Share

๔ รอยยิ้มเสแสร้ง

Penulis: วอลจู
last update Terakhir Diperbarui: 2025-12-03 03:36:19

บรรยากาศภายในจวนหลี่อ๋องอึมครึ้ม ราวกับมีเมฆพายุฝนหนาทึบตั้งเค้าอยู่เหนือหัว อากาศหนักอึ้งไปด้วยความตึงเครียดจนคล้ายถูกบีบรัดแน่นแทบหายใจไม่ออก ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงดังหรือแม้แต่หายใจแรงด้วยซ้ำ

ทั้งที่วันนี้เป็นวันมงคลของจวนหลี่อ๋องควรเฉลิมฉลองให้แก่ซือจื่อน้อย แต่ทุกสิ่งกลับพังลงในพริบตา เมื่อพระชายาเอกปาจอกน้ำชาของพระชายารองลงพื้นโดยไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย

ผู้ใดเล่าจะเคยเห็นพระชายาเอกผู้ที่สงบเสงี่ยมแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาถึงเพียงนี้ ทั้งยังกล้าเผชิญหน้าต่อหลี่อ๋องโดยไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย

เกรงว่าความอดทนที่สะสมมานานจะขาดสะบั้นลงเสียแล้ว คงยอมแตกหักดีกว่าถูกเหยียบย่ำอย่างไร้ค่ากระมัง

ผู้คนทั้งในจวนอดรู้สึกเห็นใจพระชายาเอกไม่ได้…

สตรีที่ถูกสามีเอ่ยปากรังเกียจต่อหน้าด้วยคำพูดหยามน้ำใจ ถูกปฏิบัติใส่อย่างเย็นชาราวกับคนแปลกหน้ามิใช่ภรรยาที่ร่วมกราบไหว้ฟ้าดินกันมาและทั้งที่อยากจะหย่าเกินทน หากแต่ต้องทนเพราะเกรงใจฮูหยินผู้เฒ่าเท่านั้น

มิหนำซ้ำ เมื่อในคืนวันเข้าหอนั้น หลี่อ๋องกลับหนีออกจากเรือนทั้งที่เข้าไปได้เพียงชั่วอึดใจ ก่อนจะพบได้ว่าแอบไปหาสตรีอื่น

และยิ่งไปกว่านั้น ยังมีถ้อยคำที่ออกจากปากของหลี่อ๋องในสามวันหลังแต่ง ว่าปรารถนาอยากให้สตรีอื่นเข้ามาอยู่ในจวนร่วม กับพระชายา!

แม้หลี่อ๋องจะมีอำนาจในมือ เป็นผู้ดูแลจวนหลี่อ๋องทว่าต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า ยังไม่อาจทำตามอำเภอใจได้ทุกสิ่ง

จนกระทั่งเมื่อพระชายาเอกตั้งครรภ์ อีกฝ่ายกลับคิดว่าตนไม่อาจปรนนิบัติสามีได้อย่างเต็มที่ จึงยินยอมให้หลี่อ๋องพาสตรีอื่นเข้ามาในจวน ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากลับไม่แม้แต่จะจัดพิธีแต่งให้อย่างยิ่งใหญ่เทียบเท่าครั้งของพระชายาเอกราวกับสตรีผู้นั้นไม่มีค่าแม้แต่ให้เปรียบเทียบ

อีกทั้งในยามที่พระชายาเอกเจ็บครรภ์จะคลอด ผู้ที่ควรเฝ้ารอคอยกลับไม่ใช่สามี หากแต่เป็นมารดาสามีเท่านั้น ส่วนหลี่อ๋อง...กลับคลุกอยู่กับสตรีอื่นโดยไม่สนใจไยดี!

ภายหลังจากนั้น สตรีผู้นั้นก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายอีกคนแก่หลี่อ๋อง

กล่าวได้ว่า ความขมขื่นกลำกลืนฝืนทนเช่นนี้ จะมีสตรีใดในใต้หล้าที่สามารถอดทนได้เทียบเท่าพระชายาเอกอีกเล่า?

เหล่าสาวใช้ในจวนที่ยังอดเห็นใจไม่ได้ ทุกครั้งที่เห็นแววตาสงบนิ่งคู่นั้น พวกนางรู้ดี…เบื้องหลังคือความเจ็บปวดที่ไม่มีวันเลือน

หนิงอี้ไม่สนใจว่า การกระทำของนางจะทำให้แม่สามีหรือทำให้ผู้ใดไม่พอใจเพียงใด หากแต่มีผู้คิดลอบทำร้ายหรือพรากชีวิตบุตรของนาง นางยอมหักล้างทุกสิ่งยอมแลกด้วยชีวิตตนเองก่อนจะยอมสูญเสียลูกไปเสียยังดีกว่า!

หลังจากที่โยนจอกยาพิษนั้นทิ้งไปอย่างไม่ใยดี นางไม่รั้งรอสิ่งใดอีกแล้ว หากจะกระเด็นไปโดนผู้ใดก็จัดการเองเถอะ

ไม่รู้ว่าบุตรชายวัยสามขวบจะเข้าใจความหมายของคำพูดเหล่านั้นได้มากเพียงใด ทว่าหนิงอี้กลับรู้สึกหน่วงในใจ คล้ายมีเศษความหวาดหวั่นระแคะระคายรุมเร้าอยู่ภายใน หัวใจเต้นแรงรัวด้วยความกังวลปะปนกับความโกรธ ไม่อาจห้ามภาพของบุตรชายที่ต้องเผชิญอันตรายจนถึงชีวิตที่แวบเข้ามาในหัวได้เลย

เช้าวันถัดมา

“หลี่อ๋อง…เรื่องผ่านไปแล้ว อย่าได้ถือโทษโกรธเคียงพี่หญิงเกินไปเลยเพคะ” น้ำเสียงหวานเจือความเห็นใจ แผ่วเบาอย่างคล้ายสายลมในฤดูใบไม้ผลิ

ใบหน้าของไป๋เหม่ยฮวาปรากฏรอยยิ้มจางๆ นางเงยหน้าสบตากับบุรุษตรงหน้าอย่างพอดี “เกรงว่าพี่หญิงคงเหน็ดเหนื่อยกับเรื่องภายในจวนไม่ใช่น้อย หากไม่รังเกียจหาว่าหม่อมฉันต่ำต้อยไร้หัวนอนปลายเท้าดุจเศษดิน หม่อมฉันก็ยินดีขอยื่นมือช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระในจวนเพคะ”

ไฉนเลยจะไม่ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจได้ เมื่อสตรีที่สงบนิ่งดั่งสายน้ำ พูดน้อยกว่าเสียงนกจิบและวาจาอ่อนโยนประหนึ่งไม่อาจกดด่าผู้ใดให้เจ็บใจ แต่วันนี้กลับด่ากราดผู้คนได้เจ็บแสบราวกับถูกน้ำร้อนลวก ทำคนฟังพาลร้อนรุ่มตามไปด้วย

มิใช่ว่าครานั้นเป็นลมไปกระแทกพื้นจนบาดเจ็บหัวหรือไร!

พอฟื้นขึ้นมา นิสัยจึงเปลี่ยนไปราวกับคนละคน แล้วไฉนไม่ตายไปเสียให้สิ้นเรื่องเล่า นางจะได้มอบชะตากรรมที่เหลือให้ง่ายขึ้น และเวทนาก็คงรีบส่งบุตรชายตามลงไปโดยเร็ว!

แม้แผนลอบสังหารมารหัวขนนั้นจะล้มเหลวพังไม่เป็นท่าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะไร้โอกาสเสียทีเดียว ยิ่งเห็นนิสัยของสตรีผู้นั้นเปลี่ยนไป หลี่อ๋องก็คงรู้สึกรังเกียจขึ้นเป็นเท่าทวี เกรงว่ายายเฒ่าผู้นั้นก็คงเริ่มมองถงซิ่นเหยาด้วยสายตาไม่เอ็นดูต่างจากเมื่อคราวก่อนแน่!

ใบหน้าของไป๋เหม่ยฮวาปรากฏรอยยิ้มจางๆ อย่างพึงพอใจ นางเงยหน้าขึ้นสบตากับหลี่อ๋องอย่างจงใจ

“หลี่อ๋องอย่างได้โกรธเคืองพี่หญิงเลยนะเพคะ”

หลี่เฉิงหยวนยังคงเงียบ ฝ่ามือหนาทายาลงบนผิวขาวเนียนที่ระเรื่อจางๆ จากรอยลวกของน้ำชาที่กระเด็นอย่างเบามือ ดวงตาคมกริบราบเรียบไร้อารมณ์ ทว่าภายในใจเต็มไปด้วยความขุ่นมัวปนความโกรธเกี้ยว

ไป๋เหม่ยฮวาพูดอีก “พี่หญิงคงไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

พอได้ยินคำนั้น หลี่เฉิงหยวนพลันชะงัก สายตาคมกริบเงยขึ้นมองสตรีตรงหน้า พลางสูดลมหายใจลึก พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ปะทุออก

“เหม่ยฮวา…ลืมไปแล้วหรือที่เจ้าเจ็บตัวก็เพราะนาง เหตุใดถึงจิตใจอ่อนโยนนัก คราวหน้าอย่ายอมให้ผู้ใดรังแกได้ง่ายๆ เช่นนี้ อีกเข้าใจหรือไม่” หลี่เฉิงหยวนเอ่ยดุเล็กน้อย เจือทั้งความเอ็นดูและความห่วงใย ทว่าแฝงความหงุดหงิดเล็กน้อยซ่อนอยู่ใต้โทนเสียง

“หากจะตอบโต้กลับก็อย่าได้เกรงกลัว…”

สายตาคมกริบแข็งกร้าวเต็มไปด้วยความจริงจัง เขาเองก็ไม่เข้าใจว่า เหตุใดสตรีที่สงบนิ่งดั่งสายน้ำจึงกลายเป็นเช่นนี้

มิใช่ว่าที่ผ่านมานางแสดงละครแสร้งหรอกหรือ?

หึ! คราวนี้ หากจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เกรงว่า คงไม่มีผู้ใดมองนางเหมือนเดิมอีกแล้ว

“อวดดีนัก! เห็นว่ามีมารดาของข้าให้ท้ายแล้ว เจ้าคิดจะทำอะไรตามใจตัวเองก็ได้อย่างไรงั้นหรือ…ถงซิ่นเหยา!” น้ำเสียงทุ้มต่ำ พูดรอดไรฟันออกมาด้วยความเดือดดาล มุมปากหนายกยิ้มเย็นชา

หลี่เฉิงหยวนขบกรามแน่นขึ้นเป็นสันอย่างโกรธเกรี้ยว

ไป๋เหม่ยฮวาเหลือบมองบุรุษตรงหน้า แววตาคู่นั้นคล้ายอ่อนโยน หากแต่ในส่วนลึกกลับแฝงรอยเย้ยหยัน นางลอบหัวเราะในลำคออย่างพึงใจ…หลี่อ๋องผู้นี้ช่างเชื่องนัก! เชื่อฟังนางยิ่งกว่าสุนัขที่ภักดีต่อเจ้านายเสียอีก

เกรงว่าหากในจวนนี้ไร้ยายเฒ่าผู้นั้นคอยขวาง ถึงแม้นางจะไม่ได้รับตำแหน่งพระชายาเอก แต่อย่างไรเสียอำนาจทั้งหมดก็คงตกอยู่ในกำมือนางอยู่ดี!

ทว่าน่าเสียดายนัก…นางกลับมีอุปสรรคขวางทางอยู่ทุกย่างก้าว!

ทั้งยายเฒ่าที่อายุยืนยิ่งกว่าหินผายังไม่รู้จักรีบตายลงโลงไปเสียที ทั้งเด็กมารหัวขนนั่นที่นางวางแผนกำจัดไปให้พ้นหูตาแต่กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า แล้วไหนจะสตรีชะตาแข็งผู้นั้นอีก…

ช่างดื้อด้านนัก! ไม่ว่าทำอันใดก็ไม่ตายสักที!

เพียงคิดถึงเรื่องพวกนั้น โทสะในใจของไป๋เหม่ยฮวาก็เดือดพล่านปุดๆ ขึ้นมาราวน้ำเดือดในหม้อ

นางจึงลอบเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานแฝงพิษร้าย

“หลี่อ๋อง…หม่อมฉันไม่เข้าใจ ถ้อนคำพูดเมื่อครู่หมายความเช่นไรกัน อย่างไรเสียพี่หญิงก็คือภรรยาของท้าน ทั้งยังเป็นมารดาของซื่อจื่อน้อย จะลงโทษหรือกล่าวตำหนิก็ใจเน็นก่อนเถอะเพคะ”

แม้ถ้อยคำพูดนั้นจะฟังดูคล้ายห่วงใย ทว่าในส่วนลึกของใจ ไป๋เหม่ยฮวากลับภาวนาให้เขาลงโทษสตรีผู้นั้นให้ถึงตายเสีย นางจะได้หมดสิ้นเสี้ยนหนามไปโดยเร็ว!

“หึ!” หลี่เฉิงหยวนหัวเราะในลำคอ มุมปากหนายกขึ้นเป็นอย่างเย็นเยียบ “ในเมื่ออยู่ในจวนอ๋องย่อมต้องมีระเบียบ หากอวดดีเช่นนี้ก็คงไม่พ้นถูกตราหน้าว่าเป็นต่ำทราม ไร้ผู้ใดอบรมสั่งสอน!”

เดิมทีอารมณ์ของหลี่เฉิงหยวนก็ขุ่นมัวมาตั้งแต่เมื่อคืนยามพลบค่ำอยู่แล้ว เมื่อได้ยินไป๋เหม่ยฮวากล่าวถึงเรื่องนั้น ภาพของสตรีอีกคนพลันแวบขึ้นมาในหัว ดวงตาเยียบเย็นคู่นั้นของนาง ฉายแววอวดดีและแข็งกร้าวราวไม่รู้จักเกรงกลัว!

ทว่าเหตุใดนางถึงกล้ามองเขาด้วยสายตาเช่นนั้นกัน!?

ทั้งที่นางสมควรก้มหน้าหลบสายตาอย่างที่เคยทำแทนที่จะเชิดหน้าสบตาเขาเช่นนี้!

เพียงนึกถึง ดวงตาสรดำขลับของหลี่เฉิงหยวนก็แข็งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ จนความเย็นเยียบแผ่ซ่านกระจายไปทั่วห้อง ความเงียบงันกลับมาปกคลุมอีกครั้ง คล้ายพายุที่กำลังตั้งเค้าก่อนโถมใส่ผู้ใดสักคนโดยไม่รู้ว่าจะรุนแรงถึงเพียงไหน...

ภายในจวนหลี่อ๋องมีเสียงหัวเราะใสซื่อของเด็กน้อยดังสะท้อนก้องอยู่ในลานกว้าง

“ท่านแม่ ท่านดู! ข้าเขียนได้แล้ว!”

มือเล็กๆ ของอาหรงน้อยกำลังตวัดพู่กัน เขียนอักษรลงบนกระดาษขาวด้วยสีหน้าแน่วแน่อย่างตั้งใจ แม้เส้นสายจะโย้เย้ไม่เป็นรูปนัก แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

ถงซิ่นเหยาเอื้อมมือช่วยประคอง มืออ่อนเรียวยาวขาวราวกับหยกแตะหลังมือเล็กอย่างแผ่วเบา นางระบายยิ้มจางๆ ออกมาอย่างอ่อนโยนจนถึงดวงตา หากแต่ฉายแววเหนื่อยล้าเล็กน้อย

จนถึงตอนนี้ หลิงอี้ก็ยังไม่อยากเชื่อได้ว่าเธอได้ทะลุมิติมาจริงๆ ทั้งที่ก่อนยังนั่งอ่านนิยายอยู่ห้อง แม้ตอนก่อนนอนจะภาวนาขอให้ทุกอย่างเป็นเพียงความฝันเท่านั้น ทว่ายามที่ลืมตาขึ้นมากลับพบว่าทุกสิ่งตรงหน้าเป็นจริงไปเสียหมด

แม้ในใจหนิงอี้อยากกลับไปเพียงใด แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าเล็กๆ ของหลี่จวิ้นหรง นางกลับรู้สึกเวทนาขึ้นมาทุกครั้งโดยไม่รู้ตัว

เช่นนั้นแล้ว นางปรารถให้เด็กน้อยผู้นี้เติบโตอย่างปลอดภัย มีชีวิตที่ยืนยาวถึงร้อยปีได้หรือไม่

จากนั้น หากสวรรค์จะเมตตาให้นางได้ตายจากไป แล้วได้กลับคืนสู่ที่ที่จากมาอีกครั้งก็คงดีไม่น้อย

“ดีมาก…ลูกแม่เก่งที่สุดแล้ว!” น้ำเสียงของนางแผ่วราวกับจะถูกกลืนหายไปสายลม ภายในใจเต็มความปวดร้าวลึกซึ้งมิอาจให้ผู้ใดล่วงรู้

นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเพ่งมองบุตรชายตรงหน้าอย่างเงียบงันราวกับกำลังจดจำใบหน้าเล็กของบุตรชายให้ขึ้นใจ ทั้งโครงหน้ากลมมน คิ้วเข้มสีดำขลับ ดวงตาคมกริบที่เป็นประกาย จมูกโด่งได้รูปและริมฝีปากอวบอิ่มน่ารักน่าเอ็นดู

เพียงมองก็รู้ว่าอีกหน่อยต้องเติบโตเป็นบุรุษรูปงามแน่!

นางมองแล้วเผลอระบายยิ้มกว้าง…ก่อนจะเจื่อนลงในทันที

แต่เหตุใด…เหตุใดสตรีผู้นั้นถึงได้ใจร้ายใจดำเพียงนั้นกันเล่า ถึงกับคิดลงมือฆ่าเด็กน้อยผู้บริสุทธิ์เช่นเขาได้อย่างไม่สะทกสะท้าน

อาหรงน้อยยังคงตวัดพู่กันเขียนลงบนกระดาษเป็นรูปร่างต่างๆ อยู่ตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี ใบหน้าของเด็กน้อยเปื้อนรอยยิ้มไร้เดียงสา เสียงหัวเราะใสกังวานสะท้อนก้องทั้งจวน จนเหล่าสาวใช้ที่อยู่บริเวณนั้นหรือผ่านไปมาอดยกยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้

ทว่าเสียงนั้นกลับยิ่งบีบหัวใจของถงซิ่นเหยาให้แน่นราวถูกกดทับไว้ด้วยหินหนัก

นางค่อยๆ เรือนผมบุตรชายอย่างแผ่วเบา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อาหรง…เจ้าต้องโตขึ้นให้เข้มแข็งกว่านี้รู้หรือไม่”

เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองมารดา พร้อมทั้งยิ้มกว้าง “ท่านแม่ไม่ต้องห่วงขอรับ…ข้าจะปกป้องท่านแม่เอง”

พอสิ้นพูดนั้น หัวใจของนางพลันกระตุกวูบ แววตาสั่นระริก หยาดน้ำตาเอ่อคลอเต็มหน่ย นางสูดลมหายใจลึกพยายามกลั้นไว้ไม่ ให้ไหลรินออกมาก่อนรีบหันหน้าหนี กลัวว่าบุตรชายจะเห็น

“อาหรงไม่ต้องปกป้องเพียงแค่มีชีวิตอยู่ให้ได้นั่นก็พอแล้ว” น้ำเสียงหวานแหบพร่า

ถงซิ่นเหยาหันกลับมาปลายนิ้วยก ขึ้นลูบแก้มบุตรชายราวกับกลัวว่าสัมผัสนี้จะสูญหายไปตลอดกาล

ใต้แสงอาทิตย์ยามสายของวัน เด็กน้อยยังคงยิ้ม แต่ในแววตาของนางกลับสะท้อนความกลัวออกมา…ความกลัวว่าจะมีผู้ใดมาพรากรอยยิ้มนั้นไปจากชีวิตของนางอีกครั้ง

อาหรงระบายยิ้มกว้าง “ข้าจะมีชีวิตอยู่เพื่อท่านแม่ขอรับ!”

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นจากอีกฟากของจวนเป็นจังหวะสม่ำเสมอราวกับหัวใจที่เต้นแรงด้วยโทสะ สาวใช้ทุกคนที่อยู่ในลานต่างหันขวับไปมองตามเสียงนั้นแทบพร้อมกัน

“หลี่อ๋อง!” เสียงหนึ่งร้องขึ้นอย่างตกใจ ก่อนที่บรรยากาศจะเงียบงันลงราวกับทุกลมหายใจถูกกดทับไว้

ร่างสูงของหลี่อ๋องในอาภรณ์สีเข้มปรากฏตัวใต้ชายคาเดินมาแต่ไกล ดวงตาคมกริบฉายแววเย็นชา ท่วงท่าเดินแน่วแน่ พุ่งตรงมาทางยังลานกลางจวนที่พระชายเอกกำลังนั่งอยู่กับจื่อซื่อน้อยโดยไม่ลังเลสักนิด!

“เหตุใด…ท่านอ๋องถึงได้มาในยามเช่นนี้กัน” สาวใช้ผู้หนึ่งพึมพำเสียงเบา พลางก้มหน้าหลบสายตาคมกริบราวคมมีดนั้น

พอได้ยินเสียงนั้น ถงซิ่นเหยาชะงักกึกทันที หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ ความเย็นเยียบวาบแล่นผ่านแผ่นหลังราวกับมีผู้ใดสาดน้ำแข็งใส่ นางปล่อยมือจากบุตรชาย แววตาที่เคยอ่อนโยนพลันแข็งกร้าวขึ้นเพียงเสี้ยวขณะ

เขา…จะมาหานางทำไมกันในเวลานี้?

ขณะที่อาหรงน้อยยังไม่รู้เรื่องราวใดๆ เขาเงยหน้ามองบิดาด้วยรอยยิ้มสดใส น้ำเสียงใสตะโกนเรียกอย่างดีใจ

“ท่านพ่อ!”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เขารังเกียจ   ๔ รอยยิ้มเสแสร้ง

    บรรยากาศภายในจวนหลี่อ๋องอึมครึ้ม ราวกับมีเมฆพายุฝนหนาทึบตั้งเค้าอยู่เหนือหัว อากาศหนักอึ้งไปด้วยความตึงเครียดจนคล้ายถูกบีบรัดแน่นแทบหายใจไม่ออก ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงดังหรือแม้แต่หายใจแรงด้วยซ้ำทั้งที่วันนี้เป็นวันมงคลของจวนหลี่อ๋องควรเฉลิมฉลองให้แก่ซือจื่อน้อย แต่ทุกสิ่งกลับพังลงในพริบตา เมื่อพระชายาเอกปาจอกน้ำชาของพระชายารองลงพื้นโดยไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อยผู้ใดเล่าจะเคยเห็นพระชายาเอกผู้ที่สงบเสงี่ยมแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาถึงเพียงนี้ ทั้งยังกล้าเผชิญหน้าต่อหลี่อ๋องโดยไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อยเกรงว่าความอดทนที่สะสมมานานจะขาดสะบั้นลงเสียแล้ว คงยอมแตกหักดีกว่าถูกเหยียบย่ำอย่างไร้ค่ากระมังผู้คนทั้งในจวนอดรู้สึกเห็นใจพระชายาเอกไม่ได้…สตรีที่ถูกสามีเอ่ยปากรังเกียจต่อหน้าด้วยคำพูดหยามน้ำใจ ถูกปฏิบัติใส่อย่างเย็นชาราวกับคนแปลกหน้ามิใช่ภรรยาที่ร่วมกราบไหว้ฟ้าดินกันมาและทั้งที่อยากจะหย่าเกินทน หากแต่ต้องทนเพราะเกรงใจฮูหยินผู้เฒ่าเท่านั้นมิหนำซ้ำ เมื่อในคืนวันเข้าหอนั้น หลี่อ๋องกลับหนีออกจากเรือนทั้งที่เข้าไปได้เพียงชั่วอึดใจ ก่อนจะพบได้ว่าแอบไปหาสตรีอื่นและยิ่งไปกว่านั้น ยังมีถ้อยคำที่ออกจาก

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เขารังเกียจ   ๓ เป็นได้เพียเงา

    ในนิยายกล่าวถึงฉากนี้ไว้ พระชายาหลี่อ๋องทุ่มเทแรงกายและแรงใจทุกหยาดเหงื่อ ตระเตรียมงานเลี้ยงฉลองวันครบรอบให้บุตรชายมาเป็นเวลาหลายวัน ทุกอย่างถูกวางแผนอย่างละเอียดราวเพราะเป็นวันสำคัญ แต่ก่อนวันงานเพียงหนึ่งวัน…ทุกอย่างกลับต้องเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเพราะบุตรชายกับสตรีอีกคนของสามีก็ครบร้อยวันพอดีจึงเรียกร้องให้มีการจัดงานฉลองร้อยวันให้ด้วยแม้แม่สามีจะไม่แสดงท่าทีขัดค้าน ทว่าพระชายาหลี่อ๋องกลับรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงและคำพูดที่แฝงความหมาย ซึ่งแม้จะกล่าวว่านับเป็นเรื่องน่ายินดีที่จวนหลี่อ๋องจะชื่นมื่น แต่แท้จริงแล้วนั่นไม่ต่างจากการเหยียบย่ำหน้าและศักดิ์ศรีของนางเบาๆเดิมทีตั้งแต่คลอดบุตรชาย สุขภาพของพระชายาหลี่อ๋องก็ไม่ค่อยแข็งแรง มักจะล้มป่วยบ่อยและเจ็บออดๆ แอดๆ อยู่เสมอ วันนี้เช่นกัน เมื่อยามสายผ่านไปไม่นาน ร่างกายที่อ่อนแรงของนางก็ทนไม่ไหวจนเกิดเป็นลมกลางจวนและในช่วงเวลานั้น บุตรชายของนางไร้ผู้ใดปกป้องพลันถูกวางยาพิษจนสิ้นชีพ…เพียงเสี้ยวลมหายใจทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแทบไม่มีผูใดทันตั้งตัวเมื่อพระชายาหลี่อ๋องฟื้นขึ้นมาจากอาการเป็นลม สิ่งแรกที่เห็นทำให้หัวใจของนางแทบหยุดเต้น

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เขารังเกียจ   ๒ ฮูหยินที่เขาไม่รัก

    หนิงอี้ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ภายในห้องเงียบสงบกว่าก่อนหน้านี้ ทว่าเสียงฝีเท้ายังคงวุ่นวายอยู่ด้านนอก กลางอกนางยังรู้สึกปวดร้าวเล็กน้อยจนต้องยกมือขึ้นมานวดเบาๆ ทว่ากลับชะงักเมื่อสัมผัสถึงความอบอุ่นจากอ้อมแขนน้อยของเด็กชายที่กอดเธอไว้ก่อนหน้านี้ดวงตาดำกลมโตของเด็กน้อยดูใสซื่อเล็กเกินกว่าที่จะเข้าใจโลกใบนี้ดี มือข้างหน้าโอบกอดมือของเธอแนบหน้าไว้ไม่ยอมปล่อยหน้าต่างถูกผ้าม่านผืนบางกั้น แสงแดดยามบ่ายคล้อยสาดลอดเข้ามาเป็นเส้นๆ ชายผ้าม่านกระพือตาทสายลม เงาของคนเดินผ่านทำให้หนิงอี้ลายตารู้สึกเวียนหัวอีกครั้ง ทั้งยังมีเสียงวุ่นวายด้านนอกที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะสงบ ยิ่งทำให้เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบๆ ราวกับสะท้อนความตึงเครียดในอก“พระชายา! พระชายา ฟื้นแล้ว!” อาหยุนร้องตะโกนบอกด้านนอก ก่อนจะเร่งรีบเดินเข้ามาพร้อมกับอ่างน้ำและเช็ดหน้าด้วยมือที่สั่นพลางมองผู้เป็นนายหญิงด้วยสายตาห่วงใย“ท่านแม่ฟื้นแล้ว!” อาหรงเอียงคอจับจ้องหน้ามารดาด้วยดวงตากลมโตอยู่นานคาหนึ่งก่อนที่ริมฝีปากน้อยๆ จะขยับพูด“อาหรง…” หนิงอี้เรียกชื่อเสียงแผ่ว พลางจ้องมองใบหน้ากลมๆ ของเด็กชายข้างเตียง ก่อนที่จู่ๆ ริมฝีปากจะสั่นเครือ น้

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เขารังเกียจ   ๑ นิยายน้ำเน่า

    “เพราะสตรีผู้นั้น…! เป็นเพราะมันที่ทำให้อาหรงต้องตาย!” น้ำเสียงของพระชายาหลี่อ๋องดังก้องลั่นออกมา แววตาและนิ้วชี้ไปตรงหน้าราวกับต้องการจี้เข้าไปในเนื้อหัวใจของอีกฝ่าย ดวงตาแดงของนางกร่ำเต็มไปด้วยความโกรธและความแค้นที่แทบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“หากมันไม่ตายตามลงไปปรโลกเพื่อขอโทษอาหรง! ชาตินี้ก็อย่าหวังว่าบุตรชายของเจ้าจะได้มีลมหายใจ! ต่อให้เกิดมาอีก ข้าก็จะฆ่าทิ้ง!”พระชายาหลี่อ๋องยืนตรงหน้าประตูเรือนใหญ่ ในอ้อมแขนกอดทารกน้อยเพียงร้อยวันด้วยความรู้สึกผิดผสมแค้น ส่วนมืออีกข้างกำปิ่นแหลมแน่นจนลำแสงอ่อนจากโคมไฟสะท้อนประกายเย็นเฉียบจนบรรยากาศกัดดันยามนี้ความอดทนของนางถึงขีดสุดแล้ว…ที่ผ่านมา นางอดทนมาเยอะเกินกว่าจะนับได้หากแต่ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวนั้น ยังมีเสียงร้องเบาๆ จากเล็กน้อยจากทารกน้อยในอ้อมแขน ราวกับเตือนให้นางสงบนิ่งนางเคยเป็นมารดาและเคยสูญเสียลูกไปอย่างไม่วันหวนคืน“สตรีชั่ว! หากมิใช่เจ้าละเลยหน้าที่มารดาที่ดีไม่อาจเลี้ยงบุตรได้…หึ! ที่อาหรงต้องตายก็เพราะเจ้า! เจ้ายังกล้าโทษผู้อื่นไร้สติหรือ?! เช่นนั้นเจ้าก็…ตายตามอาหรงไปเฝ้าปกป้องเขาเสีย!”หลี่อ๋องจ้องสตรีตรงหน้าด้วยความโกรธท

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status