ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70

ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70

last updateDernière mise à jour : 2025-03-09
Par:  sanvittayamEn cours
Langue: Thai
goodnovel4goodnovel
10
1 Note. 1 commentaire
66Chapitres
1.5KVues
Lire
Ajouter dans ma bibliothèque

Share:  

Report
Overview
Catalog
Scanner le code pour lire sur l'application

แนะนำเรื่อง นลิน พนักงานห้างสู้ชีวิต ที่ต้องดิ้นรนด้วยตัวเองเสมอมา วันหนึ่งดันช่วยเด็กหญิงคนหนึ่งไว้จนตัวเองต้องตานย แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด แทนที่จะตายแล้วตกนรกหรือขึ้นสวรรค์ แต่กลับต้องมาอยู่ในร่างหญิงที่ตาบอดที่ชื่อ หลินเพ่ยหลัน อีกทั้งเธอนี้ยังแต่งงานแล้วด้วย แต่ก็ดีหน่อยแม้ว่าสามีจะแต่งงานด้วยความจำยอม แต่เขาก็ไม่เคยทิ้งขว้างภรรยาตาบอดคนนี้ แถมยังดูแลดีเสียด้วยสิ แม้ว่าจะตาบอด แต่ถึงอย่างไรหลินเพ่ยหลันคนใหม่นี้ไม่ยอมที่จะเป็นคนไร้ค่าเด็ดขาด แม่สามีไม่รัก เธอจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนเป็นตรงกันข้าม แล้วมาดูกันว่า หลินเพ่ยหลันคนนี้จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้หรือไม่!! มาติดตามและเอกใจช่วยหลินเพ่ยหลันได้ในเรื่องนี้เลยค่ะ

Voir plus

Chapitre 1

บทที่ 1 ชีวิตที่แสนวุ่นวายในเมืองหลวง

บทที่ 1 ชีวิตที่แสนวุ่นวายในเมืองหลวง

ยามเช้าเป็นช่วงเวลาที่แสนวุ่นวายและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นจากหลายบ้านในขณะที่ฟ้ายังไม่ทันสว่างดี เสียงนกร้องเบา ๆ ปะปนกับเสียงเครื่องยนต์ที่เริ่มต้นทำงาน ถนนหนทางเต็มไปด้วยรถราที่เริ่มวิ่งขวักไขว่ ยังมีเสียงแตรรถยนต์ที่ดังขึ้นเป็นครั้งคราว เพิ่มความวุ่นวายให้กับบรรยากาศในเมืองหลวงเป็นอย่างยิ่ง

แสงแดดแรกของวันเริ่มสาดส่องผ่านตึกสูงระฟ้า ส่องลงมายังถนนหนทางที่เต็มไปด้วยผู้คนและรถยนต์ คนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างเร่งรีบขับผ่านฝูงชน รถแท็กซี่สีสันสดใสรอรับผู้โดยสารอยู่ริมถนน พ่อค้าแม่ค้าขายอาหารเช้าตามทางเดินเท้า กลิ่นหอมของข้าวเหนียวหมูปิ้งและกาแฟร้อน ๆ ลอยมาในอากาศ นี่จึงทำให้คนที่เดินผ่านต้องหยุดชะงักแล้วหันมามอง และก็มีหลายคนที่แวะซื้ออาหารข้างทางที่อร่อยแต่ราคาไม่แพงนักเพื่อเป็นอาหารเช้าสำหรับตัวเอง

เวลาเร่งด่วนแบบนี้ผู้คนต่างพากันรีบร้อนเดินทางไปยังจุดหมายของตนเอง บางคนสวมสูทและถือกระเป๋าเอกสาร บางคนก็สวมเครื่องแบบนักเรียนถือกระเป๋าหนังสือใบใหญ่ ทุกคนมีท่าทีเร่งรีบต่างก็มุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟฟ้าหรือป้ายรถเมล์แล้วแต่ความถนัดและเงินในกระเป๋าของตนเอง

เสียงประกาศจากสถานีรถไฟฟ้าดังก้องไปทั่วชานชาลา “ขบวนถัดไปกำลังจะเข้าสู่ชานชาลา”

ทันทีที่ได้ยินเสียงประกาศ ผู้โดยสารต่างเร่งรีบมายืนรอที่จุดบริการเพื่อขึ้นรถไฟฟ้าที่แออัดไปด้วยผู้คน

“นี่ถ้าไม่คิดว่าใกล้จะสายแล้ว ฉันไม่ขึ้นหรอกนะรถไฟฟ้าเนี่ย แพงก็แพง เงินเดือนก็แค่นี้ ถ้าขึ้นทุกวันเงินไม่เหลือหรอก” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินมากับเพื่อนพูดขึ้น

“เอาเถอะน่าแค่วันเดียวเอง อย่าขี้เหนียวไปหน่อยเลย ระหว่างเสียเงินขึ้นรถไฟฟ้ากับโดนหักค่ามาสายอะไรจะเยอะกว่ากันเธอลองคิดสิ ไปกันเถอะรถไฟมาแล้ว” เพื่อนของเธอตอบ ก่อนจะดันหลังเพื่อต่อคิวขึ้นรถไฟฟ้าที่มาถึงชานชาลาเรียบร้อยแล้ว

เสียงสนทนาของทั้งคู่ดังเข้าหูนลินที่ยืนอยู่ไม่ไกล เธอได้ยินก็อดที่จะสงสารไม่ได้ นั่นเพราะว่าคนเมืองหลวงไม่ได้มีแต่เธอเท่านั้น ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับความเร่งรีบและเต็มไปด้วยความกดดัน ซึ่งคนอื่น ๆ ต่างก็เป็นเหมือนกัน

จากนั้นจึงก้าวขึ้นรถไฟฟ้าด้วยความเร่งรีบ เพราะเธอจำเป็นต้องไปถึงที่ทำงานก่อนเวลาแปดโมงเช้า

รถไฟฟ้าในช่วงเช้ามีคนแน่นไปหมด อย่าว่าแต่จะหาที่นั่งเลย แม้แต่ที่ยืนก็ยังหายาก นลินพยายามหาที่ว่างพอที่จะยืนอย่างมั่นคง เธอทอดสายตาออกไปมองเมืองหลวงที่วุ่นวายผ่านหน้าต่างรถไฟฟ้าที่สะท้อนแสงแดดอ่อน ๆ ทำให้นึกถึงบ้านที่ต่างจังหวัดที่เธอจากมา

เลยคิดย้อนไปถึงบทสนทนาระหว่างเธอกับแม่ตอนที่จะมาเรียนที่กรุงเทพ ซึ่งความทรงจำเหล่านั้นยังคงชัดเจนในใจแม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม

“แม่ หนูจะไปกรุงเทพฯ แล้วนะ อีกสองสามวันก็จะเปิดเทอมแล้ว ตอนนี้เพื่อนที่สอบได้ที่เดียวกัน เขาก็ย้ายเข้าไปอยู่หอกันหมดแล้วด้วย” นลินบอกกับแม่ขณะที่กำลังจัดเสื้อผ้าและสิ่งของจำเป็นใส่กระเป๋า

แม่ของเธอยิ้มทั้งน้ำตา พร้อมกับพูดด้วยความดีใจที่ลูกสาวคนนี้กำลังจะมีอนาคตที่ดี “ไปเถอะลูก ไปหาความรู้และอนาคตที่ดี แม่อยู่ทางนี้จะเป็นกำลังใจ ให้ลูกของแม่ฝ่าฟันทุกอย่างจนถึงจุดหมายปลายทาง”

“หนูไปอยู่ที่นู่น กว่าจะกลับมาบ้านก็ช่วงปิดเทอม หนูคงคิดถึงแม่แย่เลย” เธอพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา แล้วโผเข้าสู่อ้อมกอดของแม่เพื่อหาความอบอุ่น ที่หลังจากนี้เธอไม่สามารถโอบกอดได้ทุกวันอีกแล้ว

“แม่ก็จะคิดถึงหนูเหมือนกัน แต่แม่เชื่อว่านลินของแม่จะทำได้ แม่ภูมิใจในตัวลูกเสมอนะ ลูกรัก” สมรโอบกอดลูกสาวด้วยความรักและห่วงใย เธอเองพยายามซึมซับอ้อมกอดนี้ไว้ นั่นเพราะคงอีกนานกว่าจะได้กอดลูกแบบนี้อีก

“แล้วแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเงินนะ เดี๋ยวหนูจะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ไม่ให้แม่ต้องลำบากทำงานหนักหาเงินส่งหนูเรียน” นลินบอกแม่อย่างมั่นใจ สีหน้าของเธอดูมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก เรื่องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เธอตั้งใจจะทำแบบนั้นจริง ๆ

“เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยจะไหวเหรอลูก เดี๋ยวก็เรียนไม่ทันเพื่อนหรอก แม่กับพ่อก็ยังทำงานได้อยู่ แม่กับพ่อส่งลูกเรียนได้ ขอแค่ลูกตั้งใจเรียนให้ดีก็พอ” คนเป็นแม่เองก็ไม่อยากให้ลูกลำบากเช่นกัน นางรู้ว่าการเรียนอย่างเดียวก็เหนื่อยมากแล้ว นี่ลูกสาวยังจะเรียนไปทำงานไปด้วย สมรกลัวว่าลูกสาวจะเหนื่อยเกินไป

“ได้สิจ๊ะแม่ คนอื่นเขาก็ทำแบบนี้กันเยอะแยะ แม่ไม่ต้องห่วงหรอก หนูจัดการบริหารเวลาได้ จะไม่ทำให้เสียการเรียนแน่นอนค่ะ” เธอกล่าวย้ำอย่างจริงจังอีกครั้ง หญิงสาวไม่ต้องการให้พ่อกับแม่ต้องลำบากหาเงินส่งเสียเธอเรียน เพราะท่านทั้งสองอายุไม่น้อยแล้ว

นลินคือเด็กต่างจังหวัดที่จากบ้านมาไกลเพื่อเล่าเรียนและทำงานเลี้ยงตัวเองไปด้วย เธอเติบโตมาจากครอบครัวที่อบอุ่นแต่ขัดสน และรู้ดีว่าทุกบาททุกสตางค์ที่เธอหามาได้นั้นมีค่าแค่ไหน และทุกหยาดเหงื่อที่หลั่งออกมาเป็นความภาคภูมิใจ ที่เธอสามารถแบ่งเบาภาระครอบครัวได้ นลินพยายามอย่างหนักในทุกวัน เพื่อให้สามารถสร้างอนาคตที่ดีให้กับตัวเองและคนที่เธอรัก

เวลาผ่านไปเมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว ด้วยความขยันหมั่นเพียรและความมุ่งมั่นเลยสามารถหางานที่ดีทำได้ หญิงสาวยังคงเลือกที่จะทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เพราะได้เงินเดือนที่ดีเธอตั้งใจทำงานเพื่อส่งเงินกลับบ้านให้พ่อแม่และน้อง ๆ ที่ยังต้องการการสนับสนุน

แม้ว่าการทำงานในเมืองหลวงนั้นไม่ง่าย แต่เธอไม่เคยย่อท้อ ต่อให้จะต้องเผชิญกับความเหนื่อยล้าและความกดดันจากการทำงานแค่ไหนก็ตาม

ในใจของหญิงสาวนั้นมีความฝันที่เรียบง่าย เธอหวังไว้ว่าจะทำงานเพื่อเก็บเงินให้ได้สักก้อน แล้วก็จะลาออกจากงานและกลับไปเปิดกิจการเล็ก ๆ ทำที่บ้านเกิด

นลินฝันถึงการเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ หรือร้านขายขนม หญิงสาวนึกภาพที่ทำงานอยู่ในร้านของตัวเอง แค่นี้ก็มีความสุขกับการได้ทำสิ่งที่รัก และสามารถดูแลพ่อแม่ในบั้นปลายชีวิตของพวกท่านได้

หญิงสาวมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะทำความฝันให้เป็นจริง แม้ว่าหนทางอาจจะยาวไกล แต่เธอเชื่อว่าด้วยความพยายามและความตั้งใจ จะสามารถสร้างชีวิตที่ดีและมีความสุขได้ เธอจะไม่หยุดฝันและจะไม่หยุดเดินทางในเส้นทางที่เธอเลือก

หญิงสาวนึกย้อนกลับไปถึงเช้าวันหนึ่งที่ทำให้เธออารมณ์เสียไม่หาย ตอนนั้นเธอกำลังทำงานที่แผนกเครื่องสำอางของห้างสรรพสินค้า ลูกค้าคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับทำหน้าตาไม่พอใจและถามถึงผลิตภัณฑ์ที่นลินไม่สามารถหาให้ได้ในตอนนั้นเพราะสินค้าหมดสต๊อก เธอจึงได้พยายามอธิบายอย่างสุภาพ แต่ลูกค้ากลับโวยวายเสียงดัง

“เธอเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนกประสาอะไร ไม่มีความสามารถเลยหรือยังไง แค่นี้ก็ทำไม่ได้” ลูกค้าตะคอกใส่เธอเสียงดังอย่างไม่พอใจ

นลินรู้สึกหงุดหงิดและกดดันอย่างมาก แต่ก็ยังพยายามอธิบายอย่างใจเย็น นั่นเพราะไม่อยากถูกตำหนิหรือถูกหักเงินเดือน “ขอโทษค่ะ สินค้าตัวนี้หมดสต๊อก แล้ว แต่ถ้าคุณลูกค้าต้องการจริง ๆ ดิฉันสามารถสั่งมาให้ใหม่ได้ค่ะ”

“ไม่ต้องมาอ้างเลย ฉันไม่อยากรอ” ลูกค้าพูดพลางโยนผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในมือใส่นลินด้วยความฉุนเฉียว

Déplier
Chapitre suivant
Télécharger

Latest chapter

Plus de chapitres

Commentaires

default avatar
eyejang1301
ขอบคุณ​ค่ะ​ สนุกมากค่ะ
2025-05-17 23:43:02
0
66
บทที่ 1 ชีวิตที่แสนวุ่นวายในเมืองหลวง
บทที่ 1 ชีวิตที่แสนวุ่นวายในเมืองหลวงยามเช้าเป็นช่วงเวลาที่แสนวุ่นวายและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นจากหลายบ้านในขณะที่ฟ้ายังไม่ทันสว่างดี เสียงนกร้องเบา ๆ ปะปนกับเสียงเครื่องยนต์ที่เริ่มต้นทำงาน ถนนหนทางเต็มไปด้วยรถราที่เริ่มวิ่งขวักไขว่ ยังมีเสียงแตรรถยนต์ที่ดังขึ้นเป็นครั้งคราว เพิ่มความวุ่นวายให้กับบรรยากาศในเมืองหลวงเป็นอย่างยิ่งแสงแดดแรกของวันเริ่มสาดส่องผ่านตึกสูงระฟ้า ส่องลงมายังถนนหนทางที่เต็มไปด้วยผู้คนและรถยนต์ คนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างเร่งรีบขับผ่านฝูงชน รถแท็กซี่สีสันสดใสรอรับผู้โดยสารอยู่ริมถนน พ่อค้าแม่ค้าขายอาหารเช้าตามทางเดินเท้า กลิ่นหอมของข้าวเหนียวหมูปิ้งและกาแฟร้อน ๆ ลอยมาในอากาศ นี่จึงทำให้คนที่เดินผ่านต้องหยุดชะงักแล้วหันมามอง และก็มีหลายคนที่แวะซื้ออาหารข้างทางที่อร่อยแต่ราคาไม่แพงนักเพื่อเป็นอาหารเช้าสำหรับตัวเองเวลาเร่งด่วนแบบนี้ผู้คนต่างพากันรีบร้อนเดินทางไปยังจุดหมายของตนเอง บางคนสวมสูทและถือกระเป๋าเอกสาร บางคนก็สวมเครื่องแบบนักเรียนถือกระเป๋าหนังสือใบใหญ่ ทุกคนมีท่าทีเร่งรีบต่างก็มุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟฟ้าหรือป้ายรถเมล์แล้วแต่ความถนัดและเงินใ
last updateDernière mise à jour : 2025-03-02
Read More
บทที่ 2 ความดีที่ทำ
บทที่ 2 ความดีที่ทำหลังจากนั้นไม่นานผู้จัดการเดินเข้ามา ซึ่งผู้จัดการคนนี้เป็นคนที่ชอบกดขี่และไม่เคยฟังเหตุผลของพนักงานคนไหนเลย พอมาถึงก็มองนลินด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดเสียงดังอย่างไม่สนใจใคร“นลิน เข้ามาหาฉันที่ห้องเดี๋ยวนี้!!”“ค่ะ ผู้จัดการ”นลินตอบรับและเดินตามผู้จัดการไปที่ห้องทำงานของเขา เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เขาก็เริ่มด่าว่าเธอทันที“นลิน ทำไมเธอถึงทำให้ลูกค้าไม่พอใจแบบนี้ เธอรู้ไหมว่าการทำแบบนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของห้างเราเสียหายแค่ไหน”“แต่ลูกค้าโวยวายมาก่อนค่ะ ทั้ง ๆ ที่ฉันพยายามอธิบายอย่างสุภาพแล้ว แต่เธอไม่ยอมฟังอะไรเลย ทุกคนก็เห็น” นลินตอบอย่างมีเหตุผล แม้จะรู้ว่าคนตรงหน้าจะไม่มีเหตุผลก็ตาม“ไม่ต้องมาแก้ตัว หน้าที่ของเธอคือบริหารจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้ราบรื่น เพื่อให้ลูกค้าพอใจมากที่สุด เรื่องสินค้าที่หมดสต๊อก นี่ก็เหมือนกัน ถ้ารู้ว่ามันเหลือน้อยแล้วทำไมถึงไม่สั่งล่วงหน้า ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ถ้าทำไม่ได้ก็ลาออกไปซะ!!” ผู้จัดการตะโกนเสียงดังจนทำให้หญิงสาวรู้สึกท้อแท้นลินเงียบไปเพราะไม่อยากจะเถียงต่อ เธอรู้ดีว่าพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะผู้จัดการคนนี้ไม่เคยฟังเหตุผล ทั้ง ๆ หน
last updateDernière mise à jour : 2025-03-02
Read More
บทที่ 3 หลินเพ่ยหลัน
บทที่ 3 หลินเพ่ยหลัน“พี่คะ อย่าหลับนะคะ รถพยาบาลกำลังจะมาแล้ว”เธอพูดพร้อมกับก้มลงใกล้มากขึ้น และเอื้อมไปแตะมือของนลินที่เย็นเฉียบ พยายามส่งความอบอุ่นให้ผู้หญิงที่กำลังเผชิญกับความเจ็บปวดที่สุดในชีวิต“พี่คะ ขอบคุณที่ช่วยหนูไว้ ขอบคุณจริง ๆ นะคะ” เสียงของเด็กหญิงสะอื้นไห้และเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด นลินพยายามที่จะหันไปมองหน้าเด็กหญิง ทว่าร่างกายกลับขยับไม่ได้ เธออยากจะคลี่ยิ้มออกมา แต่เพราะความเจ็บปวดทำให้ไม่สามารถทำได้แม้กระทั่งจะกะพริบตาเสียด้วยซ้ำหญิงสาวนอนจมกองเลือด เลือดสีแดงสดไหลซึมออกจากบาดแผลบนร่างกายของเธอ รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ทรมานเหมือนกับร่างกายถูกแยกเป็นส่วน ๆ หัวใจของเธอเต้นช้าลงทุกขณะ แต่ในใจเธอยังคงสงบและเต็มไปด้วยความสุข ที่สามารถช่วยเด็กหญิงคนนั้นไว้ได้‘อย่างน้อยเด็กคนนั้นก็ปลอดภัย วันหยุดสุดสัปดาห์นี่เธอก็จะได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ของเธอตามที่ได้นัดไว้’ นลินคิดในใจความคิดนี้ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น แม้ว่าเลือดจะยังคงไหลออกมาและความเจ็บปวดจะไม่ทุเลาลง แต่ความอิ่มเอมใจที่ได้ช่วยเหลือคนนั้นมีอยู่เต็มความรู้สึกนลินไม่นึกเสียดายเลยสักนิดที่ได้ช่วยให้เด็กหญิงรอดพ้นจากความ
last updateDernière mise à jour : 2025-03-02
Read More
บทที่ 4 ชีวิตที่น่าสงสาร
บทที่ 4 ชีวิตที่น่าสงสารในขณะที่นลินสลบนั้น ภาพความทรงจำพวกนั้นของหญิงสาวคนหนึ่งยังคงหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน คล้ายความฝันและมันเป็นฝันร้าย หญิงสาวในความทรงจำคนนี้มีชื่อว่า หลินเพ่ยหลัน ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความทุกข์ เนื่องจากเธอสูญเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากนั้นไม่นานพ่อของเธอก็แต่งงานใหม่กับหญิงสาวคนหนึ่งที่มีนิสัยร้ายกาจแถมยังใจแคบอีกด้วยชีวิตของหลินเพ่ยหลันหลังจากนั้นจึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก พ่อของเธอเอาแต่ทำงาน ทำให้แทบไม่มีเวลาให้กับลูกสาวคนนี้ สถานะของหลินเพ่ยหลันในบ้านหลินจึงน่าเวทนามากแม่เลี้ยงของเธอมักจะอารมณ์ร้อนและรังแกเธออยู่เสมอ หล่อนมองเห็นลูกสาวกับภรรยาเก่าของสามี เป็นเหมือนหนามยอกอก ความรักและการเอาใจใส่ที่ควรจะได้รับ กลับกลายเป็นความเกลียดชังที่เข้ามาแทนเมื่อพ่อของเธอกับแม่เลี้ยงมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน หลินเพ่ยหลันก็ถูกทิ้งให้กลายเป็นเพียงเงาที่ไร้ค่าในบ้าน จากลูกสาวคนโตตอนนี้มีสถานะไม่แตกต่างไปจากคนรับใช้ในบ้านหลินวันหนึ่งหลินเพ่ยหลันนั่งอยู่มุมห้องครัว เธอพยายามขัดถูพื้นด้วยความเหนื่อยล้า เหงื่อไหลซึมผ่านหน้าผากและเสื้อผ้าของเธอเปียกชุ่ม นางหลิวอี้แ
last updateDernière mise à jour : 2025-03-02
Read More
บทที่ 5 แม่สามีเกลีดชัง
บทที่ 5 แม่สามีเกลีดชังชายทั้งสองหยุดชะงักทันทีเมื่อเห็นมีคนเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นพยายามจะผลักซ่งเฟยหลงออกไปให้พ้นทาง “ไม่ใช่เรื่องของแก อย่าเข้ามายุ่ง” แต่ทว่าซ่งเฟยหลงไม่ฟัง เขาพยายามดึงหลินเพ่ยหลันออกจากมือของชายคนนั้น “พวกนายกำลังทำอะไรกับเธอ เวลานี้เธอไม่ได้สติหรือว่าพวกแกทั้งสองคิดจะลักพาตัวผู้หญิงไปอย่างนั้นเหรอ” ชายหนุ่มพยายามช่วยหลินเพ่ยหลันออกมา ในขณะที่ชายทั้งสองตั้งหน้าตั้งตาจะสู้กับเขาเช่นกัน ต่อให้จะเป็นสองต่อหนึ่งซ่งเฟยหลงก็ไม่คิดกลัว การกระทำของเขาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและไม่ยอมแพ้แม้จะต้องเจ็บตัวก็ตาม ถึงยังไงเขาก็ต้องช่วยเธอให้ได้ การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด สองคนนั้นเป็นแค่ลูกน้องปลายแถวของพวกอันธพาลไม่ได้มีฝีมือในการต่อสู้เลย เมื่อต้องต่อสู้กับซ่งเฟยหลงที่ร่างกายกำยำแข็งแรงและมีฝีมือที่ดีกว่า จึงพ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบ ก่อนจะรีบหนีเพราะกลัวว่าจะมีคนมาเจอมากกว่านี้ แต่เรื่องราวกลับไม่ได้จบเพียงแค่นั้นเมื่อนางหลิวอี้เห็นว่าแผนการไม่สำเร็จและกลัวว่าสามีจะจับได้ว่าเธอคิดจะขายลูกเลี้ยงจึงคิดแผนใหม่เพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง ก่อนจะรีบวิ่งออกมาหน้าถนนในหมู่บ้านแล้วป่
last updateDernière mise à jour : 2025-03-03
Read More
บทที่ 6 นี่ฉันทะลุมิติจริงเหรอเนี่ย
บทที่ 6 นี่ฉันทะลุมิติจริงเหรอเนี่ยเหมือนเหตุการณ์ในวันนี้ ที่หลินเพ่ยหลันไปลำธารกับจ้าวจินเยว่พี่สะใภ้และซ่งชุนเป้ยน้องสาวของซ่งเฟยหลง การมาครั้งนี้ของเธอเพื่อมาซักผ้าและตักน้ำ ซึ่งเป็นกิจวัตรที่หลินเพ่ยหลันพยายามทำอย่างเต็มที่ให้เหมือนคนทั่วไปถึงแม้จะมองไม่เห็นก็ตาม แต่เพราะมองไม่เห็นและขาดความไม่ระวังรวมถึงความลื่นของหินในลำธาร ทำให้เธอก้าวผิดพลาดพลัดตกลงไปในลำธารทันทีร่างของเธอจมลงไปในกระแสน้ำเนื่องจากหลินเพ่ยหลันว่ายน้ำไม่เป็นจ้าวจินเยว่และซ่งชุนเป้ยที่มาด้วยกันต่างตกใจมาก พวกเธอยืนตะลึงและไม่กล้ากระโดดลงไปช่วย เพราะทั้งคู่เองก็ว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้แต่ยืนกรีดร้องและเรียกให้คนมาช่วยโชคดีที่ตอนนั้นซ่งเฟยหลงเพิ่งกลับจากคอมมูนมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เมื่อรู้ว่าภรรยาตกน้ำจึงรีบกระโดดลงไปช่วยโดยไม่ลังเล ร่างของเขาว่ายผ่านกระแสน้ำจนไปถึงตัวหลินเพ่ยหลันที่กำลังจะจมชายหนุ่มจึงรีบคว้าเธอขึ้นมา แล้วพาว่ายน้ำกลับขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็วแต่เมื่อขึ้นมาถึงฝั่ง ร่างของหลินเพ่ยหลันกลับขาวซีดและเย็นเฉียบตอนนี้เธอหมดสติไปแล้ว ซ่งเฟยหลงรีบตรวจดูชีพจรแต่ไม่พบ เขาไม่รอช้ารีบอุ้มภรรยาแล้ววิ่งพาไปยังสถ
last updateDernière mise à jour : 2025-03-03
Read More
บทที่ 7 ใช้ชีวิตในร่างของหลินเพ่ยหลัน
บทที่ 7 ใช้ชีวิตในร่างของหลินเพ่ยหลันจ้าวจินเยว่พูดต่อด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดอีกครั้ง “พี่เสียใจจริง ๆ ที่ไม่สามารถช่วยเพ่ยหลันได้ทันที พี่รู้ว่าอาเฟยเป็นห่วงเธอมาก ขอโทษจริง ๆ”“ฉันก็ขอโทษพี่สามด้วยนะ ต่อไปฉันเองจะระวังมากขึ้น จะดูแลพี่สะใภ้สามให้ดี และถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีก จะรีบไปเรียกคนมาช่วยให้เร็วที่สุด ฉันสัญญา พี่สามอย่าโกรธฉันเลยนะ” ซ่งชุนเป้ยพูดพร้อมพยักหน้าด้วยอีกคน ครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนของเธอเลยก็ว่าได้ที่ชะล่าใจเรื่องนี้ซ่งเฟยหลงพยักหน้ารับรู้เบา ๆ เขาไม่คิดว่าทั้งสองคนคิดจะกลั่นแกล้งภรรยา ชายหนุ่มมองไปที่ทั้งสองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมา“ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องพี่สะใภ้ เราด้วยนะชุนเป้ย ต่อไปนี้หากว่าไปซักผ้าหรือทำอะไรที่ลำธาร ไม่ต้องให้เพ่ยหลันไปได้ไหม เธอมองไม่เห็นพวกเราทุกคนรู้ดี โอกาสเกิดอุบัติเหตุแบบวันนี้นั้นมีมาก จะให้คอยระวังตลอดไม่ได้หรอก ทางที่ดีให้เธอทำงานบ้านแค่อยู่ในบ้านนี้ก็พอแล้ว”สุดท้ายแล้ว ซ่งเฟยหลงเลือกที่จะพูดแบบนี้ เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายต่อภรรยาตนเอง แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักเธอแบบชู้สาว แต่อย่างน้อยเขาก็มองเธอเป็นน้องสาวคนหนึ่ง เลยอยากให้ทุก
last updateDernière mise à jour : 2025-03-04
Read More
บทที่ 8 ฉันกลายเป็นคนตาบอดไปแล้ว
บทที่ 8 ฉันกลายเป็นคนตาบอดไปแล้วนางหยางเจี่ยยังคงไม่หยุดที่จะบ่นด่าลูกสะใภ้ต่อ“ดูเธอสิ ไม่มีความรับผิดชอบเลยสักนิด ถ้าไม่อยากอยู่ก็ไปตายซะ จะให้บ้านซ่งมีลูกสะใภ้ที่ไร้ค่าแบบนี้ทำไมกัน ฉันไม่มีทางยอมให้เธอทำให้ครอบครัวบ้านซ่งของฉันเสื่อมเสียหรอกนะ”ได้ยินที่แม่สามีพูดแบบนี้ หญิงสาวก็ได้แต่กัดฟันอย่างพยายามระงับความโกรธที่กำลังจะลุกลาม เธออยากจะตะโกนกลับไปว่า ‘นี่ไม่ใช่ความผิดของฉัน! ฉันเป็นคนป่วย!’แต่ก็รู้ดีว่าในสถานการณ์แบบนี้แม่สามีไม่ฟังเธอแน่นอนคิดได้แบบนั้นเธอค่อย ๆ คลำไปที่ขอบเตียงแล้วหยั่งเท้าลงไป แต่เพียงลุกเดินได้ก้าวแรกก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างแล้วล้มลงไป“โอ๊ย!” เสียงร้องดังขึ้นอย่างเจ็บปวด พร้อมกับร่างของเธอล้มลงไปกองกับพื้น ดวงตาที่มองไม่เห็นอะไรเลยทำไม่สามารถรู้ได้ว่า เมื่อครู่นี้เธอนั้นชนเข้ากับอะไร“เห็นไหม บอกแล้วว่าเธอทำตัวไม่เอาไหน แล้วจะนอนอยู่ที่พื้นนี่อีกนานแค่ไหนกัน” นางหยางเจี่ยนอกจากไม่ช่วยแล้ว ยังบ่นเสียงดังขึ้นอีกครั้ง“พอเถอะ ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะไม่ให้เธออยู่ที่นี่อีกต่อไป ถ้าเธอไม่ทำให้ชีวิตของทุกคนดีขึ้น ฉันก็จะให้อาเฟยส่งเธอกลับบ้านพ่อของเธอ”ได้ยิน
last updateDernière mise à jour : 2025-03-04
Read More
บทที่ 9 ซ่งเฟยหลง
บทที่ 9 ซ่งเฟยหลงซ่งเฟยหลงพยายามที่จะไม่ฟังเสียงแม่ของตัวเอง อีกทั้งในใจก็ไม่ยอมรับความคิดนี้ เขารู้ดีว่าหลินเพ่ยหลันเป็นคนที่พยายามอย่างหนักเพื่อปรับตัวเข้ากับชีวิตในบ้านซ่ง แม้จะมีอุปสรรคแต่เธอก็ยังคงพยายามทำดี และทำงานทุกอย่างที่สามารถทำได้เพราะไม่อยากเป็นภาระให้ใคร นั่นคือเหตุผลที่ต่อให้แม่จะพูดโน้มน้าวมากเท่าไร ชายหนุ่มก็ไม่ยอมหย่า“ผมว่าแม่เลิกพูดเรื่องนี้เถอะครับ” ซ่งเฟยหลงตอบกลับเพียงสั้น ๆ เหมือนทุกครั้งที่แม่เขาบอกแบบนี้“หึ ลูกก็เป็นแบบนี้ทุกที ไม่เคยฟังแม่แก่ ๆ คนนี้บ้างเลย” นางหยางเจี่ยได้ฟังคำตอบก็พูดออกมาอย่างไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ไหนแต่ไรมาซ่งเฟยหลงก็เป็นเช่นนี้ หากยึดมั่นที่จะทำสิ่งใดแล้วก็จะไม่ยอมละทิ้งเด็ดขาดแม้ว่าการแต่งงานของทั้งสองคนจะเป็นการแต่งงานที่ซ่งเฟยหลงไม่ได้คิดไว้ก็ตาม แต่ชายหนุ่มก็ยังยืนยันที่จะดูแลหลินเพ่ยหลันอย่างดีที่สุด และนั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความห่วงใยที่เขามีต่อเธอเวลานี้แม้จะอยู่ในร่างของหลินเพ่ยหลัน แต่เก็ยังคงไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าเขาคือสามีของเธอ เพราะคนที่แต่งงานกับเขาไม่ใช่เธอเสียหน่อย แต่เป็นหลินเพ่ยหลันต่างหากล่ะ“เพ่ยหลันควรจะ
last updateDernière mise à jour : 2025-03-04
Read More
บทที่ 10 ที่นี่คือที่ไหน
บทที่ 10 ที่นี่คือที่ไหน“นี่เธอลำบากขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมพวกเขาถึงไม่เห็นใจกันบ้าง แม่เลี้ยงกับน้องสาวของเธอไม่คิดจะทำอะไรเลยหรืออย่างไร คนอะไรใจดำขนาดนั้น” จ้าวจินเยว่พูดไปก็ถอนหายใจด้วยความสงสาร “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อย่าพูดถึงพวกเขาเลย ตอนนี้ฉันก็ออกจากบ้านหลินมาแล้ว อยู่ที่นี่ก็ดีกว่าที่บ้านหลินเยอะค่ะ” หลินเพ่ยหลันตอบกลับเบา ๆ เธอยิ้มให้ทั้งสองด้วยความจริงใจ“เอาเถอะ อยู่ที่นี่ถึงแม้ว่าแม่จะขี้บ่น ปากร้ายไปบ้าง แต่พวกเราจะช่วยดูแลพี่อีกแรงนะ มีอะไรก็สามารถบอกได้เลย ยังไงพี่ก็เป็นพี่สะใภ้สามของฉัน” ซ่งชุนเป้ยพูดขึ้นอย่างมีน้ำใจ“ใช่ พี่ด้วยนะ มีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่ได้เลย” จ้าวจินเยว่เองก็พยักหน้าเห็นด้วยและพูดเสริมอย่างมีน้ำใจเช่นกัน“ขอบคุณพี่สะใภ้ใหญ่ ขอบใจนะชุนเป้ย” หลินเพ่ยหลันพูดออกมาด้วยความดีใจ ที่อย่างน้อยที่นี่ยังมีคนใจดีที่พร้อมจะช่วยเหลือเธอพวกเธอใช้เวลาพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ ระหว่างที่ทำอาหาร ทำให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าสามสาวในบ้านซ่งจะเข้ากันได้ดีไม่มีปัญหา ยิ่งพวกเธอร่วมมือกันงานต่าง ๆ ภายในบ้านก็เสร็จเร็วขึ้นเมื่อได้พูดคุยกับจ้าวจินเยว่และซ่งชุนเป้ยแล้ว หลิน
last updateDernière mise à jour : 2025-03-04
Read More
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status