ในห้องทางทิศตะวันออก ซูหวั่นนอนพิงอยู่บนเตียงอิฐไฟ โดยภายใต้ผ้าห่มสีเทายังมีฟางแห้งรองเอาไว้อีกหนึ่งชั้นโดยที่นางหลี่ได้นั่งอยู่บนขอบเตียงพร้อมกับดึงผ้ามาห่มให้กับนางด้วยความห่วงใย ซึ่งนางก็ยังจำได้ว่าก่อนหน้านี้ซูหวั่นได้บ่นบอกว่าหิว“อาหวั่น แม่จะไปทำกับข้าวนะ ประเดี๋ยวจะเอาโจ๊กมาให้เจ้า”ซูหวั่นเงียบไปสักพักเพิ่งจะทะเลาะกับแม่เฒ่าเซี่ยงมาหยกๆ และครอบครัวนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานด้วย แล้วจะมีข้าวเย็นกินได้อย่างไรกันหากนางหลี่ไปในห้องครัวคาดว่าจะต้องถูกรังแกทุบตีและต่อว่าเป็นแน่ แต่หากไม่ยอมให้นางหลี่ไป ด้วยนิสัยที่ซื่อๆของนางหลี่นั้น นางก็คงจะไม่ยอมอย่างแน่นอน“ท่านแม่ ระวังตัวด้วยนะคะ”ขอบตาของนางหลี่บวมแดง นางรีบพยักหน้าหงึกหงักแล้วตอบรับกลับไปว่า“อืม แม่รู้แล้วล่ะ”หลังจากที่นางหลี่ออกไปแล้ว ซูหวั่นก็ผล็อยหลับไปอีกครั้งและดูเหมือนว่านางจะเข้าไปสู่พื้นที่แห่งภาพลวงตาแห่งหนึ่งเสียแล้วโดยที่ด้านในเต็มไปด้วยสวนผลไม้และพืชสมุนไพร ซูหวั่นรู้สึกปลื้มปีติเป็นอย่างมาก โดยที่ยังคงมีความไม่เชื่ออยู่เล็กน้อย นี่มันเป็นสถานที่ที่นางเคยทำงานวิจัยผลิตภัณฑ์ไม่ใช่เหรอและมันก็ตามนางมาเ
เมื่อได้อาหารตามที่ต้องการแล้ว ซูหวั่นและนางหลี่ก็เดินกลับไปที่ห้องตะวันออกทันทีโดยไม่สนใจว่าแม่เฒ่าเซี่ยงจะกระทืบเท้าและสาปแช่งตามหลังนางมากแค่ไหนโจ๊กนั้นมีไม่มาก ดังนั้นนางหลี่จึงแบ่งเป็นสามส่วน โดยส่วนของนางเองน้อยที่สุด และซาลาเปาก็แบ่งเพียงเศษไปเท่านั้นซูหวั่นเพิ่งจะกินผลไม้ไปจึงไม่หิวสักเท่าไหร่ ดังนั้นนางจึงแบ่งส่วนที่เกินมาให้กับนางหลี่ไป“ท่านแม่ ข้าไม่หิว ท่านแม่ทานเถอะนะ พรุ่งนี้ท่านแม่ยังจะต้องออกไปทำนาอีก”แม้ว่านางจะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่นางก็รู้สึกถึงความห่วงใยของนางหลี่ได้อย่างแท้จริงนางหลี่รู้ว่าซูหวั่นร่างกายอ่อนแอเลยปฏิเสธที่จะรับมัน แต่ซูหวั่นก็ได้พูดเกลี้ยกล่อมอยู่นานและยังหยิบลูกพีชออกมาอีกด้วย จากนั้นนางหลี่ถึงกินโจ๊กไปทั้งน้ำตาแบบนั้นได้ซูลิ่วหลางยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้กับนาง“ท่านแม่อย่าร้องไห้ไปเลยนะ ต่อไปลิ่วหลางจะต้องทำให้ท่านแม่มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ให้ได้”“ได้!”นางหลี่เปลี่ยนน้ำตาให้เป็นเสียงหัวเราะ และดึงซูลิ่วหลางและซูหวั่นเข้ามาในอ้อมแขน“แม่ต่างหากที่ไม่เอาไหน พวกเจ้าทั้งสองถึงได้ถูกรังแกแบบนี้ได้ แม่ต้องขอโทษพวกเจ้าจริงๆ”หลังมื้ออาหาร
หลังจากได้กลิ่น ซูหวั่นก็กลืนน้ำลายอย่างเงียบๆด้วยเช่นกันเดิมทีปากก็รู้สึกจืดชืดอยู่แล้ว เมื่อได้กลิ่นหอมๆแบบนี้ขึ้นมา ร่างกายของนางก็ไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้อีกแล้วนางจึงรีบหยิบชามดินเผาขึ้นมา จากนั้นก็ตักซุปและเนื้อไก่ให้ซูลิ่วหลางและตัวนางเองคนละครึ่งชาม“กินเสร็จแล้วเรากลับบ้านกัน ที่เหลือเก็บเอาไว้ให้ท่านแม่นะ”และซูลิ่วหลางก็รับชามมาอย่างมีความสุขด้านบนของซุปไก่มีน้ำมันสีทองลอยอยู่ โดยที่ด้านล่างเป็นน้ำซุปสีขาวข้น เนื้อไก่แทบจะละลายในปาก สดและนุ่มเอาเสียมากๆหลังจากกินไปครึ่งชาม ปากของซูลิ่วหลางก็เต็มไปด้วยรสชาติของไก่“พี่ครับ หากท่านย่ามาพบเข้า จะต้องแย่งเอาไว้อย่างแน่นอนเลย”แม้ว่าเขาจะหัวช้า แต่ก็ค่อนข้างจะชัดเจนเกี่ยวกับแม่เฒ่าเซี่ยงอยู่เลยทีเดียว เขารู้ว่าหากนำซุปไก่กลับไป นางหลี่คงจะไม่ได้กินมันอย่างแน่นอนซูหวั่นลูบหัวของเขา แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา“งั้นก็อย่าให้ท่านย่ารู้สิ เดี๋ยวกลับไปเจ้า......”......หลังจากกลับมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่แม่เฒ่าเซี่ยงทำก็คือการค้นกระบุงไม้ไผ่ฝ่ามือของซูลิ่วหลางเต็มไปด้วยเหงื่อ และจ้องมองกระบุงไม้ไผ่นั้นอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเข
“พี่รอง นังหนูฝูกับนังหนูหรงกลับมาแล้ว ท่านแม่ให้มาตามพวกพี่ไปที่บ้านใหญ่ รีบตามมาเร็วเข้า!”นางหวางตะโกนเสียงดังอยู่ด้านนอกนางหลี่เปิดประตูออกมา และเตรียมที่จะเดินตามนางหวางไปแต่จมูกของนางหวางนั้นดีมาก นางรู้สึกว่ามีกลิ่นแปลกๆอยู่ในห้อง จึงรีบกระโจนเข้ามาในทันทีนางหลี่รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทันที เพราะเกรงว่านางจะเห็นกระดูกไก่ที่อยู่ในโถดินเผา จึงรีบนางออกไป“น้องสาม เจ้าบอกว่าท่านแม่กำลังรออยู่ที่บ้านใหญ่ไม่ใช่เหรอ พวกเราไปกันเถอะ”นางหวางมองสำรวจไปทั่ว แต่ก็ไม่พบอะไรที่น่าสงสัยหรือว่าจมูกของนางผิดปกติไปแล้ว?ทั้งๆที่นางได้กลิ่นของเนื้ออย่างชัดเจน และก็ยังเป็นเนื้อไก่อีกด้วย!“ไปกันเถอะ”นางหวางยิ้มอย่างกลบเกลื่อน แต่ก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่ดี หากไม่ใช่เพราะนางหลี่ดึงตัวเอาไว้ นางจะต้องพลิกห้องค้นหาอย่างแน่นอนซูหวั่นจ้องเขม็งไปที่แผ่นหลังของนางหวาง และแอบก่นด่าว่าจมูกดีเหมือนสุนัขอยู่ลับๆโชคดีที่นางมือเท้าไวและเก็บทุกอย่างเข้าไปในพื้นที่จินตนาการอย่างทันท่วงที โดยที่กำชับให้ซูลิ่วหลางอยู่ในห้อง จากนั้นซูหวั่นก็เดินตามทั้งสองไปอย่างรวดเร็วบ้านใหญ่ กำลังวุ่นวายไปหมดในตอนนี้ซู
ระหว่างทาง ซูหวั่นพูดกำชับด้วยเสียงที่เบามาก“ท่านแม่ เราทำเป็นว่าไม่รู้อะไรเลยเสียดีกว่านะคะ ท่านแม่ก็อย่าคิดมากไปเลย ปล่อยให้พวกเขาจัดการเรื่องนี้กันเองเถอะ!”เรื่องใหญ่ขนาดนี้จะไม่ให้คิดได้ยังไงกันนางหลี่ไม่อยากให้ลูกสาวต้องเป็นกังวล นางจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า“แม่รู้ แค่กลัวว่าท่านย่ากับลุงใหญ่ของเจ้าจะมาก่อกวนพวกเรา เพราะเมื่อกี้เราได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้วนะ”ซูหวั่นพยายามปลอบโยนอย่างเต็มที่“ถ้าพวกเขากล้ามา ข้าก็กล้าที่กระทืบพวกเขาด้วยเหมือนกัน”ที่ประตูของบ้านใหญ่นางหวางบิดตัวและหัวเราะกลบเกลื่อนไปสองสามที จากนั้นก็กลับไปที่ห้องตะวันตก เมื่อครู่นี้นางคิดที่จะดึงนางหลี่ให้มาเป็นแพะรับบาปที่มาแอบฟังเรื่องราวด้วยกันแต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกซูฉางฝูจับได้เสียแล้ว“เจ้าคงไม่รู้ว่าข้าไปได้ยินอะไรมาเมื่อครู่นี้!”ทันทีที่กลับมาถึงห้อง นางหวางก็ขยิบตากับซูฉางโซว่และซูฉางโซว่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงอิฐไฟก็พลิกตัว แล้วถามว่า“ไปได้ยินอะไรมา?”ส่วนซูซานหลาง ซื่อหลาง และอู่หลางก็ได้ขยับเข้ามาฟังด้วยนางหวางเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้น เพราะกลัวว่าทุกคนจะไม่ได้ยิน“นังหนูซูฝูอะไรนั่นท้องแล้
ซูหวั่นถือกะละมังไม้ออกมาล้างหน้า ราวกับว่าไม่ได้ยินอะไรเลยแม้แต่น้อยซูหรงจึงเดินเข้ามาแย่งกะละมังไม้ไปอย่างเกรี้ยวกราด พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า“ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ!”“ตัวเองอยากจะล้างหน้าก็ไปตักน้ำมาเองสิ?ไม่มีมือไม่มีเท้าหรือไง!”ซูหวั่นปัดมือของซูหรงออกไปอย่างเต็มแรง“เจ้า!”ซูหรงคิดไม่ถึงเลยว่าซูหวั่นที่หัวอ่อนมาโดยตลอดจะลุกขึ้นมาต่อต้านแบบนี้ได้ มันทำให้นางตกใจจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว“จะมาเจ้าอะไรอยู่ พูดไม่คล่องก็ไม่ต้องพูด รนแต่จะให้ใครเขารำคาญเอาเสียเปล่าๆ”ซูหวั่นยกน้ำที่ผ่านการล้างหน้ามาแล้วไปให้นาง“เอ้า อยากจะได้น้ำไม่ใช่เหรอ เอาไป ค่อยๆล้างนะ!”พอพูดจบ นางก็หันหลังและเดินออกไปทันทีซูหรงมองตามแผ่นหลังของซูหวั่น และคิดว่านังเด็กนี่มันเปลี่ยนไปแล้วงั้นเหรอ!นางถือกะละมังเอาไว้ มองดูน้ำสกปรกที่อยู่ข้างใน และกระทืบเท้าอย่างเต็มแรงซูฝูขมวดคิ้วและสัมผัสไปที่ท้องอย่างไม่รู้ตัว“อาหรง อย่าโกรธนางไปเลย ต่อไปหากข้าได้เป็นท่านหญิงสกุลเจียงแล้วละก็ ข้าจะซื้อคนรับใช้มาให้เจ้าสักสองสามคนแน่นอน”นางมีลูกอยู่ในท้องต่อให้เจียงถงลู่จะไม่ยอมรับ แต่นางก็ยังสามารถให้แม่เฒ่าเซี่ยงช่วยคิดหาวิธ
นางเซี่ยงกวาดตามองสำรวจไปรอบๆขณะที่นางกำลังจะพูด เจิ้งซื่อหลางก็ดึงแขนเสื้อของนาง แล้วชี้ไปที่ซูฝูและซูหรง“ท่านแม่ ข้าไม่ต้องการนาง ข้าต้องการพวกนางสองคนนั้น”และใบหน้าของซูหรงก็ดำคล้ำขึ้นมาทันทีเจิ้งซื่อหลางคนนี้เป็นเพียงคางคกที่อยากจะกินเนื้อหงส์เท่านั้น!ซูหวั่นเม้มริมปาก จับนางหลี่ที่คิดจะพูดอะไรออกมาเอาไว้ และยืนอยู่ข้างๆนางและแม่เฒ่าเซี่ยงก็อดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ตามที่คิดเอาไว้“ซื่อหลาง ไม่ใช่ว่าข้าจะต่อว่าเจ้านะ เจ้าก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว ทำไมยังจะมาจู้จี้จุกจิกอีก!”คางคกที่อยากจะกินเนื้อหงส์ยังต้องส่องกระจกมองดูตัวเองนะนางไม่ค่อยจะถูกชะตากับหลานคนนี้มาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว หากไม่เห็นแก่น้องสาวของตัวเองแล้วละก็ แม่เฒ่าเซี่ยงก็คงจะหยิบท่อนไม้ไล่ออกไปตั้งนานแล้วเจิ้งซื่อหลางเลียใบหน้าที่เจ้าเล่ห์ของตัวเอง แล้วโน้มตัวเข้ามา“ท่านน้า ท่านน้าพูดแบบนี้ข้าไม่ค่อยจะชอบมากนัก ไม่ว่าจะอย่างไรข้าก็ไม่สนใจหรอกนะ รับเงินอัดข้าไปแล้วก็ต้องส่งคนมาให้ข้า!”นางเซี่ยงรักเจิ้งซื่อหลางลูกชายคนนี้มากที่สุด เขาพูดอะไรก็เป็นอย่างนั้นมาโดยตลอด“ท่านพี่ ชีวิตนี้ข้าไม่เคยขอร้องอะไรพี่เลยนะ ข้าขอพี่คร
“อุ๊ย!ดับสิๆ คอยดูก็แล้วกันว่าข้าจะจัดการกับนังเด็กคนนี้ยังไง!”แม่เฒ่าเซี่ยงยังคงสาปแช่งต่อไปพลังการต่อสู้นั้นน่าทึ่งมาก แต่สองหมัดจะสู้สี่มือได้อย่างไร และเศษเงินอัดในกระเป๋าก็ถูกนางเซี่ยงแย่งเอาไปทั้งหมดแล้วโดยที่ซูหวั่นได้เฝ้ามองสถานการณ์นี้ตั้งแต่ต้นจนจบนางกระตุกมุมปากขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน โดยที่นึกตลกขึ้นมาในใจว่า คนชั่วก็ต้องให้คนชั่วจัดการกันเองสินะประโยคนี้ช่างสมเหตุสมผลเสียจริงๆในฐานะลูกสะใภ้ นางหลี่ก็ได้เข้าไปช่วยห้ามด้วยเช่นกัน แต่ก็ถูกตบกลับมาสองสามฉาดแทน เดิมทีซูหวั่นก็คิดอยากจะเข้าไปช่วยนาง แต่คิดไปคิดมานางก็หยุดฝีเท้าลงเพราะเห็นว่าการดับไฟค่อนข้างจะตึงเครียดมากยิ่งกว่าแม้ว่านางจะจุดไฟ แต่นางก็ไม่อยากจะเผาบ้านให้มอดไหม้ไปหรอกนะ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วนาง แม่ และน้องชายจะไปอยู่ที่ไหนได้?“ปัง!”หมู่บ้านซีสุ่ยมีขนาดไม่ใหญ่นัก เมื่อมีเพลิงไหม้เกิดขึ้นก็จะมีคนถือถังไม้มาช่วยดับไฟในทันทีเมื่อผลักเปิดประตูไม้ออกมา ทุกคนก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่อยู่ด้านในและเมื่อหญิงชราคนหนึ่งได้เห็นแม่เฒ่าเซี่ยงที่เสื้อผ้ารุ่งริ่งไปหมดก็ถามขึ้นมาว่า“เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องลุกขึ้นมาต