“คิดอย่างที่ถี่ถ้วนแล้วใช่ไหม พี่ขอถามหน่อยสิว่า เจียวเหมยรู้จักพ่อค้าคนกลางได้อย่างไร และขายอะไรถึงได้กำไรมากมายขนาดนั้น”
ฟางลู่เฉินตัดสินใจถามน้องสาวออกไป ที่ถามไม่ใช่เพราะอิจฉาหรือว่าต้องการอะไรของน้อง แต่เพราะเป็นห่วงกลัวว่าน้องสาวจะถูกหลอกนั่นเอง จึงได้ถามออกมาพร้อมกับสีหน้าที่มีความกังวลไม่น้อย
“พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวลไปหรอก ต่อให้ฉันจะเคยร้ายกาจแต่ตอนนี้ก็เริ่มมีความคิดแล้ว ฉันสงสารพี่อี้ข่ายที่ต้องทำงานคนเดียว อยู่ห่างลูกเมียและครอบครัว เป็นเวลาหลายเดือนถึงจะได้กลับมาบ้านสักครั้ง อีกอย่างนะพี่ ตอนนี้ฉันมีลูกแล้ว ความคิดความอ่านก็ต้องเปลี่ยนไปบ้างล่ะ ฉันขอยังไม่บอกนะคะว่ารู้จักคนกลางได้ยัง ส่วนของที่ขายแล้วได้กำไรเยอะก็เป็นพวกเนื้อ พวกอาหารที่หายาก จึงทำกำไรได้มากแบบนี้” หญิงสาวตอบกลับพี่ชายพร้อมกับยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์ โดยไม่ยอมความลับของเธอออกไป
“งั้นแม่ขอถามได้ไหมว่าเจียวเหมยมีความคิดจะทำอย่างไร เรื่องที่จะให้บ้านใหญ่ยอมแยกบ้านกับเรา” คราวนี้หนิงหงชุนเอ่ยขึ้นมาบ้าง เนื่องจากเธอมองไม่เห็นทางเลยว่าจะสามารถแยกบ้านได้ เพราะที่ผ่านมานั้นเธอและลูกชายเคยพูดกับพ่อและแม่สามีมาหลายครั้งแล้ว
“เดี๋ยวแม่รอดูดีกว่าค่ะ เพราะถ้าฉันบอกแม่ไป ฉันกลัวว่าหากบ้านใหญ่รู้ว่าฉันมีแผนการจะแยกบ้าน พวกเขาจะมาคาดคั้นเอากับแม่น่ะสิ แม่มีหน้าที่เลี้ยงหลานและรอดูการเปลี่ยนแปลงของบ้านเราก็พอแล้ว” ฟางเจียวเหมยพูดขึ้นมา เพราะรู้ดีว่าแม่สามีนั้นขี้กลัวและใจอ่อนแค่ไหน นี่เธอเพิ่งสัมผัสได้ไม่นานนะ
“มีอะไรให้ฉันช่วยบอกได้เลยนะพี่สะใภ้ ฉันเต็มใจช่วยทุกอย่าง” หลี่เหว่ยเหลียนที่นั่งฟังอยู่ด้วยก็เอ่ยขึ้นมา เธอเองก็อยากช่วยพี่สะใภ้เหมือนกัน
“อืม แล้วฉันจะบอกอีกครั้งก็แล้วกัน แต่ต่อจากนี้ไปทั้งสองคนไม่ต้องไปช่วยงานบ้านใด ๆ ทั้งสิ้นให้กับบ้านใหญ่อีกแล้วนะ หากฉันไม่อยู่บ้านก็ล็อกประตูให้แน่นหนาและไม่ต้องเปิดรับใครก็พอ” หญิงสาวสั่งกำชับน้องสามีเรื่องที่ไม่ต้องไปช่วยงานบ้านใหญ่อีก ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมา
“หลังจากนี้ ทั้งแม่ เสี่ยวเหลียนและพี่ใหญ่ให้ใส่ชุดใหม่ที่ฉันซื้อมาให้นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเข้าเมืองไปซื้อมาให้อีก เพราะนี่คือหนึ่งในแผนการที่ทำให้บ้านใหญ่ยอมให้เราแยกบ้านแต่โดยดี แต่ปัญหาอาจจะตกมาอยู่ที่พี่ใหญ่ เพราะเมียใหม่พ่อคงหาเรื่องพี่ไม่เว้นวันถ้าเห็นพี่มีเสื้อผ้าดี ๆ ใส่ ยังไงพี่ก็บอกไปว่าฉันเอาสินเดิมที่แม่ทิ้งไว้ออกมาใช้ก็แล้วกัน พี่ช่วยเล่นละครในเรื่องนี้ได้ไหม เพราะเรื่องที่ฉันแอบทำการค้า ฉันยังไม่อยากให้ใครรู้แม้กระทั่งพ่อ”
ฟางเจียวเหมยบอกแผนการเบื้องต้นของเธอให้ทั้งสามคนได้รู้ เพราะเธอมั่นใจว่าหากบ้านใหญ่เห็นเธอรวมถึงทุกคนในบ้านสามใส่เสื้อผ้าใหม่และกินดีอยู่ดี อีกทั้งยังลามไปถึงพี่ชายของเธอ คนโลภมากแบบบ้านใหญ่มีหรือไม่หาโอกาสมาค้นเอาของมีค่าไป และเมื่อถึงเวลานั้น ฟางเจียวเหมยคนนี้จะจัดการเพื่อแยกบ้านเอง
“อืม เรื่องนี้พี่จะช่วยเล่นละครให้เอง ขอแค่น้องสาวของพี่พาทุกคนหลุดพ้นจากบ้านใหญ่หลี่ให้ได้ก็พอแล้ว” ฟางหลู่เฉินยินดีที่จะช่วยน้องสาวในเรื่องนี้ ก่อนจะถามถึงอีกเรื่องที่เขายังกังวลใจไม่น้อย “ส่วนเรื่องค้าขายในตลาดมืด เจียวเหมยให้พี่ไปช่วยหรือเปล่า ในนั้นมันอันตรายสำหรับผู้หญิงคนเดียวนะ”
“ไม่ต้องหรอกพี่ ทำงานกินกำไรส่วนต่างแบบนี้ ฉันทำคนเดียวคล่อง ตัวกว่า รอฉันเปิดร้านก่อนแล้วพี่ได้มาช่วยฉันแน่ แต่ก่อนอื่นพี่หาเรื่องแยกตัวออกมาจากบ้านฟางก่อนเถอะ เท่าที่ฉันเห็นพ่อของเราไม่เหมือนเดิมมานานแล้ว สำหรับพ่อ หายใจเข้าออกมีแต่ลู่เจียเม่ยกับลูกสาวของหล่อนเท่านั้น ส่วนเราสองคนพี่น้องไม่ต่างจากคนแปลกหน้าสำหรับพ่อแล้ว พี่ออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่พร้อมฉันและพวกเราบ้านสามได้หรือเปล่าล่ะ”
“แต่...” ฟางหลู่เฉินเข้าใจสิ่งที่น้องสาวพูด เขาเองก็ไม่มีความผูกพันอะไรกับพ่ออีกแล้ว แต่ยังเกรงใจคนบ้านสาม ซึ่งถ้าเขาแยกตัวออกมาคงจะขออยู่เพียงลำพัง เพราะไม่ต้องการสร้างความลำบากให้น้องสาวกับบ้านสามีนั่นเอง แต่ตอนนี้เขายังไม่มีเงินเพียงพอที่จะแยกออกไปเช่าบ้าน
หนิงหงชุนคล้ายกับจะเข้าใจในความรู้สึกของคนรุ่นลูก จึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “อย่าคิดมากเลยนะอาเฉิน เมื่อถึงวันนั้นพวกเรามาอยู่ด้วยกันเถอะนะ อย่างไรเธอก็เป็นพี่ชายของลูกสะใภ้น้าอยู่แล้ว เราเปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ฟางหลู่เฉินจึงมีใบหน้าอบอุ่นและดูอ่อนโยนอย่างห้ามไม่อยู่ ในใจนั้นเชื่อว่าน้องสาวแต่งเข้าบ้านสามคงไม่ลำบากมากนัก ในเมื่อแม่สามีมีจิตใจดีเช่นนี้ “ขอบคุณครับน้าหงชุน”
“วันนี้มีเนื้อมาหลายชิ้น ฉันคิดว่าเราทำสามชั้นตุ๋น เนื้อราดพริก ซุปกระดูกหมูกับหัวไชเท้า และหุงข้าวขาวกินกันดีกว่า แต่ฉันไม่อยากเข้าไปทำในครัวของบ้าน เราก่อไฟทำกันหน้าห้องนี่แหละ อีกทั้งหม้อกระทะบ้านเราก็มีทุกอย่าง ต่อไปนี้ไม่ต้องไปทำที่ครัวใหญ่แล้ว ขาดแต่ฟืน...”
ฟางเจียวเหมยพูดขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนเรื่องคุยของทุกคน ส่วนอาหารของลูกนั้นเธอตั้งใจจะทำพรุ่งนี้และคงเป็นอาหารอ่อนก่อน เนื่องจากที่ผ่านมา ร่างนี้ป้อนเพียงแต่นมให้ลูกเท่านั้นเท่านั้น มีบางครั้งที่เสริมด้วยให้กินน้ำข้าว ซึ่งเธอมองว่าเด็กวัยนี้นั้นควรจะกินอาหารชนิดอื่นได้แล้ว อย่างเช่นข้าวต้มและตับบด ไข่ต้ม รวมถึงผักบดละเอียด
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่จะไปหาฟืนมาให้เอง น้องเตรียมอาหารเถอะ เดี๋ยวพี่มา” ฟางหลู่เฉินได้ยินว่าขาดฟืนก็อาสาจะไปหามาให้ พอพูดจบเขาจึงรีบเดินออกมาจากห้องและมุ่งหน้าไปหาฟื้นมาไว้ให้น้องสาวทันที
“เดี๋ยวแม่ไปช่วยนะ” แม่สามีอย่างหนิงหงชุนก็ไม่นิ่งดูดาย ตั้งใจจะฝากหลานให้ลูกสาวคนเล็กดูแล แล้วจะไปช่วยลูกสะใภ้ทำอาหาร
“ไม่ต้องหรอกแม่ แม่กับเสี่ยวเหลียนดูหลานเถอะ กับข้าวแค่สามอย่างฉันทำเองได้ แต่ถ้าจะให้ดีก็พาหนิงหนิงและอาหมิงออกไปรับลมที่หน้าห้องบ้างดีกว่า อยู่แต่ในนี้น่าจะอุดอู้เกินไป”
หญิงสาวรีบปฏิเสธ เรื่องการทำอาหารสำหรับเธอนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพราะชาติก่อนเธอเปิดร้านอาหารจะต้องมีฝีมือด้านนี้อยู่แล้ว แต่จะถูกปากของทุกคนไหมนั้นมันอีกเรื่อง เพราะลิ้นรับรสของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เธอบอกว่าอร่อย แต่คนอื่นอาจจะไม่อร่อยก็ได้
“เอาอย่างนั้นก็ได้ เดี๋ยวแม่และเสี่ยวเหลียนจะพาหลานออกไปเดินเล่นแถวบ้านก็แล้วกัน” หนิงหงชุนไม่อยากเถียงกับลูกสะใภ้ แม้จะสงสัยอยู่ไม่น้อยก็ตาม เพราะที่ผ่านมาฟางเจียวเหมยไม่เคยลงมือทำอาหารเองเลยสักครั้ง
“พี่สะใภ้ทำอาหารเป็นด้วยหรือคะ เก่งจัง ฉันไม่เคยเห็นพี่ทำอาหารเลย หรืออาจจะเพราะพี่ใหญ่ทำอาหารอร่อยมากพี่เลยไม่ต้องทำ” ส่วน
หลี่เหว่ยเหลียนเลือกที่จะถามออกมาตรง ๆ เพราะเธอเองก็ไม่เคยเห็นพี่สะใภ้ทำอาหารมาก่อน
“ไม่เคยเห็นก็ไม่ใช่ว่าฉันทำไม่เป็นสักหน่อย เดี๋ยวต่อไปจะเห็นอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่เคยเห็น” พูดจบเธอก็เดินออกมาจากห้องอีกก่อน ก่อนจะเดินไปที่ห้องเล็กข้าง ๆ ที่เก็บอุปกรณ์ทำครัวของบ้านสามไว้ แล้วทยอยขนวัตถุดิบและอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกมาเพื่อทำอาหารที่หน้าห้อง
หญิงสาวจัดเตรียมวัตถุดิบแต่ละอย่างด้วยความคล่องแคล่วระหว่างรอพี่ชายหาฟื้นมาให้ บ้านนี้ยังขาดอีกอย่างคือที่อาบน้ำ และที่
ล้างจาน แต่ไม่เป็นไร ความลำบากในส่วนนี้อีกไม่นานก็จะหมดปัญหาแล้ว เวลาช่วงนี้ก็ทนไปก่อน เพราะถึงอย่างไรเรื่องอาบน้ำนั้นต้องรอให้บ้านใหญ่และบ้านรองอาบเสร็จก่อนอยู่แล้ว บ้านสามถึงจะได้อาบน้ำชำระร่างกาย
ซึ่งที่สำหรับล้างจานและอุปกรณ์ในการทำครัวเหมือนกัน บ้านสามจะต้องล้างให้บ้านใหญ่ก่อนจะล้างของบ้านตนเอง เนื่องจากที่ผ่านมานั้น แม่สามีของเธอรับผิดชอบหน้าที่ในส่วนนี้และต้องทำงานบ้านรวมถึงทำอาหารให้บ้านใหญ่อยู่แล้ว
ฟางเจียวเหมยยังคงสาละวนกับการเตรียมวัตถุดิบ ไม่นานพี่ชายก็หอบฟืนกองโตเข้ามา
“เอาไว้ใช้สำหรับวันสองวันก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่เสร็จจากงานในทุ่งจะรีบไปหาฟืนมาเก็บไว้ให้ ส่วนน้ำสำหรับไว้ใช้ล้างถ้วยชามและอุปกรณ์ครัว วันนี้พี่จะพาไปล้างที่บ่อน้ำของหมู่บ้านก่อน จะมีปัญหาก็คือห้องอาบน้ำ” ชายหนุ่มวางฟืนลงก่อนจะมองพื้นที่โดยรอบและบอกน้องสาวอย่างที่ใจคิด
บทที่ 31 รับเป็นน้องบุญธรรม“แล้วถ้าเป็นหยกล่ะ เธอมีราคาในใจหรือเปล่า” กงเฉินเสวียนพูดสวนขึ้นมา ‘ในเมื่อสิบสองก้อนล้วนแต่ผ่าออกมาเป็นหยกทั้งนั้น แล้วก้อนใหญ่จะไม่ใช่หยกได้อย่างไร และถ้าเป็นหยกจักรพรรดิขึ้นมา ราคาของมันจะอยู่ที่หลายสิบล้านหยวน ซึ่งถ้าเขาสามารถขอซื้อมาได้ นั่นก็หมายความว่า หญิงสาวคนนี้จะสร้างเม็ดเงินให้เขาได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว’ เขาคิดคำนวณในใจพร้อมกับรอคำตอบฟางเจียวเหมยนั้นยังไม่ตอบ แต่หันมาสบตากับสามีอีกครั้งเพื่อขอปรึกษา เนื่องจากเธอเองก็ไม่รู้ค่าของเงินในยุคนี้เท่าไรนัก ถ้าถามว่าเธออยากได้เงินมากหรือไม่นั้น ก็ตอบได้เลยว่าอยากได้ เนื่องจากเธอคิดจะทำธุรกิจมากมาย แต่สิ่งที่เธอขาดอย่างเดียวก็คือเงิน ต่อให้จะขายหยกก่อนหน้านี้ไปแล้ว มันก็ได้แค่ไม่กี่แสนหยวนเท่านั้น มันยังไม่เพียงพอตามที่เธอต้องการ“ราคาในใจฉันมีอยู่แล้วค่ะ อยู่ที่ว่านายท่านกงจะสู้ราคาฉันไว้หรือเปล่า” ฟางเจียวเหมยมองสบตากับสามีครู่หนึ่ง เมื่อเขายิ้มให้เธอจึงหันกลับมาตอบ นั่นจึงทำให้นายท่านกงอมยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ“ถ้าอย่างนั้นเธอให้เขาผ่าหินก้อนนี้เลยดีหรือไม่ เราจะได้มาดูกันว่าด้านในเป็นอะไร เมื่อ
บทที่ 30 สร้างเม็ดเงินมหาศาลเจ้าของร้านมองก้อนหินที่หญิงสาวชี้แล้วได้แต่แปลกใจเนื่องจากหินก้อนนี้วางอยู่ที่ร้านมานานแล้วแต่ไม่เคยมีใครสนใจเลย ซึ่งเขาเองก็คิดว่าหินก้อนนี้มันเป็นเพียงหินธรรมดาเท่านั้น อีกทั้งมันยังดูเกะกะอีกด้วย แต่ก็ยังโก่งราคาตามแบบพ่อค่า“ฉันขายให้หนึ่งพันหยวน” พ่อค้าบอกราคาขึ้นมา“ตกลงฉันซื้อในราคาหนึ่งพันหยวน และเอาหินก้อนนี้ นี่ด้วย” ฟางเจียวเหมยตอบกลับอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเลือกหินที่เธอต้องการ ซึ่งในก้อนเล็กพวกนี้มีหยกจักรพรรดิถึงสามก้อน ยังไม่รวมก้อนใหญ่ก้อนนั้น ส่วนก้อนอื่น ๆ เป็นหยกสีเขียวซึ่งราคาก็แพงอยู่พอสมควรนี่จึงทำให้เจ้าของร้านและคนที่ยืนอยู่บริเวณนี้ต่างก็หน้าเปลี่ยนสี ไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะบ้าถึงขนาดซื้อก้อนหินก้อนโตที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะมีหยกอยู่ด้านใน แถมราคาที่เธอซื้อนั้นก็แพงมากด้วยเวลานี้ทั้งพ่อค้าและคนที่มาเสี่ยงโชคหาซื้อหยกต่างก็มารุมล้อมร้านนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนของนายท่านกงอยู่ด้วย เพราะต้องการมาดูสินค้าให้กับเจ้านาย ขนาดชายคนนี้อยู่วงการค้าหยกมานาน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครตัดสินใจแบบนี้มาก่อน เขาจึงยืนมองดูสถานการณ์อย่างสนใจ“ทั้งหมดสองพันสอง
บทที่ 29 ตลาดค้าหยกเมื่อได้รับคำที่สนับสนุนตนเองจากภรรยา หลี่อี้ข่ายจึงมีความมั่นใจมากขึ้นและจะตั้งใจทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ภรรยาผิดหวัง“เรื่องราวเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ แล้วเถ้าแก่เฉาเป็นหนี้คนพวกนั้นเท่าไร” ชายหนุ่มเอ่ยถามทันที“ฉันกู้ยืมเงินคนพวกนั้นหลายเดือนแล้ว ฉันเองก็จ่ายดอกเบี้ยตรงมาทุกเดือนแต่ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกนั้นถึงมาทวงโดยบอกว่าฉันไม่เคยจ่ายดอกเบี้ยเลย พอฉันโต้แย้งไปเขาก็ไม่พอใจและพังร้านจนเละไปหมด แล้วบอกว่าฉันต้องคืนเงินทั้งหมดภายในสามวัน ไม่อย่างนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัยของคนในบ้าน เงินตั้งสี่หมื่นหยวน ฉันจะเอามาจากไหนมาคืนในเวลาแค่สามวัน ต่อให้ขายร้านก็ไม่พออยู่ดี” เถ้าแก่เฉาพูดขึ้นมาอย่างจนปัญญา ก่อนจะมองหลี่อี้ข่ายกับสหายอีกสามคนด้วยสายตาที่สงสัย ว่าทำไมอยู่ดี ๆ คนงานของร้านเถ้าแก่เฉินต่างก็ดูเปลี่ยนไป แถมยังใส่เสื้อผ้าใหม่ดูจะมีราคาอีกด้วยหลี่อี้ข่ายได้ฟังก็แปลกใจเหมือนกันว่า ทำไมเจ้าหนี้ของเถ้าแก่เฉาถึงได้มาทวงเงินเอาวันนี้ ซึ่งทุกคนก็คิดเหมือนกัน“หรือว่า...” ฉีฮุ่ยพูดขึ้น ก่อนจะหันมามองหน้าสหายอีกสามคน “ฉันคิดว่าใช่นะ อย่าลืมสิว่าฉันประกา
บทที่ 28 ช่วยเหลือร้านค้าที่ถูกกดขี่หลังจากฟังเรื่องราวทุกอย่างจากภรรยา หลี่อี้ข่ายจึงโน้มตัวคว้าร่างของภรรยาเข้ามากอดไว้แน่น เหมือนเขากลัวจะสูญเสียเธอไปจริงๆ ภายในใจนั้นรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่อาจปกป้องเธอและทุกคนในครอบครัวได้“พี่ขอโทษนะเจียวเหมย ที่ไม่อาจปกป้องน้องและทุกคนได้ เลยทำให้น้องและทุกคนต้องเจอกับความลำบากมากมายกับบ้านใหญ่ และขอบคุณน้องมากที่ดูแลแม่และทุกคนจนหลุดพ้นจากที่นั่นออกมาได้ ขอบคุณจริง ๆ”หลี่อี้ข่ายกอดภรรยาไว้แน่นแล้วเอ่ยขอโทษออกมาอย่างรู้สึกผิด“ไม่ต้องขอบคุณแล้วค่ะ แล้วก็อย่าคิดมากเลยนะคะ อย่างไรเราก็คือสามีภรรยาและครอบครัวเดียวกัน ตอนนี้ฉันซื้อบ้านและพาพี่ใหญ่ฉันมาอยู่ด้วยนะ พี่จะว่าอะไรไหม”ฟางเจียวเหมยบอกถึงเรื่องที่เธอซื้อบ้านและให้พี่ชายมาอยู่บ้านเดียวกันให้สามีฟัง“พี่ภรรยาก็คือครอบครัวเรา อย่าคิดมากเลยนะ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลฟางเจียวเหมยยิ้มกว้าง ในใจนั้นคิดไม่ผิดที่บอกความลับแก่สามีและสาเหตุหลักที่เธอบอก เพราะหากเธอต้องส่งสินค้าให้คู่ค้าตอนอยู่ที่เมืองนี้ เธอจะได้ไม่ต้องหาข้ออ้างที่ชวนปวดหัวให้กับสามี การที่หลี่อี้ข่ายรับรู้เรื่องมิติของ
บทที่ 27 ความจริงที่เล่าไม่หมด“พี่อี้ข่าย พี่อี้ข่ายฟังฉันอยู่ไหมคะ” ฟางเจียวเหมยขยับตัวมาใกล้ ๆ แล้วเรียกพร้อมกับโบกมือไปตรงหน้าสามีที่ยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างแปลกใจ“เอ่อ..คะ ครับ พี่จะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ครับ” หลี่อี้ข่ายได้เรียกสติตัวเองกลับมาก็ตอบอย่างตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนู มีการผลักประตูห้องน้ำเข้าไปด้วย ทั้งที่หน้าห้องเขียนไว้ว่า ‘โปรดดึง’“น่ารักเหมือนกันแฮะ” ฟางเจียวเหมยมองภาพนั้นแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ในใจนั้นคิดว่าสามีคนนี้น่ารักน่าแกล้งดีเหมือนกัน แต่พอก้มมองชุดนอนที่ตัวเองใส่ก็เข้าใจทันทีว่าทำไมสามีถึงหน้าแดงและยืนตัวแข็งทื่อแบบนั้น จากนั้นก็ยักไหล่อย่างไม่แคร์ พร้อมกับพูดออกมาว่า “โป้แล้วไง ใส่ให้สามีมองนะไม่ใช่ใส่ให้คนอื่นมองสักหน่อย”แต่พอหลี่อี้ข่ายออกมาจากห้องน้ำเท่านั้น เธอถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเพราะรูปร่างกำยำที่เย้ายวนใจของเขา“เอ่อ...พี่ไม่ใส่เสื้อผ้าหน่อยเหรอ” ฟางเจียวเหมยเอ่ยถามเสียงสั่น เมื่อเห็นว่าสามีเดินขึ้นมานอนบนเตียงด้วยร่างกายที่ไม่ต่างกับเปล่าเปลือย เพราะเขามีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันรอบเอวไว้เท่านั้น“ใส่ทำไมล่ะ
บทที่ 26 เจ้าของร้านหลี่ฟางฟางเจียวเหมยเห็นท่าทางของพนักงานคนหนึ่งก็เข้าใจทันทีว่าต่อให้เธอและสามีแจ้งความก็ไม่สามารถเอาผิดคุณหนูเฉินได้ แต่เธอเป็นแม่ค้าย่อมไม่ยอมเสียเปรียบแน่ อย่างนี้ต้องหาทางเอาคืนอย่างสาสม อย่าลืมสิว่าเธอคือโกดังเคลื่อนที่ การที่จะหาคู่ค้าจากเมืองนี้ไม่ใช่เรื่องยาก ก่อนจะเดินมากระซิบบางอย่างข้างหูสามี ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าตาม เขาเองก็ไม่อยากทำร้ายสหายในร้านเหมือนกัน เขาเชื่อเต็มร้อยว่าสหายไม่ใช่คนที่เอาพัสดุของเขาไป แต่อาจจะเป็นเพียงแพะรับบาปเท่านั้น“ว่าแต่พี่ลาออกได้เลยใช่ไหม เราจะได้ไปหาโรงแรมที่พักกัน ฉันลงรถไฟมาก็ตรงดิ่งมาที่นี่เลย ตอนนี้ฉันเหนื่อยมาก” ฟางเจียวเหมยพูดกับสามีด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน เรื่องเอาคืนผู้หญิงคนนี้นั้นเธอคิดในใจไว้แล้ว อย่างไรวันนี้ก็พักเอาแรงก่อนดีกว่า“ครับ พี่ลาออกได้เลย เดี๋ยวเราค่อยไปคุยกันนะ พี่ขอไปเก็บของก่อน” ชายหนุ่มตอบกลับภรรยาทันทีและเตรียมหมุนตัวออกไปจากร้านเพื่อจะไปที่พักเก็บของ แต่ทว่าฟางเจียวเหมยกลับห้ามไว้เสียก่อน“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่อี้ข่าย ของที่พี่มีมันคงเก่าหมดแล้ว ฉันได้เตรียมเสื้อผ้ามาให้พี่แล้วล่ะ ของที่มีอยู่ที่นี