ แต่บังคับให้เขาฝึกร่างกายด้วยการร่ายรำตามท่าทางของเสี่ยวจิ่วเทียนฝ่า [1] ซึ่งต้องขยับร่างกายช้าๆ อย่างทรมาน ท่านกุนซือใช้อ้างว่าเขาจะได้ฝึกสมาธิด้วย“นายท่าน เอ้อหลิงนำน้ำแกงไก่ใส่โสมมาให้เจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าบอกว่าช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เอ้อหลิงจึงให้คนไปตามหาโสมอยู่สามวัน ในที่สุดวันนี้ก็ได้มา เอ้อหลิงเคี่ยวด้วยตัวเองก่อนจะนำมาให้ท่านเจ้าค่ะ” หญิงสาวร่างอรชรตัวเล็กเอวคอดได้รูปพูดขึ้นหงเจี้ยนหยางหยุดฝึกร่างกาย เขาหันไปมองดูที่มาของเสียง“เจ้าคือเอ้อหลิงคนนั้นหรือ” เขายังจำที่สาวใช้อี้ซิ่วพูดได้“เจ้าค่ะ”อนุเอ้อหลิงผู้ซึ่งหงเจี้ยนหยางไม่เคยรู้ว่านางเป็นอนุข

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 7 อายุยี่สิบสี่คือแก่แล้ว

    รุ่งขึ้น ในจวนของขุนนางหงก็มีเด็กชายจากตรอกซิ่วสือมาเก็บเงินจำนวนมาก พร้อมกับตราประจำตัวของท่านกั๋วกง ฮูหยินผู้เฒ่าได้แต่หน้าดำหน้าแดงเพราะความโกรธ ไม่รู้ว่าลูกชายของตัวเองไปก่อเรื่องอะไรมาอีกฮูหยินผู้เฒ่าตั้งใจจะถามระหว่างมื้ออาหาร แต่ท่านกั๋วกงกลับรีบร้อนกินข้าวและรีบออกจากบ้าน แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องจ่ายเงินไปจำนวนมาก แต่อย่างน้อยบุตรชายของนางกลับมาตั้งใจทำบางสิ่งอย่างแน่วแน่อีกครั้ง นางจึงไม่ได้บ่นอะไรมาก“เจ้าชื่ออะไร” หงเจี้ยนหยางถามเทพธิดาผมสองสี ระหว่างที่นั่งให้นางนวดมือให้เขา“เรียกข้าว่าท่านเทพธิดาสิ” หญิงสาวตอบราบเรียบ แต่ในน้ำเสียงมีความเย่อหยิ่งอยู่มาก“..เจ้าชื่ออะไร” เขาถามคล้ายไม่ได้ยินที่นางตอบ“ท่านเทพธิดา”เขาสะบัดมือออกจากการนวดของนางทันที“นี่ ท่านอดีตแม่ทัพ ท่านไม่อยากรักษาแล้วหรือ” ท่านเทพธิดาเอ่ยถาม นางยืดหลังเต็มความสูงเท้าเอวด้วยความไม่พอใจกับการกระทำของคนไข้ผู้ดื้อดึงไร้มารยาท“เจ้าคงไม่อยากได้เงินสองพันตำลึงทองสินะ” เขาไม่ยอมเช่นกัน“..เอ่อ สองพัน..อยากได้สิ ย่อมอยากได้ นายท่าน..ข้าชื่อว่า อันเยว่ฉีเจ้าค่ะ ปีนี้อายุยี่สิบสี่ปี ยังไม่ได้แต่งงาน และไม่คิดจะแ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 6 ชายแขนขาดและความหวัง

