LOGINว่านเฟยเฟิ่งที่ยังตักของขายให้ลูกค้าในตลาดไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าตอนนี้เธอกลายเป็นผู้หญิงไวไฟที่เจอหน้าสามีแค่วันเดียวก็ยอมนอนด้วยไปเสียแล้ว
“ฮัดชิ้ว ฮัดชิ้ว ฮัดชิ้ว” เสียงจามสามครั้งติดทำให้เฟยเฟิ่งต้องขมวดคิ้วแน่น
“ตายจริง ทั้งฤดูหนาวไม่เป็นอะไร พออุ่นขึ้นดันมาไม่สบาย ขายหมดแล้วก็รีบกลับบ้านไปพักเถอะ” ป้าจูเหมยกล่าวด้วยความเอ็นดู ช่วงนี้เธอมีความสุขนักเพราะลูกชายคนเดียวกลับมาจากรับจ้างแล้ว ทั้งยังได้ไปจัดการเรื่องพ่อให้ถูกต้อง ทำให้จูเหมยสบายใจเป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปี
“ให้ฉันไปส่งไหมสหายว่าน สหายมีบุญคุณต่อฉันกับแม่จนไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว” ลูกชายของป้าจูกล่าว บุญคุณนับว่าเป็นเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้ต้องตาต้องใจหนุ่มน้อยผู้นี้คือหน้าตาอันโดดเด่นที่ได้เห็นต่างหาก จึงทำให้อดไม่ได้ที่จะหาโอกาสสนิทสนม
“ไม่ต้องหรอกค่ะ จามแบบนี้คงมีคนนินทามากกว่า จื่อหานกลับมาเมื่อคืน ป่านนี้เขากับแม่คงกำลังคุยเรื่องฉันอยู่”
ว่านเฟยเฟิ่งยิ้มตอบตามมารยาท เธอมองสายตาของลูกชายป้าจูออกจึงพยายามเว้นระยะห่างไว้ หากว่ามีผู้ชายคนที่สามเข้ามาพัวพันในชีวิตคงไม่เหมาะสม และหลังจากนี้จะแก้ตัวอย่างไรก็คงไม่มีใครเชื่ออีก
ว่าแล้วก็มีลูกค้ามาเหมาอาหารไปจนหมดในเวลาไม่นาน ระยะหลังไม่มีใครฝากหิ้วเนื้อสัตว์อีกแล้วเพราะเฟยเฟิ่งไม่ลดราคาแข่ง ทั้งยังไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบร้านชำแล้ว จึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องดิ้นรน เงินจากการขายอาหารก็เป็นรายได้ที่ดีมากแล้ว หากมีเงินทุกมากพอคงขอให้สามีผู้นั้นพาไปรับเสื้อผ้าจากทางใต้มาขายเพิ่ม
“ฉันไปนะป้า” เฟยเฟิ่งบอกลาเมื่อเก็บร้านเสร็จ ระหว่างทางก็พลางคิดว่าขายแค่ช่วงเช้ารายได้มีพอประมาณก็จริง แต่หากจะหาเงินซื้อบ้านในเมือง เธอต้องหาเงินให้ได้มากกว่านี้
.
.
.
เฟยเฟิ่งเดินมาจนถึงหน้าบ้านก็ต้องแปลกใจที่เห็นว่าจื่อหานยืนรอรับอยู่หน้าบ้าน ทั้งยังมีสีหน้าดำทะมึน
“คุณโกรธที่ฉันไม่ได้ปลุกเหรอคะ” เฟยเฟิ่งถามออกไปเมื่อเข็นรถเข้าไปใกล้
“คุณคิดว่าผมปัญญาอ่อนรึไง ใครจะไปโกรธเรื่องแค่นั้น” จื่อหานถือจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นมาตรงหน้า
“ถ้าพาลแบบนี้ก็ยังไม่ต้องคุยกัน ฉันเหนื่อย” เฟยเฟิ่งหน้าแดงขึ้นมาเป็นแถบด้วยความโกรธ จู่ๆ ก็ถูกผู้ชายที่เหมือนว่าจะเป็นคนดีธงเขียววางใจได้ว่าเจอตัวซีเคร็ต แต่ผ่านมาไม่ถึงวันก็มาหัวฟัดหัวเหวี่ยงประชดประชันใส่กันซะแล้ว
“ท่าจะบ้า ไอ้คนธงแตงโม!”
“คุณด่าผมเหรอ”
“เออสิ ยืนอยู่สองคน ฉันด่าญาติฝ่ายพ่อคุณมั้ง!” ว่านเฟยเฟิ่งเข็นรถจงใจให้ทับเท้าของซีจื่อหานเพื่อเอารถเข็นไปเก็บในบ้าน
“โอ๊ย! คุณหนูว่าน! มันจะเกินไปแล้วนะ ที่นี่ไม่ใช่บ้านสกุลว่านให้คุณมาแผลงฤทธิ์ได้นะครับ”
ซีจื่อหานชักเท้าขึ้นมากุม แต่เมื่อตั้งหลักได้ก็เดินไปคว้าตัวว่านเฟยเฟิ่งขึ้นพาดบ่า เดินลัดเลาะไปทางหลังบ้านผ่านเด็กๆ ที่นั่งหลบแดดมากินน้ำหลังทำงานกันมาทั้งเช้า ส่วนซูเจินนั้นนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่รวมกับของแห้งที่เอามาตั้งขาย
“นี่คุณ ซีจื่อหานปล่อยฉันลงนะ!” ว่านเฟยเฟิ่งโวยวายออกมา มือเล็กๆ ทุบใส่หลังของชายผู้เป็นสามีไปหลายที แต่นอกจากเขาจะไม่เจ็บเพราะแผ่นหลังมีแต่กล้ามเนื้อแล้ว ยังเป็นเฟยเฟิ่งเสียเองที่เจ็บมือ
“หลังทำด้วยเหล็กรึไง เจ็บนะ!”
“เจ็บก็เลิกทุบได้แล้ว อย่าให้ผมต้องใจร้าย”
ซีจื่อหานแบกร่างเบาหวิวอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ เขามุ่งหน้าไปยังที่ดินที่ถูกแบ่งหลังช่วงเก็บเกี่ยวนารวมครั้งสุดท้ายของหมู่บ้าน ข่าวการแยกกันทำนาของหมู่บ้านเสี่ยวกัง มณฑลอันฮุย ทำให้หมู่บ้านชิวหลินอยากจะทดลองทำบ้าง การใช้คะแนนแรงงานไม่อาจจะจูงใจคนได้อีกต่อไป แต่หากว่าแต่ละบ้านต้องรับผิดชอบตนเอง ไม่แน่ว่าปัญหาหนี้สินของหมู่บ้านชิวหลินอาจจะได้รับการแก้ไขเช่นกัน
บ้านเขาเองไม่ได้มีปัญหาหนี้สินอีกแล้ว แต่หากอยู่อย่างเดิมก็ไม่รู้ว่าวันไหนจะสามารถพาลูกทั้งสองออกไปจากชนบทได้ ตัวเขากะเกณฑ์เวลาไม่ดีมีลูกกับภรรยาคนแรกไปเสียก่อน ทั้งภรรยายังมาด่วนจากไป จึงไม่อาจเห็นแก่ตัวทอดทิ้งลูกไว้ แล้วไปเรียนมหาวิทยาลัยในยามที่การเรียนปริญญาตรีถูกยกกลับมาฟื้นฟูได้ ต้องอดทนใช้แรงของตนหาแลกเงินหยวน
“โอ๊ย! เจ็บนะ โยนลงมาขนาดนี้ทำไมไม่กระโดดให้สูงกว่าเดิมแล้วค่อยทุ่มลงมาเลยล่ะ”
เฟยเฟิ่งลูบก้นของตนเองสองสามครั้งก่อนจะหันไปเห็นว่าชาวบ้านบางส่วนเองก็กำลังมาเริ่มงานในนาแล้วเช่นกัน และเมื่อมองกลับไปก็เห็นว่าเด็กน้อยทั้งสองกำลังวิ่งตามมา
ซีจื่อหานไม่พูดอะไรเพียงแค่โยนจดหมายฉบับหนึ่งใส่ว่านเฟยเฟิ่ง จากนั้นเขาก็เดินหายไปทางโรงเก็บผลผลิต ทิ้งให้เฟยเฟิ่งนั่งอยู่บนคันนา ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านรอบข้าง
คุณหนูว่านเปิดจดหมายออกดูก็จำได้ทันทีว่าเป็นลายมืออาซวาน เนื้อความด้านในทำให้เฟยเฟิ่งเข้าใจทันทีว่าเหตุใดจื่อหานจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนั้น
“โอ๊ยนี่ฉันต้องมารับกรรมที่เธอก่อไว้รึไงกัน ต่อให้เป็นผีวนเวียนอยู่ในบ้านก็เถอะ ฉันจะจัดการเธอแน่”
“น้าเฟิ่ง!” ซีซูลี่ตะโกนนำมาก่อนตัว แต่ไม่นานนักก็วิ่งมาถึงไล่เลี่ยกันทั้งพี่ทั้งน้อง
“พ่อทำอะไรน้าเฟิ่ง พ่อโกรธทำไม” ซูลี่ถามไปหอบไป
“ไม่มีอะไรหรอก พ่อคงเพิ่งได้อ่านจดหมายนี้น่ะ” ว่านเฟยเฟิ่งยื่นจดหมายให้เด็กน้อย
“นี่มัน” จื่อซวานรีบคว้าไปพับเก็บ “ผมขอโทษครับ ผมจะบอกพ่อเองว่าน้าไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว”
ซีจื่อซวานเสียใจที่ตัวเองไม่ได้ให้โอกาสน้าเฟิ่งปรับตัวกับการอยู่ชนบท แต่เขากลับรีบเขียนจดหมายไปฟ้องพ่อว่าภรรยาคนที่สี่ของพ่อไม่ฟังเหตุผลมีแต่ตบตีเมื่อไม่ได้ดั่งใจ นิสัยเสีย ชอบชวนคนทะเลาะไปทั่ว ไม่ดูแลย่า ไม่ดูแลเขากับน้อง ซื้ออาหารมากินคนเดียวไม่แบ่งปันใคร
“ไม่เป็นไรหรอก กลับบ้านกันไปเถอะ เดี๋ยวพ่อหายโมโหก็คงพาน้ากลับไปเองแหละ ไปเถอะที่รอบๆ เราจะปลูกผักกัน ต้องเอาวัชพืชออก ฉีดน้ำให้เห็ดรึยัง”
“โอ๊ะจริงด้วยไปแล้วครับ”
จื่อซวานนึกขึ้นได้ว่ามัวแต่ถอนหญ้าจนไม่ได้ฉีดน้ำก็หันหลังวิ่งออกไป ส่วนซูลี่ที่ยังไม่ไป เฟยเฟิ่งก็เอามือตีก้นเบาๆ ไปสองครั้งให้วิ่งตามพี่ชายกลับบ้านไป
“คุณหนูว่าน คุณทำอะไร คุณไม่มีสิทธิ์ตีลูกของผม” ซีจื่อหานที่เห็นมือของเฟยเฟิ่งตีเข้าที่ก้นลูกสาวจากไกลๆ สองครั้งรีบวิ่งเข้ามาด้วยความร้อนใจ
เขารีบวางถูกกระสอบที่แบกมาจากโรงเก็บผลผลิต และตวัดสายตาโกรธจัดไปทางว่านเฟยเฟิ่งที่เขาหลงเข้าใจว่าเป็นคนใช้ได้คนหนึ่ง เขาตรงเข้าไปคว้าข้อมือฉุดให้ว่านเฟยเฟิ่งลุกขึ้น ก่อนจะดันร่างกะทัดรัดเข้าไปให้แผ่นหลังติดต้นไม้ใหญ่
“ซีจื่อหานฉันเจ็บ!” เฟยเฟิ่งพยายามบิดข้อมือออกมา
“เจ็บไม่เท่าเด็กเล็กๆ ที่ต้องเป็นที่ระบายอารมณ์ของคุณหรอก”
บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้านว่านเฟยเฟิ่งทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้สามีกังวลใจ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งให้เป็นทุกข์นาน หยิบเห็ดหลินจือที่ทดลองเพาะอย่างลับๆ ออกมาให้จื่อหานดู พร้อมกับถุงใส่สปอร์เห็ดที่เก็บสำเร็จมาแล้วรอบหนึ่งออกมาไว้ข้างกัน“น่ะนี่มัน…?”“เห็ดหลินจือน่ะสิคะ” เฟยเฟิ่งที่เข้าไปปลูกในมิติเมื่อรู้ว่าทำได้ก็คิดจะเอามาขยายให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เธอเองก็รู้ตัวว่าคงทำเองไม่ไหว จึงคิดจะสอนจื่อหานแล้วยกให้เขาลงแรงไปเสีย“คุณไปเอามาจากไหน”“มีเทพเอามาให้ค่ะ ล้อเล่นค่ะ ก็เก็บมาสิคุณ ฉันตัดใจไม่ขายเพราะจะเอามาทดลองปลูกเลยนะว่าเราเพาะได้ไหม และคำตอบก็คือได้ แต่ว่าฉัน
บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน“อาเฟิ่งคิดอะไรแบบนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกครั้งที่มีคนหายไปเป็นช่วงที่อาเล็กไปทำงานในเมืองทั้งนั้น อีกอย่างผู้หญิงจะหายไปแค่ช่วงฤดูหนาว ช่วงนี้ทุกคนยังปลอดภัยค่ะ”“หายแค่ฤดูหนาวเท่านั้นเหรอ”เฟยเฟิ่งพึมพำกับตัวเองไม่ได้ฟังพวกผู้ชายถกเถียงกันเรื่องนี้อีก นั่นหมายความว่าช่วงเวลาที่เฟยเฟิ่งรู้มานั้นไม่ถูกต้อง ฆาตกรคนนั้นเริ่มลงมือแล้ว แต่เมื่อพ้นฤดูหนาวมาแล้วแปลว่าเธอยังคงปลอดภัย นั่นย่อมหมายความว่าก่อนที่ฤดูหนาวถัดไปจะมาถึง เธอจำเป็นจะต้องซื้อบ้านในเมืองให้ได้เพื่อความอยู่รอด!...&nbs
บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!ทุกฤดูเพาะปลูกหมู่บ้านจะจัดการประชุมใหญ่ขึ้น เพราะต้องการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันทุกครัวเรือน ยิ่งปีนี้ปรับมาทำนาแบบบ้านใครบ้านมันแล้ว ยิ่งต้องคุยให้ชัดเจน แม้จะแจ้งและแบ่งที่ไว้แล้วก็ต้องย้ำอีกครั้งว่านเฟยเฟิ่งไม่ว่าจะเป็นดวงจิตเดิมหรือดวงจิตใหม่ต่างก็ไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ประชุมหมู่บ้านจึงรู้สึกตื่นเต้น ทั้งยังพิถีพิถันเลือกชุดเสมือนว่าจะไปประกวดนางงาม เด็กน้อยทั้งสองก็ถูกเธอจับขัดตัวทำผมให้ดูเหมือนลูกคนมีเงิน จะติดก็แต่เสื้อผ้าที่ดูซีดไปเสียหน่อย“น้าละเลยเรื่องเสื้อผ้าพวกเธอเกินไปแล้วจริงๆ หน้าตาก็ดูดีมีสกุล แต่สีเสื้อซีดยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ได้การ”“เอาไว้จะย้อมสีให้ใหม่ ไ
บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ
บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ
บทที่ 33 คุณไม่มีสิทธิ์ตีลูกผมว่านเฟยเฟิ่งที่ยังตักของขายให้ลูกค้าในตลาดไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าตอนนี้เธอกลายเป็นผู้หญิงไวไฟที่เจอหน้าสามีแค่วันเดียวก็ยอมนอนด้วยไปเสียแล้ว“ฮัดชิ้ว ฮัดชิ้ว ฮัดชิ้ว” เสียงจามสามครั้งติดทำให้เฟยเฟิ่งต้องขมวดคิ้วแน่น“ตายจริง ทั้งฤดูหนาวไม่เป็นอะไร พออุ่นขึ้นดันมาไม่สบาย ขายหมดแล้วก็รีบกลับบ้านไปพักเถอะ” ป้าจูเหมยกล่าวด้วยความเอ็นดู ช่วงนี้เธอมีความสุขนักเพราะลูกชายคนเดียวกลับมาจากรับจ้างแล้ว ทั้งยังได้ไปจัดการเรื่องพ่อให้ถูกต้อง ทำให้จูเหมยสบายใจเป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปี“ให้ฉันไปส่งไหมสหายว่าน สหายมีบุญคุณต่อฉันกับแม่จนไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว” ลูกชายของป้าจูกล่าว บุญคุณนับว่าเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ส







