Share

บทที่ 3 มโนธรรมที่มืดบอด

นางจางและนางหวางรีบปล่อยมือออกจากตัวนางหลี่ เพราะหลี่เจิ้งกำลังเดินเข้ามา

จากนั้นนางหลี่ก็รีบกระโจนเข้าไปอยู่ข้างๆซูหวั่นโดยแทบไม่ต้องคิดอะไร นางปกป้องซูหวั่นเอาไว้ แล้วพูดทั้งน้ำตาที่พร่ามัวออกมาว่า“ข้าต่างหากที่เป็นแม่ของอาหวั่น ข้าไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานในครั้งนี้หรอกนะ!”

แม่เฒ่าเซี่ยงผ่อนลมหายใจหนักออกมา แล้วพูดว่า“เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะไม่เห็นด้วย!”

เนื่องจากยังไม่ได้แยกครอบครัวออกไป แม่เฒ่าเซี่ยงจึงเป็นใหญ่ที่สุดภายในบ้าน นางพูดแบบไหนก็ต้องเป็นแบบนั้น

แล้วนางหลี่จะมีสิทธิ์พูดอะไรได้!

“พลั่ก!”

ซูหวั่นพบว่านอกจากหลี่เจิ้งแล้วยังมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ยืนออกันอยู่ที่หน้าประตู นางจึงโยนมีดทิ้งไป แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าประตู“ข้าขอความเป็นธรรมจากท่านลุงท่านป้าหน่อยนะเจ้าคะ ท่านย่าของข้าบังคับให้ข้าแต่งกับซื่อหลางของสกุลเจิ้ง พอข้าไม่ยอม ท่านก็ได้ให้ท่านลุงมามัดตัวข้าไป!”

นางหลี่ปาดน้ำตา และคุกเข่ากับซูหวั่นด้วยเช่นกัน“ข้ามีลูกสาวเพียงแค่คนเดียว ข้าไม่ยอมให้ลูกของข้าต้องไปตกระกำลำบากหรอกนะ ฮือฮือ——”

นางร้องไห้ได้สมจริงกว่าซูหวั่นมาก และรูปร่างที่ผอมบางนั้นก็ดูเหมือนว่าจะถูกรังแกอยู่บ่อยครั้ง

โดยที่ด้านนอกก็มีคนพูดเสริมขึ้นมาว่า“ป้าเซี่ยง เรื่องนี้ป้าพูดไม่ถูกนะ ต่อให้พวกป้าจะไม่ได้แยกครอบครัวกัน แต่นางหลี่เป็นแม่แท้ๆของนังหนูหวั่น และนางก็ต้องมีสิทธิ์ที่จะถามไถ่เรื่องการตกแต่งของนังหนูหวั่นอยู่แล้วนะ”

“จริงด้วย จริงด้วย นังหนูหวั่นยอมที่จะตายแบบนี้แล้ว เจ้ายังจะบังคับนางอีกเหรอ!”

ซึ่งในความจริงแล้ว ทุกคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจดีว่า การที่แม่เฒ่าเซี่ยงได้ดึงดันขนาดนี้ก็เป็นเพราะเห็นแก่น้องสาวของนางนั่นเอง

เจิ้งซื่อหลางทำตัวเสเพลและยังไม่เอาการเอางานอีกต่างหาก และการที่ซูหวั่นได้แต่งเข้าไปมันก็คงไม่ใช่ผลดีอย่างแน่นอน

เฮ้อ แม่เฒ่าเซี่ยงคนนี้ช่างใจคอโหดเหี้ยมเสียจริงๆ!

เมื่อแม่เฒ่าเซี่ยงเห็นว่าทุกคนต่างก็เอนเอียงไปทางซูหวั่น นางก็พูดขึ้นมาว่า“นี่แม่หลี่ เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไรน่ะ ทั้งๆที่เจ้าได้ตอบตกลงไปแล้วนะ ไม่งั้นข้าจะรับเงินห้าตำลึงนี้มาได้ยังไงกัน!”

“ท่านแม่ ข้าทนกับคำพูดแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วนะ!”นางหลี่ระเบิดเสียงกรีดร้องที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้ากับรูปร่างของนางสักเท่าไหร่ออกมา“ท่านแม่จะพูดพล่อยๆแบบนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ ข้าจะผลักอาหวั่นลงไปในกองไฟแบบนั้นได้ยังไง!”

ทุกคนต่างก็ซุบซิบและวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา โดยที่พวกเขาก็รู้ว่าแม่เฒ่าเซี่ยงกำลังจะใส่ร้ายนางหลี่อยู่

นางหลี่เป็นคนที่ซื่อๆ และไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกับใครมาก่อน ครั้งนี้ที่นางกล้าพูดกับแม่เฒ่าเซี่ยงแบบนี้คงเป็นเพราะลูกสาวถูกบีบคั้นจนนางร้อนใจขึ้นมาอย่างแน่นอน

และแม่เฒ่าคนหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา“น้องเซี่ยง ฟังคำเตือนของพี่สักหน่อยเถอะนะ หากนังหนูหวั่นไม่ยอมแต่งออกไป เจ้าก็คืนเงินสินสอดเขาไปเถอะ เจ้าจะบังคับจนนังเด็กนี่ตายไปถึงจะสบายใจงั้นเหรอ?”

และแม่เฒ่าเซี่ยงที่เคยชินกับความเป็นใหญ่ในบ้านมาโดยตลอด แล้วนางจะทนกับคำพูดแบบนี้ได้อย่างไร

จู่ๆนางก็ปัดมือของแม่เฒ่าคนนั้นออก นั่งลงไปที่พื้นพร้อมกับตีโพยตีพายออกมาว่า“พวกเจ้าอาศัยตอนที่ตาแก่ของข้าไม่อยู่บ้านมารังแกข้า ฮือฮือ ข้าไม่อยู่แล้วก็ได้!”

พ่อเฒ่าซูและซูเหลียนเฉิงพ่อของซูหวั่นได้ออกไปทำงานข้างนอกแล้ว

ซึ่งพวกเขาจะกลับมาก็ตอนครึ่งเดือนผ่านไปแล้ว

และถ้าพ่อเฒ่าซูอยู่บ้าน แม่เฒ่าเซี่ยงก็คงไม่กล้าจะทำถึงขนาดนี้หรอกนะ!

เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่แม่เฒ่าเซี่ยงพูดออกมา ก็ทำได้เพียงมองไปทางหลี่เจิ้ง เพราะแม่เฒ่าจอมตีโพยตีพายคนนี้รับมือได้ยากเสียจริงๆ

ใบหน้าของหลี่เจิ้งแข็งทื่อ และมองไปยังคู่แม่ลูกที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นอีกครั้ง

“ท่านลุงครับ ท่านย่ารังแกพี่สาวกับท่านแม่”ซูลิ่วหลางดึงแขนเสื้อของหลี่เจิ้ง แล้วก็พูดทั้งน้ำตาออกมาว่า“ท่านลุงได้โปรดช่วยท่านแม่และพี่สาวด้วยนะครับ ข้าไม่อยากให้พี่สาวตาย ฮือ——”

เด็กหัวอ่อนคนนี้พูดโกหกไม่เป็น และสิ่งที่เขาพูดออกมาก็ยิ่งทำให้คนอื่นๆรู้สึกสงสารขึ้นมาอย่างจับใจ

หลี่เจิ้งชักสีหน้าจริงจัง แม้แต่คำว่าป้าก็ไม่ได้เรียกแต่อย่างใดแล้ว“แม่เฒ่าเซี่ยง หากแม่เฒ่าต้องการจะบีบบังคับนังหนูหวั่นให้แต่งออกไปจริงๆแล้วละก็ งั้นข้าก็คงจะต้องไปแจ้งเจ้าหน้าที่และให้พวกนายๆมาจัดการเสียแล้วนะ!”

แม่เฒ่าเซี่ยงกลอกตาไปมาหลายต่อหลายรอบ

ซึ่งการไปแจ้งเจ้าหน้าที่นั้นไม่เป็นผลดีต่อนางอย่างแน่นอน นางได้ทำการตกปากรับคำการแต่งงานนี้โดยไม่ได้ปรึกษากับนางหลี่และซูเหลียนเฉิงเสียก่อน โดยที่นางก็ปฏิเสธอะไรไม่ได้เลย!

แต่นางก็ตัดใจจากเงินห้าตำลึงไม่ได้อยู่ดีนี่นา!

นางจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะผลักภาระเรื่องเงินห้าตำลึงนี้ไปที่นางหลี่เสียให้ได้ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเมื่อเรื่องบานปลายขนาดนี้ นางก็จะไม่ได้อะไรเลย

ซึ่งมันไม่คุ้มเอาเสียมากๆ!

จากนั้นลุงใหญ่ซูก็โน้มตัวเข้ามากระซิบว่า“ท่านแม่ ข้าว่าเรื่องนี้เอาไว้ก่อนเถอะ ส่วนเงินห้าตำลึงนั่นก็บอกว่าบ้านสองเอาไป ให้พวกเขาชดใช้ไปก็แล้วกันนะ”

ซึ่งแม่เฒ่าเซี่ยงก็เห็นด้วยเป็นอย่างมาก

จากนั้นนางก็ตบไปที่ขาหนึ่งฉาด พร้อมกับตะคอกออกมาว่า“ในเมื่อนังหนูหวั่นไม่ยอมแต่ง งั้นก็ช่างมันเถอะ แต่เงินห้าตำลึงนั่น แม่หลี่ก็คิดหาวิธีไปใช้คืนเองก็แล้วกัน เพราะยังไงเสียบ้านสองก็เป็นคนเอาไปอยู่แล้วนี่!”

ใบหน้าของนางหลี่แข็งค้าง เพราะนางไม่ได้รับเงินนั่นมาเสียด้วยซ้ำ!

และซูหวั่นก็รู้เท่าทันความคิดของแม่เฒ่าเซี่ยง ใบหน้าเล็กๆของนางเย็นชา แล้วพูดชัดถ้อยชัดคำออกมาว่า

“ท่านย่า พูดหรือทำอะไรก็ต้องมีมโนธรรมสำนึกกันบ้างนะคะ เงินห้าตำลึงนั่น ข้ากับแม่ไม่เคยเห็นเสียด้วยซ้ำ เงินทองในบ้านท่านย่าก็เป็นคนเก็บเอาไว้ทั้งหมด แล้วมันจะตกมาถึงมือของแม่ข้าได้ยังไง!”

รับเงินแล้วไม่ยอมคายออกมา ยังจะมีหน้ามาพูดอีก!

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status