LOGINลูกค้าที่มากินอาหารเมื่อได้ยินตงฮวนพูดออกมาเช่นนั้น ก็ส่งเสียงฮือฮาอีกครั้ง จินฮูหยินจ้างคนมาใส่ร้ายโรงเตี๊ยมหรือนี่ จะเป็นไปได้อย่างไร เด็กคนนี้เอาอะไรมาพูด เชื่อถือได้แน่หรือ
“นายน้อยท่านพูดอะไรออกมา ระวังคำพูดด้วยขอรับ การพาดพิงถึงบุคคลอื่น หากไม่ใช่ความจริง ข้าสามารถเอาความผิดได้นะขอรับ” เจ้าหน้าที่ฟู่เฉิงเอ่ยขึ้นมา ทำให้ซิ่วอิงถึงกับต้องคิ้วขมวดเข้าหากัน อย่าบอกนะว่าชายผู้นี้ หวาดกลัวบารมีของนายอำเภอ เฮ้อ! ไม่ว่าจะยุคไหนประเทศอะไร ก็ยังมีคนแบบนี้อยู่ทุกที่ “แล้วทำไมจะพูดไม่ได้ เหตุเพราะนางเป็นภรรยาของท่านนายอำเภอหรือเจ้าคะ?” “เเต่เขาพูดมาไร้ซึ่งหลักฐาน เชื่อถือไม่ได้เลยสักนิด อย่างนี้ก็เป็นเหมือนการใส่ร้ายเขานะขอรับ” ซิ่วอิงได้ยินก็ยิ้มมุมปาก “ท่านต้องการหลักฐาน? ได้สิตงฮวนสัมผัสทุกคนแล้วพูดมาว่าเมื่อวาน เกิดอะไรขึ้น” “ได้” ตงฮวนเดินไปสัมผัสลูกค้าที่ยืนมุงดูอยู่ “เมื่อวานท่านไปวัดตงไห่มาใช่หรือไม่ขอรับ?” “ใช่” “ส่วนท่านไปช่วยเพื่อนย้ายบ้าน” “ใช่” “ท่านไปดูดวงที่วัดตงไห่” “ใช่” “ท่านพาลูกชายคนเล็กไปหาหมอ” “ใช่” ตงฮวนเดินสัมผัสคนไปรอบ ๆ และเอ่ยสิ่งที่เห็นออกมา ทุกคนพยักตอบว่าใช่กันหมด สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก เด็กคนนี้สามารถมองเห็นเรื่องราวในอดีตได้ “ส่วนท่าน เมื่อคืนไปเที่ยวหอนางโลมมา” ตงหวนหันมาสัมผัสเจ้าหน้าที่ของทางการ โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ตงเฉิงหน้าซีดเผือด เพราะเมื่อคืนเขาไปมาจริง ๆ แต่ว่าเขาไม่มีทางยอมรับมัน ใครจะทำไม ซิ่วอิงมองเขาก่อนจะพูดออกมา “ท่านคิดว่าจะไม่ยอมรับสิ่งที่เขาพูดใช่หรือไม่ ที่จริงคำพูดเหล่านี้ ก็ไม่สามารถเชื่อถือได้จริง ๆนั่นแหละ แต่ว่าข้าขี้เกียจเสียเวลาอีกต่อไปแล้ว” กล่าวจบซิ่วอิง ก็ใช้พลังฝ่ามือดันร่างของสตรีที่ใส่ร้ายโรงเตี๊ยมฟู่จิน ให้ลอยขึ้นไปบนอากาศแล้วค้างไว้อย่างนั้น “กรี๊ดดด! ช่วยด้วยนางเป็นปีศาจช่วยด้วย!” “เรียกให้ใครช่วย หรือเจ้าคะ? คนนี้หรือ?” เจียวจูที่ตามเข้ามา ใช้พลังดึงตงเฉิงให้ลอยขึ้นไปเช่นกัน เจียวจูหันมายิ้มให้ซิ่วอิง “ซิ่วอิงข้ามาช่วยเจ้าแล้ว” ซิ่วอิงยิ้มรับ “แม่นางน้อยปล่อยข้าลงไป ข้ากลัวความสูงปล่อยข้าลงไปเถอะ” ตงเฉิงแหกปากร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว ผู้คนในโรงเตี๊ยมยืนมองภาพนั้นอย่างตกตะลึง ร่างกายแข็งค้าง นี่มัน! มันคือเรื่องจริงใช่หรือไม่ พวกนางมีพลังพิเศษ “หานเกอ ตงฮวน นำดาบไปรองไว้ ข้าจะให้พวกเขาร่วงลงมา ใส่ดาบที่พวกเจ้าถือ” สิ้นคำพูดของซิ่วอิง หานเกอ ตงฮวน ก็ไปดึงดาบของทหารที่ยืนอยู่ แล้วชี้ดาบขึ้นไปด้านบน ที่ร่างของตงเฉิง และสตรีนางนั้นลอยอยู่ข้างบน “ข้าจะให้โอกาสพวกท่านได้พูด” ซิ่วอิงลดระดับสตรีนางนั้นลงมาให้ใกล้ดาบมากขึ้น “กรี้ดด! ข้าพูดแล้ว ๆ เป็นจินฮูหยินจ้างวานข้า