“ไป๋ฮูหยิน!” ฉู่จวินถิงเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “ในเมื่อท่านมิใช่มารดาแท้ๆ ของจื่อมู่ การที่เขาพูดถึงมารดาผู้ล่วงลับ ท่านก็ไม่มีความจำเป็นต้องพูดแทรก”หลี่ว์เหวินซิ่วที่กำลังจะกล่าวตำหนิไป๋จื่อมู่ต่อ เมื่อถูกฉู่จวินถิงตักเตือนขึ้นมา นางก็สะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจหากเป็นวันอื่น นางคงไม่กล้าพูดมากต่อหน้าฉู่อ๋อง แต่วันนี้เป็นเรื่องภายในของตระกูลไป๋ ต่อให้ฉู่อ๋องจะมีอำนาจสูงส่งเพียงใด ก็ไม่อาจแทรกแซงเรื่องครอบครัวได้“ท่านอ๋อง เรื่องนี้เป็นเรื่องในจวนของพวกเรา…” หลี่ว์เหวินซิ่วเอ่ยอย่างลังเล“ก็เพราะเป็นเรื่องของตระกูลไป๋ ข้าจึงไม่ได้พูดมากกว่านี้ มิเช่นนั้นไป๋ฮูหยินคิดหรือว่าการกระทำที่ไร้มารยาทเช่นนี้จะยังยืนอยู่ที่นี่ได้?”ฉู่จวินถิงกวาดตามองหลี่ว์เหวินซิ่วด้วยสายตาเย็นชา ดวงตาที่เยือกเย็นของเขาแฝงด้วยความเคร่งขรึมและดุดันหลี่ว์เหวินซิ่วถึงกับพูดไม่ออก นางรีบปิดปากเงียบในทันที นึกในใจว่าอำนาจและบารมีของฉู่จวินถิงช่างน่ากลัวเหลือเกิน ไม่รู้ว่าไป๋จื่อมู่ไปทำบุญด้วยอะไร ถึงได้ติดตามรับใช้ฉู่อ๋องเมื่อไป๋โหวเดินเข้ามาใกล้และเห็นจดหมายในมือของไป๋จื่อมู่ รวมถึงสิ่งของในกล่อง เขาก็เริ่มน้
หลี่ว์เหวินซิ่วสังเกตเห็นซ่งรั่วเจินตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นใด เพียงเพราะรูปลักษณ์ของนางที่โดดเด่นจนยากจะมองข้ามแม้นางจะไม่รู้จักซ่งรั่วเจิน แต่เมื่อเห็นว่าซ่งรั่วเจินอยู่เคียงข้างฉู่อ๋อง ก็พอคาดเดาฐานะของนางได้ไม่ยาก เพียงแค่สตรีที่ใช้ความงามเพื่อรับใช้ผู้คน แต่กลับกล้าสอดมือเข้ามาในเรื่องของตระกูลไป๋เช่นนี้หรือ?“แม่นาง คำพูดของเจ้าหมายความว่าอย่างไร?”“ไป๋ฮูหยิน ท่านรู้ดีว่าตนเองเคยทำอะไรลงไป หากไม่ใช่เพราะคำโกหกและการใส่ร้ายป้ายสีของท่านในตอนนั้น มารดาของคุณชายไป๋ก็คงไม่ต้องตายอย่างทุกข์ทรมานเช่นนี้”หลี่ว์เหวินซิ่วสีหน้าถอดสี “เจ้ารู้อะไรถึงได้พูดจาเหลวไหลเช่นนี้!”ซ่งรั่วเจินไม่สนใจกับความโกรธของหลี่ว์เหวินซิ่ว “ไป๋ฮูหยิน ข้าขอเตือนด้วยความหวังดี หน้าผากท่านดำคล้ำ ดวงตาลึกโบ๋ ช่วงนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการตายของคน ทำให้วิญญาณอาฆาตตามทวงชีวิต”“หากไม่แก้ไขโดยเร็ว ภายในสามวันท่านคงไม่รอด”“ส่วนเรื่องที่ท่านอ้างว่าป่วยเพราะเรือนของคุณชายไป๋ส่งผลร้ายต่อท่านนั้น ล้วนเป็นคำพูดเหลวไหล บาปกรรมที่ท่านก่อขึ้นต่างหากที่ทำให้ท่านต้องรับผลเช่นนี้”“คนตายหรือ?”ทุกคนในที่นั
