LOGINว่านเฟยเฟิ่งมองดูชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีอย่างไม่แน่ใจนัก เขาเป็นคนอาสาล้างถ้วยชามที่ใช้กินกันเมื่อครู่ เขากล่าวว่าเมื่อเฟยเฟิ่งเป็นคนทำอาหารแล้วจะให้เป็นคนล้างจานอีกได้อย่างไร นั่นทำให้เธอต้องพิจารณาเขาอย่างใกล้ชิด เพราะแม้จะเป็นในยุคสมัยที่เธอใช้ชีวิตในฐานะรสา ผู้ชายหลายคนก็ยังคงคิดว่างานในบ้านเป็นของผู้หญิง และไม่คิดจะช่วยเหลือ
“คุณจะมายืนมองผมล้างจานทำไมกัน ไม่ง่วงเหรอครับ” จื่อหานถามในขณะที่กำลังล้างน้ำสุดท้าย
“ดูว่าทำสะอาดรึเปล่าไงคะ” เมื่อถูกจับได้เฟยเฟิ่งแกล้งหันหน้าหนีตามองไปทางอื่น ไม่กล้าสบตาเขาไปตรงๆ
“ผมล้างจานมาก่อนคุณเกิดแน่นอน ไม่ต้องกลัวว่าจะทำไม่สะอาด” ซีจื่อหานพูดออกมาแล้วก็ต้องกระแอมรู้สึกประหลาดไม่น้อยที่ต้องมีภรรยาอายุน้อยกว่าหลานชายคนโตเช่นนี้
“เสียผู้ใหญ่จริงๆ” ชายผู้ที่ดูเด็กกว่าอายุพึมพำออกมาคนเดียว
“อะไรนะคะ”
“ผมบอกว่าต้องไปนอนกันแล้วจริงๆ”
“ใช่เหรอ” เฟยเฟิ่งขมวดคิ้ว
“ไปเถอะหน่า” ซีจื่อหานล้างมือเสร็จก็ลุกขึ้นดันตัวให้เฟยเฟิ่งเข้าไปด้านใน
ว่านเฟยเฟิ่งเดินเข้าไปในห้องนอนก่อน จากนั้นซีจื่อหานก็หยิบกระเป๋าเดินตามเข้ามา เขาควานหาของอยู่ครู่หนึ่งก็ยื่นจดหมายของเฟยเฟิ่งที่เธอส่งหากลับไปให้
“ช่างหูฝากมาให้แต่ผมทำเลอะน้ำเลยไม่รู้ว่าคุณเขียนอะไรมา”
“ก็เหมือนที่พูดวันนี้นั่นแหละค่ะ ไม่มีอะไรมาก ถ้าอย่างนั้นคุณจะนอนเลยไหมคะ เดี๋ยวฉันนอนที่พื้นเอง” เฟยเฟิ่งรับจดหมายมาแล้วก็สอดไว้กับกองสมุดที่ใช้สอนภาษาอังกฤษและวิชาอื่นๆ ให้จื่อซวานและซูลี่
“คุณนอนบนเตียงเถอะ ผมนอนพื้นเอง”
“ไม่ได้นะคะ ยังไงคุณก็เป็นเจ้าของบ้านจะนอนพื้นได้ยังไง”
“ถ้าอยากนั้นก็นอนด้านบนด้วยกัน” จื่อหานเมื่อพูดจบก็เกิดอาการหน้าแดง เพราะเขาไม่ได้คิดจะชวนให้หญิงสาวนอนด้วย เพียงแค่อยากให้เธอไม่ต้องนอนกับพื้นเย็นๆ ก็เท่านั้น
“ค่ะ” ว่านเฟยเฟิ่งตอบรับเพราะรู้ว่าขืนยังดื้อดึงต่อไปเรื่องนี้คงมีทางออกเพียงแค่ นอนเตียงทั้งคู่หรือนอนพื้นทั้งคู่ก็เท่านั้น และหากต้องลำบากทั้งคู่ก็คงไม่คุ้มเสีย
เมื่อเฟยเฟิ่งขึ้นเตียงไปแล้วจื่อหานก็ตามขึ้นมาบนเตียง ความจริงวันนี้จื่อหานควรจะพักอยู่ในร้านเถ้าแก่ต่ออีกคืน แล้วค่อยกลับมาพร้อมกับเข่อซินในวันรุ่งขึ้น แต่เพราะข่าวลือเหล่านั้นเขาจึงกลับมาก่อนกำหนด ทิ้งเข่อซินให้ฉลองกับคนงานคนอื่นๆ เพียงลำพัง
“ค่าพลาสติกคราวนั้นบอกราคามาด้วยนะคะ จะได้ทำบัญชีให้ชัดว่าเงินใครเท่าไหร่”
“ถือเป็นของขวัญวันพบหน้า” จื่อหานพูดก่อนจะหลับตาลงไปเพื่อเตรียมนอน
“ฉันบอกไว้เลยนะ ถ้าคุณคิดจะทำอะไรฉัน ฉันสู้ตายแน่!” เฟยเฟิ่งที่นอนกำหมัดเตรียมพร้อมกล่าวออกไปด้วยเสียงลอดไรฟัน
“อย่างเดียวที่ผมอยากทำคือกดจุดให้คุณหลับ ผมเหนื่อยมากนะคุณหนูว่าน เงียบแล้วนอนซะ” ซีจื่อหานพูดออกมาทั้งที่หลับตา แต่ฝ่ามือกร้านนั้นสามารถยื่นเข้าไปวางทับอยู่บนบริเวณดวงตาของเฟยเฟิ่งได้พอดิบพอดี
ว่านเฟยเฟิ่งเองที่แม้จะยังกังวลแต่เมื่อรู้สึกว่าเขาไม่ได้ทำสิ่งใดนอกจากวางมือปิดตาของเธอไว้ ภรรยาป้ายแดงผู้นี้ก็คลายใจและนอนหลับได้ในที่สุด
.
.
.
เช้าวันถัดมาเฟยเฟิ่งรีบลุกขึ้นมาเตรียมของให้เสร็จ จากนั้นก็อาบน้ำแต่งตัวก่อนที่จะมีใครตื่น อาหารถูกแบ่งจากรถเข็นขายของตั้งไว้ให้คนในบ้าน เธอไม่ได้ไปปลูกเด็กๆ ให้ไปตลาดด้วยในวันนี้เพราะคิดว่าพ่อของเขาเพิ่งจะกลับมา คงมีหลายอย่างที่อยากจะคุยกัน
ทว่าในระหว่างที่เฟยเฟิ่งกำลังจัดโต๊ะจื่อซวานก็เดินขยี้ตาออกมาจากห้องนอน
“จื่อซวานตื่นเช้าจริง น้าไม่ได้ปลุกเพราะว่าวันนี้น้าจะเข้าตลาดคนเดียว”
“น้าไม่อยากให้เราช่วยงานแล้วเหรอครับ” จื่อซวานก้มหน้าอย่างท้อใจคิดถึงเงินหลายหยวนที่สะสมมาได้เพราะเขาได้ทำงานให้น้าเฟิ่ง
“ใช่ที่ไหนกัน น้าอยากให้อยู่ช่วยดูโรงเห็ดไว้ให้ เอาอันนี้เข้าไปฉีดน้ำที แต่อย่าโดนตรงๆ” เฟนเฟิ่งยื่นขวดเปล่าที่มีหัวจ่ายแบบสเปรย์ให้กับจื่อซวาน “เอาน้ำเติมแล้วก็บีบตรงนี้”
“น้ำเป็นฝอยๆ ดีจังน้าเฟิ่ง”
“แล้วก็ถอนหญ้าที่ขึ้นมารอบนอกด้วยนะ แต่ไม่ต้องรีบทำไปเรื่อยๆ ขายของหมดแล้วเดี๋ยวน้าจะกลับมาช่วย”
“ครับผม” เด็กชายที่ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าไปปลุกซูลี่ จากนั้นทั้งสองก็ผลัดกันไปเตรียมตัวสำหรับเริ่มวันใหม่แล้วเช่นกัน
ด้านอันซูเจินที่ได้ดื่มน้ำวิเศษในมิติของเฟยเฟิ่งนั้นผสมกับอาหาร ประกอบกับอากาศที่ไม่หนาวเย็นแล้ว ก็เริ่มลุกขึ้นมาเดินเหินได้ปกติ จึงมักจะขึ้นเขาไปหาเห็ดและสมุนไพรที่บนเขา
เมื่อดูจนแน่ใจก็เห็นว่าแม่สามีผู้นี้ไม่ได้อยู่บ้านจริงๆ คุณหนูว่านก็ไม่อาจรอบอกได้ว่าจื่อหานกลับมาแล้ว เพราะต้องรีบออกไปขายของก่อนจะไม่ทันลูกค้าจึงเข็นรถออกไป
หญิงชราที่กำลังแบกตะกร้ากลับเข้าบ้านมาสวนทางกับว่าเฟยเฟิ่งแค่ครู่เดียว เมื่อเริ่มแข็งแรงขึ้นหญิงแก่ก็อาศัยจังหวะที่ไม่มีผู้ใดอยู่บ้าน ติดต่อกับคนบ้านเดิม แม้จะเจ็บปวดที่รู้ตัวว่าไม่เป็นที่รักของบ้านอันอย่างที่เข้าใจ แต่หากต้องการให้บุตรชายคนเล็กหย่าขาดกันเด็กสาวมากเล่ห์แล้ว เธอจำเป็นต้องมีพรรคพวก
“ลูกชายเธอกลับมาเมื่อไหร่บอกเราเลย ถ้าไม่ได้หย่าขาดกับนังนั่นพวกเราไม่มีวันสงบสุข ที่ตลาดก็เชิดจนคอตั้ง ขายดีกว่าบ้านอันแค่นิดหน่อยวางตัวจนใหญ่โต น่ารำคาญ” อันผิงเจินกล่าว
“ย่า! พ่อมาแล้วครับ พ่อมาแล้ว!”
ซีจื่อซวานที่อาบน้ำก่อนน้อง เห็นผู้ชายเดินออกมาจากห้องนอนน้าเฟิ่ง ทีแรกจะเข้าไปตี แต่เมื่อมองให้ดีก็เห็นว่าคือพ่อที่หายไปทำงานถึงสี่เดือน วิ่งออกมาคิดจะตามว่านเฟยเฟิ่ง พอเห็นย่าก็รีบพุ่งตัวเข้าไปบอก แต่ทว่าเมื่อสังเกตเห็นว่าย่าของตนมากับอันผิงเจิน ซีจื่อซวานก็รีบวิ่งไปเกาะขาบิดาด้วยความหวาดกลัว
“มาได้สักที จะได้หย่ากับนังผู้หญิงสารเลวที่คนพวกนั้นย้อมแมวมา” ซูเจินรีบเข้าไปดึงบุตรชายมากอด “รอดพ้นแล้ว บ้านเราจะได้รอดพ้นจากนางมารร้ายแล้ว”
“ทำไมย่าพูดแบบนั้น ก็เป็นน้าเฟิ่งทำที่ประคบอุ่นให้จนย่าเดินได้แบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ ทำไมคนกลายเป็นมารร้ายไปได้” เด็กชายที่แม้จะกลัวย่าอัน แต่เพราะพ่ออยู่จึงกล้าเอ่ยปาก
“เงียบไปเลย ผู้ใหญ่คุยกันเด็กอย่ายุ่ง” อันผิงเจินกล่าว
“ไม่เงียบครับ น้าเฟิ่งเคยบอกว่าพูดได้ ถ้าเป็นเรื่องในบ้าน ทุกคนในบ้านก็ต้องยุ่งได้ ย่าอันต่างหากที่ไม่ได้อยู่บ้านนี้”
“ดูมันนะอาหาน ดูมันสอนหลาน แม่จะไม่ไหวแล้วจริงๆ ความคิดแต่ละอย่างที่ผู้หญิงคนนี้เอามาใส่หัวเด็กๆ หลานที่น่ารักของฉันก้าวร้าวแล้วจริงๆ”
“แม่พอเถอะ ผมก็เห็นด้วยนะที่คนในบ้านทุกคนควรมีสิทธิ์พูด” ซีจื่อหานที่คิดจะพักสักวันก่อนจะต้องลงไปลุยงานในนา รู้สึกปวดข้างขมับทันทีที่มารดากลับไปคบค้ากับคนบ้านเดิมทั้งที่หลุดพ้นแล้ว
“ยังไงก็ต้องหย่า ผู้หญิงคนนี้มากผู้ชาย เรื่องนิสัยมันก็เอาการทำมาหากินมาหักลบได้ แต่เรื่องผู้ชายมันหักลบกันไม่ได้จริงๆ ชาวบ้านอย่างเราก็มีศักดิ์ศรี”
อันซูเจินกอดอกไม่ยินยอมท่าเดียว หากวันนี้ไม่ได้หย่าก็อย่าเรียกกันว่าอันซูเจินอีกเลย
“ถ้านั่นคือเหตุผลของแม่ ผมคงหย่าให้ไม่ได้” ซีจื่อหานก้าวเท้าเข้าห้องนอนคว้าผ้าปูที่นอนที่เขาหยดเลือดใส่ไว้ออกมากางให้มารดาดู
“นี่มัน”
“เมื่อคืนเราเป็นสามีภรรยากันแล้ว ผมยืนยันได้ว่าทุกอย่างที่แม่เชื่อเกี่ยวกับตัวเธอมันไม่จริง”
พูดจบจื่อหานก็เดินไปหาเข่อซินที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน แล้วเขาก็รับซองจดหมายอันหนึ่งมา
บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามีสองสัปดาห์ผ่านไปแปลงผักในพื้นที่หลังบ้านเริ่มที่จะเข้าที่แล้ว ช่วงแรกแม้จะทดลองปลูกกันไปแล้ว แต่การจัดสรรพื้นที่ยังไม่ลงตัวจึงทำให้ต้องลดปริมาณผักที่เก็บไปส่งให้ป้าจูด้วย แต่เมื่อตกลงกันกับเด็กๆ เรียบร้อยแล้ว เฟยเฟิ่งก็ให้เด็กทั้งสองเดินหน้าเต็มกำลังหลังบ้านซีไม่มีพื้นที่ส่วนใดที่ไร้ประโยชน์ พื้นที่จุดที่ได้รับเฉพาะแดดเช้าลงผักที่ไม่ต้องการแดดมาก ในโรงเรือนมีเห็ดหลากชนิดให้หมุนเวียนตัดไปกินและขาย เหนือพื้นดินด้านนอกมีราวไม้สำหรับแขวนกระถางปลูกผักเพิ่ม อีกแถวไว้ปลูกกล้วยไม้สวยงามจากในมิติที่เฟยเฟิ่งอ้างว่าพบเจอบนภูเขา หากขยายพันธุ์ให้ดีก็สามารถทำเงินได้ ด้วยผู้คนยังนิยมให้กันเป็นของขวัญนอกจากนั้นแล้วยังมีไก่ที่ซีจื่อซวาน
บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้านว่านเฟยเฟิ่งทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้สามีกังวลใจ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งให้เป็นทุกข์นาน หยิบเห็ดหลินจือที่ทดลองเพาะอย่างลับๆ ออกมาให้จื่อหานดู พร้อมกับถุงใส่สปอร์เห็ดที่เก็บสำเร็จมาแล้วรอบหนึ่งออกมาไว้ข้างกัน“น่ะนี่มัน…?”“เห็ดหลินจือน่ะสิคะ” เฟยเฟิ่งที่เข้าไปปลูกในมิติเมื่อรู้ว่าทำได้ก็คิดจะเอามาขยายให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เธอเองก็รู้ตัวว่าคงทำเองไม่ไหว จึงคิดจะสอนจื่อหานแล้วยกให้เขาลงแรงไปเสีย“คุณไปเอามาจากไหน”“มีเทพเอามาให้ค่ะ ล้อเล่นค่ะ ก็เก็บมาสิคุณ ฉันตัดใจไม่ขายเพราะจะเอามาทดลองปลูกเลยนะว่าเราเพาะได้ไหม และคำตอบก็คือได้ แต่ว่าฉัน
บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน“อาเฟิ่งคิดอะไรแบบนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกครั้งที่มีคนหายไปเป็นช่วงที่อาเล็กไปทำงานในเมืองทั้งนั้น อีกอย่างผู้หญิงจะหายไปแค่ช่วงฤดูหนาว ช่วงนี้ทุกคนยังปลอดภัยค่ะ”“หายแค่ฤดูหนาวเท่านั้นเหรอ”เฟยเฟิ่งพึมพำกับตัวเองไม่ได้ฟังพวกผู้ชายถกเถียงกันเรื่องนี้อีก นั่นหมายความว่าช่วงเวลาที่เฟยเฟิ่งรู้มานั้นไม่ถูกต้อง ฆาตกรคนนั้นเริ่มลงมือแล้ว แต่เมื่อพ้นฤดูหนาวมาแล้วแปลว่าเธอยังคงปลอดภัย นั่นย่อมหมายความว่าก่อนที่ฤดูหนาวถัดไปจะมาถึง เธอจำเป็นจะต้องซื้อบ้านในเมืองให้ได้เพื่อความอยู่รอด!...&nbs
บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!ทุกฤดูเพาะปลูกหมู่บ้านจะจัดการประชุมใหญ่ขึ้น เพราะต้องการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันทุกครัวเรือน ยิ่งปีนี้ปรับมาทำนาแบบบ้านใครบ้านมันแล้ว ยิ่งต้องคุยให้ชัดเจน แม้จะแจ้งและแบ่งที่ไว้แล้วก็ต้องย้ำอีกครั้งว่านเฟยเฟิ่งไม่ว่าจะเป็นดวงจิตเดิมหรือดวงจิตใหม่ต่างก็ไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ประชุมหมู่บ้านจึงรู้สึกตื่นเต้น ทั้งยังพิถีพิถันเลือกชุดเสมือนว่าจะไปประกวดนางงาม เด็กน้อยทั้งสองก็ถูกเธอจับขัดตัวทำผมให้ดูเหมือนลูกคนมีเงิน จะติดก็แต่เสื้อผ้าที่ดูซีดไปเสียหน่อย“น้าละเลยเรื่องเสื้อผ้าพวกเธอเกินไปแล้วจริงๆ หน้าตาก็ดูดีมีสกุล แต่สีเสื้อซีดยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ได้การ”“เอาไว้จะย้อมสีให้ใหม่ ไ
บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ
บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ







