/ รักโบราณ / ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70 / บทที่ 7 ใช้ชีวิตในร่างของหลินเพ่ยหลัน

공유

บทที่ 7 ใช้ชีวิตในร่างของหลินเพ่ยหลัน

작가: sanvittayam
last update 최신 업데이트: 2025-03-04 15:43:02

บทที่ 7 ใช้ชีวิตในร่างของหลินเพ่ยหลัน

จ้าวจินเยว่พูดต่อด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดอีกครั้ง “พี่เสียใจจริง ๆ ที่ไม่สามารถช่วยเพ่ยหลันได้ทันที พี่รู้ว่าอาเฟยเป็นห่วงเธอมาก ขอโทษจริง ๆ”

“ฉันก็ขอโทษพี่สามด้วยนะ ต่อไปฉันเองจะระวังมากขึ้น จะดูแลพี่สะใภ้สามให้ดี และถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีก จะรีบไปเรียกคนมาช่วยให้เร็วที่สุด ฉันสัญญา พี่สามอย่าโกรธฉันเลยนะ” ซ่งชุนเป้ยพูดพร้อมพยักหน้าด้วยอีกคน ครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนของเธอเลยก็ว่าได้ที่ชะล่าใจเรื่องนี้

ซ่งเฟยหลงพยักหน้ารับรู้เบา ๆ เขาไม่คิดว่าทั้งสองคนคิดจะกลั่นแกล้งภรรยา ชายหนุ่มมองไปที่ทั้งสองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมา“ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องพี่สะใภ้ เราด้วยนะชุนเป้ย ต่อไปนี้หากว่าไปซักผ้าหรือทำอะไรที่ลำธาร ไม่ต้องให้เพ่ยหลันไปได้ไหม เธอมองไม่เห็นพวกเราทุกคนรู้ดี โอกาสเกิดอุบัติเหตุแบบวันนี้นั้นมีมาก จะให้คอยระวังตลอดไม่ได้หรอก ทางที่ดีให้เธอทำงานบ้านแค่อยู่ในบ้านนี้ก็พอแล้ว”

สุดท้ายแล้ว ซ่งเฟยหลงเลือกที่จะพูดแบบนี้ เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายต่อภรรยาตนเอง แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักเธอแบบชู้สาว แต่อย่างน้อยเขาก็มองเธอเป็นน้องสาวคนหนึ่ง เลยอยากให้ทุกคนในบ้านมองเธอเหมือนคนในครอบครัว อย่ารังเกียจเพียงเพราะเธอพิการตาบอด

จ้าวจินเยว่ได้ยินอย่านั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความหนักใจ “พี่ว่าเรื่องนี้อาเฟยต้องไปคุยกับสะใภ้สามให้เข้าใจแล้วล่ะ พี่บอกเธอหลายครั้งแล้วว่าไม่ต้องไปด้วยมันอันตราย แต่สะใภ้สามก็ยืนยันว่าจะไปช่วยให้ได้”

“จริงค่ะพี่สาม ฉันเองก็ช่วยพูดห้ามแล้ว แต่พี่สะใภ้สามไม่ฟังเราสองคนเลย” ซ่งชุนเป้ยพูดขึ้นมาอีกคน ไม่ใช่ว่าเธอและพี่สะใภ้ใหญ่ไม่พูด หรือว่าห้ามพี่สะใภ้สาม แต่ไม่ว่าจะห้ามหรือพูดเท่าไร พี่สะใภ้สามก็ยังคงยืนยันที่จะไปด้วย จนเธอและพี่สะใภ้ใหญ่จนปัญญาที่จะห้าม

“ครับพี่สะใภ้ อย่างไรเดี๋ยวรอให้เธอตื่นก่อนก็แล้วกัน ผมจะคุยกับเพ่ยหลันในเรื่องนี้เอง ตอนนี้ให้เธอพักผ่อนก่อน ส่วนผมขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะครับ” ซ่งเฟยหลงพูดอย่างเข้าใจ ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปทำงานตนเองต่อ

ย้อนกลับมาในห้อง

เวลานี้นลินเข้าสู่ในห้วงฝันอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับไม่เหมือนเดิมแล้ว ที่นี่ราวกับทะเลดวงดาวที่กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด เธอมองไปรอบ ๆ ก็เจอแต่ความเวิ้งว้าง กระทั่งมีเสียงขยับปีกของผีเสื้อดังขึ้นเบา ๆ เรียกความสนใจให้เธอหันไปมองทันที