ไป๋จื่อมู่ขมวดคิ้วแน่น แม่นมสวีเป็นคนที่ปฏิบัติต่อเขาดีมาโดยตลอด การจากไปอย่างกะทันหันของนางทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ เขาจึงพยายามสืบหาความจริงเพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่ได้รายละเอียดที่มีประโยชน์อะไร“ก็แค่แม่นมคนหนึ่งเท่านั้น นางอยู่ในเรือนของท่านแม่ ข้าก็แปลกใจที่นางป่วยและตายกะทันหัน แต่เพราะสภาพศพของนางน่ากลัวมากและนางยังทิ้งคำสั่งเสียไว้ก่อนตาย ท่านแม่จึงสั่งให้ทำเช่นนั้น มีอะไรแปลกตรงไหน?”ไป๋จวิ้นอวี่รีบพูดออกมา อยากจะกล่าวหาซ่งรั่วเจินว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋น แต่คำพูดยังไม่จบก็เห็นสายตาเย็นชาของฉู่อ๋อง คำพูดเหล่านั้นก็ถูกกลืนกลับไปทันทีเขาไม่กล้ากล่าวหาแขกคนสำคัญของฉู่อ๋อง มิเช่นนั้นหากทำให้ฉู่อ๋องพิโรธขึ้นมา ผลลัพธ์ที่ตามมาเขาย่อมรับไม่ไหว“พี่ใหญ่ แม้ท่านจะโกรธท่านแม่เพราะเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ควรปั้นเรื่องขึ้นมาเพื่อกล่าวหาท่านแม่นะ!”“ท่านแม่เป็นคนมีเมตตา จู่ๆ ท่านแม่จะไปฆ่าแม่นมสวีทำไม?”ไป๋จวิ้นอวี่ไม่กล้ากล่าวโทษซ่งรั่วเจิน แต่กลับไม่กลัวที่จะต่อกรกับไป๋จื่อมู่ในเมื่อเรื่องชาติกำเนิดของไป๋จื่อมู่ถูกเปิดเผยแล้ว เขาก็อยากทำให้เรื่องบานปลายยิ่งขึ้น เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าจื่อมู่
แม่ลูกคู่นี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่มีโอกาสได้พบกันและพูดคุยกันอย่างจริงจัง คงเป็นเรื่องที่อวี้เยว่หลิงเสียใจที่สุดส่วนการคลี่คลายพลังอาฆาตและส่งอวี้เยว่หลิงไปเกิดใหม่ ค่อยพูดคุยกันหลังจากที่แม่ลูกได้พบกันแล้ว วันนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก“ขอบคุณแม่นางซ่งมาก”ไป๋จื่อมู่รับธูปดอกนั้นด้วยความขอบคุณ ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับลูกชายตระกูลต่ง ซึ่งเล่ากันอย่างน่าอัศจรรย์ แต่ว่าในใจเขายังไม่ปักใจเชื่อเต็มที่ว่าจะเป็นความจริงแต่ในเวลานี้ เมื่อได้ธูปนี้มา ความคาดหวังก็เกิดขึ้นในใจอย่างท่วมท้นหากเขายังมีโอกาสได้พบกับท่านแม่อีกครั้ง นั่นคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด!ไป๋เฉิงหงที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาก็สว่างวาบ รีบถามออกมาทันที “แม่นางซ่ง ข้าขอธูปสักดอกได้หรือไม่?”ซ่งรั่วเจินเหลือบมองไปที่อวี้เยว่หลิง เห็นนางส่ายศีรษะเบาๆ นางจึงตอบว่า “นางไม่อยากพบท่าน”ไป๋เฉิงหงรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของซ่งรั่วเจิน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ “นางอยู่ที่นี่หรือ? เจ้าเห็นนางได้หรือ?”“เจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินไม่ปฏิเสธดวงตาของไป๋เฉิงหงเริ่มแดงก่ำ “แม่นางซ่ง ข้าขอร้องเถิด ให้ข้าได้พบหน้า
บนรถม้า ฉู่จวินถิงมองสำรวจหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ แววตาดำขลับลึกล้ำแฝงความสงสัยอยู่หลายส่วน“ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าหากไป๋ฮูหยินไม่พูดความจริง ภายในสามวันนางจะต้องตาย นั่นเป็นเรื่องจริงหรือ?”“ท่านอ๋องคิดว่าข้าจงใจพูดลวงหรือ?” ซ่งรั่วเจินยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับถามกลับ“เวลาสอบสวนผู้ต้องหา บางครั้งก็ใช้วิธีการหลอกลวง หากใช้อย่างเหมาะสมก็อาจได้ผลดี แต่จากที่ข้ามองดูสิ่งที่เจ้าพูดมา ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องโกหก”ฉู่จวินถิงที่ได้เห็นซ่งรั่วเจินคำนวณด้วยนิ้วมือและสามารถล่วงรู้ความลับในตระกูลไป๋มากมายเช่นนั้น ก็ยิ่งรู้สึกว่าสตรีผู้นี้เป็นผู้มีความสามารถอย่างแท้จริงความสามารถเช่นนี้ หากนำไปใช้ในด้านอื่นก็คงมีประโยชน์มากทีเดียว“ท่านอ๋องเคยได้ยินคำว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วหรือไม่เพคะ? ไม่ใช่ว่าจะไม่โดนกรรมตามสนอง เพียงแค่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น”“ไป๋ฮูหยินเดิมทีก็ก่อกรรมไว้มากมาย นางทำลายชีวิตของอวี้เยว่หลิงเพื่อรักษาตำแหน่งของตนเอง และเพื่อให้บุตรชายของนางได้สืบทอดบรรดาศักดิ์ นางจึงวางแผนจะฆ่าคุณชายไป๋”“แม่นมสวีมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอวี้เยว่หลิง นางได้รับคำฝากฝังให้มาที่จวนตระกูลไป๋
“จริงหรือ?” ซ่งรั่วเจินประหลาดใจ “เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ!”“ไป๋โหวสมควรโดนอยู่แล้ว” ฉู่จวินถิงแววตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง “ทำร้ายสตรีบริสุทธิ์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน เขาอยากรับอนุภรรยาให้กำเนิดทายาท มีคนมากมายที่ยินดี แต่กลับมาทำร้ายคนอื่นเช่นนี้”“ข้าคิดว่าอวี้เยว่หลิงไม่ควรให้อภัยเขา ไป๋ฮูหยินย่อมน่าแค้นใจ แต่คนที่ทำทุกอย่างคือไป๋โหว”“เจ้าให้ไป๋โหวไปคืนนี้ เพราะคิดว่าอวี้เยว่หลิงจะยอมพบเขางั้นหรือ?”“พูดยากเพคะ” ซ่งรั่วเจินมีท่าทางครุ่นคิด “อวี้เยว่หลิงแค้นเคืองไป๋โหว แต่คนที่นางเป็นห่วงคือคุณชายไป๋”“ส่วนไป๋โหว ชั่วชีวิตนี้ไม่ต้องพบกันอีก ปล่อยให้เขาสำนึกเสียใจไปตลอดกาลก็ดีเหมือนกัน”“แต่ท่านอาจไม่ทราบ ผีบางตนตอนยังมีชีวิตก็มีนิสัยตรงไปตรงมา ผีบางตนพอตายไปแล้วถึงค่อยปลงตก”“ถ้านางเจอคุณชายไป๋แล้วเกิดปลงตก อยากด่าไป๋โหวหนักๆ สักครั้ง หรือข่มขู่ให้ไป๋โหวดูแลคุณชายไป๋ดีๆ มิฉะนั้นแล้วจะเอาชีวิตเขาเล่า?”“เรื่องนี้ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ถึงอย่างไรก็เกิดเรื่องกับหลี่ว์เหวินซิ่วแล้ว ไป๋โหวจะต้องหวาดกลัวจนเสียขวัญอย่างแน่นอน พวกไป๋จวิ้นอวี่สองคนนั้นคิดจะก้าวข้ามคุณชายไป๋ย่อมเป็นไปไม่ไ