    “อื้ม ลูกค้ารายใหญ่มาแล้ว เข้ามาก่อนสิ” เทพธิดาหัวทองเชื้อเชิญเสวียนหู่แห่งอี้โจว“ลูกค้าหรือ” หงเจี้ยนหยางไม่ค่อยเข้าใจคำที่สตรีประหลาดผู้นี้ใช้“แล้วสหายของเจ้าไม่ได้มาด้วยกันหรือ” เทพธิดาผมทองถามถึงกุนซือจาง“..เขา มีงานสำคัญที่ต้องทำ” ชายหนุ่มโกหก ที่จริงแล้วจางป๋อเหวินยังโกรธเรื่องที่เขาข่มขู่ไม่หาย วันนี้เขาจึงจำเป็นต้องมาหาเทพธิดาลำพัง“ไม่เป็นไร อย่างน้อยเจ้าก็มาแล้ว วันก่อนข้าทำให้เจ้าไม่พอใจจนเข้าใจผิด อย่างไรข้าก็เป็นหมอ ข้าจึงคิดว่าควรกอบกู้ชื่อเสียงความน่าเชื่อถือของตัวเองสักหน่อย ตามข้ามาสิ”หญิงสาวเดินนำหน้า พาชายหนุ่มตัวสูงออกจากโรงรักษาโกโรโกโสของนาง ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปยังบริเวณโล่งแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากตรอกซิ่วสือ แม้จะไม่กว้างมาก แต่เพียงพอให้ผู้คนมารวมตัวกันทำกิจกรรมกลางแจ้งที่นั่น หงเจี้ยนหยางเห็นเครื่องเล่นหลายชนิดที่ทำจากไม้รูปร่างประหลาด มีทั้งเสา ขื่อ กำแพง กล่องสี่เหลี่ยม และคานสำหรับปีนป่าย เด็กหลายคนกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานหลายคนไม่มีขา บางคนต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ บางคนมีเท้าไม้ต่อจากขาข้างที่ขาด สตรีอีกหลายคนกำลังจับราวไม้ฝึกเดิน ทุกคนล้วนเป็นคนพิการ ไม่

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 5 ไม่อยากเป็นอนุ

    หลังจากกลับถึงจวนกั๋วกง ห้องสกปรกเน่าเหม็นของหงเจี้ยนหยางก็ถูกเก็บกวาดจนเรียบร้อยแล้ว จางป๋อเหวินยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เด็กน้อยเสวียนหู่“นี่มันอะไร” เขาถามกุนซือจาง“นางเรียกว่า ตารางกายภาพบำบัด หรือก็คือ วิธีการรักษา”“ฮะ? แช่น้ำอุ่นวันละหนึ่งเค่อ [1] เดินครึ่งชั่วยาม [2] กินอาหารที่ประกอบจากเมล็ดธัญพืช โดยเฉพาะถั่วและงา ผักใบเขียว ไข่แดง..ไข่แดงหรือ” อดีตแม่ทัพขมวดคิ้วมุ่น“อืม..ข้าถามนางแล้ว นางบอกว่าให้แยกไข่ขาวออกไปและกินเฉพาะไข่แดง” จางป๋อเหวินพยายามอธิบายเพิ่ม“ไร้สาระ แค่กิน เดินกับแช่น้ำอุ่น ไม่มีตำรับยา หรือการรักษาใด วิธีมักง่ายเช่นนี้ จะให้ข้าเชื่อได้อย่างไรว่านางเป็นเทพธิดา”“นางบอกว่าเจ้ายังต้องเดินทางไปพบนางสองวันครั้งหนึ่ง เพื่อให้นางทำ..เอ่อ นางพูดว่า..กายภาพบำบัด และเจ้าต้องห้ามดื่มสุราอีกเด็ดขาด ต้องเปลี่ยนท่านอนด้วย และยังต้อง..”“พอแล้ว ข้าไม่อยากฟัง ไปเอาเหล้ามา”“ข้าไม่ใช่คนรับใช้ในจวนของเจ้า และข้าได้บอกฮูหยินผู้เฒ่าว่าเจ้าจะรักษาตัว ห้ามในจวนเก็บสุราไว้แม้แต่จอกเดียว”“จางป๋อเหวิน!”“หมูขี้ขลาด”“ข้าไม่ได้เป็นหมู!”“สุนัขเหม็นอาจม”“จางป๋อเหวิน!!..ข้า..ข้าจะฟ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status