ให้มาใส่ร้ายโรงเตี๊ยมฟู่จิน ปล่อยข้าลงเถอะข้ากลัวแล้ว” สตรีผู้นั้นหวาดกลัวสุดขีด ยามนี้ยอมเปิดปากว่าเรื่องทั้งหมด “แล้วท่านละ ยอมรับว่าไปเที่ยวหอนางโลมมาจริงหรือไม่?” เจียวจูคาดคั้นเขา “ข้าไปมาเมื่อคืนจริง ๆ ขอรับ” ซิ่วอิงและเจียวจูปล่อยพวกเขาลงมา แล้วหันมาจ้องหน้า สตรีและชายที่ลี่อินจับแขนเอาไว้ พวกเขาพอเห็นนางหันมา ก็ตกใจหน้าซีดเผือด รีบคุกเข่าลงและสารภาพออกมาทันที “เป็นนายท่านเฟยจ้างข้าให้มาใส่ร้ายเจ้าค่ะ” ที่ซิ่วอิงเลือกใช้วิธีนี้เพราะนางคิดว่า ทหารของทางการไม่มีทางเอาผิดพวกเขา เพราะฉะนั้นการประจานออกมาต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ ทุกคนจะได้รู้ว่า มีคนจงใจใส่ร้าย อาหารที่นี่ไม่มีปัญหาแน่นอน และอีกอย่างต้องทำให้เห็น ไม่เช่นนั้นก็จะคิดรังแกกันอยู่ร่ำไป “ในเมื่อพวกเขาสารภาพแล้ว ท่านก็ไปจัดการต่อเถอะเจ้าค่ะ” “ถ้าเช่นนั้นข้าลาขอรับ” ตงเฉิงรีบให้คนมาจับกุมพวกเขาออกไป ลูกค้าในโรงเตี๊ยมต่างเดิรกลับไปที่โต๊ะ ซิ่วอิงจึงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า “ข้าน้อยซิ่วอิงต้องอภัย ที่เกิดเหตุการณ์รบกวนการกินอาหารของทุกท่าน เพื่อเป็นการขอโทษจากทางโรงเตี๊ยม ทางเราจะห่อเป็ดย่าง ให้เอากลับบ้านคนละหนึ่งตัวเจ้าค่ะ” ลูกค้าพอได้ยินเช่นนั้น ก็ยกยิ้มอย่างพอใจ ต่างมองเด็กทั้งห้าคน ด้วยความนับถือในความมีน้ำใจ แต่อีกนัยหนึ่งก็รู้สึกเกรงกลัวพวกเขาทั้งห้าคน เด็ก ๆ เหล่านี้ดูแล้วไม่ธรรมดาเลย กล้าต่อกรกับคนของทางการ และภรรยาของท่านนายอำเภอ ไม่รู้ว่าชีวิตของพวกเขาต่อจากนี้ จะเป็นอย่างไรต่อไป ก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะอยู่รอดปลอดภัยดี ข่าวทางด้านนอกยามนี้ ผู้คนต่างพูดถึงเรื่องที่ตระกูลเฟยและจินฮูหยิน ส่งคนมาใส่ร้ายโรงเตี๊ยมฟู่จิน ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก ถึงความใจร้ายของพวกเขา “ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่า พวกเขาจะกล้าทำเรื่องไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้” “ใช่ใจร้ายเกินไปแล้ว” “ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่า เจ้าของโรงเตี๊ยมฟู่จิน จะเป็นเพียงเด็กน้อยวัยแค่10ขวบเท่านั้น” “เจ้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เจ้าไม่รู้หรอกว่านายหญิงน้อยซิ่วอิง และนายหญิงน้อยเจียวจู สุดยอดมากแค่ไหน นางแค่ยกมือพวกเขาก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ” ชายผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างประทับใจ “เจ้ารู้มั้ยพวกนางอายุแค่10ขวบ แต่ดุดันเด็ดขาดไม่แพ้ผู้ใหญ่คนหนึ่งเลยทีเดียว ข้าอยากให้ลูกข้าเก่งเหมือนนางบ้าง” “ตระกูลเฟยและตระกูลจินกล้าทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ได้อย่างไร” “ใช่ ๆ ลงทุนจ้างคน มาสร้างเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้ เสียงพูดคุยตามท้องถนนในวันนี้ ไม่มีใครไม่พูดถึง เพราะลูกค้าที่ไปกินอาหารหลายคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงสามารถยืนยันได้ว่าเป็นความจริง นายอำเภอจินป๋อเหวินที่นั่งอยู่บนรถม้าพอยินข่าว ถึงกับโทสะแล่นขึ้นมาจับจิต นี่พวกนางทำอะไรลงไป ส่งคนไปใส่ร้ายโรงเตี๊ยมฟู่จิน บ้าไปแล้วหรืออย่างไร คิดจะทำแต่ยังคงทิ้งหลักฐานให้จับได้ อ่อนหัดเสียจริง เมื่อเข้ากลับมาถึงจวน ก็ตรงไปยังเรือนใหญ่ทันที จินฮูหยินและจินฝูฮวา พอเห็นเขาก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง ก็รีบลนลานคุกเข่าลงทันที พวกนางยอมรับความผิดที่ก่อขึ้น ไม่คาดคิดว่าแผนที่นางวางเอาไว้ จะผิดพลาดและล้มเหลวไม่เป็นท่า ยามนี้ชื่อเสียงของตระกูลจินเสียหายอย่างหนัก “คิดจะทำอะไร ไม่ปรึกษาข้าเลยสักนิด พวกเจ้าดูผลที่พวกเจ้าทำ ชื่อเสียงตระกูลจินเสียหายไปหมดแล้ว มันน่านัก!” “ท่านพี่ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ไม่คาดคิดว่าเด็กพวกนั้นจะมีพลังความสามารถ คนที่ส่งไปจึงหวาดกลัวเลยสารภาพผิด” “หากคิดจะทำอะไรใครสักคน ก็ให้มันแนบเนียน ไม่ใช่ให้เขาจับได้ง่ายดายเช่นนี้ พวกเจ้ามันไม่ได้เรื่อง” เขาเอ่ยเสร็จก็สะบัดชายเสื้อจากไปทันที คงต้องส่งของไปขอโทษทางฝั่งนั้น ยามนี้ผู้คนรู้ไปทั้งเมือง คงจะปิดหูปิดได้ใครไม่ได้ น่าโมโหจริง ๆเด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ
เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิง เฉินจางหย่ง ยังคงปูที่นอนบนพื้นข้างเตียงของพวกนาง ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู หลังจากชำระร่างกายเสร็จ ก็ให้พี่อู่ถงและพี่อู่จิ้งมาเปลี่ยนน้ำให้ และให้พวกเขาเข้าไปชำระร่างกาย นางนึกเห็นใจสามพี่น้องสกุลอู่ ที่ทำงานกันอย่างขยันขันแข็งและไม่ปริปากบ่น คงเพราะนางรับทุกคนมาอยู่ด้วย พวกเขาเลยรู้สึกเกรงใจ จึงพยายามทำงานทุกอย่างที่สามารถทำได้ แต่ตอนนี้มีคนมาเพิ่มแล้ว นางจะให้คนมาช่วยงานพวกเขา จะได้ไม่ไปหนักที่พวกเขาสามคนจนเกินไป ขนาดยามนี้ดึกมากแล้ว พวกเขายังทนรอรับใช้ นางรู้สึกซาบซึ้ง น้ำใจพวกเขาจริง ๆ อีกไม่นานเรือนพักก็จะสร้างเสร็จ ทุกคนจะไม่ต้องอยู่กันอย่างแออัดอีกต่อไป จวนที่ท่านปู่ให้คนมาสร้าง นางก็บอกช่างให้ทำใหญ่ไปเลย และมีเรือนแยกอีกหลายหลัง เพราะที่ดินกว้างมากจึงสามารถทำได้ ซิ่วอิงนอนคิดเรื่องราวจนผล็อยหลับไป พร้อมลี่อินและเจียวจู พวกเขาเมื่อออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็มอง เด็กน้อยทั้งสามคนอย่างเอ็นดู เป็นเพียงเด็กแค่10ขวบ แต่ต้องมาทำอะไรมากมายเช่นนี้ โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตคนเสียจริง พวกเขาล้มตัวลงนอนก่อนจะพากันหลับไป วันต่อมาที่โรงเตี๊ยมฟู่จิน วันนี้ทุกอย่างด
“ข้าว่าให้พวกเขาเข้าไปอยู่ในพื้นที่แห่งใหม่น่าจะได้” ตงฮวนเอ่ยขึ้นอย่างวิเคราห์ ซึ่งตรงกับความคิดของซิ่วอิงพอดี เพราะตอนนี้มีพื้นที่แห่งใหม่ที่ใหญ่และกว้างขึ้น แม้จะมีข้าวของเครื่องใช้เหมือนที่นี่ แต่ชีวิตของพวกเขาปลอดภัยแน่นอน “ท่านไปพาพวกเขามาเถิด ระวังตัวด้วยเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเจียวหั่ว “ขอรับ” เจียวหั่วจึงรีบใช้วิชาตัวเบากระโดดหายไปทันที “เรามากินอาหารกันเถอะ ข้าหิวจนจะกินคนได้อยู่แล้ว พี่จือไฉ่ พี่จือหยวน ข้ารบกวนไปยกโต๊ะเก้าอี้มาที่ครัวทีเจ้าค่ะ” “เดี๋ยวข้าไปช่วย” เฉินซีฮันเอ่ยขึ้น เพราะเวลานี้ฐานะเขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาคิดว่าสิ่งไหนที่ช่วยนางได้เขาก็ยินดีช่วยทำ เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ต่างก็รีบออกไปช่วยยกโต๊ะเก้าอี๊เข้ามา พอทุกคนมานั่งกันครบแล้ว ซิ่วอิงก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบาน “วันนี้เป็นวันเกิดของข้า ลี่อิน เจียว ลี่อิน เจียวจู ตงฮวน หานเกอ พี่ซีฮัน พี่เจียวหมิงและพี่จางหย่ง แต่เพราะวันนี้ที่โรงเตี๊ยมยุ่งมากและพรุ่งนี้ก็ยังจะยุ่งอีก เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็กินกันพอประมาณ พอทุกอย่างลงตัวดีแล้ว พวกเราค่อยฉลองใหญ่กันเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงให้ลี่อินชงชา เจียวจูและนางช่วยกันส
ทางด้านตระกูลเฟยยามนี้ เฟยเจินเฉิงตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เขาไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง บิดาเขาส่งคนไปใส่ร้ายโรงเตี๊ยมฟู่จิน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบิดาเขา จะมีความคิดชั่วร้ายเช่นนี้ การแข่งขันในวันนั้น เขายอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี และไม่เคยคิดโกรธเคืองผู้ชนะเลยสักนิด แต่มาวันนี้ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ใด ผู้คนต่างมองมาที่เขาด้วยสายตาตำหนิ พอเขาได้สอบถามถึงได้รู้ความจริง เขารู้สึกผิดหวังกับการกระทำของบิดาจนพูดไม่ออก เสียงผู้คนกล่าวถึงไม่ใช่มีเพียงตระกูลเฟย แต่ยังมีตระกูลจิน ที่กระทำการน่าละอายเช่นเดียวกัน พวกเขาเป็นอะไรกันไปหมด นางเป็นเพียงเด็กน้อยแต่มีความสามารถ ทุกคนควรให้การยอมรับ ไม่ใช่หาเรื่องใส่ร้ายกันเช่นนี้ นี่มันเข้าทำนองผู้ใหญ่รังแกเด็กชัด ๆ เมื่อเฟยเจินเฉิงกลับถึงจวน ก็ตรงไปหาบิดาและมารดาทันที เรื่องนี้เขาคิดว่า บิดาของเขาควรไปขอโทษ ทางโรงเตี๊ยมฟู่จิน ที่ทำให้ได้ความเสียหาย “ท่านพ่อ! ท่านทำแบบนี้ได้อย่างไรกันขอรับ ตอนนี้ผู้คนต่างพูดกันไม่หยุดปาก ถึงตระกูลเราที่ทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น” เฟยเจินเฉิงเอ่ยด้วยสีหน้าผิดหวังและเจ็บปวดใจ “ข้าไม่ได้ตั้ง







