บทที่ 8 เป็นไปได้อย่างไรกัน!!
เมื่อถึงเวลาเปิดร้านชิงเทียนกับชิงหนี่ว์ทำหน้าที่เรียกขานเชิญชวนทุกคนที่ผ่านมา อีกทั้งมีโปรโมชั่นเปิดร้านใหม่ราคาเพียง 30 หยวนเท่านั้น ในยุคที่เงินเดือนเดือนละ2000 หยวนต่อเดือน หลิวหลิวจึงคิดว่าราคานี้ไม่ได้แพงเท่าไหร่นักพอที่คนจะเจียดเงินมาซื้อซุปหมาล่าของเธอได้
คนที่เคยชิมเมื่อวานรู้รสชาติได้กลับมาอุดหนุนหมาล่าเพราะอยากกินเยอะกว่าที่แจกฟรี
“เชิญด้านในเลยค่ะ”
“เมื่อวานฉันได้ชิมที่เจ้าของร้านแจกฟรีทำให้ติดใจและยังไม่อิ่มวันนี้เลยชวนสามีมากินด้วยกัน”
“ได้เลยค่ะร้านหมาล่าของเราขายเป็นชุด ชุดหนึ่งสามารถกินได้สองถึงสามคนเชิญลูกค้านั่งด้านนี้เลยค่ะ ฉันจะรีบเข้าไปเตรียมหม้อน้ำซุปมาให้นะคะ” หลิวหลิวผายมือให้ลูกค้าที่มากันสองคนไปนั่งเก้าอี้ก่อนที่เธอจะเข้าไปจัดเตรียมหม้อน้ำซุปมาให้ลูกค้าและเครื่องเคียงที่จัดเตรียมเป็นชุดเอาไว้ ไม่นานลูกค้าเข้ามานั่งที่โต๊ะจนเต็มทุกตัว หลิวหลิวมีความสุขมากที่หมาล่าของเธอขายได้และได้รับคำชมเมื่อลูกค้ากินอิ่มต่างชมว่าอร่อยและจะไปบอกต่อให้
วันเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วของที่หลิวหลิวเตรียมเอาไว้ 10 ชุดได้หมดลงทำให้เธอปิดร้านตั้งแต่ยังไม่ดึกนัก
“ว๊าวว^ ^พี่ชิงฮวานี่คือเงินที่เราขายได้วันนี้หรือคะ” ชิงหนี่ว์ถามขึ้นเมื่อเห็นพี่สาวกำลังนั่งนับเงินหลังจากที่เก็บร้านเรียบร้อยแล้ว
“ใช่แล้ว วันพรุ่งนี้พี่จะทำเพิ่มให้มากกว่าเดิม ถ้าเราขายได้แบบนี้ทุกวันอีกไม่นานคงมีเงินให้ชิงเทียนกับชิงหนี่ว์ไปเรียนหนังสือ ตอนนี้ทุกคนคงเหนื่อยแล้ว ไปล้างมือมากินข้าวกันพี่ไม่ลืมเรื่องที่พูดเอาไว้หรอกนะเรื่องขนมหวานไหนมีใครอยากกินบ้าง” เด็ก ๆ ทั้งดีใจเรื่องเรียนหนังสือและดีใจที่จะได้กินขนมหวานดวงตาเป็นประกายกลมโตรีบยกมือขึ้นทั้งสองคน
“ผมครับ เย้ ๆ จะได้กินขนมแล้ว” ชิงเทียนรีบพูดขึ้น
“หนูด้วยค่ะ อย่างนั้นรีบไปล้างมือก่อนนะคะ” หลิวหลิวยิ้มกริ่มส่ายหน้าไปมาในความไร้เดียงสาของเด็ก ๆ
หลายวันต่อมาร้านหมาล่าสกุลไป๋เริ่มเป็นที่พูดถึงจนถึงหูของเหมยอิ๋งที่ได้ยินเพื่อนของเธอว่าครอบครัวของเพื่อนพากันไปกินมา รสชาติไม่เคยกินจากที่ไหนมาก่อน เหมยอิ๋งได้ยินเกิดความสงสัยหมาล่าสกุลไป๋นั่นคงไม่ใช่ฝีมือของไป๋ชิงฮวาหรอกใช่มั้ย? เพราะวันนั้นเธอเห็นกับตาตัวเองว่าสามคนพี่น้องไม่มีเงินติดตัวไปสักหยวนและป่านนี้ไม่รู้ว่าทั้งสามคนไปอยู่ที่ไหน
“มีมี่ร้านหมาล่าสกุลไป๋ที่เธอพูดถึงอยู่ตรงไหนหรือ?”
“นี่เธอไม่รู้อะไรเลยเหรอ ร้านหมาล่าอยู่ละแวกเดียวกับบ้านที่เธออยู่ตอนนี้เพียงสิบกิโลเมตรเองนะ”
“ฉันอยากไปเธอช่วยพาฉันไปหน่อยได้มั้ย”
“ได้สิ ฉันเชื่อว่าเธอได้กินต้องติดใจแน่ ๆ แถมที่ร้านนั้นมีน้อง ๆ ช่วยงานในร้านช่างเป็นเด็กดีจริง ๆ”
“เด็ก ๆ หรือ” เหมยอิ๋งทวนคำพูดของเพื่อนด้วยความสงสัย
“ใช่แล้ว แถมยังเป็นเด็กแฝดอีกด้วย” ยิ่งได้ยินอย่างนั้นทำให้ความอยากรู้อยากเห็นของเหมยอิ๋งเพิ่มมากขึ้นเธอจะต้องไปดูให้ได้ว่าร้านที่เพื่อนพูดถึงใช่ร้านของชิงฮวาหรือไม่แล้วเธอไปเอาเงินมาจากไหน หรือว่าเข้ามาขโมยเงินตอนที่ทุกคนไม่อยู่ที่บ้านอย่างนั้นเรื่องนี้เธอจะต้องแจ้งแม่ของเธอให้รับรู้เช่นเดียวกัน
“ฉันต้องการไปที่ร้านนั่นตอนนี้เลยเธอพาฉันไปหน่อยสิ”
“ทำไมถึงรีบร้อนแบบนั้นอีกอย่างร้านหมาล่าเปิดช่วงกลางวันถึงกลางคืนไปตอนนี้คงยังไม่ได้กินหรอกนะ”
“ไปเถอะน่าฉันไม่ได้อยากกินหมาล่าอะไรนี่หรอกแค่อยากไปเห็นกับตาตัวเองว่าเจ้าของร้านและน้อง ๆ ใช่ไป๋ชิงฮวาลูกของคุณอาฉันหรือเปล่าแค่นั้นเอง”
“ได้สิ” พูดจบทั้งสองเดินทางโดยรถประจำทางไปที่ร้านหมาล่าสกุลไป๋
และเมื่อมาถึงร้านเหมยอิ๋งได้เห็นกับตายิ่งโมโหริษยาที่ไป๋ชิงฮวาเปิดร้านขายของแถมยังขายได้ดีอีกด้วย
“คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นเธอ มีมี่ฉันขอกลับบ้านก่อนนะ”
“อะไรกันเดี๋ยวอยากมาเดี๋ยวอยากกลับถ้าเป็นญาติของเธอจริง ๆ ทำไมไม่เข้าไปหาล่ะจะได้ขอกินฟรีด้วยเลยไง”
“ไม่เอาหรอกอะไรที่เป็นฝีมือของไป๋ชิงฮวาฉันไม่อยากกินทั้งนั้น ถ้าเธออยากกินก็รอจนกว่าร้านของมันจะเปิดแล้วกันวันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีขอกลับก่อน” พูดจบเหมยอิ๋งก็เดินหนีเพื่อนและทิ้งเพื่อนเอาไว้แบบงง ๆ
“อะไรของเธอนะ ฉันไม่เข้าใจเลยหรือว่าเหมยอิ๋งไม่ถูกกับญาติคนนี้ ก็แล้วยังไงในเมื่อฉันมาถึงนี่แล้วรอกินหมาล่าดีกว่า” มีมี่ไม่ได้สนใจว่าใครไม่ถูกกับใครเพราะของอร่อยขนาดนี้เธอไม่พลาดที่จะกินมันอีกครั้งแน่นอน
ฝั่งด้านซิ่นเจี่ยว
ตั้งแต่เมื่อวานที่เธอออกจากบ้านไปที่บ่อนเธอเล่นเสียอยากได้คืนเลยอยู่เล่นทั้งคืนจนกระทั่งเช้าเงินที่เธอเตรียมไปหมดกระเป๋าทำให้เธออารมณ์เสียกลับบ้านอย่างเจ็บใจ มาถึงบ้านก็ต้องเหนื่อยใจเพราะตอนนี้บ้านที่เคยสะอาดรกจนแทบไม่มีทางจะเดินเสื้อผ้าที่ใส่และไม่ได้ซักเต็มตะกร้าไปหมดไหนจะถ้วยชามที่ถูกวางเอาไว้หลังจากกินเสร็จเริ่มเน่าเหม็นมีแมลงบินมาตอมกลิ่นในบ้านเหม็นอับจนไม่น่าอยู่
“นี่มันอะไรกันทำไมบ้านหลังนี้ถึงได้สกปรกขนาดนี้ เหมยอิ๋งทำไมเธอไม่ทำงานบ้านบ้างแล้วนี่ทำไมบ้านถึงเงียบแบบนี้อย่าบอกนะว่าไม่มีใครอยู่ เฮ้อ! ทำไมลูกของฉันถึงได้ขี้เกียจกันอย่างนี้นะ”
“คุณแม่บ่นอะไรคะ แล้วทีคุณแม่ออกไปที่บ่อนไม่ยอมกลับบ้านทั้งวันทั้งคืนฉันยังไม่เห็นบ่นอะไร คุณแม่มาก็ดีแล้วเสื้อผ้าของฉันไม่มีจะใส่แล้วช่วยไปซักให้หน่อยสิ แล้วถ้วยชามนะเหม็นเน่าจนแทบอยากจะอ้วกช่วยล้างด้วยนะ”
“นี่เหมยอิ๋งมันจะเกินไปแล้วนะ นั่นมันสมควรเป็นหน้าที่ของเธอไม่ใช่ฉัน”
“โธ่ คุณแม่คะจะให้ฉันล้างชามซักผ้าเองได้อย่างไรดูสิเล็บที่ฉันทำมาไม่ใช่ถูก ๆ ถ้าเกิดนิ้วของฉันเปื่อยเพราะล้างชามจะทำอย่างไร อ้อ..จริงด้วยวันนี้ฉันมีเรื่องของนังไป๋ชิงฮวามาเล่าให้คุณแม่ฟังด้วยล่ะ” เหมยอิ๋งชูมือให้คนเป็นแม่ดูทำท่าทางรังเกียจถ้วยชามและการซักผ้า ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเธอไปเห็นอะไรมา
“เรื่องอะไรเกี่ยวกับนังชิงฮวาหวังว่าจะเป็นเรื่องที่ดีนะ หรือว่าตอนนี้สามคนพี่น้องไปนั่งขอทานอย่างน่าอนาจอย่างนั้นเหรอ ฮ่า ฮ่า หากไม่เหิมเกริมคงได้อยู่ที่นี่มีที่ให้นอนทำตัวเองแท้ ๆ”
“เป็นเช่นนั้นก็ดีสิคะ แต่มันไม่ใช่แบบที่คุณแม่คิดตอนนี้สามคนพี่น้องเปิดร้านขายหมาล่าห่างจากที่นี่ไปประมาณสิบกิโล คุณแม่คะฉันสงสัยว่ามันเอาเงินมาจากไหนไปขายของหรือว่าจะมาขโมยตอนที่เราไม่อยู่”
“อะไรนะ!! นางชิงฮวาเปิดร้านขายของอย่างนั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้มันจะเอาเงินมาจากไหนวันนั้นที่มันออกจากที่นี่เงินติดตัวไม่มีสักหยวนหรือว่าจะเป็นอย่างที่เธอบอก มันช่างกล้าเข้ามาขโมยเงินของฉันอย่างนั้นหรือ? ร้านมันอยู่ที่ไหนฉันจะไปทวงเงินคืน” ซิ่นเจี่ยวไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าชิงฮวาจะมีเงินลงทุนเปิดร้าน ยิ่งได้ยินคำพูดของเหมยอิ๋งเธอยิ่งโมโหเลือดขึ้นหน้าเพราะคิดว่าชิงฮวามาขโมยเงินอย่างที่เหมยอิ๋งพูดจึงจะไปหาเธอที่ร้านในตอนนี้
“ได้ค่ะ ฉันจะพาไป” เหมยอิ๋งยิ้มออกมาอย่างสะใจอยากรู้เหมือนกันถ้านางชิงฮวาเห็นหน้าคุณแม่จะทำหน้ายังไง ทั้งสองไม่รอช้ารีบออกเดินทางไปที่ร้านของชิงฮวาทันที
บทที่ 35 ซีรี่ย์จบอย่างบริบูรณ์2 เดือนต่อมาหลิวหลิวได้แต่งงานกับซุนเย่ร้านของเธอถูกย้ายเข้าไปอยู่ในโรงแรมตามที่แม่ของซุนพูดเอาไว้ ตอนนี้ทุกอย่างลงตัวอย่างไม่คาดคิดมาก่อน เธอพาน้อง ๆ ย้ายกลับไปอยู่บ้านหลังเดิมที่เป็นสมบัติของสกุลไป๋ เธอได้ดีไม่ลืมคนที่เคยช่วยเหลืออย่างป้ามิ่งจู เธอเปิดมิตินำของใช้มากมายและช่วยกันตกแต่งร้านใหม่ให้แก่ป้ามิ่งจูเป็นการตอบแทนส่วนเหมยอิ๋งตอนนี้เธอได้หางานทำเป็นสาวโรงงานเย็บผ้าจากคนที่ไม่เคยทำงานชีวิตสุขสบายแต่เมื่อไม่มีใครให้พึ่งพาเธอจำเป็นต้องหาเงินใช้เอง ตอนนี้เธอเริ่มคิดได้ว่าสิ่งที่ผ่านมาเธอกับครอบครัวทำผิดกับชิงฮวามากแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้าโผล่หน้ามาขอโทษเธอด้วยซ้ำ เพราะเธออายจนไม่กล้าที่จะมาพบเจอลมหนาวเริ่มพัดมากระทบกายหลิวหลิวยืนมองออกไปนอกหน้าต่างในใจคิดถึงชีวิตที่ผ่านมา จู่ ๆ ก็ถูกสองแขนโอบกอดมาจากด้านหลัง“ยืนคิดอะไรอยู่เหรอ?”“แค่คิดว่านี่ใช่ความจริงหรือความฝันนะคะ”"ทำไมคิดแบบนั้นล่ะครับ”“ใครจะคิดล่ะคะว่าวันหนึ่งฉันที่เคยถูกขับไล่ออกจากบ้านหลังนี้จะได้กลับเข้ามาอยู่ที่นี่ และใครจะไปคิดว่าฉันจะได้แต่งงานกับคนที่ร่ำรวยเช่นคุณมันเหมือนความฝันเลยละค
บทที่ 34 แต่งงานกับผมนะหลิวหลิวเปิดดูเห็นโฉนดที่ดินของสกุลไป๋เธอทั้งดีใจและซาบซึ้งหัวใจเหลือเกินไม่คิดว่าคนคนหนึ่งจะทำเพื่อเธอได้ขนาดนี้ ตอนนี้เธอไม่อยากจะปิดกั้นความรู้สึกแล้วรีบเอ่ยถามจื่อห้าวอย่างเร่งรีบ"ตอนนี้ซุนเย่อยู่ไหน พาฉันไปหาเขาได้มั้ย""ตอนนี้ซุนเย่อยู่โรงแรมเราไปพร้อมกันเถอะนะ" แม่ของซุนเย่ดีใจที่เธอยอมเชื่อและจะไปพบกับลูกชายของเธอ ทั้งสามนั่งรถยนต์ไปที่โรงแรมทันที ใจของหลิวหลิวร้อนรุ่มไปหมดทำไมเขาต้องยอมเจ็บตัวเพื่อเธอขนาดนี้ที่ทำเพราะอยากจะลบสิ่งที่เขาย่ำยีเธออย่างนั้นสินะ ช่างไม่ห่วงตัวเองเอาเสียเลยไม่นานรถยนต์ก็มาถึงโรงแรมจื่อห้าวนำรถไปจอดทำให้หลิวหลิวได้เดินตามหลังแม่ของซุนเย่ที่ห้องพัก เมื่อมาถึงหลิวหลิวได้ก้าวเท้าเข้ามาในห้องเห็นซุนเย่นอนอยู่บนเตียงนอนบนหัวถูกโพกด้วยผ้าสีขาวใบหน้าและร่างกายเขียวช้ำไปหมด"เขาได้รับบาดเจ็บขนาดนี้เลยเหรอคะ""ใช่แล้ว เขาเป็นคนเก็บอาการแม้จะเจ็บปวดแค่ไหนก็ไม่ยอมแสดงออกจนจัดการคนพวกนั้นเสร็จเขาได้สลบล้มลงกับพื้น จนจื่อห้าวต้องหามกลับโรงแรม ซุนเย่เป็นคนอวดดีไม่ยอมให้จื่อห้าวกับลูกน้องจัดการคนเลวพวกนั้น เขาขอลงมือจัดการเองจนเป็นอย่างที่
บทที่ 33 สะสางหลิวหลิวได้ยินเสียงเอะโวยวายเสียงดังคล้ายคนกำลังมีเรื่องกันเธอออกมาจากผ้าห่มมาชะเง้อดูอยู่หน้าต่างเห็นว่าตอนนี้ซุนเย่กำลังสู้อยู่กับกลุ่มต้าหลง เธอทั้งตกใจและตกตะลึงคน ๆ เดียวสู้กับคนนับสิบให้นอนกองกับพื้นได้ทั้ง ๆ ที่ตัวเองได้รับบาดเจ็บไม่มากแต่มองเห็นเพื่อนของต้าหลงบาดเจ็บระนาว เธอรู้แล้วว่าตอนนี้เขาปกป้องเธอมากขนาดไหนแต่เมื่อนึกย้อนในสิ่งที่เขาโกหกเธอไม่สามารถเอาความดีครั้งนี้ของเขามาลบแก้คำโกหกและเรื่องที่เขาย่ำยีเธอได้เลยรุ่งเช้าวันต่อมาต้าหลงถูกตำรวจจับเพราะเขาเล่นยาและมียาให้ครอบครอง อีกทั้งจื่อห้าวจัดฉากเรื่องที่บาดเจ็บว่าคนพวกนี้ขัดแย้งกันเรื่องผลประโยชน์ตอนนี้ตำรวจทั้งสถานีเป็นคนของซุนเย่หมดแล้วไม่ยากในการจัดการและยังนำกำลังเข้าไปตรวจค้นที่กบดานของต้าหลงพบซิ่นเจี่ยวกับเหมยอิ๋งอยู่ที่นั่น ซิ่นเจี่ยวถูกตั้งข้อหายึดของคนอื่นไปครอบครองและใช้สมบัติที่ไม่ใช่ของตัวเองจนหมด ก่อนที่จะทำสัญญาจำนำโฉนดที่ดินบ้านสกุลไป๋ เขาได้ทำหนังสือสัญญาและลงนามทำให้เธอไม่อาจจะดิ้นหนีได้ ตอนนี้เหมยอิ๋งเคว้งคว้างไปหมด ไม่ว่าพี่ชายหรือแม่ถูกทางการจับตัวไปจนหมดทุกคน"ไม่จริง เรื่องนี้ต้อ
บทที่ 32 ที่ระบายอารมณ์ช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่มจื่อห้าวกำลังยืนดื่มอยูกับคนอื่น ๆ เห็นคุณชายเดินมาใบหน้าเคร่งเครียดเขารีบวางแก้วไวน์ไว้ที่โต๊ะและเข้าไปถามทันที"คุณชายทำไมมีสีหน้าเช่นนั้นครับ หรือว่ายังไม่ได้ปรับความเข้าใจกับคุณชิงฮวา ""เรื่องปรับความเข้าใจนะฉันทำแล้วแต่มันเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดก่อนนะสิ แต่ว่าตอนนี้มีเรื่องที่จะต้องทำเร่งด่วนเอารถออกฉันจะไปโรงพยาบาล""เกิดอะไรขึ้นกับลูกหรือว่ารู้สึกไม่สบาย"แม่ของซุนเย่ที่กำลังจะเดินกลับห้องพักได้ยินเสียงลูกชายรีบเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง"คุณแม่ครับผมทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ เอาไว้ผมกลับมาจากหาหมอจะเล่าให้ฟังนะครับ คุณแม่ขึ้นไปพักผ่อนเถอะครับกว่าจะกลับมา เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะเล่าทุกอย่างให้คุณแม่ได้รับรู้" เธอทำได้เพียงพยักหน้ารับรู้เพราะว่าตอนนี้น้ำเสียงทั้งแววตาของซุนเย่จริงจังอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน"อย่างนั้นลูกก็รีบไปโรงพยาบาลเถอะ"จื่อห้าวไม่รอช้ารีบทำตามที่คุณชายต้องการ ตอนนี้ทั้งสองได้ไปหาหมอโรงพยาบาบที่ใกล้ที่สุด ซุนเย่แจ้งหมอเรื่องที่เขาต้องการตรวจ แต่ทว่าตอนนี้ห้องตรวจเลือดได้ปิดการทำการ ทำได้เพียงนำเลือดของเขาเอาไว้และตรวจกว่าผล
บทที่ 31 เจ็บปวดทั้งกายและจิตใจสายตาคู่งามจ้องมองใบหน้าของเขาพร้อมสะท้อนความเจ็บปวดด้านในให้อีกฝ่ายได้รับรู้ซุนเย่ไม่อยากจะเสียเธอไปในเมื่อตอนนี้ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรเธอคงไม่เชื่อง่ายๆ แต่ว่าวันนี้อย่างไรเขาจะต้องพูดกับเธอให้รู้เรื่อง จึงอุ้มเธอไปที่ห้องเพื่ออธิบายให้เธอได้รู้“ปล่อยนะ ปล่อยฉันลงไป”“ไม่เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องผมไม่อยากปล่อยคุณไปทั้ง ๆ ที่เรายังไม่เข้าใจกัน” ซุนเย่รีบอุ้มชิงฮวาไปที่ห้องของตัวเองเมื่อมาถึงห้องเขารีบล็อกประตูและพาเธอไปที่โซฟาวางเธอลงอย่างเบามือ“พาฉันมาที่นี่ทำไมเรามีอะไรจะคุยกับอีกปล่อยฉันจะกลับไปน้อง ๆ ” ซุนเย่นั่งลงคุกเข่าต่อหน้าเธอสองมือยื่นไปจับมือของหลิวหลิวไว้แน่น เงยหน้ามองเธอพร้อมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ผมไม่อยากจะโกหกคุณเลยไม่ว่าจะเรื่องครอบครัวของผมหรือว่าจะเป็นการที่ผมเข้าหาคุณ ผมมีเหตุผลบางอย่างและเรื่องผมกับหวางลี่อิงไม่ใช่เรื่องจริง”“ไม่อยากโกหกแต่คุณทำมันไปแล้วหยุดพูดเถอะค่ะ ฉันไม่อยากฟังช่วยปล่อยฉันออกไปเสียที” หลิวหลิวเบือนหน้าหนีไม่อยากจะเห็นหน้าเขากลัวใจตัวเองที่ไม่เข้มแข็งพอจะใจอ่อนยอมให้อภัยเขาอีก แต่ทว่าจู่ร่างกายขชองซุนเย่เ
บทที่ 30 รู้ความจริงหลิวหลิวเปิดร้านปกติและวันนี้เธอขายหมดเร็วกว่าทุกวันเพราะลงของน้อย เมื่อเธอเก็บของเสร็จออกมารอรับน้อง ๆ คิดว่าวันนี้จะพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวเล่นที่ห้างสักวันตั้งแต่ทะลุมิติเธอไม่เคยได้ไปไหนเลยนอกจากตลาด แต่ทว่าสายตาของเธอกลับเหลียวไปเห็นสองแม่ลูกกำลังเดินมุ่งหน้ามาที่นี่‘มาทำไมกันนะ หรือว่าจะมาหาเรื่องเอาสิครั้งนี้ฉันไม่ยอมหรอกนะ’ หลิวหลิวคิดในใจยืนกอดอกพร้อมปะทะกับทั้งสองแม่ลูก“มาที่นี่ทำไมอีก”“เอ่อ..ชิงฮวาป้าผิดไปแล้วให้อภัยป้าเถอะนะเรื่องที่ผ่านมาป้าสำนึกผิดแล้ว เรามาดีกันเถอะนะ” หลิวหลิวคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความงงงวยจู่ ๆ ทำไมซิ่นเจี่ยวถึงได้มาพูดดีกับเธอแบบนี้แถมยังทำหน้าตาเศร้าหมองแบบนี้ เธอมีแผนอะไรอีกเลย“นี่มันเรื่องอะไรกัน ป้ามีแผนอะไรอีกคิดว่ามาบีบน้ำตาอ้อนวอนพูดดีด้วยแล้วฉันจะใจอ่อนเหมือนเมื่อก่อนเหรอคะ ฉันไม่มีทางยอมป้าอีกแล้วค่ะ มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยค่ะฉันไม่ต้อนรับ” หลิวหลิวขับไล่เสียงแข็งซิ่นเจี่ยวไม่มีที่จะไปจริง ๆ หากไม่ได้อยู่ที่นี่คืนนี้เธอคงไม่มีที่ซุกหัวนอน เธอจะทำทุกอย่างให้หลิวหลิวยอมให้อภัยเธอคุกเข่าลงต่อหน้าหลิวหลิวทำให้ทั้งหลิวหลิวกับเห