Home / รักโบราณ / ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80) / บทที่ 10 ด่ามาด่ากลับไม่โกงค่ะ

Share

บทที่ 10 ด่ามาด่ากลับไม่โกงค่ะ

Author: sanvittayam
last update Last Updated: 2025-08-21 18:18:05

บทที่ 10 ด่ามาด่ากลับไม่โกงค่ะ

“แล้วมันผิดตรงไหนคะ ในเมื่อพี่ใหญ่คือพี่ชายฉัน ส่วนบ้านใหญ่มีสายเลือดของฉันหรือเปล่า ถึงได้มาเรียกร้องอย่างกับ...” ประโยคสุดท้าย ฟางเจียวเหมยเลือกที่จะไม่พูด แต่ให้คนบ้านใหญ่คิดเอาเอง

“นี่แกกล้าด่าย่าสามีเหรอนังเจียวเหมย อีกอย่าง แกแต่งเข้าบ้านหลี่ ของทุกอย่างย่อมต้องเป็นของบ้านหลี่สิ มันไม่เกี่ยวอะไรกับบ้านเดิม หากจะชวนคนอื่นกินอาหาร หล่อนต้องชวนบ้านใหญ่ก่อนสิ นี่อะไรกลับชวนบ้านเดิมของตัวเองมากินโดยไม่ชวนบ้านใหญ่ แบบนี้มันถูกต้องที่ไหนกัน” ซ่งเจียฮุยตอบด้วยความโกรธจัด เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายด่าตนเองและบ้านใหญ่

“ฉันด่าย่าตรงไหนป้าสะใภ้ช่วยบอกหน่อยสิ แล้วการที่ฉันแต่งเข้าบ้านสามหลี่ก็ใช่ว่าของฉันที่นำติดตัวมาจะต้องให้บ้านหลี่ทั้งหมด ฉันใช้เงินจากสินเดิมของตัวเองซื้ออาหารและข้าวของมาให้ใครมันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน บ้านใหญ่เกี่ยวอะไรด้วยล่ะ” ฟางเจียวเหมยย้อนกลับอย่างไม่เกรงกลัว อย่างไรร่างนี้ก็คือสะใภ้ที่ขึ้นชื่อว่าร้ายกาจอยู่แล้ว หากจะด่ากลับพวกเห็นแก่ตัวคงไม่แปลกอะไรเหมือนกัน

เมื่อเจอคำตอบนี้ คนบ้านใหญ่ก็ถึงกับพูดไม่ออก แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้เพราะต้องการอาหารพวกนี้กลับไปกินให้ได้

“แต่ถึงอย่างไรเธอแต่งก็เข้าบ้านหลี่ อีกทั้งบ้านหลี่ยังไม่มีการแยกบ้าน ไม่ว่าอย่างไร ของที่เธอซื้อมาต้องเอาเข้ากองกลางอยู่แล้ว ใช่ไหมคะย่า”

หลี่ฉีหลินเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ยอมแพ้ เพราะคิดว่าคำพูดของหล่อนนั้นสามารถหักล้างกับสิ่งที่ฟางเจียวเหมยพูดได้ แต่เปล่าเลย แม้ว่าฟางเจียวเหมยจะแต่งเข้าบ้านสามหลี่ ทว่าบ้านสามหลี่ก็ไม่สามารถเอาสินเดิมของลูกสะใภ้ออกมาใช้ตามอำเภอใจได้ ยิ่งบ้านใหญ่หลี่ยิ่งไม่มีสิทธิ์ เรื่องแบบนี้ไม่มีบ้านไหนเขาทำกัน

ย่าหลี่เองเพราะความโลภเข้าครอบงำ แม้จะชราแต่สายตาของนางยังสามารถมองเห็นถุงใส่ชุดที่วางอยู่ข้างกายของลูกชายบ้านฟาง จึงเอ่ย

เข้าข้างหลานสาวตัวเองทันที

“ใช่แล้ว บ้านหลี่ยังไม่มีการแยกบ้าน เช่นนั้นแล้วบ้านสามก็ควรเอาของทุกอย่างเข้ากองกลางสิ ทุกคนเข้าไปขนของกลับบ้านใหญ่ให้หมด”

ย่าหลี่พูดอย่างเห็นแก่ตัว

ฟางเจียวเหมยได้ยินก็ไม่พอใจทันที เนื่องจากบ้านใหญ่และบ้านสามนั้นแยกครัวกันแล้ว ต่อให้จะมีการส่งเสียเงินให้บ้านใหญ่ก็ตาม แต่ย่าหลี่และบ้านใหญ่ไม่ควรกระทำแบบนี้ เพราะเธอประกาศชัดแล้วว่าสิ่งของเหล่านั้นซื้อมาด้วยเงินสินเดิมของเธอเอง

พอเห็นว่าบ้านใหญ่กำลังเดินเข้ามา ฟางเจียวเหมยจึงหันไปคว้ามีดด้ามใหญ่ที่เธอใช้ทำกับข้าวเมื่อครู่นี้มาถือไว้ และกวาดมือไปมา พร้อมกับด่ากลับอย่างไม่ไว้หน้า ไม่สนหัวหงอกหัวดำ

“ใครกล้าเข้ามาฉันฟันหัวแบะแน่” หญิงสาวกวาดสายตาแล้วมาหยุดอยู่ที่หญิงชราที่สุด

“ที่ผ่านมาฉันพูดดีเพราะเห็นว่าย่าแก่แล้ว และยังเป็นย่าของสามี ฉันเลยไม่อะไรมากมาย แต่ไม่คิดว่าย่าที่มีผมขาวมากกว่าผมดำ ยังไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ปล่อยให้ความโลภมันครอบงำทำเรื่องที่ไม่สมควร ฉันพูดออกจะเสียงดังฟังชัดแล้วว่าข้าวของพวกนี้ฉันเอาเงินสินเดิมตัวเองซื้อ ส่วนเงินที่พี่อี้ข่ายส่งมาก็หมดไปกับให้บ้านใหญ่แล้วซื้อของให้สองแฝด นี่ยังไม่รวมอาหารที่บ้านสามต้องกิน ฉันถามหน่อยนะ พี่อี้ข่ายทำงานใช้แรงงานจะมีเงินเดือนมากมายเหมือนคนที่มีความรู้และทำงานในโรงงานได้อย่างไร

คิดบ้างสิ สมองมีไว้คั่นหูหรืออย่างไร”

ฟางเจียวเหมยเหลืออด ด่าไม่เว้นหน้า ก่อนจะหันมามองป้าสะใภ้ใหญ่ของสามีก่อนจะด่าออกไปอีกรอบ “ป้าสะใภ้ก็เหมือนกัน ตอนนี้ตัวใหญ่กว่าหมูในคอมมูนเสียอีก ทำไมงานการไม่ทำเอง อะไรนิดหน่อยก็มาฟ้องแม่สามีตัวเอง ถามจริงเถอะนะ ประสาทหรือเปล่า ที่เห็นใครอยู่เหนือกว่าหรือกินดีกว่าไม่ได้ ความอิจฉามันจะจุกอกตายหรือยังไงถ้าไม่ได้มาหาเรื่องพวกฉัน”

หญิงสาวหยุดพูดเพื่อเว้นระยะหายใจ ก่อนจะด่าต่อ “คนเราเกิดมาก็ต้องตายเหมือนกัน ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ควรจะทำตัวให้ดี ตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์ไม่ต้องลงนรกไปชดใช้กรรม หรือว่าคนบ้านใหญ่อยากไปอยู่ในนรกกันนักถึงได้ตามล้างผลาญบ้านสามไม่หยุด

ใช่สิ!! บ้านใหญ่รู้ว่าบ้านสามของเรามีเพียงสตรีและเด็กน้อยเท่านั้น เลยคิดจะทำอะไรหรือว่าอยากจะแย่งชิงอะไรของเราไปก็ได้ ส่วนเรื่องอาหาร บ้านสามไม่เคยขอบ้านใหญ่กิน เพราะย่าและป้าสะใภ้ทั้งสองมักพูดเสมอว่าบ้านพวกเราแยกครัวกันแล้ว กินใครกินมัน หรือว่าวันนี้คนบ้านใหญ่ยอมคุ้ยน้ำลายที่ถมลงดินกลับมากินใหม่ล่ะ ถ้าทำแบบนั้นได้ ฉันจะยอมแบ่งอาหารให้กิน”

พูดจบ ฟางเจียวเหมยเชิดหน้าอย่างถือดี จะว่าเธอไม่เคารพผู้ใหญ่ก็ได้ จะว่าเธอเป็นสะใภ้ร้ายกาจก็ดี แต่ทุกคำที่พูดออกมาล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น

“หล่อนกล้าด่าฉันหรือนังเจียวเหมย!!” ย่าหลี่เวลานี้โกรธจนลมแทบจับ ไม่คิดว่าหลานสะใภ้จะไม่เห็นตนเองอยู่ในสายตา

“ย่าจะว่าฉันด่าก็ได้ แต่ทุกคำที่ฉันพูดไปนั้นมันเรื่องจริง ในเมื่อฉันเอาเงินจากสินเดิมมาซื้อของกินและชวนพี่ชายฉันมากิน มันก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไร เพราะสินเดิมของแม่ พี่ใหญ่กับฉันก็มีสิทธิ์ครึ่งหนึ่ง หรือย่าคิดว่าคนบ้านฟางจะให้สินเดิมฉันมาล่ะ ย่าช่วยดูสภาพของบ้านฟางก่อน”

เธอยกเรื่องสินเดิมของแม่ออกมาอ้าง ที่จริงแล้วจากความทรงจำของร่างเดิมมีสินเดิมจากแม่จริง ๆ แต่มีไม่กี่อย่างเท่านั้น ทว่าตัวเธอเองเพิ่งจะทะลุมิติมา เลยยังไม่ได้สำรวจของในกล่องนั้น

ทุกคนได้ยินที่ฟางเจียวเหมยพูดก็ได้แต่คิดตาม แต่ถึงอย่างไรบ้านใหญ่ก็ไม่คิดที่จะยอมสูญเสียผลประโยชน์ตรงหน้าไป จึงได้หันมาสบตากันเพื่อปรึกษาว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดี ใจหนึ่งก็อยากเข้าไปเอาอาหารที่ชวนน้ำลายไหล แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวมีดด้ามใหญ่ในมือของฟางเจียวเหมย

“ผมไม่รู้นะว่าทุกคนคิดอย่างไร แต่อย่างที่เจียวเหมยบอกว่าอาหารมื้อนี้เธอซื้อมาด้วยเงินส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับเงินที่น้องเขยส่งมาให้ และเงินส่วนตัวของน้องสาวผมก็มาจากสินเดิมของแม่ และผมเป็นคนให้น้องเอามาทั้งหมดเอง หากบ้านใหญ่หลี่คิดจะแย่งชิงอาหารและสินเดิมของหลานสะใภ้จากบ้านสาม เห็นว่าพี่ชายอย่างผมคงต้องร้องเรียนที่สำนักงานพลเรือนเสียแล้ว” ฟางหลู่เฉินเลือกที่จะเดินหน้าเข้ามาปกป้องน้องสาว เขาเลือกที่จะพูดตามที่ฟางเจียวเหมยบอกก่อนหน้านี้ 

การที่พี่ชายของฟางเจียวเหมยเดินหน้าออกมาพูดเอง ทำให้คนบ้านใหญ่หลี่ที่ยืนอยู่ตรงนี้เริ่มมีท่าทางลังเล ที่ลังเลไม่ใช่เพราะกลัวอีกฝ่าย แต่กลัวเรื่องจะถูกร้องเรียน หากเป็นอย่างนั้นบ้านหลี่คงไม่กล้าสู้หน้าใคร

ย่าหลี่เลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปบ้านใหญ่ของตัวเองทันที พร้อมกับสะใภ้รองที่ประคองพาเดิน

ส่วนสะใภ้ใหญ่และลูกสาวยังคงมีความละโมบ แต่เมื่อย่าหลี่ไม่พูดอะไร ทั้งสองก็ทำเพียงสะบัดหน้าและเดินกระทืบเท้าตามไป

“จบเรื่องเสียที” หนิงหงชุนเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจ

“ยังไม่จบหรอกแม่ เชื่อเถอะว่าบ้านใหญ่ไม่จบแค่นี้แน่ แม่ไม่เห็นสายตาของป้าสะใภ้ใหญ่กับพี่ฉีหลินเหรอ ดูทั้งสองจะยอมเสียที่ไหน” หลี่เหว่ยเหลียนเอ่ยขึ้น เธอไม่เชื่อว่าเรื่องจะจบแค่นี้อย่างที่แม่พูดมา

“ฉันเห็นด้วยกับเสี่ยวเหลียนนะแม่ เอาล่ะ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปฉันขอให้แม่กับเสี่ยวเหลียนรวมถึงพี่ใหญ่ใส่เสื้อผ้าใหม่ที่ฉันซื้อมาให้ พอครบสามวัน แม่กับเสี่ยวเหลียนพาสองแฝดไปเที่ยวเล่นบ้านสหายหรือจะพาไปเที่ยวในเมืองก็ได้ เชื่อเถอะว่าเมื่อถึงวันนั้น เราอาจจะได้แยกบ้านเพราะความโลภของบ้านใหญ่เอง”

ฟางเจียวเหมยพูดถึงแผนการขั้นต่อไป เธอเชื่อว่าหากป้าสะใภ้หรือคนบ้านใหญ่เห็นว่าบ้านสามและพี่ชายของเธอมีเสื้อผ้าใหม่ใส่ คงอดใจไม่ได้ที่จะเข้ามาค้นบ้านสาม!! 

เมื่อถึงเวลานั้น ฟางเจียวเหมยคนนี้จะเอาคืนอย่างสาสม

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 31 รับเป็นน้องบุญธรรม

    บทที่ 31 รับเป็นน้องบุญธรรม“แล้วถ้าเป็นหยกล่ะ เธอมีราคาในใจหรือเปล่า” กงเฉินเสวียนพูดสวนขึ้นมา ‘ในเมื่อสิบสองก้อนล้วนแต่ผ่าออกมาเป็นหยกทั้งนั้น แล้วก้อนใหญ่จะไม่ใช่หยกได้อย่างไร และถ้าเป็นหยกจักรพรรดิขึ้นมา ราคาของมันจะอยู่ที่หลายสิบล้านหยวน ซึ่งถ้าเขาสามารถขอซื้อมาได้ นั่นก็หมายความว่า หญิงสาวคนนี้จะสร้างเม็ดเงินให้เขาได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว’ เขาคิดคำนวณในใจพร้อมกับรอคำตอบฟางเจียวเหมยนั้นยังไม่ตอบ แต่หันมาสบตากับสามีอีกครั้งเพื่อขอปรึกษา เนื่องจากเธอเองก็ไม่รู้ค่าของเงินในยุคนี้เท่าไรนัก ถ้าถามว่าเธออยากได้เงินมากหรือไม่นั้น ก็ตอบได้เลยว่าอยากได้ เนื่องจากเธอคิดจะทำธุรกิจมากมาย แต่สิ่งที่เธอขาดอย่างเดียวก็คือเงิน ต่อให้จะขายหยกก่อนหน้านี้ไปแล้ว มันก็ได้แค่ไม่กี่แสนหยวนเท่านั้น มันยังไม่เพียงพอตามที่เธอต้องการ“ราคาในใจฉันมีอยู่แล้วค่ะ อยู่ที่ว่านายท่านกงจะสู้ราคาฉันไว้หรือเปล่า” ฟางเจียวเหมยมองสบตากับสามีครู่หนึ่ง เมื่อเขายิ้มให้เธอจึงหันกลับมาตอบ นั่นจึงทำให้นายท่านกงอมยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ“ถ้าอย่างนั้นเธอให้เขาผ่าหินก้อนนี้เลยดีหรือไม่ เราจะได้มาดูกันว่าด้านในเป็นอะไร เมื่อ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 30 สร้างเม็ดเงินมหาศาล

    บทที่ 30 สร้างเม็ดเงินมหาศาลเจ้าของร้านมองก้อนหินที่หญิงสาวชี้แล้วได้แต่แปลกใจเนื่องจากหินก้อนนี้วางอยู่ที่ร้านมานานแล้วแต่ไม่เคยมีใครสนใจเลย ซึ่งเขาเองก็คิดว่าหินก้อนนี้มันเป็นเพียงหินธรรมดาเท่านั้น อีกทั้งมันยังดูเกะกะอีกด้วย แต่ก็ยังโก่งราคาตามแบบพ่อค่า“ฉันขายให้หนึ่งพันหยวน” พ่อค้าบอกราคาขึ้นมา“ตกลงฉันซื้อในราคาหนึ่งพันหยวน และเอาหินก้อนนี้ นี่ด้วย” ฟางเจียวเหมยตอบกลับอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเลือกหินที่เธอต้องการ ซึ่งในก้อนเล็กพวกนี้มีหยกจักรพรรดิถึงสามก้อน ยังไม่รวมก้อนใหญ่ก้อนนั้น ส่วนก้อนอื่น ๆ เป็นหยกสีเขียวซึ่งราคาก็แพงอยู่พอสมควรนี่จึงทำให้เจ้าของร้านและคนที่ยืนอยู่บริเวณนี้ต่างก็หน้าเปลี่ยนสี ไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะบ้าถึงขนาดซื้อก้อนหินก้อนโตที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะมีหยกอยู่ด้านใน แถมราคาที่เธอซื้อนั้นก็แพงมากด้วยเวลานี้ทั้งพ่อค้าและคนที่มาเสี่ยงโชคหาซื้อหยกต่างก็มารุมล้อมร้านนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนของนายท่านกงอยู่ด้วย เพราะต้องการมาดูสินค้าให้กับเจ้านาย ขนาดชายคนนี้อยู่วงการค้าหยกมานาน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครตัดสินใจแบบนี้มาก่อน เขาจึงยืนมองดูสถานการณ์อย่างสนใจ“ทั้งหมดสองพันสอง

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 29 ตลาดค้าหยก

    บทที่ 29 ตลาดค้าหยกเมื่อได้รับคำที่สนับสนุนตนเองจากภรรยา หลี่อี้ข่ายจึงมีความมั่นใจมากขึ้นและจะตั้งใจทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ภรรยาผิดหวัง“เรื่องราวเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ แล้วเถ้าแก่เฉาเป็นหนี้คนพวกนั้นเท่าไร” ชายหนุ่มเอ่ยถามทันที“ฉันกู้ยืมเงินคนพวกนั้นหลายเดือนแล้ว ฉันเองก็จ่ายดอกเบี้ยตรงมาทุกเดือนแต่ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกนั้นถึงมาทวงโดยบอกว่าฉันไม่เคยจ่ายดอกเบี้ยเลย พอฉันโต้แย้งไปเขาก็ไม่พอใจและพังร้านจนเละไปหมด แล้วบอกว่าฉันต้องคืนเงินทั้งหมดภายในสามวัน ไม่อย่างนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัยของคนในบ้าน เงินตั้งสี่หมื่นหยวน ฉันจะเอามาจากไหนมาคืนในเวลาแค่สามวัน ต่อให้ขายร้านก็ไม่พออยู่ดี” เถ้าแก่เฉาพูดขึ้นมาอย่างจนปัญญา ก่อนจะมองหลี่อี้ข่ายกับสหายอีกสามคนด้วยสายตาที่สงสัย ว่าทำไมอยู่ดี ๆ คนงานของร้านเถ้าแก่เฉินต่างก็ดูเปลี่ยนไป แถมยังใส่เสื้อผ้าใหม่ดูจะมีราคาอีกด้วยหลี่อี้ข่ายได้ฟังก็แปลกใจเหมือนกันว่า ทำไมเจ้าหนี้ของเถ้าแก่เฉาถึงได้มาทวงเงินเอาวันนี้ ซึ่งทุกคนก็คิดเหมือนกัน“หรือว่า...” ฉีฮุ่ยพูดขึ้น ก่อนจะหันมามองหน้าสหายอีกสามคน “ฉันคิดว่าใช่นะ อย่าลืมสิว่าฉันประกา

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 28 ช่วยเหลือร้านค้าที่ถูกกดขี่

    บทที่ 28 ช่วยเหลือร้านค้าที่ถูกกดขี่หลังจากฟังเรื่องราวทุกอย่างจากภรรยา หลี่อี้ข่ายจึงโน้มตัวคว้าร่างของภรรยาเข้ามากอดไว้แน่น เหมือนเขากลัวจะสูญเสียเธอไปจริงๆ ภายในใจนั้นรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่อาจปกป้องเธอและทุกคนในครอบครัวได้“พี่ขอโทษนะเจียวเหมย ที่ไม่อาจปกป้องน้องและทุกคนได้ เลยทำให้น้องและทุกคนต้องเจอกับความลำบากมากมายกับบ้านใหญ่ และขอบคุณน้องมากที่ดูแลแม่และทุกคนจนหลุดพ้นจากที่นั่นออกมาได้ ขอบคุณจริง ๆ”หลี่อี้ข่ายกอดภรรยาไว้แน่นแล้วเอ่ยขอโทษออกมาอย่างรู้สึกผิด“ไม่ต้องขอบคุณแล้วค่ะ แล้วก็อย่าคิดมากเลยนะคะ อย่างไรเราก็คือสามีภรรยาและครอบครัวเดียวกัน ตอนนี้ฉันซื้อบ้านและพาพี่ใหญ่ฉันมาอยู่ด้วยนะ พี่จะว่าอะไรไหม”ฟางเจียวเหมยบอกถึงเรื่องที่เธอซื้อบ้านและให้พี่ชายมาอยู่บ้านเดียวกันให้สามีฟัง“พี่ภรรยาก็คือครอบครัวเรา อย่าคิดมากเลยนะ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลฟางเจียวเหมยยิ้มกว้าง ในใจนั้นคิดไม่ผิดที่บอกความลับแก่สามีและสาเหตุหลักที่เธอบอก เพราะหากเธอต้องส่งสินค้าให้คู่ค้าตอนอยู่ที่เมืองนี้ เธอจะได้ไม่ต้องหาข้ออ้างที่ชวนปวดหัวให้กับสามี การที่หลี่อี้ข่ายรับรู้เรื่องมิติของ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 27 ความจริงที่เล่าไม่หมด

    บทที่ 27 ความจริงที่เล่าไม่หมด“พี่อี้ข่าย พี่อี้ข่ายฟังฉันอยู่ไหมคะ” ฟางเจียวเหมยขยับตัวมาใกล้ ๆ แล้วเรียกพร้อมกับโบกมือไปตรงหน้าสามีที่ยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างแปลกใจ“เอ่อ..คะ ครับ พี่จะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ครับ” หลี่อี้ข่ายได้เรียกสติตัวเองกลับมาก็ตอบอย่างตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนู มีการผลักประตูห้องน้ำเข้าไปด้วย ทั้งที่หน้าห้องเขียนไว้ว่า ‘โปรดดึง’“น่ารักเหมือนกันแฮะ” ฟางเจียวเหมยมองภาพนั้นแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ในใจนั้นคิดว่าสามีคนนี้น่ารักน่าแกล้งดีเหมือนกัน แต่พอก้มมองชุดนอนที่ตัวเองใส่ก็เข้าใจทันทีว่าทำไมสามีถึงหน้าแดงและยืนตัวแข็งทื่อแบบนั้น จากนั้นก็ยักไหล่อย่างไม่แคร์ พร้อมกับพูดออกมาว่า “โป้แล้วไง ใส่ให้สามีมองนะไม่ใช่ใส่ให้คนอื่นมองสักหน่อย”แต่พอหลี่อี้ข่ายออกมาจากห้องน้ำเท่านั้น เธอถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเพราะรูปร่างกำยำที่เย้ายวนใจของเขา“เอ่อ...พี่ไม่ใส่เสื้อผ้าหน่อยเหรอ” ฟางเจียวเหมยเอ่ยถามเสียงสั่น เมื่อเห็นว่าสามีเดินขึ้นมานอนบนเตียงด้วยร่างกายที่ไม่ต่างกับเปล่าเปลือย เพราะเขามีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันรอบเอวไว้เท่านั้น“ใส่ทำไมล่ะ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 26 เจ้าของร้านหลี่ฟาง

    บทที่ 26 เจ้าของร้านหลี่ฟางฟางเจียวเหมยเห็นท่าทางของพนักงานคนหนึ่งก็เข้าใจทันทีว่าต่อให้เธอและสามีแจ้งความก็ไม่สามารถเอาผิดคุณหนูเฉินได้ แต่เธอเป็นแม่ค้าย่อมไม่ยอมเสียเปรียบแน่ อย่างนี้ต้องหาทางเอาคืนอย่างสาสม อย่าลืมสิว่าเธอคือโกดังเคลื่อนที่ การที่จะหาคู่ค้าจากเมืองนี้ไม่ใช่เรื่องยาก ก่อนจะเดินมากระซิบบางอย่างข้างหูสามี ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าตาม เขาเองก็ไม่อยากทำร้ายสหายในร้านเหมือนกัน เขาเชื่อเต็มร้อยว่าสหายไม่ใช่คนที่เอาพัสดุของเขาไป แต่อาจจะเป็นเพียงแพะรับบาปเท่านั้น“ว่าแต่พี่ลาออกได้เลยใช่ไหม เราจะได้ไปหาโรงแรมที่พักกัน ฉันลงรถไฟมาก็ตรงดิ่งมาที่นี่เลย ตอนนี้ฉันเหนื่อยมาก” ฟางเจียวเหมยพูดกับสามีด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน เรื่องเอาคืนผู้หญิงคนนี้นั้นเธอคิดในใจไว้แล้ว อย่างไรวันนี้ก็พักเอาแรงก่อนดีกว่า“ครับ พี่ลาออกได้เลย เดี๋ยวเราค่อยไปคุยกันนะ พี่ขอไปเก็บของก่อน” ชายหนุ่มตอบกลับภรรยาทันทีและเตรียมหมุนตัวออกไปจากร้านเพื่อจะไปที่พักเก็บของ แต่ทว่าฟางเจียวเหมยกลับห้ามไว้เสียก่อน“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่อี้ข่าย ของที่พี่มีมันคงเก่าหมดแล้ว ฉันได้เตรียมเสื้อผ้ามาให้พี่แล้วล่ะ ของที่มีอยู่ที่นี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status