นลินเห็นผีเสื้อบินมาใกล้ ๆ แต่พอเธอยื่นมือออกไป ผีเสื้อกลับบินไปช้าๆ เธอจึงเดินตามผีเสื้อตัวนั้นไปอย่างไม่รู้ตัว จนกระทั่งเธอได้หยุดอยู่เบื้องหน้าของผู้หญิงคนหนึ่ง หญิงสาวคนนี้ยืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่างที่สะท้อนเป็นประกายรอบตัว

นลินมองสำรวจหญิงตรงหน้าแล้วเอ่ยถามออกมาอย่างแปลกใจเพราะใบหน้าของเธอคล้ายกับคนในความทรงจำมาก “เธอเป็นใคร เธอคือหลินเพ่ยหลันเหรอ”

หญิงสาวคนนั้นไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เพียงแค่ส่งยิ้มให้เธอเท่านั้น

ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านลิน จากนั้นก็ค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้ามาจนหน้าผากของหลินเพ่ยหลันแตะลงที่หน้าผากของเธอ นลินเบิกตากว้างก่อนจะมีแสงรัศมีบางอย่างส่องประกายมาออกรอบ ๆ ตัว

“ขอให้โชคดีนะ ถึงเวลาที่ฉันต้องไปแล้ว” หลินเพ่ยหลันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและดูคล้ายคนที่กำลังมีความสุข

นลินรู้สึกถึงความอบอุ่นและแสงสว่างที่แผ่ออกมาจากตัวของอีกฝ่าย มันเหมือนกับว่าความรู้สึกของหลินเพ่ยหลันถูกถ่ายทอดมาสู่เธอในวินาทีนั้น นลินรู้สึกถึงความรักและความห่วงใยที่หญิงสาวมีต่อครอบครัวและซ่งเฟยหลง ความตั้งใจที่จะไม่เป็นภาระ และความปรารถนาที่จะเห็นคนที่เธอรักมีความสุข

ในขณะที่แสงสว่างนั้นค่อย ๆ เลือนหายไป หลินเพ่ยหลันก็ค่อย ๆ จางหายไปด้วย นลินยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบของทะเลดวงดาว เธอรู้สึกได้ถึงความมั่นใจและความแข็งแกร่งที่หลินเพ่ยหลันได้ฝากไว้กับเธอ

หญิงสาวยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งผีเสื้อตัวเดิมได้บินกลับมาอีกครั้ง มันโบยบินไปรอบๆ ตัวเธอด้วยท่วงท่าที่สง่างามราวกับกำลังเต้นรำในอากาศ เธอยืนมองผีเสื้อด้วยความสนใจและค่อย ๆ ยื่นมือออกไปตรงหน้าอย่างไม่รู้ตัว พลันมันก็บินมาเกาะอยู่ที่สร้อยข้อมือของเธอ นลินจับจ้องสร้อยข้อมือที่มีหยกผีเสื้อประดับอยู่ ผีเสื้อตัวนั้นค่อย ๆ ซึมหายเข้าไปในหยกผีเสื้อ ราวกับว่ามันกลายเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องประดับชิ้นนั้น

“ขอให้โชคดีอย่างนั้นเหรอ” นลินคิดทบทวนคำพูดนี้ของหลินเพ่ยหลันอีกครั้ง ‘คำพูดนี้มีหมายความว่าอย่างไร จะบอกว่าให้เธอใช้ชีวิตที่เหลือในร่างของหลินเพ่ยหลันอย่างนั้นเหรอ’

นลินรู้สึกถึงความสับสนและความกังวลที่ถาโถมเข้ามาในใจ แต่ก็เริ่มเข้าใจและเธอไม่สามารถปฏิเสธความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้ ว่าตนเองต้องใช้ชีวิตในร่างของหลินเพ่ยหลันคนนี้ให้ดีที่สุด

“หลินเพ่ยหลัน” นลินพูดชื่อของหญิงสาวที่เคยเป็นเจ้าของร่างนี้เบา ๆ คล้ายกับต้องการสื่อสารกับเธอ “ฉันไม่รู้ว่าทำไมเราถึงได้มาเจอกันในลักษณะนี้ แต่ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อให้ชีวิตของเธอและคนที่เธอรักมีความสุข”

การกลับมาในห้วงฝันครั้งนี้ ทำให้นลินเห็นถึงความสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย ไม่ว่าจะเป็นในร่างของใครก็ตาม เธอต้องยืนหยัดและต่อสู้เพื่อความสุขและความสำเร็จของตัวเอง ถึงแม้จะรู้ว่ารู้ว่าเส้นทางข้างหน้าอาจจะไม่ง่ายเลย แต่ถึงอย่างไรก็ต้องข้ามผ่านมันไปให้ได้อยู่ดี

เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงยิ้มออกมาเล็กน้อยและพอคิดถึงคำพูดของหลินเพ่ยหลันที่บอกว่า ขอให้โชคดี หญิงสาวมองว่าคำพูดนี้เป็นเสมือนคำอวยพรและคำสั่งเสียในเวลาเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เต็มใจนัก

แต่ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เธอก็เข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว คงหนีไม่พ้นที่จะต้องใช้ชีวิตต่อไปให้ดีที่สุด

“ขอให้เธอโชคดีเช่นกันนะ หลินเพ่ยหลัน” นลินพูดออกมาเบา ๆ ไปกับสายลม และหวังว่าเจ้าของร่างนี้จะไปสู่ภพภูมิที่ดี

หลังจากเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดของร่างนี้แล้ว เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าดวงตาทั้งสองข้างของเธอนั้นมองไม่เห็นแล้วจริง ๆ จึงได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ความมืดมิดรอบตัวทำให้รู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

แต่ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงดังราวเสียงฟ้าผ่าของนางหยางเจี่ยก็ดังขึ้น จนทำให้หญิงสาวสะดุ้งด้วยความตกใจ

“หลินเพ่ยหลัน นี่เธอจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน ป่านนี้แล้วถึงได้ยังไม่ลุกขึ้นมาทำกับข้าวให้คนในบ้านกินอีกเหรอ”

นางหยางเจี่ยเดินเข้ามาในห้องก็บ่นอย่างไม่หยุดหย่อน เมื่อเห็นว่าลูกสะใภ้แสนชังยังไม่ยอมออกมาทำหน้าที่ของตัวเอง เสียงของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

นลินในร่างของหลินเพ่ยหลันคิ้วขมวดมุ่นทันที พร้อมกับคิดว่า

ต่อให้แม่สามีไม่ชอบลูกสะใภ้ของตัวเองแค่ไหน แต่ดีร้ายยังไงเธอก็เป็นคนป่วย ใจคอจะให้คนป่วยลุกไปทำกับข้าวจริงเหรอ

ถึงแม้ในใจจะคิดอย่างนั้น แต่จากความทรงจำของร่างเดิม คิดว่าคงไม่สามารถต่อต้านแม่สามีได้ จึงได้พยายามปรับตัวกับสถานการณ์นี้ เพราะรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกที่ไม่คุ้นเคย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจำใจขยับลุกจากเตียงอย่างช้า ๆ ขณะที่เสียงบ่นของแม่สามียังคงดังแว่วเข้ามาในหูไม่หยุด

“คนอื่นเขาตื่นนอนและไปทำงานกันหมดแล้ว เธอเคยสงสารสามีบ้างไหมว่าเขาทำงานหนักมาก พอกลับมาบ้านยังต้องมาหาของกินให้เธออีก!” ผู้เป็นแม่สามียังพูดไม่หยุด

เมื่อลุกขึ้นนั่งหลินเพ่ยหลันจึงหายใจเข้าปอดอีกครั้ง เพื่อรวบรวมความกล้าที่จะเดินหน้าต่อไป แม้จะรู้สึกมึนงงอยู่บ้างเพราะต้องอยู่ในโลกมืดมิดแบบนี้ทำให้ไม่คุ้นชินเอาเสียเลย

แต่ต่อให้จะไม่ชินอย่างไรหญิงสาวก็พร้อมสู้ จึงได้ปัดป่ายมือไปสะเปะสะปะในอากาศ คว้าหาที่จับเพื่อพยุงตัวเอง แต่ไม่ว่าจะควานหาเท่าไรก็ไม่เจอสักที

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    ตอนพิเศษ

    ตอนพิเศษ 5 ปีผ่านไปซ่งเจียหยวนกับซ่งเจียอี้ ตอนนี้อายุได้ห้าขวบแล้ว เป็นวัยที่เริ่มกระตือรือร้นและเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น พอที่จะเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก หลินเพ่ยหลันเห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม จึงตัดสินใจชวนลูกชายฝาแฝดทั้งสองคนไปเยี่ยมพ่อที่กองทัพเช้าวันนั้น หลินเพ่ยหลันเตรียมตัวอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างพร้อมสำหรับการเดินทาง จัดเตรียมเสื้อผ้าที่อบอุ่นและอาหารว่างไว้ให้ลูก ๆ พร้อมทั้งเตือนพวกเขาให้ปฏิบัติตัวดี ๆ เมื่อไปถึงที่กองทัพ เป็นสิ่งที่เธอทำเองทั้งหมด ใช่แล้ว เธอเลี้ยงลูกแฝดทั้งสองคนด้วยตัวเอง แม้นายท่านผู้เฒ่าทั้งสองจะเคยส่งพี่เลี้ยงมาให้ แต่เธอก็ปฏิเสธไปเพราะอยากใกล้ชิดกับลูกๆ มากกว่าใคร ๆ “แม่ครับ เราจะได้เจอพ่อเมื่อไหร่ครับ” เสียงใส ๆ ของซ่งเจียหยวนถามด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้เขาอยู่ในชุดทหารที่ลุงๆ ซื้อมาฝาก“เย็นนี้ก็ได้เจอแล้ว พ่อจะต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่เห็นพวกเรามาเยี่ยม” หลินเพ่ยหลันตอบพร้อมกับยิ้มให้ลูกชายลูกชายทั้งสองของเธอดีใจกันมาก ที่ได้ยินข่าวว่าจะได้ไปเยี่ยมพ่อที่กองทัพ พวกเขาต่างกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ และไม่สามารถเก็บความตื่นเต้นไว้ได้

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทส่งท้าย  ครอบครัวสมบูรณ์

    บทส่งท้าย ครอบครัวสมบูรณ์หลินตงยืนนิ่งไม่พูดอะไร เขารู้ว่าเขาคงไม่มีทางเลือก เขาต้องทำเพื่อเอาตัวรอดจากการถูกฆ่า“ต้องทำแบบนี้... ถ้าไม่ทำ... ฉันตายแน่ ฉันไม่ผิด” หลินตงพูดขึ้นมาเบา ๆ“ตายก็ยังดีกว่าทำแบบนี้!” นางหลิวอี้ตวาดเสียงดัง ก่อนจะวิ่งไปหยิบมีดที่วางอยู่บนโต๊ะในครัว แล้วตรงเข้ามาหาหลินตง“แกไม่รู้แกทำผิดหรืออย่างไร ลูกสาวตัวเองไม่ใช่ตัวช่วยที่จะเอามาขัดดอก แกตายซะเถอะ” นางหลิวอี้พูดจบก็เอามีดไล่ฟันไปที่สามีหลินตงตกใจและกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว “นังบ้า จะฆ่ากันเลยเหรอ หยุด หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เขายืนสั่นด้วยความกลัวมีดในมือของภรรยา“แกทำให้ชีวิตของพวกเรามันพังหมดแล้ว พังหมด ไม่เหลืออะไร” นางหลิวอี้ยังคงกราดเกรี้ยว ทั้งที่มีดในมือสั่นไปตามอารมณ์ “แม้แต่กับลูกสาวของตัวเองแกก็ยังทำแบบนี้ได้ นี่แกเป็นพ่อประสาอะไร”“แล้วแกล่ะ ตั้งแต่แต่งกับฉันมา แกเคยช่วยอะไรฉันบ้างไหม มีแต่ใช้เงินไปวัน ๆ ที่เสี่ยวหรงมันต้องเป็นแบนี้ แกก็มีส่วนเหมือนกัน”หลินตงตะโกนสวนกลับ และขยับหลบมีดที่ภรรยาเหวี่ยงมาหาเขาอีกครั้ง “หากเป็นไปได้ ฉันก็จะไม่ทำแบบนี้เลย แต่มันไม่มีทางเลือก”นางหลิวอี้สบถคำหยาบคาย “แกจะหนี

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 64 จากลากันอีกครั้ง

    บทที่ 64 จากลากันอีกครั้งหลินเพ่ยหลันยิ้มบาง ๆ และพยักหน้าเล็กน้อยเธอรู้สึกโล่งใจที่ปัญหาในวันนี้จบลงได้โดยไม่เกิดความรุนแรง เธอหันกลับเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้ซ่งเฟยหลงดูแลเรื่องราวที่เหลือซ่งเฟยหลงมองตามหลังภรรยาของเขาด้วยความรักและความห่วงใย เขารู้ว่าคนท้องไม่ควรเครียด และเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้หลินเพ่ยหลันได้มีความสุขและสบายใจในช่วงเวลานี้เมื่อหลินเพ่ยหลันเข้าไปพักผ่อนในบ้าน ซ่งเฟยหลงก็หันกลับมามองชาวบ้านที่ยังคงยืนอยู่รอบ ๆ เขายิ้มและกล่าวกับพวกเขาอย่างสุภาพ “ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจและสนับสนุนครอบครัวของเรานะครับ ผมขอให้ทุกคนกลับบ้านกันอย่างสงบสุข”ชาวบ้านพยักหน้ารับและเริ่มทยอยกลับบ้าน บรรยากาศที่ตึงเครียดเริ่มกลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้งหลังจากที่เรื่องวุ่นวายทุกอย่างผ่านพ้น บ้านซ่งก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง ทุกคนในครอบครัวรู้สึกโล่งใจและพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุข ในช่วงเทศกาลตรุษจีน บ้านซ่งเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่นพวกเขาใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่ ทั้งการไปไหว้พระที่วัด เพื่อขอพรให้ปีใหม่นี้เต็มไปด้วยความสุขและความเจริญรุ่งเรือง ทั้งกินอาหารมงคลร่วมกัน แ

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 63 จบปํญหา

    บทที่ 63 จบปํญหาเมื่อหลินตงเอ่ยปากขอเงินจากหลินเพ่ยหลัน แต่หญิงสาวกลับมีท่าทีลังเลไม่ตอบรับในทันที หลินเพ่ยหลันมองไปยังแม่เลี้ยงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล‘กลัวว่าเงินที่ให้ไป พ่อกับน้องของเพ่ยหลันจะไม่ได้ใช้น่ะสิ แม่เลี้ยงคนนี้คงจะยึดไปหมดแน่ ๆ’ เธอยืนคิดอยู่ในใจว่าจะให้ไปดีหรือไม่ นางหลิวอี้เห็นดังนั้นก็โวยวายขึ้นมาทันที“หลินเพ่ยหลัน แกมันคนอกตัญญู พ่อของแกมาขอเงินแค่นี้ก็ไม่ยอมให้เหรอ จะต้องให้พ่อและน้องของแกอดตายก่อนใช่ไหม” น้ำเสียงของนางหลิวอี้เต็มไปด้วยความโกรธและเกรี้ยวกราด เธอพูดเสียงดังเพื่อกดดันอีกฝ่าย“ทุกคนดูสิหลินเพ่ยหลันที่ทุกคนเคยชื่นชมนักหนา พอร่ำรวยแล้วก็ไม่ยอมให้เงินพ่อของตัวเองเลย พ่อของเธอไม่มีเงินจนจะอดตายอยู่แล้ว” นางหลิวอี้พูดเสียงดัง พรัอมกับหันไปมองชาวบ้านที่เริ่มมารวมตัวกันด้วยความสงสัยชาวบ้านบางคนเริ่มซุบซิบและมองไปทางหลินเพ่ยหลันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป“จริงเหรอ หลินเพ่ยหลันทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอ” เสียงพูดคุยเบา ๆ เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆหลินเพ่ยหลันรู้สึกอับอายและเสียใจมากที่ถูกแม่เลี้ยงของตัวเองใส่ร้ายเช่นนี้ เธอจึงพยายามจะอธิบาย “ฉันไม่ได้หมายความว่าอ

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 62 บ้านหลินมาอีกแล้ว

    บทที่ 62 บ้านหลินมาอีกแล้ว“ขอบใจนะอาเฟยที่สานฝันแทนพ่อ แค่นี้พ่อก็ภูมิใจในตัวลูกมากแล้วล่ะ แต่ถ้าหากมันลำบาก ก็อย่าหักโหมเกินไปนักนะ ความก้าวหน้าสำคัญก็จริง แต่ว่าความสุขของตัวเองก็สำคัญเหมือนกันนะลูก” ซ่งตงลี่พูดขึ้นมาอย่างห่วงใย “ครับพ่อ” ซ่งเฟยหลงพยักหน้ารับคำ “แล้วเพ่ยหลันละ เป็นอย่างไรบ้าง อยู่ที่นู่นสบายดีไหม” คราวนี้เป็นนางหยางเจี่ยที่หันมาถามลูกสะใภ้ โดยซ่งตงลี่ก็หันมาเพื่อรอฟังคำตอบด้วยหลินเพ่ยหลันยิ้มให้พ่อแม่ของสามี ก่อนจะเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง “ฉันสบายดีค่ะ อยู่ที่บ้านตระกูลจง ฉันได้ช่วยงานคุณตากับคุณลุงที่ห้างสรรพสินค้าของตระกูลด้วย ทุกอย่างก็ราบรื่นดีค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าพวกพี่ก็ไม่ค่อยได้พบกันบ่อยน่ะสิ คนหนึ่งอยู่ชายแดน คนหนึ่งอยู่ปักกิ่ง” ซ่งชุนเป้ยถามขึ้นมาอย่างกังวล เธอเห็นใจพี่ชายกับพี่สะใภ้ไม่น้อยที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน“ใช่แล้ว ช่วงแรก ๆ พี่เฟยหลงฝึกหนักมาก แล้วยังมีภารกิจที่ต้องไปทำนอกกองทัพอีก พวกเราก็เลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไร มีพักหลัง ๆ ที่พี่เฟยหลงพอจะว่างได้กลับมาปักกิ่ง และพี่ก็ไปหาพี่เฟยที่เมืองชายแดนบ้าง ตอนนี้คุณตาจัดรถพร้อมคนขับไว้ให้โดยเฉพาะ

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 61 ท้อง 4 เดือนแล้ว

    บทที่ 61 ท้อง 4 เดือนแล้ว“แล้วนี่จะมาอยู่กี่วันล่ะ อยู่นาน ๆ นะ แม่จะทำของอร่อยให้กิน” นางหยางเจี่ยถามขึ้นมา เพราะรู้ว่าถึงอย่างไรลูกชายกับลูกสะใภ้ก็ต้องกลับไปที่ปักกิ่ง แต่ก็อยากให้อยู่ด้วยกันสักหลายวันก่อน“นี่ก็เป็นเวลานานแล้วที่ผมกับเพ่ยหลันไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน ตรุษจีนปีที่แล้วที่ไม่ได้กลับมา ก็เพราะว่าผมมีภารกิจที่ชายแดน ครั้งนี้พวกเราจึงตัดสินใจว่าจะพักอยู่ที่บ้านหลายวันหน่อย เพื่อเป็นการชดเชยให้กับครอบครัวครับ” ซ่งเฟยหลงตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ดี ๆ จะได้มาด้วยพี่ขายของด้วย เพราะตอนนี้ที่ร้านยุ่งมาก ฮ่า ๆ” ซ่งชุนเหยาพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข“ที่ร้านยุ่งมากเหรอคะ” หลินเพ่ยหลันขมวดคิ้วถามอย่างแปลกใจ“จะให้ไม่ยุ่งได้อย่างไรล่ะคะพี่สะใภ้ ตอนนี้พี่ใหญ่ขยายร้านค้าไปในเมืองใกล้ ๆ อีกสองสาขา แต่ละวันแค่วิ่งไปเติมสินค้าแต่ละสาขาก็แทบจะไม่มีเวลาแล้ว ยังดีที่ตอนนี้ซื้อรถยนต์แล้วและมีลูกจ้างที่ขยันและซื่อสัตย์ ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ท่าจะแย่” ซ่งชุนเป้ยเป็นคนตอบคำถามนี้ของพี่สะใภ้ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ตอนนี้กิจการของบ้านซ่งเป็นไปได้ดีมาก ซ่งชุนเหยาได้ขยายสาขาร

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status