“สวัสดีค่ะ คุณคือเถ้าแก่ของร้านใช่ไหมคะ พอดีฉันมีเรื่องการค้าจะมาเสนอ” เธอไม่รีรอ เมื่อเข้ามาในร้านแล้วก็เปิดเรื่องคุยกับเถ้าแก่ทันที
เถ้าแก่เมิ่งที่กำลังคิดหนักเรื่องหาสินค้าเข้ามาขายในร้าน เมื่อได้ยินเสียงเรียกจึงเงยหน้าขึ้นมามอง แต่พอเห็นว่าเป็นใครก็มีสีหน้าหงุดหงิดใส่ เพราะจำได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าคือภรรยาแสนร้ายกาจของลูกจ้างตัวเอง
“เธอมีอะไร ถ้าจะมาก่อกวนก็กลับไปเลย ฉันไม่สนุกด้วยหรอกนะ” เถ้าแก่เมิ่งพูดออกมาอย่างฉุนเฉียว
“ฉันไม่ได้มาก่อกวนเพื่อความสนุกนะคะ แต่ฉันเห็นเถ้าแก่มีสีหน้าเคร่งเครียด จึงคิดว่ามีปัญหาเรื่องสินค้าเข้าร้าน ดูจากภายในร้านแล้วน่าจะมีปัญหาเรื่องหาซื้อสินค้ามาขายใช่ไหมคะ หากฉันบอกว่าฉันสามารถหาข้าวสารมาขายส่งให้เถ้าแก่ได้ เถ้าแก่จะเชื่อไหม” หลินซินเยว่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง ไม่มีวี่แววล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งเถ้าแก่เองพอได้ยินแบบนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงมีความเอนเอียงและเชื่อคำพูดของหญิงสาวตรงหน้านี้ แต่ทว่ากลับโดนลูกสาวที่เดินเข้ามาพอดีพูดสวนออกมาอย่างไม่พอใจ
“คนอย่างเธอที่วัน ๆ หาแต่เรื่องปวดหัวให้พี่กวนหยาง แบบนี้น่ะเหรอจะหาข้าวสารมาขายให้ร้านฉันได้ คิดว่าพ่อกับฉันจะโง่เชื่อเธอเหรอ” เมิ่งเสี่ยวลี่พูดอย่างเหยียดหยามพร้อมกับใช้สายตาดูถูกมองหลินซินเยว่และพี่ชายของเธอ
หลินซินเยว่พอเจอแบบนี้ก็ไม่คิดจะพูดเรื่องการค้าต่อ เธอคิดในใจว่า ‘ร้านขายข้าวสารไม่ได้มีร้านเดียวเสียหน่อย ทำไมต้องมานั่งง้อร้านนี้ด้วย แต่จะให้จากไปง่าย ๆ โดยไม่โต้ตอบก็ไม่ใช่หลินซินเยว่น่ะสิ’ เธอคิดมาถึงตรงนี้แล้ว เลยโต้กลับอย่างเจ็บแสบ เพราะมองก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คงแอบชอบสามีของเธอแน่
“ฉันไม่ได้บังคับให้คุณเชื่อนะ อีกอย่าง ต่อให้ฉันจะสร้างเรื่องสร้างราวให้พี่กวนหยางปวดหัวแค่ไหน เขาก็ไม่เคยว่าอะไรฉันสักคำ เพราะอะไรรู้ไหม ก็เพราะเขาคือสามีของฉันอย่างไรล่ะ แล้วคุณยุ่งเกี่ยวอะไรกับเรื่องของเราสองคนด้วย หรือว่าคุณสนใจสามีของฉัน”
ระหว่างที่ถามก็มองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้
“นี่แก...” เมิ่งเสี่ยวลี่ที่โดนสวนกลับถึงกับหาคำพูดไม่เจอ
“ไปกันเถอะค่ะพี่ใหญ่ ร้านขายข้าวสารไม่มีร้านเดียวสักหน่อย เราไปเสนอขายร้านอื่นก็ได้”
หญิงสาวหันไปพูดกับพี่ขาย จากนั้นเธอก็เดินออกมาจากร้านเถ้าแก่เมิ่งทันที เพราะเห็นว่ามีร้านข้าวสารอีกร้านอยู่ไม่ไกล เลยตัดสินใจไปเสนอขายที่ร้านนั้น แล้วค่อยมาบอกให้สามีลาออกจากร้านนี้
และเป็นอย่างที่หญิงสาวต้องการ ร้านเถ้าแก่เหิงตัดสินใจสั่งซื้อข้าวสารหนึ่งร้อยกระสอบโดยไม่มีมัดจำ ซึ่งหลินซินเยว่ก็ยินดี เพราะนี่เป็นการวัดใจเหมือนกัน
“อีกเดี๋ยวฉันกับพี่ชายจะนำข้าวสารมาส่งให้นะคะ เถ้าแก่เตรียมเงินไว้ให้พร้อมก็แล้วกัน” หลินซินเยว่บอกไปอย่างจริงจัง
“ได้เลย ถ้าเธอส่งสินค้าให้ฉันได้จริง ฉันก็พร้อมจ่ายเสมอและจะเป็นลูกค้าประจำของเธอด้วย”
เถ้าแก่เหิงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ในใจของเขานั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็อยากจะลองดูก่อนเพราะเป็นการสั่งซื้อที่ไม่มีมัดจำ
“ฉันจะไม่ทำให้เถ้าแก่ผิดหวังแน่นอน ไปกันเถอะพี่ใหญ่”
พูดจบเธอก็ชวนพี่ชายเดินออกมาทันที ก่อนจะหาที่ลับสายตาคนแล้วนำรถสามล้อออกมาจากมิติ
จากนั้นเธอและหลินอี้เฉินก็ทยอยขนสินค้ามาส่งให้เถ้าแก่เหิงจนครบ และรับเงินก้อนโตมาใส่กระเป๋า
นี่จึงทำให้เถ้าแก่เมิ่งกับลูกสาวล้มทั้งยืน เพราะไม่คิดว่าหลินซินเยว่จะหาข้าวสารมาได้จริง ๆ
เมื่อส่งข้าวสารและรับเงินมาแล้ว เธอก็เดินกลับมาที่ทำงานของสามี และให้โม่กวนหยางลาออกจากงาน เพื่อไปขายของด้วยกันในตลาดมืดแทน อย่างน้อยตอนนี้ก็มีเงินทุนสำรองในกระเป๋าหลายพันหยวนแล้ว
เมื่อมาถึงตลาดมืด ทั้งสามคนต่างก็มองหาที่ทางจะตั้งแผงขายของ เมื่อเห็นทำเลที่ดีแล้วก็ให้หลินอี้เฉินจองที่ไว้ ส่วนหลินซินเยว่และโม่กวนหยางก็แอบไปในที่ลับสายตาคน เพื่อเอาของในมิติที่คิดว่าตลาดต้องการออกมาขาย ซึ่งครั้งแรกนี้สินค้าที่ทั้งสองตัดสินใจเอาออกมาเป็นจำพวกเนื้อสัตว์และอาหารกระป๋อง
สินค้าที่นำมาขายราคาไม่แพงและเป็นที่ต้องการของผู้คน ดังนั้นไม่ว่าเอาออกมาเท่าไรก็ขายไม่พอ ทำเอาทั้งสามคนหัวหมุนกับการขายของ และไม่คิดว่าการค้าครั้งแรกจะดีขนาดนี้
“ในที่สุดก็หมดลูกค้าแล้ว วันนี้ทั้งสนุก ทั้งได้เงิน แบบนี้ดีจริง ๆ เลย” หลินซินเยว่ยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับพูดอย่างดีใจ ที่การค้าครั้งนี้ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายอย่างมาก
“นั่นสิ พี่เองก็ไม่คิดว่าทำการค้าจะสนุกขนาดนี้” หลินอี้เฉินพูดอย่างยินดีเช่นกัน เขาไม่คิดว่าทำการค้าขายจะสนุกและได้เงินง่ายขนาดนี้ และรู้สึกก็ดีใจกับน้องสาวที่ได้เงินจากการขายของในมิติ
“ต่อจากนี้พวกเราออกมาขายของกันแบบนี้อีกดีไหม เก็บเงินอีกสักพักค่อยเปิดร้าน ฉันไม่อยากให้พ่อกับแม่ทำงานหนักอีกแล้ว พี่ใหญ่ก็ด้วย รวมถึงพี่ ๆ ของสามีเหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากให้พวกเขามาช่วยงานที่ร้าน แต่คงจะไม่ให้พวกเขารู้ความลับของฉันหรอกนะ”