“เหยาฮูหยิน วันนี้พวกข้าตั้งใจมาเยี่ยมชิงอิน ในอดีตลูกชายข้าผิดต่อชิงอินจริงๆ ตระกูลลั่วจะต่อว่าพวกข้าเช่นไร พวกข้าล้วนยอมรับ”“แต่ตระกูลซ่งของข้าไม่ได้ผิดต่อตระกูลเหยา ระหว่างเยี่ยนโจวกับคุณชายเหยาก็ไม่มีความขัดแย้งใดต่อกัน ท่านไม่จำเป็นต้องมาตำหนิติติงเช่นนี้ พวกข้าก็ไม่มีทางยอมด้วย”หลิ่วหรูเยียนได้ยินวาจาเสียดสีของสวี่ซืออี้ก็มีสีหน้าไม่พอใจตระกูลลั่วตำหนิพวกตนเป็นเรื่องชอบด้วยเหตุผล แต่ตระกูลเหยามาตำหนิก้าวล่วงกันเช่นนี้ออกจะน่าขันเกินไปแล้วสวี่ซืออี้หน้าเปลี่ยนสี “ท่าทีของพวกท่านหมายความว่าอย่างไรกันแน่? เห็นได้ชัดว่าพอหย่าร้างก็หันมาหมายตาชิงอิน”“จงใจก่อกวนการพบกันระหว่างลูกชายข้ากับชิงอิน ใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ พวกท่านก็ยังไม่ยอมรับอีก?”“เหยาฮูหยิน ตระกูลต่งเชิญพวกข้าไปร่วมงานเลี้ยงชมดอกท้อ พวกข้าไปร่วมไม่เหมาะสมตรงไหน?” ซ่งเยี่ยนโจวถามกลับหลิ่วหรูเยียนยังกล่าวว่า “ถ้าชิงอินหมั้นหมายกับครอบครัวพวกท่านแล้ว พวกข้ามาคราวนี้ย่อมไม่เหมาะสม แต่ชิงอินยังไม่ได้หมั้นหมายกับพวกท่าน”“กุลสตรีดีพร้อมเป็นที่ใฝ่ปองของวิญญูชน ต่อให้ลูกชายข้ามีใจเช่นนั้นจริงก็ไม่เกี่ยวอันใดกับพวก
เหยาจิ่นเฉิงตวัดสายตามองซ่งเยี่ยนโจว “สมัยที่ยังแข็งแรงไม่พิการก็ทำผิดต่อชิงอิน ตอนนี้กลายเป็นคนพิการไม่มีโอกาสยืนขึ้นมาได้อีกแล้ว ยังจะมาทำให้นางเสียเวลาชีวิตอีก”“ซ่งเยี่ยนโจว ชิงอินติดค้างอะไรเจ้ากันแน่ เจ้าถึงได้เอาแต่ทำร้ายนางครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้?”“ขาของข้าสามารถรักษาให้หายดีได้ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเป็นห่วง” แววตาซ่งเยี่ยนโจวเย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง “กลับเป็นเจ้าเสียอีก ได้ยินว่าตอนภรรยาคนก่อนเสียชีวิต บนตัวมีบาดแผลอยู่หลายแห่งเลยนี่” ใบหน้าเหยาจิ่นเฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?”สวี่ซืออี้ก้าวเข้ามาขวางเหยาจิ่นเฉิงไว้ข้างหลัง หัวเราะเยาะเอ่ยว่า “ซ่งฮูหยิน ถึงพวกท่านริษยาจิ่นเฉิงก็ไม่ควรปั้นน้ำเป็นตัวมาใส่ร้ายกันแบบนี้ จะต่ำช้าเกินไปแล้ว!”“ความจริงเป็นอย่างไรย่อมสามารถตรวจสอบได้ไม่ช้าก็เร็ว” ซ่งเยี่ยนโจวสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เขาหันไปทางเยี่ยนชิงอวี้ “ท่านป้า หวังว่าท่านจะตรวจสอบให้ดี อย่าให้ชิงอินแต่งให้ผิดคน”เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “คุณชายเหยาดีต่อภรรยาคนก่อนอย่างมากมาโดยตลอด เรื่องนี้ทุกคนล้วนทราบดี”“ท่านแม่ เรื่องที่เหยาจิ่นเฉิงทำให้หวงโต้วตาย ท่านลืมไปแล้ว
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที