ฉู่จวินถิงไม่ได้ใส่ใจดอกท้อนัก มองก็แต่เพียงรอยยิ้มสดใสของหญิงสาว ความงดงามและเปี่ยมสุขไร้การเติมแต่งที่หลั่งไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว คิ้วตาจึงพลันผ่อนคลายลงโดยไม่รู้ตัวครู่หนึ่ง ซ่งรั่วเจินหันมองชายหนุ่มข้างกาย “ท่านอ๋องมีเรื่องใดให้หม่อมฉันช่วยหรือเพคะ? บัดนี้โดยรอบหาได้มีผู้ใดแล้ว ท่านพูดออกมาได้โดยไม่ต้องกังวลแล้ว”พวกเขาเดินมาถึงยังส่วนลึกของสวน นอกจากเฉินเซียงและองครักษ์ของฉู่จวินถิงแล้ว ล้วนไม่มีผู้ใดอยู่บริเวณนี้เลย“สหายผู้หนึ่งของข้ามีนามว่าไป๋จื่อมู่ เรือนของเขาคล้ายจะมีบางอย่างแปลกพิกล”ฉู่จวินถิงมีสีหน้าซับซ้อน เรื่องภูตผีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย หากเป็นเมื่อก่อนเรียกได้ว่าไม่เคยเชื่อมาก่อน ทว่าจวบจนวันนี้ที่ได้เผชิญหลายสิ่งหลายอย่างนานัปการมาแล้ว ความคิดเองก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป “แปลกพิกลที่ตรงใดหรือ?” ซ่งรั่วเจินสนอกสนใจเป็นอย่างมาก“ในเรือนแห่งนั้นมีผู้คนเสียชีวิตติดต่อกันหลายราย ภายในเย็นเยียบชวนขนลุก ไม่มีผู้ใดกล้าอยู่อาศัย”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว “เรือนอาถรรพ์งั้นหรือ?”“เรื่องมันก็พิลึกที่ตรงนี้แล ผู้ใดเข้าไปยังที่แห่งนั้นต่างรู้สึกถึงบรรยากาศเย็นเยียบชวนผวา ทำเอาสั่น
วันต่อมาสกุลซ่งได้ยินข่าวจากสกุลลั่ว แต่ละคนล้วนเคร่งเครียด“เดิมทีสุขภาพของชิงอินก็ไม่ดีอยู่แล้ว เมื่อวานได้รับความตกใจ อีกทั้งยังเป็นหวัด ตอนนี้ไข้สูงไม่ยอมลด น่ากลัวว่าฟื้นขึ้นมาแล้วยังต้องพักรักษาตัวอีกระยะหนึ่ง”หลิ่วหรูเยียนสีหน้าเป็นกังวล “เด็กคนนี้ช่างน่าสงสาร หากพวกเรายังมีโอกาสให้นางแต่งเข้ามาได้ นั่นก็เป็นวาสนาของพวกเราแล้ว เพียงแต่เรื่องในปีนั้นทำให้ลั่วฮูหยินไม่ยอมเหลียวแลข้ามาโดยตลอด ส่งเทียบเชิญไปแล้วก็ปฏิเสธ...”พวกซ่งรั่วเจินสองสามคนสบตากัน นึกถึงเมื่อแรกพวกเขาและสกุลลั่วมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาก ทว่าหลังซ่งเยี่ยนโจวแต่งงาน สกุลลั่วก็ไม่ไปมาหาสู่กับพวกเขาอีกคิ้วบนใบหน้าหล่อเหลาของซ่งเยี่ยนโจวขมวดแน่นไม่คลายออกจากกัน “ท่านแม่ ข้าอยากไปดูที่สกุลลั่วขอรับ”“สมควรไปดูๆ จริงนั่นล่ะ” หลิ่วหรูเยียนพยักหน้า “เมื่อแรกข้าก็รู้ว่านางเป็นเด็กดีเอาใจใส่คนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าทำให้นางได้รับความทุกข์มากเพียงนี้” “เรื่องนี้เป็นพวกเราทำผิดต่อชิงอิน ทำผิดต่อสกุลลั่ว หลังไปแล้วไม่ว่าท่าทีของสกุลลั่วจะเป็นเช่นไร พวกเราก็ควรยอมรับแต่โดยดี เข้าใจหรือไม่?”เมื่อวานพวกซ่งรั่วเจินกล
“ไม่ใช่นะเจ้าคะ!” ซ่งรั่วเจินรีบโบกมือ “พวกท่านอย่าเข้าใจผิดเป็นอันขาด ฉู่อ๋องมารับข้าเพราะมีปัญหาเล็กน้อยต้องการให้ข้าช่วยเหลือ”ฉู่อ๋องในหนังสือไม่ได้แต่งงาน ยิ่งไปกว่านั้นอวิ๋นอ๋องเองก็เตือนนางอย่าได้คิดเลยเถิดเกินไป นางจะปล่อยให้คนในครอบครัวเข้าใจผิดไม่ได้ ประเดี๋ยวจะเกิดปัญหายุ่งยากซ่งจืออวี้สีหน้าสงสัย “ฉู่อ๋องยอดเยี่ยมเพียงนั้น แม้แต่ปัญหาที่เขาแก้ไม่ได้ เจ้าจะสามารถแก้ได้หรือ?”“พี่สาม ท่านดูเบาข้ารึ?”ซ่งจืออวี้ส่ายหน้า แต่สีหน้ากลับเขียนว่าไม่เชื่อ “ในเมืองหลวงใครบ้างไม่รู้ความสามารถของฉู่อ๋อง? ได้ยินมาว่าคนมีความสามารถติดตามเขาเองก็ไม่น้อย แต่...คงไม่ใช่วิชาเต๋ากระมัง?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “เกี่ยวข้องกับสกุลไป๋”“สกุลไป๋?” หลิ่วหรูเยียนเข้าใจขึ้นมาในทันใด “ระยะก่อนข้าเองก็เคยได้ยินฮูหยินเหล่านั้นเอ่ยถึง พูดว่าน่าตกใจมาก เจินเอ๋อร์ จะเป็นอันตรายหรือไม่?”“ท่านแม่วางใจได้ จะต้องไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินโบกมือ นางเป็นถึงเจ้าสำนักสำนักเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เรื่องเล็กแค่นี้ทำร้ายนางไม่ได้“พูดถึงคุณชายใหญ่สกุลไป๋ ข้ากลับเคยพบมาก่อน เขามีความสามารถมาก เพียงน่าเสียดายไม่ไ
ณ จวนสกุลไป๋หลังซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงลงจากรถม้า มองปราดเดียวก็มองเห็นไป๋จื่อมู่กำลังยืนรออยู่ด้านนอกฝ่ายชายสวมชุดสีฟ้าอ่อน เส้นผมดำดุจกาถูกมัดไว้ด้วยแถบผ้าสีเดียวกัน ปอยผมพลิ้วไหวตามสายลม เผยความบริสุทธิ์อ่อนโยนเขาก็คล้ายภูผาสูงสายน้ำไหล เจือกลิ่นอายของบทกวี รัศมีสูงสง่าบริสุทธิ์ บางทีนี่อาจเป็นเสน่ห์ดั่งในท้องมีบทกวีมีความสง่างามด้วยตนเอง“ดังคาด ชายหล่อเหลาในยุคสมัยโบราณมีมากเหลือเกิน...”ซ่งรั่วเจินสลดใจอย่างอดไม่ได้ หลังตนเองทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ไม่เพียงกินดื่มโดยไร้กังวลภายในสกุลซ่ง ยังได้เห็นชายหล่อเหลาคนแล้วคนเล่า คุณชายไป๋ตรงหน้านี้ก็เป็นของชั้นเลิศพบเห็นได้ยากยิ่ง ช่างเป็นวาสนาต่อสายตาโดยแท้“เจ้าพูดว่าใครเป็นชายหล่อเหลา?”ฉู่จวินถิงได้ยินไม่ชัดเจนซ่งรั่วเจินพูดว่าอะไร ได้ยินเพียงชายหล่อเหลาสามพยางค์นี้ สายตาเลื่อนมองทางไป๋จื่อมู่อย่างไม่รู้ตัวคนผู้นี้สวมชุดสีฟ้า ท่วงท่าสง่างามดุจสายลมเป็นปกติดังเดิม เพียงแต่บัดนี้เขามองดูแล้วกลับรู้สึกไม่ถูกชะตาอยู่บ้าง“หม่อมฉันพูดว่าคุณชายไป๋และท่านอ๋องล้วนเป็นชายหล่อเหลาเพคะ”ซ่งรั่วเจินหัวเราะ ลอบรังเกียจตนเอง เหตุใดไม่ร
ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงล้วนสังเกตเห็นแผลบนหน้าผากของไป๋จวิ้นอวี่ พันผ้าไว้มองดูแล้วร้ายแรงเป็นพิเศษ“พี่ใหญ่ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ได้รับบาดเจ็บก็ช่างเถอะ ท่านอย่าพาฉู่อ๋องเข้าไปเป็นอันขาด หากได้รับบาดเจ็บจะทำเช่นไร?” ไป๋จวิ้นอวี่ตำหนิอย่างอดไม่ได้ไป๋จื่อมู่ขมวดคิ้วแน่น เขาอยู่ที่บ้านชินชากับการใช้คำพูดเช่นนี้มากดดันตนของไป๋จวิ้นอวี่แล้ว นึกถึงเมื่อแรกยังนับว่าไว้หน้า บัดนี้กำเริบเสิบสาน นับว่าฉีกหน้ากันแล้ว“ข้ากำลังคิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจจึงตั้งใจมาเป็นพิเศษ”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงเยียบเย็น ทันใดนั้นทำให้ไป๋จวิ้นอวี่เงียบปากลงในทันใดเขาเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ เผชิญหน้ากับเรื่องพรรค์นี้ไม่สมควรหลีกเลี่ยงหรอกหรือ? เหตุใดฉู่อ๋องจึงตั้งใจมาดูเล่า?อาศัยช่วงเวลาทุกคนกำลังพูดคุย ซ่งรั่วเจินมองเรือนอึมครึมมืดมน สลดใจอย่างสุดระงับไอแค้นฝังลึกเพียงนี้ คาดการณ์ว่ามีมาหลายปีแล้วคนปกติอยู่ที่นี่ได้ไม่เกินสามวันก็ต้องเกิดเรื่อง ตรงข้ามกันไป๋จื่อมู่ท่าทางธรรมดา กลับไม่มีพลังชั่วร้ายรอบกายแม้แต่น้อยผิดกับไป๋จวิ้นอวี่ เมื่อหลายวันก่อนเข้าไปเพียงเที่ยวเดียว จุดอิ้นถังก็เริ่มดำ ดว
ชั่วขณะมือของซ่งรั่วเจินสัมผัสสตรีชุดแดง ภาพเหตุการณ์ในชีวิตแต่ละภาพก็ผ่านตาอย่างรวดเร็วเริ่มจากนางดีใจที่ได้แต่งงานกับไป๋เฉิงหง ต้องการคลอดลูกชายลูกสาวให้เขา จนถึงตอนนี้ที่พบว่าทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเท็จบัณฑิตหน้าขาวที่นางชอบเป็นเรื่องเท็จ แต่งงานกราบไหว้ฟ้าดินเป็นเรื่องเท็จ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องหลอกลวงที่ไป๋เฉิงหงแต่งขึ้นนางที่กำลังตั้งครรภ์ถูกพามาที่สกุลไป๋ นี่ถึงรู้ว่าไป๋เฉิงหงเป็นคุณชายใหญ่สกุลไป๋ แต่งงานตั้งนานแล้ว ส่วนนางเป็นเพียงอนุที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ภายนอกคนหนึ่งหลังอวี้เยว่หลิงถูกพากลับบ้านก็ได้รับการเลี้ยงดูอาศัยอยู่ภายในเรือนแห่งนี้ นางเคยคิดจากไป ทั้งยังเคยอ้อนวอนไป๋เฉิงหงหลายครั้ง กลับได้รับคำหลอกลวงและปลอบใจครั้งแล้วครั้งเล่าจากเขาสุดท้าย ลูกก็คลอดออกมานางอยากพาลูกจากไป ถึงขั้นอยากไปขอให้ไป๋ฮูหยินรับปาก กลับพบว่าลูกกลายเป็นคุณชายใหญ่ ส่วนแม่มิใช่นางนางถึงรู้ว่า...ที่แท้ไป๋ฮูหยินหลี่ว์เหวินซิ่วและไป๋เฉิงหงแต่งงานกันมาสามปีแต่ไม่มีลูกมาโดยตลอด ไป๋เฉิงหงถึงออกตามหานางจากภายนอกหลี่ว์เหวินซิ่วรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ตัดสินใจให้นางช่วยคลอดลูกออกมาคนหนึ
“นางมองข้าด้วยสายตาอันอ่อนโยน เป็นความรักความห่วงใยจากผู้ใหญ่ที่ข้าไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่ไม่นานนัก ท่านแม่ของข้าก็พบเข้า ไม่เพียงแค่ตำหนิข้าอย่างรุนแรง ยังสั่งห้ามข้าไม่ให้มาอีก”“นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นท่านแม่ดุถึงเพียงนั้น อีกทั้งยังโดนโบย ในคืนนั้นข้าก็ป่วยเป็นไข้สูง หลังจากฟื้นตัว ข้าพยายามถามแม่นม และเคยถามเหล่าบ่าวไพร่เช่นกัน”“ทุกคนล้วนกล่าวว่าในจวนนี้ไม่มีอี๋เหนียง คงเป็นเพราะข้าตัวร้อนจนสับสน คิดไปเองว่าฝันเป็นความจริง”ใบหน้าของไป๋จื่อมู่แสดงอารมณ์สับสน ความทรงจำในครั้งนั้นยังคงฝังลึก ราวกับไม่ใช่เพียงแค่ความฝัน แต่เมื่อเขาเติบโตขึ้นและกลับมาที่นี่อีกครั้ง ก็พบเพียงเรือนที่รกร้าง ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่สักคนนานวันเข้า แม้แต่เขาเองก็เริ่มเชื่อว่าเรื่องราวทั้งหมดอาจเป็นเพียงความฝัน“แต่เดิมข้าไม่ได้พำนักอยู่ที่นี่ เพียงเพราะน้องชายคนรองร่ำร้องอยากได้เรือนของข้า ท่านพ่อจึงให้ข้าย้ายไปหาเรือนใหม่”“ข้าก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงนึกถึงเรือนนี้ จึงสั่งให้คนซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนจะย้ายเข้ามาอาศัยอย่างสบายใจ แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ กลับเกิดเหตุประหลาดขึ้นมากมาย”“ท่านแม่และน้องชายทั
“จะเป็นไปได้อย่างไร?”ไป๋จื่อมู่ยืนตะลึงงันอยู่ที่เดิม ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ“แม่นางซ่งเอ่ยเช่นนี้ คงไม่ใช่เรื่องเท็จแน่ ลองคิดให้ดีเถิด ตลอดหลายปีที่เจ้าพำนักอยู่ร่วมกับไป๋ฮูหยิน เจ้าไม่เคยรู้สึกถึงความผิดแปลกแม้สักนิดเลยหรือ?” ฉู่จวินถิงเอ่ยถามด้วยเสียงหนักแน่นซ่งรั่วเจินหันไปมองชายหนุ่มข้างกายด้วยความประหลาดใจ เรื่องที่น่าตกตะลึงถึงเพียงนี้ เขากลับเชื่อโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยเลยหรือ?ไป๋จื่อมู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความไม่แน่ใจ “แม่นางซ่ง ที่เจ้ากล่าวมาทั้งหมดเป็นความจริงหรือ?”“เรื่องเช่นนี้ข้าไม่กล่าวความเท็จกับท่านหรอก” ซ่งรั่วเจินพยักหน้าอย่างหนักแน่น“ข้าเข้าใจแล้ว” ไป๋จื่อมู่ยิ้มเยาะตนเอง รอยยิ้มที่ปรากฏนั้นแฝงไว้ด้วยความเศร้าสร้อย “แท้จริงแล้ว ข้ารู้ตั้งแต่ยังเยาว์ว่าท่านแม่รักน้องชายทั้งสองมากกว่า ข้าไม่เคยได้รับความใส่ใจเท่าพวกเขา”“ทุกคนล้วนบอกว่าเป็นเพราะข้าเป็นบุตรชายคนโต จำต้องแบกรับหน้าที่ในการสร้างความรุ่งเรืองให้แก่ตระกูล จึงต้องเข้มงวดกับข้าเป็นพิเศษ...”ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยสงสัย แต่ทุกคนรอบตัวต่างยืนกรานว่าความคิดของเขานั้นผิดไปพวกเข
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที