ログインมู่เฉินอึ้งไปเล็กน้อยกับคำตอบของเมิ่งเหยาที่เธอมีความคิดจะย้ายออกจากบ้านสกุลซุนไปอยู่ข้างนอก พร้อมกันนั้นเขาก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
“ถ้าเธอสอบเข้ามหาลัยเซินเจิ้นได้จริงๆ เธอไปกลับพร้อมกันกับฉันก็ได้นี่ ไม่เห็นจำเป็นต้องย้ายออกไปเลย” มู่เฉินกล่าวสีหน้ามีแวววิตกกังวลอยู่ในนั้น ซึ่งทำให้เมิ่งเหยายิ่งอ่านไม่ออกคาดเดาไม่ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
‘ก่อนหน้านี้มู่เฉินทำท่าเหมือนไม่ชอบถึงขั้นรังเกียจเธอด้วยซ้ำ ทำไมตอนนี้ถึงมีท่าทีเปลี่ยนไปได้ล่ะ’ เมิ่งเหยาคิดอย่างไม่เข้าใจ
“เราค่อยพูดเรื่องนี้กันภายหลังดีกว่าค่ะ ตอนนี้ฉันยังไม่ทันได้สอบเข้ามหาลัยเลย มาคุยกันเรื่องนี้แล้วน่าจะเร็วเกินไปนะคะ” เมิ่งเหยาตอบกลับไป
“อาหารมาแล้วรีบทานตอนกำลังร้อนๆเถอะค่ะ” เมิ่งเหยาตัดบทสนทนาเปลี่ยนเรื่องทันที เธอเลือกที่จะไม่ตอบอะไรมู่เฉินในตอนนี้ เพราะเรื่องร้านอาหารของเธอยังไม่เรียบร้อยดีเช่นเดียวกับเรื่องที่พักอาศัยในวันข้างหน้าก็เหมือนกัน
หลังจากทานปิ้งย่างเสร็จ พวกเขาก็มาเดินเล่นย่อยอาหาร พร้อมกับเมิ่งเห
การเปิดร้านเจ่าชานวันแรกสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี สกุลซุนกับสกุลฉินแยกย้ายกันกลับไปทำงานหลังจากแสดงความยินดีพร้อมอุดหนุนเมิ่งเหยาและนั่งพูดคุยกันนานนับชั่วโมงส่วนชิงเหยียนไม่ยอมกลับบ้านสกุลซุนไปพร้อมแม่บ้านหลี่แต่กลับขอตามมู่เฉินไปสอบถามตำแหน่งงานว่างที่โรงพยาบาลแพทย์ทหารแทนอย่างดื้อรั้น ทั้งที่มู่เฉินเคยบอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าไม่มีตำแหน่งงานว่างที่เหมาะสมกับเธอ‘ไม่มีงานให้ทำที่นี่จริงๆด้วย ขอทำงานที่ร้านยัยเมิ่งเหยานั่นก็โดนปฏิเสธ เอายังไงดีล่ะ จะอยู่บ้านสกุลซุนต่อไปเฉยๆอีกเป็นปีก็คงไม่ได้ พ่อกับแม่ต้องตามตัวเธอให้กลับไปช่วยงานที่บ้านก่อนแน่’ ชิงเหยียนคิดหนทางเพื่อหาข้ออ้างอาศัยอยู่ต่อที่บ้านสกุลซุนหลังจากสอบเข้ามหาลัยไม่ติด‘หากเธอมีงานทำแล้วส่งเงินกลับไปที่บ้านได้ พ่อกับแม่เธอก็คงจะไม่ว่ากล่าวอะไร หรือไม่อีกทางหนึ่งก็คือ..เธอต้องจับมู่เฉินให้ได้ หาหนทางทำข้าวสารให้กลายเป็นเข้าสุกซะ เพียงเท่านี้เธอก็จะมีขาทองคำให้เกาะกินสุขสบายไปทั้งชาติ แล้วยังได้แก้แค้นเอาคืนเมิ่งเหยาด้วย’ ชิงเหยียนคิดทบทวนแผนการในใจ เธอจะหาวิธีทำให้มู่เฉินตกเป็
ทุกคนที่ได้ชิมอาหารเช้าฝีมือเมิ่งเหยาต่างพากันติดอกติดใจไปตามๆกัน เนื่องจากเป็นอาหารตะวันตกแบบแปลกใหม่ มีกลิ่นหอมของนมเนยและรสชาติดีมาก ส่วนอาหารจีนนั้นเริ่มแรกเมิ่งเหยาทำเพียงแค่ซาลาเปาซึ่งมีไส้หมูสับ ไส้ผักรวม ไส้ถั่วดำ ไส้เผือกที่เธอทำเตรียมเอาไว้แล้วตั้งแต่เช้า โดยมีเหม่ยลี่มาช่วยเป็นลูกมือด้วยทางด้านเครื่องดื่มก็มีชาสารพัดอย่างซึ่งเป็นชาที่พ่อแม่ของเธอส่งมาให้จากไร่ชาลู่ชางเฉินมีทั้งชาแบบดั้งเดิมและที่เมิ่งเหยานำมาปรับเปลี่ยนคู่กับผลไม้แห้งและดอกไม้ ดังเช่นที่เคยทำให้ครอบครัวสกุลซุนได้ลิ้มลอง เช่นชาเปลือกส้ม ชาแอปเปิล ชากุหลาบ นอกนั้นก็มีชาดอกกุ้ยฮวาชาเก๊กฮวยชาดอกเหมยที่ขาดไม่ได้คือชานมที่ทุกคนต่างก็ชื่นชอบโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้หญิงเปิดมาวันแรกก็มีผู้คนมาอุดหนุนเยอะแยะมากมายจนเมิ่งเหยาและเหม่ยลี่มือเป็นระวิงกันเลยทีเดียว ชิงเหยียนที่มาด้วยความอยากรู้ ทั้งหมั่นไส้และเจ็บใจที่ร้านอาหารของสองสาวดำเนินไปด้วยดี จึงคิดว่ากล่าว หาเรื่องเมิ่งเหยาอีกแล้ว“เมิ่งเหยานี่แย่จังเลยนะคะ เป็นลูกจ้างของเหม่ยลี่แท้ๆ แต่ใช้งานเจ้านายชนิด
หลังจากมู่เฉินกลับออกไปแล้วเมิ่งเหยาก็หันมาทำงานต่อโดยคิดหาขนมของว่างอาหารเช้าทั้งแบบตะวันตกและท้องถิ่น รวมไปถึงรูปแบบผสมผสานที่น่าสนใจมาเตรียมเอาไว้ทำขายในร้านเพิ่มเติมช่วงพักกลางวันมู่เฉินกลับมาหาเมิ่งเหยาที่ร้านตามที่นัดหมายไว้ เมื่อมาถึงเขาก็ได้กลิ่นหอมของอาหารที่ชวนให้ท้องร้องขึ้นมาทันที ก่อนจะเดินเข้าไปหาเมิ่งเหยาด้านใน เมื่อเมิ่งเหยาได้ยินเสียงกริ่งประตูดังขึ้นเธอจึงเดินออกมาดู พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้แก่มู่เฉินที่ยิ้มรับกลับมาให้เธออย่างอ่อนโยน“เธอทำอาหารงั้นเหรอ”“ใช่ค่ะ ฉันทำมื้อกลางวันให้คุณ จะได้ไม่เสียเวลาทำงานของคุณหมอยังไงล่ะคะ” เมิ่งเหยาเอ่ยยิ้มๆ‘เมิ่งเหยาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ที่บังเอิญเจอกันในร้านข้าวอบ มู่เฉินต้องรีบร้อนทานอาหารมากแค่ไหนเพื่อกลับเข้าไปทำงานต่อ ความจริงคุณหมออย่างเขาถ้าไม่มีเธอมาอยู่แถวนี้ก็คงจะรีบทานอาหารในโรงอาหารของโรงพยาบาลนั่นน่ะแหละ เธอจึงถือโอกาสทำอาหารให้เขาล่วงหน้า พอมาถึงจะได้พร้อมทานไม่ต้องรอให้เสียเวลา’“ต่อไปนี้ถ้าคุณมีเวลา ให้ฉันทำมื้อเที่ยงให้คุณทานก็แล้
สกุลซุนทานอาหารเช้ารวมทั้งเครื่องดื่มบางส่วนที่เมิ่งเหยาจะทำขายที่ร้านเจ่าชานแล้วต่างก็พอใจกันมาก เพราะมีความแปลกใหม่ทั้งด้านหน้าตา กลิ่นหอมของเนย และรสชาติอร่อยแปลกไม่คุ้นลิ้นแต่ถูกอกถูกใจกันถ้วนหน้า“เหยาเอ๋อนี่เก่งจริงๆนะทำอะไรออกมาอร่อยทุกอย่างเลย”ลี่จิ่นเอ่ยอย่างพอใจพร้อมคีบออมเล็ตหรือไข่เจียวหนักเครื่องขึ้นมากินอย่างมีความสุข“นั่นสิ ต้องขายดีมากแน่ๆ” นายท่านซุนกล่าว“ชากุหลาบนี่ก็หอมแปลกดีจริง มีกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกกุหลาบ ดื่มแล้วรู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้จิบชาอยู่ในสวนดอกไม้ยังไงอย่างงั้น” คุณนายซุนชื่นชอบชากุหลาบที่เมิ่งเหยาทำออกมาให้ชิมเป็นครั้งแรกทุกคนพากันชื่นชมอาหารตรงหน้า จะมีก็แต่ชิงเหยียนที่นั่งหน้าหงิกหน้างอไม่พอใจอยู่ตรงนั้น เพราะเมื่อวานนี้เธอเพิ่งจะพูดว่าอาหารที่เมิ่งเหยาทำขายคงจะกินไม่ได้ ขายไม่ออกอยู่เลย แต่วันนี้กลับมานั่งก้มหน้าก้มตากินจนจะหมดอยู่แล้ว เนื่องจากมันอร่อยทุกอย่าง แต่เธอไม่มีวันยอมรับออกไปหรอก“หนูทำชาผลไม้กับชากุหลาบเผื่อเอาไว้ให้ที่นี่ด้วย ถ้าหมดเมื่อไหร่หนูจะ
หลังจากมู่เฉินได้ยินคำถามเชิงเย้าแหย่เขาจากปากเมิ่งเหยาก็คิดมันเขี้ยวพร้อมคว้าร่างบอบบางของเธอเข้ามาในอ้อมกอดอันแข็งแกร่งทันที“ถ้าเธอไม่เป็นของฉันแล้วจะเป็นของใครกัน อย่าบอกนะว่านายจื่อหยางอะไรนั่นน่ะ”มู่เฉินเอ่ยถามพร้อมจ้องมองสบตาเมิ่งเหยาสีหน้าท่าทางแสดงออกถึงความหึงหวงอย่างไม่ปิดบัง“ฉันไม่ได้คิดอะไรกับพี่จื่อหยางซะหน่อย เขาเป็นแค่พี่ชายและมิตรสหายที่ดีคนหนึ่งก็เท่านั้น” เมิ่งเหยาตอบกลับไป“แล้วกับฉันล่ะ เธอคิดยังไง” มู่เฉินได้โอกาสถามความในใจเธอกลับไปทันที พร้อมมองสบตารอฟังคำตอบด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ เมิ่งเหยาแสร้งทำทีเป็นคิดหนักอยู่พักหนึ่ง“ว่ายังไงล่ะ เธอชอบฉันหรือเปล่า” จู่ๆมู่เฉินก็กลายเป็นคนใจร้อนขึ้นมาเสียอย่างงั้นเมิ่งเหยาอดยิ้มให้กับท่าทีของเขาซึ่งราวกับว่าเป็นหนุ่มน้อยที่เพิ่งหัดมีความรักครั้งแรกไม่ได้“ถ้าไม่ชอบฉันคงไม่ปล่อยให้คุณกอดฉันเอาไว้แบบนี้หรอกค่ะ แม้นแต่จะก้าวเข้ามาในห้องนี้ยังไม่มีสิทธิ์ด้วยซ้ำไป”เมิ่งเหยาตอบตามความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา เมื
หลังทานอาหารมื้อกลางวันด้วยกันเสร็จ ทุกคนก็เอ่ยร่ำลาแยกย้ายกันกลับไป เมื่อมาถึงบ้านสกุลซุน ทุกคนก็มานั่งพักพูดคุยเล่นกันที่ห้องนั่งเล่นอย่างพร้อมหน้าเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดที่ทุกคนตั้งใจอยู่ฉลองความสำเร็จให้กับเมิ่งเหยานั่นเอง“เหยาเอ๋อ ป้าต้องเหงาแน่เลยที่หนูย้ายออกไปแบบนี้” คุณนายซุนเอ่ยขึ้นมา“หนูรับรองว่าจะกลับมาเยี่ยมคุณป้าบ่อยๆนะคะ” เมิ่งเหยายื่นมือเข้าไปเกาะกุมมือคุณนายซุนเอาไว้พร้อมเอ่ยบอกออกไปด้วยรอยยิ้ม“หนูรับปากป้าแล้วนะ ต้องทำให้ได้ล่ะ”“แน่นอนค่ะ”“โธ่คุณป้าคะ เมิ่งเหยาไม่อยู่ แต่ก็ยังมีหนูอยู่นี่คะ ไม่เหงาหรอกค่ะ รับรองว่าหนูจะดูแลเป็นเพื่อนคุณป้าพูดคุยเอง” ชิงเหยียนเอ่ยเอาใจคุณนายซุนทันที ซึ่งท่านเพียงยิ้มรับตามมารยาทเท่านั้น ด้วยรู้นิสัยใจคอที่แท้จริงของชิงเหยียนดีแล้วนั่นเองว่าเป็นพวกชอบเสแสร้ง ขี้อิจฉาริษยา จ้องแต่จะทำร้ายผู้อื่นอีกทั้งยังมีเรื่องก่อนหน้านี้ที่มู่เฉินเล่าให้เธอ นายท่านซุนรวมทั้งลี่จิ่นรับรู้เอาไว้ว่าชิงเหยียนไปพูดจาโกหกสร้างข่าวลือในโรงพยาบาล