หลินซินเยว่บอกความคิดของตัวเองให้กับสามีและพี่ชายได้รับรู้ เธอต้องการจะทำการค้าอย่างเปิดเผยสักสองสามอย่าง แต่ถ้าเปิดร้านตอนนี้ก็คงจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เพราะเธอไม่อยากให้ใครสงสัยเหมือนกัน เลยอยากจะรอเวลาอีกสักหน่อย
อีกทั้งตอนนี้เธอเพิ่งขายข้าวสารไปได้ร้อยกระสอบ คงอีกสักพักกว่าเถ้าแก่เหิงจะสั่งซื้ออีกครั้ง ดังนั้นการขายของในตลาดมืดจึงน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้
“แล้วพรุ่งนี้พวกเราจะขายอะไรกันดี”
โม่กวนหยางพยักหน้ารับรู้แล้วถามกลับ เขาไม่ได้สนใจว่าภรรยาจะขายของได้เงินเท่าไรและใช้วิธีไหน แค่อยากจะช่วยเธอหาเงินเท่านั้นเอง และตอนนี้สายตาของชายหนุ่มมองเธอก็เปลี่ยนไป แม้กระทั่งเจ้าตัวก็ไม่รู้
“ฉันคิดว่าพรุ่งนี้พวกเราน่าจะขายอาหารแห้ง แล้วก็พวกเครื่องปรุงดีไหมคะ ชาวบ้านส่วนใหญ่มักซื้อของพวกนี้เข้าบ้านเป็นประจำอยู่แล้ว และนอกจากจะขายในตลาดมืดแล้ว แต่เรายังสามารถเอาไปขายตามตลาดในเมืองได้อีกด้วย
อย่างไรวันนี้ฉันจะเอาจักรยานออกมาสองคันก่อน พรุ่งนี้จะได้สะดวกกับการเดินทางมาขายของ อย่างน้อยเรายังไปขายที่อื่นได้อีก เพราะในเมืองนี้ตลาดมืดไม่ได้มีที่เดียว”
หญิงสาวนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกความคิดของเธอออกไป
เธอตั้งใจจะเอาจักรยานออกมาสองคันเลย หากเอามาคันเดียว พี่ชายเธอจะใช้อะไรล่ะ นี่คือความคิดของหลินซินเยว่
“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน หากมีใครถามเดี๋ยวพี่จะบอกว่าพี่ซื้อเอง บ้านหลินของเราก็ไม่ใช่ว่าจะยากจนสักเท่าไหร่ แค่ซื้อจักรยานคันหนึ่งก็คงจะมีปัญญาหรอกนะ”
หลินอี้เฉินเสนอความคิดเห็นออกมาบ้าง เขาเห็นด้วยที่จะมีจักรยานไว้ใช้ เพราะต่อไปอาจจะต้องไปขายของที่ตำบลอื่น จักรยานคือการตอบโจทย์ทุกอย่าง แล้วอีกอย่างก็จะได้ไม่ต้องเสียเงินนั่งรถประจำทางไป
“พี่เห็นด้วยที่อาเฉินพูดมานะ ถ้ามีจักรยานมันก็สะดวกต่อการเดินทางจริง ๆ ส่วนที่ปากชาวบ้านใครจะพูดอะไรก็ค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน หรือหากใครพูดมากจริง ๆ พี่จะออกหน้าจัดการให้เอง”
โม่กวนหยางพูดอย่างเห็นด้วยไม่ต่างจากพี่ชายของภรรยาและถ้าเกิดปัญหาก็รับอาสาจะจัดการเรื่องนี้เอง หากจะต้องมานั่งฟังเรื่องนินทาจากปากชาวบ้าน ก็คงไม่ต้องทำมาหากินกันพอดี
“ดีเลย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเราหาที่ลับสายตาคนเพื่อเอาจักรยานออกมาเลยดีกว่า ฉันจะได้เอาวัตถุดิบสำหรับทำกับข้าวออกมาด้วย ถ้าพวกเรากลับเข้าหมู่บ้านตัวเปล่าแล้วค่อยเอาออกมา ก็คงจะเป็นที่ผิดสังเกตอีกอยู่ดี”
หญิงสาวหันไปมองพี่ชายกับสามีแล้วยิ้มออกมา พร้อมกับบอกทั้งสองคนออกไปอย่างสดใส
พอได้ยินคำพูดของหลินซินเยว่แล้ว สองหนุ่มต่างก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยทันที
บทส่งท้าย ความรักที่สมบูรณ์ของหลินซินเยว่ตอนที่ได้ยินว่าภรรยาตั้งท้อง โม่กวนหยางก็ตกใจและดีใจมากแล้ว แต่พอรู้ว่าเธอตั้งท้องแฝด เขากลับยิ่งทั้งดีใจและเริ่มเป็นกังวล เพราะกลัวจะดูแลเธอไม่ดี“ซินเยว่ได้ยินที่คุณหมอบอกแล้วใช่ไหม ต่อไปนี้ไม่ต้องทำงานอะไรอีกแล้วนะ เดี๋ยวพี่จะทำทุกอย่างแทนซินเยว่เอง เรากลับบ้านกันเถอะ ส่วนที่ร้านก็ให้โม่เจิ้งฉีกับน้องสะใภ้ดูแลไปก่อน” โม่กวนหยางพูดกับภรรยาอย่างอ่อนโยน“ก็ได้ค่ะ” หลินซินเยว่ตอบรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้งเพราะเธอก็ยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่เมื่อเดินออกมาจากห้องตรวจ ก็พบเข้ากับพ่อแม่จากทั้งสองบ้านมารอถามข่าว เมื่อทุกคนได้รับรู้ข่าวดีก็ยิ้มกว้างอย่างดีใจ“ดีจริง ๆ ต่อไปเจ้าสามจะต้องดูแลสะใภ้สามให้ดี ๆ นะ งานขายของก็พักไว้ก่อน เดี๋ยวพ่อแม่จะมาช่วยดูแลร้านให้เอง แถมตอนนี้ยังมีโม่เจิ้งฉีกับเซี่ยเป้ยนีมาช่วยดูแลด้วย ซินเยว่ก็ไม่ต้องห่วงนะ” ฟางเหนียงพูดกับลูกชายของตนเองกับสะใภ้“นั่นสิ ซินเยว่ต้องพักผ่อนเยอะๆ นะลูก ท้องแรกแถมยังเป็นท้องแฝดด้วย ต้องระวังตัวให้มากๆ เดี๋ยวแม่จะอยู่ช่วยดูแลซินเยว่เองนะลูก เราจะต้องเริ่มบำรุงด้วยอาหารที่เพิ่มน้ำนมแล้วนะฟางเหนียง
บทที่ 59 งานแต่งของหลินอี้เฉินเมื่อวันที่บ้านหลินมาสู่ขอคุณหนูหวาง แม้ว่าทั้งสองคนจะฐานะต่างกัน แต่บ้านหลินทำเต็มที่ จนชาวบ้านที่รู้ข่าวตกตะลึงไม่น้อย แล้วยังมีของขวัญจากน้องสาวและน้องเขยคือตึกในแหล่งการค้าอีกด้วย“หลังจากนี้ฉันฝากหลิงหลิงไว้กับนายด้วยนะ ต่อจากนี้ฉันก็กล้าที่จะวางมือแล้ว” นายท่านหวางเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนโยนเขาไม่ได้สนใจว่าสินสอดที่อีกฝ่ายให้มานั้นจะมากน้อยแค่ไหน เพราะเขาตั้งใจว่ายื่นคืนกลับให้ว่าที่ลูกเขยและลูกสาวไว้ทำทุน เพราะอย่างไรหลินอี้เฉินย่อมก็ต้องเข้ามาช่วยดูแลกิจการของครอบครัวหวางอยู่แล้ว“ครับนายท่าน ผมจะดูแลคุณหนูและกิจการของตระกูลหวางให้ดี” หลินอี้เฉินรับปากอย่างหนักแน่นจริงจัง“ยังจะมาเรียกนายท่าน เรียกคุณหนูอยู่อีก เราจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ นายก็ควรเรียกฉันว่าพ่อได้แล้ว ส่วนหลิงหลิงนายจะเรียกชื่อเธอหรือจะเรียกภรรยาก็ตามใจนาย” นายท่านหวางพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี“ครับคุณพ่อ ผมจะดูแลหลิงหลิงกับตระกูลหวางให้ดีครับ” หลินอี้เฉินตอบใหม่อีกครั้ง“และเราสองคนจะกลับไปดูแลพ่อกับแม่ที่บ้านหลินบ่อยๆ นะคะ” หวางหลิงหลิงเองก็หันไปพูดกับหลินไป๋หานและจางฮุ่ยอี อย่างนอ
บทที่ 58 ซื้อที่ดินสร้างกิจการของตัวเอง“นายมาหาฉันทำไม” หญิงสาวถามหลวนหมิงด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพราะเธอพอจะสืบเรื่องนี้มาได้เหมือนกัน“ผมมีเรื่องมาสารภาพครับ” หลวนหมิงพูดออกมาด้วยท่าทางนอบน้อมจากนั้นชายหนุ่มจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่มีคำไหนตกหล่นเลยแม้แต่น้อย ครั้งนี้เขาก็ไม่รู้ว่าหน้าที่การงานจะยังอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจที่จะพูดออกมาทั้งหมดเพื่อรักษาชีวิต“ฉันดีใจนะหลวนหมิง ที่นายมาสารภาพด้วยตนเองแบบนี้ ครั้งนี้ฉันถือว่านายได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่นายทำตามคำขอของหญิงคนนั้น หน้าที่การงานรวมถึงชีวิตของนายก็จะไม่เหลือ เพราะฉันเองก็คงจะต้องตามล่านายเหมือนกัน นายรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้ตระกูลหลินกับตระกูลหวางมีความเกี่ยวดองกันแล้ว”หวางหลิงหลิงพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกยินดี ที่ลูกน้องของคุณพ่อคนนี้กล้ามาพูดตรงๆ และกล้ายอมรับความผิดทั้งหมดด้วยตัวเอง เธอจึงพร้อมที่จะให้อภัย และให้เขาทำหน้าที่เดิมต่อไป “ครับคุณหนู” หลวนหมิงตอบกลับมาเพียงเท่านี้ ก่อนจะก้มหน้ารู้สึกผิดอีกครั้ง“ถ้าอย่างนั้นนายก็ทำหน้าที่ของนายต่อไป และเมื่อไรที่นายพบผู้หญิงที่อยากจะ
บทที่ 57 จบสิ้นเรื่องวุ่นวายส่วนทางด้านหลินอี้เฉิน เขาได้พาหวางหลิงหลิงมาเดินเล่นในหมู่บ้านโดยมีสายตาของชาวบ้าน ต่างก็มองอย่างอยากรู้อยากเห็น“ทำไมคุณต้องเดินห่างฉันขนาดนี้ หรือว่าคุณมีคนรักอยู่ในหมู่บ้านนี้ เลยกลัวว่าเธอจะเห็นเราสองคนเดินด้วยกันเหรอ” หญิงสาวถามขึ้นมาคล้ายกับจะหยอกล้อ แต่ความจริงเธอต้องการคำตอบนี้อย่างมาก“ผมยังไม่มีคนรักครับ แต่ที่ผมต้องเดินเว้นระยะห่างกับคุณเพราะกลัวชาวบ้านจะเอาไปนินทา แล้วจะทำให้คุณเสียหาย”หลินอี้เฉินตอบกลับอย่างจริงจัง ขณะที่ตอบก็สบตาหญิงสาวอย่างไม่หลบเลี่ยง เพราะกลัวว่าเธอจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาได้บอกไป“เป็นไปได้เหรอที่คุณจะไม่มีคนรัก ดูจากอายุแล้วน่าจะเลยวัยที่จะต้องแต่งงานแล้วนะ” เธอแสร้งถามอย่างหยอกล้ออีกครั้ง ทั้งที่หัวใจนั้นพองโตไม่น้อยกับคำตอบที่ได้รับรู้“เมื่อก่อนบ้านผมจนน่ะ ไม่มีใครอยากให้ลูกสาวต้องมาลำบากหรอกครับ” คราวนี้เขาตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ๆ เพราะนึกถึงฐานะของตนเองกับหญิงสาวที่แตกต่างกันมาก“แต่ตอนนี้บ้านของคุณมีฐานะดีขึ้นแล้วนี่ จะกลัวการแต่งงานทำไม ถ้าอย่างนั้นคุณลองมาคบหากับฉันไหม แต่คุณจะรับความเสี่ยงได้หรือเปล่าล่ะ เพร
บทที่ 56 ไม่หาเรื่อง เรื่องก็มาหา“พี่คิดว่าฉันโหดร้ายเกินไปหรือเปล่าคะ ที่ตัดสินใจทำตามแผนการนี้”“ไม่เลย ในเมื่อลูกสาวบ้านตู้คิดจะเล่นงานน้องก่อน อย่างไรเธอก็ควรจะได้บทเรียนในครั้งนี้”โม่กวนหยางรีบตอบกลับไปอย่างอ่อนโยนทันที เขาไม่ได้มองว่าภรรยาตนเองนั้นโหดร้าย และไม่ว่าเธอตัดสินใจจะทำอย่างไร เขาก็พร้อมจะสนับสนุนทุกอย่าง แม้ว่าสิ่งที่ภรรยาของเขาทำนั้น จะเป็นเรื่องที่ร้ายแรงแค่ไหนก็ตาม “ขอบคุณมากนะคะที่เข้าใจฉัน” หลินซินเยว่พูดขอบคุณและยิ้มให้สามีอย่างอ่อนโยน“ถ้าอย่างนั้นเราทำตามแผนการที่วางไว้เลยนะคะ กลับไปฉันจะได้สั่งให้คนดำเนินการเลย ส่วนคุณ เมื่อถึงเวลานั้นก็แสร้งทำทีพาคนไปพบ เรื่องนี้ตู้หลินเซียนไม่อาจหนีชะตากรรม ที่เธอได้ทำไว้ในตอนแรกแน่” หวางหลิงหลิงพยักหน้าอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าหลินซินเยว่มีความเด็ดขาด ไม่ยอมให้คนที่ทำร้ายตนเองลอยนวล“ขอบคุณมากนะคะคุณหนูหวางที่ช่วยในเรื่องนี้ ฝากขอบคุณไปถึงนายท่านหวางด้วย จริงสิ รอสักครู่นะคะ” หลินซินเยว่ยิ้มและเอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ห้องตัวเอง แล้วหยิบเอารังนกออกมาชุดใหญ่“นี่ฉันฝากไปให้นายท่านหวางด้วยนะคะ ฉันไม่รู้ว่าจ
บทที่ 55 ต้องจัดการให้เด็ดขาด“ครับ แต่อย่างไรเรื่องนี้ผมจะต้องไปคุยกับซินเยว่และพี่กวนหยางดูก่อน แต่เชื่อว่าทั้งสองคนน่าจะเห็นด้วยกับความคิดนี้ และหากจะหาใครสักคนให้แต่งงานกับตู้หลินเซียน ก็น่าเป็นชายหนุ่มจากหมู่บ้านอื่น หรือไม่ก็คงจะเป็นพวกพรานป่า หรือไม่ต้องเป็นคนที่โหดสักหน่อย เพื่อที่จะจัดการให้เธออยู่ในโอวาทได้ ไม่อย่างนั้นแล้วก็คงจะเอาผู้หญิงคนนี้ไม่อยู่”หลินอี้เฉินพูดขึ้นมาตามความคิดของเขา โดยที่เขายังไม่มีใครอยู่ในใจ แต่อย่างไรเรื่องนี้ก็คงจะต้องไปคุยกับน้องสาวและน้องเขยให้ชัดเจนเสียก่อนว่า จะจัดการลูกสาวบ้านตู้อย่างไร“แต่ฉันเห็นต่างเล็กน้อย เรื่องอื่นไม่มีปัญหา แต่ชายที่จะมาแต่งงานกับตู้หลินเซียนนั้น จะต้องเป็นคนที่ยากจนเพิ่มขึ้นมาด้วย ผู้หญิงคนนั้นจะได้เลิกเชิดหน้าชูคอสักที”หวางหลิงหลิงพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง ใครจะคิดว่าเธอนั้นจะโหดร้ายเกินไปก็ช่าง แต่เพราะผู้หญิงร้ายกาจแบบตู้หลินเซียน จะต้องจัดการขั้นเด็ดขาดแบบนี้เท่านั้นพอได้ยินอย่างนั้น หลินอี้เฉินก็หันไปมองหญิงสาวเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาอย่างพึงพอใจ เขาไม่มองเลยว่าเธอนั้นโหดร้ายกับผู้หญิงด้วยกัน เพราะคนอย่างตู้ห