เห็นฉู่จวินถิงจริงจังถึงเพียงนั้น หลิ่วหรูเยียนย่อมตกตะลึงอย่างไม่ต้องสงสัยความจริงด้วยฐานะของฉู่จวินถิง ถ้าเขาต้องการแต่งงานกับเจินเอ๋อร์ แค่ขอพระราชทานสมรสจากฝ่าบาท พวกตนก็ไม่อาจปฏิเสธได้แล้วยามนี้ท่าทีของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจอย่างถึงที่สุด เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะใช้อำนาจข่มเหงรังแกคนอื่น ทำให้นางเบาใจลงหลายส่วน“ข้าพึงใจรั่วเจิน แต่ไม่มีความคิดจะกดดันบังคับ หากวันหนึ่งนางยอมรับข้า ข้าย่อมยินดี ถ้านางยังไม่ยอมรับข้าหนึ่งวัน ข้าก็จะตามขอความรักต่อไปอีกวัน”“หากสุดท้ายนางยังคงไม่ยินดี ข้าก็จะไม่บังคับ”ดวงตาลึกล้ำของฉู่จวินถิงฉายแววจริงจัง ในเมื่อตัดสินใจไปแล้วก็อยากบอกให้ตระกูลซ่งรับทราบความตั้งใจของเขามิฉะนั้น ต่อไปทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวขึ้นข้างกายรั่วเจินแล้วทำให้ตระกูลซ่งต้องคอยหวาดหวั่นตลอดเวลาก็ย่อมไม่เหมาะสมนัก“ท่านอ๋องมีใจเช่นนี้เป็นวาสนาของตระกูลซ่งของพวกข้ายิ่งนัก แต่เรื่องที่เจินเอ๋อร์เคยประสบมาในอดีต ท่านอ๋องเองก็ทราบ เป็นหม่อมฉันกับนายท่านที่ดูคนผิดไป”“ดังนั้น หลังจากถอนหมั้นเป็นต้นมาก็บอกไว้ว่าเรื่องแต่งงานจะให้เจินเอ๋อร์ตัดสินใจด้วยตนเอง”หลิ่วหรูเยียนก็พูด
“ข้ากับท่านอ๋องรู้จักกันได้มินานนัก หากจะพูดถึงเรื่องแต่งงานอย่างไรก็เร็วเกินไป ทว่าข้ารู้ว่าเขาเป็นคนดี และข้าก็ไม่ได้รังเกียจที่จะไปมาหาสู่กับเขา”ซ่งรั่วเจินกล่าวความคิดของตนออกไปตามตรง ต้องยอมรับจริงๆ ว่าเมื่อเผชิญหน้ากับฉู่จวินถิง ชายผู้ที่ไม่ว่าจะเป็นรูปโฉม นิสัยใจคอตลอดจนกระทั่งสถานะทางสังคมก็ล้วนเป็นเลิศเหนือผู้ใด น้อยคนนักที่จะมีหญิงสาวผู้ใดไม่หวั่นไหวในช่วงหลายปีมานี้นางก็ไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวต่อชายใดมาก่อน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่จวินถิงแล้ว ใจของนางก็ไม่อาจสงบนิ่งไร้ความเคลื่อนไหวได้เลยเพียงแต่นางอดประหลาดใจไม่ได้ ทั้งๆ ที่เดิมทีเนื้อหาในนิยายเขาเป็นกษัตริย์เดียวดาย ชั่วชีวิตหาได้มีเส้นหัวใจวาสนาใดในรัก ทว่าบัดนี้กลับมาชอบพอนางเข้าเสียได้เมื่อได้ฟังแล้ว ทุกคนเพียงมองสบสายตากันก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีในเมื่อไม่ได้ต่อต้านรังเกียจ เช่นนั้นไปมาหาสู่กันต่อไปก็ใช่ว่าจะไร้โอกาสพัฒนาความสัมพันธ์จนได้ตกล่องปล่องชิ้น“เช่นนั้นก็อย่าเพิ่งคิดให้มากความ เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับทั้งชีวิต จะให้เร่งร้อนไปมิได้” ซ่งเยี่ยนโจวกล่าวเขาเคยพลาดแต่งงานเป็นฝั่งเป็
ทันใดนั้น ซ่งจืออวี้ก็ลืมตัว ไม่สนแม้สักนิดว่าตนยังยืนอยู่นอกร้าน ปากก็กินไปพร่ำกล่าวชมไป “น้องหญิงห้า ไก่ทอดนี่เป็นไก่ที่อร่อยที่สุดเท่าที่ข้าเคยกินมาเลย! ไยเจ้าจึงได้เฉลียวฉลาดเยี่ยงนี้ อาหารที่ทำออกมาถึงได้รสเลิศถึงเพียงนี้ได้!”ซ่งจิ่งเซินเหลือบมองพี่สามที่กินอย่างตะกละตะกลามด้วยสายตารังเกียจ “พี่สาม ท่านกินเสียขนาดนี้ไม่กลัวแขกตกใจเอาหรืออย่างไร เข้าไปกินข้างในเถิด”ซ่งจืออวี้เองก็รู้ตัวว่าตนมีนิสัยกินมูมมาม พอโดนซ่งจิ่งเซินพูดเช่นนี้อยากจะเถียงกลับ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของน้องหญิงห้า เขาจึงเกิดรู้สึกกระดากใจขึ้นมาบ้าง“ก็ได้ ข้าจะเข้าไปกินข้างใน”แต่แล้วซ่งรั่วเจินกลับยกมือห้าม “ไม่ต้องหรอก พี่สามกินเอร็ดอร่อยถึงเพียงนี้ ผู้อื่นเห็นก็จะได้รู้ว่าอร่อยแน่ๆ พี่สามถือเป็นผู้ช่วยประชาสัมพันธ์เลยทีเดียวล่ะ”ฟังคำแล้วซ่งจืออวี้ก็ชะงักไป ก่อนจะเพิ่งสังเกตเห็นว่ากลุ่มคนโดยรอบกำลังจ้องมองมายังเขา ในตอนนั้นก็มีคนเดินเข้ามา“ไก่ทอดนี่ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน แต่ดูเขากินเสียเอร็ดอร่อยเชียว รสชาติเป็นต้องดีมากแน่ ข้าขอซื้อหนึ่งชุด!”“ข้าก็ขอซื้อไปลองชิมด้วยอีกชุด!”เมื่อผู้คนได้ซื้อไก่ทอ
ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ เรื่องราวจะเกิดพลิกผันได้ถึงเพียงนี้?“นี่เป็นเรื่องของข้า เจ้าจะถามไปไย? หากไม่มีเหตุธุระใดเจ้าก็กลับไปเสียเถอะ” ถังเสวี่ยหนิงมีน้ำเสียงเย็นชา ตั้งแต่เกิดเรื่องขายหน้าในจวนเซียงอ๋องเมื่อครานั้น สองวันมานี้นางก็ไม่ได้ออกจากจวนไปพบเจอผู้ใดอีกเลย ด้วยกลัวจะถูกหัวเราะเยาะตอนนี้ที่เถียนเจียวเจียวถ่อมาหาถึงที่เพื่อถามก็เหมือนจะมาซ้ำเติมกันเสียมากกว่าเถียนเจียวเจียวมีความคิดเยาะเย้ยอยู่บ้างในจิตใจ ก่อนหน้านี้ได้รู้ว่าถังเสวี่ยหนิงมีวาสนาที่ดีเช่นนั้นจะบอกว่านางไม่อิจฉาก็จะเป็นการโกหก ทว่าบัดนี้เมื่อหมั้นหมายสมรสถูกยกเลิกไปแล้ว ในฐานะเพื่อนนางก็รู้สึกเห็นใจอยู่เช่นกัน “ข้าย่อมต้องเป็นห่วงเจ้าอยู่แล้วสิ เรื่องที่เกิดในจวนเซียงอ๋องข้าก็ได้ยินมาหมดแล้ว เรื่องถอนหมั้นนี้จะอย่างไรก็คงไม่แคล้วเกี่ยวข้องกับซ่งรั่วเจินเป็นแน่”“ก่อนนี้พวกเราล้วนประเมินนางต่ำจนเกินไป เดิมทีคิดว่าเมื่อนางถูกถอนหมั้นหมายตอนอายุไม่น้อยแล้วจะต้องไร้หนทางสู้รบปรบมือใดได้เป็นแน่ นึกไม่ถึงว่านางจะมากเล่ห์ได้ถึงเพียงนี้!”เถียนเจียวเจียวพูดด้วยสีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์ “ข้าได้ยินมาว่าไม่เพียงฉู่อ๋อ
สกุลฉินกัวเยว่หลินมองหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งปรากฏตัวอยู่นอกเรือนด้วยเรือนคิ้วขมวดมุ่น กลับมาได้แค่เพียงไม่กี่วันแท้ๆ นางก็เผอิญเจอเหอเซียงหนิงไม่รู้ตั้งกี่ครั้งเข้าไปแล้วแต่ไหนแต่ไรนางก็ดูแคลนสตรีเช่นนี้ เรื่องที่ฉินซวงซวงคบชู้สู่ชายก็มากพอให้คนรังเกียจอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหอเซียงหนิงที่ไปเกลือกกลั้วกับพวกขอทาน แค่เห็นบ่อยครั้งเข้าก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว“แม่นางเหอ เห็นแก่ที่เจ้ามีฐานะเป็นสหายของซวงซวง ข้ายอมให้เจ้าอาศัยอยู่ในจวนก็นับว่ายอมให้มากแล้ว แต่เหตุใดเจ้าจึงต้องมาวนเวียนใกล้เรือนของข้าบ่อยนักเล่า?”เรือนคิ้วกัวเยว่หลินขมวดมุ่น ก็ไม่รู้เพราะเหตุใด เพียงนางได้เจอะเจอหน้าเหอเซียงหนิงก็จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทุกที โดยเฉพาะเมื่อสตรีผู้นี้คล้ายจะกำลังจงใจให้ท่า มิใช่ว่าอยากจะยั่วยวนท่านพี่ของนางหรอกหรือ?เหอเซียงหนิงสะดุ้งโหยง รีบร้อนเอ่ยอธิบาย “ข้า...ข้าก็เพียงผ่านมาแถวนี้โดยบังเอิญเท่านั้น”ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้นางและฉินจื้อหย่วนก็เข้ากันได้ดี นางคิดว่าหากใช้โอกาสนี้ตั้งครรภ์เสียหรือให้เวลานางมากอีกหน่อย ก็คงสามารถทำให้ฉินจื้อหย่วนลุ่มหลงเชื่อฟังจนยอมรับนางเป็นส่วนหนึ่งขอ
เหอเซียงหนิงเองก็คับแค้นใจ แต่บัดนี้ในสถานการณ์ที่นางไร้ซึ่งที่พึ่งใดๆ ก็ทำได้เพียงแต่กัดฟันทน นางกล่าว “ซวงซวง เมื่อสองวันก่อนข้าพบเถียนเจียวเจียว ข้าได้เล่าให้นางฟังตามที่เจ้าสั่งแล้ว ว่าทุกสิ่งที่ข้าต้องเจอล้วนเป็นเพราะฝีมือของซ่งรั่วเจิน”“นางดูจะเห็นอกเห็นใจข้าไม่น้อย ยังบอกอีกว่าจะช่วยบอกถังเสวี่ยหนิงให้ร่วมด้วยช่วยกันคิดหาวิถีทางเอาผิดซ่งรั่วเจินให้จงได้!”ฟังคำแล้ว ใบหน้าของฉินซวงซวงก็ผุดพรายรอยยิ้มออกมา “เป็นเช่นที่ข้าคิดไม่มีผิด หากมีถังเสวี่ยหนิงออกหน้าจัดการ พวกเราก็มิจำเป็นต้องต่อกรกับซ่งรั่วเจินด้วยตนเองแล้ว!”“แต่เรื่องวันนั้นเดิมก็มิมีหลักฐานอื่นใด ต่อให้พวกเรายืนยันว่าเป็นซ่งรั่วเจินก็ทำอะไรนางไม่ได้หรอก!”เหอเซียงหนิงอดกังวลขึ้นมาไม่ได้ หากนางมีวิธีแล้วล่ะก็ นางก็อยากจะทำให้ซ่งรั่วเจินได้ลิ้มรสความทรมานอย่างแสนสาหัสอยู่เช่นกัน!เสียก็แต่ ตั้งแต่วันเกิดเหตุนางก็ถามไถ่เอากับผู้คนบริเวณตรอกหย่งอันแล้ว กระทั่งเหล่าขอทานเรียงรายนางก็ถามมาแล้วทั้งย่าน ทว่าท้ายที่สุดก็ยังไม่ได้เบาะแสใดกลับไปฉินซวงซวงหัวเราะออกมาเบาๆ “ก็ยิ่งง่ายเลยมิใช่หรือ? ไร้หลักฐานเราก็สร้างขึ้นมาอ
ซ่งรั่วเจินได้รู้ว่าอวิ๋นเนี่ยนชูติดตามจางเหวินและอวิ๋นเฉิงเจ๋อออกจากจวนอวิ๋นแล้ว จึงตั้งใจไปเยี่ยมเยียนสักหนึ่งรอบ“รั่วเจิน เหตุใดเจ้านำของมามากมายเพียงนี้เล่า?”อวิ๋นเนี่ยนชูเห็นซ่งรั่วเจินสั่งให้คนนำของเข้ามา สายตาเปี่ยมความตกตะลึงประหลาดใจซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “พวกเจ้าย้ายออกมาอย่างกะทันหัน จะต้องยังไม่ทันซื้อของมากมายเป็นแน่ อย่างไรเสียบ้านข้าก็ทำการค้า นี่ถึงหยิบของที่น่าจะต้องใช้งานจากภายในร้านมาให้พวกเจ้าเล็กน้อย”“แต่มากมายถึงเพียงนี้ จ่ายไปไม่น้อยกระมัง นี่รับไว้ไม่ได้หรอก” อวิ๋นเนี่ยนชูรีบพูด“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ผ้าห่ม ชุดชาจิปาถะ ยังมีของกินอีกบางส่วน ไม่ใช่ของราคาแพงอะไร ใช้จ่ายไม่มาก”ซ่งรั่วเจินโบกมือ “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าท่านป้าถึงขั้นคิดหย่าร้าง ชนิดที่ว่ายังพาพวกเจ้าออกมาแล้ว”“คาดว่าเรือนหลังนี้มิใช่เพิ่งจัดหาตกแต่ง เกรงว่าตระเตรียมไว้พรักพร้อมตั้งนานแล้วกระมัง?”อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้า “ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ท่านแม่จะตัดสินใจเด็ดขาด แม้ว่าเรือนหลังนี้ไม่ใหญ่เท่าจวนอวิ๋น แต่ข้ากลับคิดว่าที่นี่ล้วนดีไปทุกหนแห่ง”“ต่อให้เป็นต้นไม้
“สมน้ำหน้า!” อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้ารังเกียจ “เดิมทีอวิ๋นซีหว่านและแม่ของนางไม่ใช่คนดีอะไร แต่พ่อข้ากลับเอนเอียงเข้าข้างพวกนาง”“หลายปีมานี้ข้าทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว กระนั้นคิดว่าอย่างไรเสียก็เป็นพ่อของข้า ข้าจึงยอมอดกลั้น”“บัดนี้ท่านแม่ตัดสินใจแล้ว ข้าเองก็ไม่อยากกลับไปอีก หาไม่แล้วยังต้องถูกอวิ๋นซีหว่านและอนุอวิ๋นเอาเปรียบ ข้าเห็นสินเดิมของท่านแม่ข้าถูกเติมเข้าไปไม่น้อยแล้ว”“เมื่อหลายวันก่อน ข้าเห็นซีหว่านปักปิ่นปักผมก็รู้สึกคุ้นตามาก มองละเอียดดีแล้วถึงพบว่าเป็นของท่านแม่ข้า น่ากลัวว่าท่านพ่อค้านำไปมอบให้อนุอวิ๋น น่าขยะแขยงจริงๆ!”“บัดนี้ข้าคิดว่าชื่อเสียงท่านพ่อข้าเสื่อมเสียไปแล้วก็ดีเช่นกัน ถือสิทธิ์อะไรท่านแม่ต้องหย่าร้าง ทำให้พวกอนุอวิ๋นได้มีชีวิตที่ดี?”ซ่งรั่วเจินยกมุมปากน้อยๆ “พวกเขาอยากมีชีวิตที่ดี น่ากลัวว่าไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”“ใช่หรือไม่ว่าเจ้าทำนายอะไรได้?” อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าแปลกใจ“ความลับสวรรค์ไม่อาจเปิดเผย เจ้ารออย่างสบายใจเถอะ ชีวิตในภายภาคหน้าของพวกเจ้าจะต้องดีกว่าจวนอวิ๋นแน่”ซ่งรั่วเจินกะพริบตา เพียงแค่ความสามารถของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ก็ไม่มีวันปล่อยคนที่รังแ
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที