LOGINเด็กน้อยทั้งสองหลังวิ่งเล่นกับเด็กในหมู่บ้านจนถึงเวลาที่เฟยเฟิ่งกำหนดไว้แล้วก็วิ่งกรูกลับบ้านมากันหน้าตั้ง ซูลี่กางแขนออกด้วยคิดว่าจะทำให้วิ่งเร็วขึ้น ส่วนจื่อซวานนั้นวิ่งนำหน้าน้องสาวมาเยอะจนสองพี่น้องต้องทะเลาะกันจนได้ยินเสียงมาถึงหน้าบ้าน
“ป้า ฉันจะไปทำอาหาร ถ้ามีคนมาซื้อของ ป้าตะโกนเรียกฉันนะ”
“ต้องทำอีกหรือของเดิมก็ยังเหลือ นิสัยสิ้นเปลืองต้องเพลาลงบ้างเถอะ” อันซูเจินที่แม้จะอ่อนลงกับว่าที่สะใภ้ผู้นี้มากนักก็ยังไม่วายบ่นเรื่องที่ไม่ถูกใจตนเองออกไปอยู่ดี
“เหลือกินแค่คนละลูกจะไปอิ่มได้ยังไงกัน ไม่เปลืองหรอกป้า”
สองพี่น้องบ้านซีรู้หน้าที่กันดีจึงตรงเข้าไปอาบน้ำโดยที่ทั้งย่าและแม่เลี้ยงไม่มีใครต้องออกคำสั่ง เฟยเฟิ่งที่ในคราวแรกอยากทำข้าวผัดไข่ แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีข้าวที่หุงและปล่อยให้เย็นเก็บไว้ก็ต้องตัดใจเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นอย่างช่วยไม่ได้
ว่านเฟยเฟิ่งนำมันฝรั่งล้างน้ำจนสะอาดกรีดเปลือกไว้เป็นแนวยาวและตัดขวาง จากนั้นก็ได้อันซูเจินมาช่วยจุดไฟให้ตั้งหม้อต้ม ระหว่างรอก็ได้เวลาทำน้ำราด เฟยเฟิ่งนำหม้อเล็กอีกใบตั้งน้ำมันให้ร้อย จากนั้นก็เตรียมวัตถุดิบอื่นตั้งแต่กระเทียมสับละเอียด ต้นหอมซอย พริกป่น ไปจนถึงงาอีกเล็กน้อย
เมื่อยกนำมันลงจากเตาแล้วก็เทส่วนผสมทั้งหมดลงหม้อ จากนั้นตามด้วยซอสถั่วเหลือง น้ำตาล น้ำส้มสายชู และซอสหอยนางรม
“น้าเฟิ่งทำอะไรหอมจัง” ซูลี่ที่ได้อาบน้ำก่อนมาหาแม่เลี้ยงที่หลังบ้าน
“น้าจะทำมันต้มราดซอสเผ็ด แต่ไม่เผ็ดมากหรอก ยังไงซูลี่ก็กินได้” เฟยเฟิ่งคนส่วนผสมให้เข้ากัน ก่อนจะเตะปลายช้อนให้ซูลี่ชิม
“ซูลี่กินเผ็ดได้ ปกติก็กิน” ซูลี่ที่แม้จะพูดเช่นนั้นก็ยังขอชิมอยู่ดีจึงทำให้เฟยเฟิ่งหัวเราะออกมากับความตะกละของเด็กน้อย
แน่ใจแล้วว่าเด็กน้อยกินได้จริงๆ เธอจึงใช้ให้ซูลี่ไปเอาที่ประคบมาจากย่าเพื่ออุ่นใช้ จากนั้นก็นำมันที่ต้มได้ที่แล้วมาแช่น้ำให้หายร้อน และลอกผิวด้านนอกออกไปอย่างง่ายดายไม่เสียเนื้อมัน
เฟยเฟิ่งใช้ส้อมบี้ให้เนื้อมันเละ และเทแป้งข้าวโพดลงไปผสม ปั้นเป็นลูกพอดีคำ และนำไปต้มจนลอยขึ้นมาด้านบนก็นับว่าได้ที่ จัดลงจานแล้วราดน้ำซอสที่ทำไว้ก็เป็นอันเสร็จ
เก่งกาจจนเธอเกือบชมตัวเองว่าเป็นนางเอกแมรี่ซู ก็มาติดขัดทุลักทุเลก็ตอนต้องหุงข้าวแบบช่วงเข้าค่ายและไม่มีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าให้ใช้ แต่อย่างไรก็ถือว่าผ่านไปได้ แม้จะแข็งเกินไปสักหน่อย
“ข้าวแข็งหน่อยนะ น้าใส่น้ำน้อยเกินไป”
“นั่งกันได้แล้ว ฉันหิว” อันซูเจินบ่นพลางหยิบซาลาเปามากัดเข้าปาก
“เดี๋ยวฉันมา ที่ประคบป้าอยู่ด้านนอก”
ว่านเฟยเฟิ่งหยิบที่ประคบก่อนจะกลับเข้ามานั่งรวมอยู่ที่พื้นกับคนที่เหลือ ยังไม่มีใครลองชิมมันต้มราดซอส เพียงแค่ตักข้าวใส่จานไว้รอเท่านั้น เห็นแบบนี้เธอก็ลอบยิ้มออกมา ว่าแม้จะเป็นครอบครัวชาวนาที่ยากจนอย่างน้อยเรื่องมารยาทพื้นฐานคนบ้านซีก็ไม่ได้ละทิ้ง
“เริ่มกันเลยเถอะ” เฟยเฟิ่งตักมันปั้นขึ้นมาลูกหนึ่ง รอให้คนที่เหลือตักตาม จากนั้นทุกคนก็เอาเข้าปากในจังหวะเดียวกันอย่างไม่น่าเชื่อ
ความหนุบหนับที่ได้จากก้อนแป้งส่งให้มันต้มธรรมดาๆ มีเนื้อสัมผัสที่อร่อยจนไม่น่าเชื่อ เฟยเฟิ่งเองก็ยังไม่เชื่อในฝีมือตนเอง เพราะเมนูนี้เป็นสิ่งที่เห็นมาจากอินเทอร์เน็ตในโลกเก่าก่อนตาย ยังไม่ทันได้ลองทำเสียด้วยซ้ำ ส่วนผสมก็เป็นการกะด้วยสายตาทั้งหมด
“ฉันนี่มีพรสวรรค์จริงๆ”
“เนื้อมันเคี้ยวแล้วสนุก น้ำราดนี่ได้กินเต็มคำแล้วอร่อยจริงๆ เค็มหวานมีเปรี้ยวนิดๆ แล้วก็เผ็ดไม่มากด้วย” อันซูเจินชมออกมาจากใจจริง อาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์แต่กลับอร่อยได้ถึงเพียงนี่ ที่เคยเข้าใจว่าแต่งล้างน้ำ แต่งเพราะไม่ได้ความ อาจไม่ใช่ความจริงเสียแล้ว
เด็กทั้งสองนั้นไม่ได้พูดสิ่งใด เอาแต่กินเอากินเอาเป็นคำตอบให้เฟยเฟิ่ง ผู้ใหญ่ทั้งสองจึงเลิกพูดคุยกันแล้วรีบกินก่อนที่จะกินไม่ทันสมาชิกของบ้านที่เสมือนว่าไม่ได้เคี้ยวก่อนกลืนสักนิดเดียว
.
.
.
“ได้เวลาเรียนแล้วมากันเร็วเข้า”
หลังเก็บจานไปล้างเฟยเฟิ่งก็เรียกลูกเลี้ยงของตนที่ไม่รู้หลบไปตรงที่ใดให้ออกมาหน้าบ้าน โดยที่เฟยเฟิ่งก็พยายามเมียงมองว่าจะใช้สิ่งมาขีดเขียนระหว่างสอนดี ก็เป็นจื่อซวานและซูลี่ที่วิ่งออกมาพร้อมสมุด
“มีสมุดกันด้วยเหรอ”
“พ่อซื้อไว้ให้ เวลาพ่ออยู่พ่อจะสอนหนังสือ” จื่อซวานเป็นผู้อธิบายออกมา
“อ๋อ แต่น้าคงสอนไม่เหมือนกับพ่อ ภาษาจีนไว้ไปเรียนที่โรงเรียนก็คงทัน แต่สิ่งที่น้าจะสอนคือภาษาอังกฤษ”
“แต่เราเป็นคนจีน” ซูลี่เอ่ยออกมา
“แต่โลกนี้ไม่ได้มีแต่คนจีนสักหน่อย ตอนนี้เราเริ่มเปิดประเทศแล้ว ถ้าเราคุยกับคนชาติอื่นได้ เราก็ขายของให้เขาได้ ทำงานร่วมกับเขาได้”
“ไว้หาเพื่อนเล่นได้ไหมน้าเฟิ่ง” ซีซูลี่ถาม
“ได้สิ จะมีเพื่อนมากกว่าคนอื่นที่พูดได้ภาษาเดียวด้วย” เฟยเฟิ่งยื่นมือไปลูบหัวเด็กหญิง
“เรื่องนี้คือโอกาสอีกแล้วใช่ไหมครับ” จื่อซวานที่เงียบเพราะกำลังใช้ความคิดในที่สุดก็ถามออกมา
“อืม สร้างอะไรก็ไม่สู้สร้างโอกาส ยิ่งเรามีทางเลือกเยอะมากๆ ก็ยิ่งมีทางไปมาก ทำงานกับคนจีนไม่ได้ ก็ไปทำกับคนอื่น ขายของในจีนไม่ได้ ก็ไปขายให้คนอื่นแทน หรือเอาของคนอื่นมาขายให้คนจีนก็ยังได้”
“ผมจะตั้งใจเรียน ถ้าเก่งมากๆ เงินค่าจ้างก็คงเยอะกว่าคนอื่นใช่ไหมน้าเฟิ่ง”
“ใช่แล้ว มาเริ่มกันเถอะ ตัวอักษรของภาษาอังกฤษมีแค่ยี่สิบหกตัวเท่านั้น แบ่งเป็นสระห้า ที่เหลือคือพยัญชนะ น้าจะเขียนให้ดู”
“หน้าตาประหลาดจริง ฮ่าๆๆ กลมๆ อ้วนๆ ตัวนี้เหมือนเด็กบ้านอันเลย” ซูลี่ชี้ไปที่ตัวอักษรดี
ช่วงกลางวันเฟยเฟิ่งสลับสอนเด็กน้อยทั้งสอง และขายของหน้าร้าน ลูกค้าที่มาจดรายการเนื้อสัตว์เองก็มีไม่น้อยเช่นกัน
สายตาประหลาดใจถูกส่งมาให้เด็กทั้งสองอยู่เนืองๆ เพราะเฟยเฟิ่งกำลังให้ท่องคำศัพท์หมวดอาหารระหว่างรอเธอขายของ จนมีเสียงพูดคุยกันลับๆ ว่าคนบ้านซีพูดภาษาอะไรไม่รู้เรื่องสักนิด
บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามีสองสัปดาห์ผ่านไปแปลงผักในพื้นที่หลังบ้านเริ่มที่จะเข้าที่แล้ว ช่วงแรกแม้จะทดลองปลูกกันไปแล้ว แต่การจัดสรรพื้นที่ยังไม่ลงตัวจึงทำให้ต้องลดปริมาณผักที่เก็บไปส่งให้ป้าจูด้วย แต่เมื่อตกลงกันกับเด็กๆ เรียบร้อยแล้ว เฟยเฟิ่งก็ให้เด็กทั้งสองเดินหน้าเต็มกำลังหลังบ้านซีไม่มีพื้นที่ส่วนใดที่ไร้ประโยชน์ พื้นที่จุดที่ได้รับเฉพาะแดดเช้าลงผักที่ไม่ต้องการแดดมาก ในโรงเรือนมีเห็ดหลากชนิดให้หมุนเวียนตัดไปกินและขาย เหนือพื้นดินด้านนอกมีราวไม้สำหรับแขวนกระถางปลูกผักเพิ่ม อีกแถวไว้ปลูกกล้วยไม้สวยงามจากในมิติที่เฟยเฟิ่งอ้างว่าพบเจอบนภูเขา หากขยายพันธุ์ให้ดีก็สามารถทำเงินได้ ด้วยผู้คนยังนิยมให้กันเป็นของขวัญนอกจากนั้นแล้วยังมีไก่ที่ซีจื่อซวาน
บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้านว่านเฟยเฟิ่งทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้สามีกังวลใจ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งให้เป็นทุกข์นาน หยิบเห็ดหลินจือที่ทดลองเพาะอย่างลับๆ ออกมาให้จื่อหานดู พร้อมกับถุงใส่สปอร์เห็ดที่เก็บสำเร็จมาแล้วรอบหนึ่งออกมาไว้ข้างกัน“น่ะนี่มัน…?”“เห็ดหลินจือน่ะสิคะ” เฟยเฟิ่งที่เข้าไปปลูกในมิติเมื่อรู้ว่าทำได้ก็คิดจะเอามาขยายให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เธอเองก็รู้ตัวว่าคงทำเองไม่ไหว จึงคิดจะสอนจื่อหานแล้วยกให้เขาลงแรงไปเสีย“คุณไปเอามาจากไหน”“มีเทพเอามาให้ค่ะ ล้อเล่นค่ะ ก็เก็บมาสิคุณ ฉันตัดใจไม่ขายเพราะจะเอามาทดลองปลูกเลยนะว่าเราเพาะได้ไหม และคำตอบก็คือได้ แต่ว่าฉัน
บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน“อาเฟิ่งคิดอะไรแบบนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกครั้งที่มีคนหายไปเป็นช่วงที่อาเล็กไปทำงานในเมืองทั้งนั้น อีกอย่างผู้หญิงจะหายไปแค่ช่วงฤดูหนาว ช่วงนี้ทุกคนยังปลอดภัยค่ะ”“หายแค่ฤดูหนาวเท่านั้นเหรอ”เฟยเฟิ่งพึมพำกับตัวเองไม่ได้ฟังพวกผู้ชายถกเถียงกันเรื่องนี้อีก นั่นหมายความว่าช่วงเวลาที่เฟยเฟิ่งรู้มานั้นไม่ถูกต้อง ฆาตกรคนนั้นเริ่มลงมือแล้ว แต่เมื่อพ้นฤดูหนาวมาแล้วแปลว่าเธอยังคงปลอดภัย นั่นย่อมหมายความว่าก่อนที่ฤดูหนาวถัดไปจะมาถึง เธอจำเป็นจะต้องซื้อบ้านในเมืองให้ได้เพื่อความอยู่รอด!...&nbs
บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!ทุกฤดูเพาะปลูกหมู่บ้านจะจัดการประชุมใหญ่ขึ้น เพราะต้องการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันทุกครัวเรือน ยิ่งปีนี้ปรับมาทำนาแบบบ้านใครบ้านมันแล้ว ยิ่งต้องคุยให้ชัดเจน แม้จะแจ้งและแบ่งที่ไว้แล้วก็ต้องย้ำอีกครั้งว่านเฟยเฟิ่งไม่ว่าจะเป็นดวงจิตเดิมหรือดวงจิตใหม่ต่างก็ไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ประชุมหมู่บ้านจึงรู้สึกตื่นเต้น ทั้งยังพิถีพิถันเลือกชุดเสมือนว่าจะไปประกวดนางงาม เด็กน้อยทั้งสองก็ถูกเธอจับขัดตัวทำผมให้ดูเหมือนลูกคนมีเงิน จะติดก็แต่เสื้อผ้าที่ดูซีดไปเสียหน่อย“น้าละเลยเรื่องเสื้อผ้าพวกเธอเกินไปแล้วจริงๆ หน้าตาก็ดูดีมีสกุล แต่สีเสื้อซีดยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ได้การ”“เอาไว้จะย้อมสีให้ใหม่ ไ
บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ
บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