เถียนเจียวเจียวกำหมัดแน่น สายตาไม่อาจหักใจตกลงบนตัวซ่งอี้อัน ไม่ได้พบหน้าเพียงช่วงเวลาหนึ่ง เขาโดดเด่นเหนือผู้อื่น ยามยืนอยู่ต่อหน้าทุกคนก็ไม่สามารถเมินข้ามได้เดิมทีนางยังอยากผูกสัมพันธ์อันดีกับซ่งรั่วเจิน จะได้เป็นพี่สะใภ้รองของนาง บัดนี้กลับดีนัก หมดโอกาสไปแล้ว!“ปลาเน่าตัวเดียว เหม็นทั้งข้อง!” ถังเสวี่ยหนิงสบถเสียงเย็น “รอพี่ชายนางรู้ว่านางมีจิตใจโหดเหี้ยมดุจอสรพิษมากเพียงใด ก็ไม่ปกป้องนางถึงเพียงนี้แล้ว!”“หลังผ่านวันนี้ไป ชื่อเสียงของซ่งรั่วเจินก็จะเสื่อมเสียไปจนหมด ทุกคนจะได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง!”ใบหน้าเถียนเจียวเจียวเองก็เผยรอยยิ้ม “เจ้าพูดถูกแล้ว ข้าคาดหวังเหลือเกิน!”ซ่งรั่วเจินเดินตามพี่ชายสี่คนไปหาที่นั่ง มีคนเดินทางมายังพิธีล่าสัตว์อย่างไม่ขาดสาย ส่วนองค์หญิงหกที่อยู่ไกลๆ ก็เดินออกจากกระโจมโบกมือทักทายนางด้วยรอยยิ้มนางเองก็โบกมือตอบ ฉู่มู่เหยาเดินออกมาแล้ว“แม่นางซ่ง วันนี้เจ้างดงามเหลือเกิน!”ดวงตาฉู่มู่เหยาทอประกายระยับ เมื่อครู่ยามซ่งรั่วเจินลงมานางก็มองเห็นแล้ว ช่างผิวพรรณขาวใสเนียนละเอียด เสื้อผ้าสีแดงงดงามพลิ้วไหว ชวนให้ผู้คนไม่อาจละสายตาได้“องค์หญ
คนอื่นไม่รู้ ฉู่มู่เหยากลับรู้อุปนิสัยของฉู่เทียนเช่อดีแม้ว่าแต่งงานมีพระชายาแล้ว แต่มีอนุภรรยาหน้าตางดงามภายในจวนไม่น้อย เวลาปกติก็มีคนส่งหญิงงามให้เขาเป็นพิเศษนางอยู่ภายในวัง เพียงแค่เรื่องความเจ้าชู้ของเสด็จพี่รองก็ได้ยินมาไม่น้อย รู้สึกเพียงว่าแม่นางตระกูลใดตกอยู่ในเงื้อมมือของเสด็จพี่รองล้วนอับโชคทั้งสิ้น ตอนนี้เสด็จพี่สามยังไม่มา นางจะต้องปกป้องว่าที่พี่สะใภ้ให้ได้“นางคือสหายที่ดีของข้าซ่งรั่วเจิน” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างไม่ใส่ใจหนึ่งประโยค ชี้ไปทางด้านหน้าพลางเอ่ย “เสด็จพี่รอง ท่านดูเสด็จพี่ใหญ่กำลังหาท่านอยู่นะ ท่านรีบไปเร็วเข้าเถอะ!”ยามฉู่เทียนเช่อได้ยินชื่อซ่งรั่วเจิน ดวงตาเผยแววประหลาดใจระยะนี้เขาได้ยินว่าฉู่จวินถิงค่อนข้างใกล้ชิดกับแม่นางท่านหนึ่ง เมืองหลวงเองก็เคยมีข่าวลืออยู่บ้าง แม่นางคนนั้นชื่อว่าซ่งรั่วเจินเดิมทีเขายังคิดว่าน่าขัน น้องชายไม่เข้าใกล้สตรี รักษาเนื้อรักษาตัวอย่างดีคนนี้ของตนเปิดใจในที่สุด สรุปคือชมชอบสตรีถูกถอนหมั้นคนหนึ่ง ช่างเป็นเรื่องน่าขันมากนักคิดไม่ถึง...ซ่งรั่วเจินถึงขั้นเป็นสตรีงามอันดับหนึ่งเช่นนี้?มิน่าเล่าแม้แต่คนที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เ
หากเขาไม่มา ผลลัพธ์ก็จะลดลงมากมิใช่หรือ?“ไม่กระมัง?” เถียนเจียวเจียวรู้สึกประหลาดใจ “งานสำคัญถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องไม่น่าจะไม่มาร่วมงาน”ฉินซวงซวงหันมองทางหลินจือเยว่โดยไม่รู้ตัว นางพบว่านับตั้งแต่ซ่งรั่วเจินมาแล้ว หลินจือเยว่คล้ายมองไปทางนั้นโดยไม่รู้ตัว“จือเยว่ ท่านกำลังมองอะไร? หรือท่านยังไม่ลืมไมตรีเก่าก่อนที่มีต่อซ่งรั่วเจินกระนั้น?”หลินจือเยว่ได้เห็นสตรีในชุดแดงคนนั้นอยู่ไกลๆ ก็อึ้งงันไป ที่ผ่านมาคิดเพียงว่าซ่งรั่วเจินหัวโบราณ มองดูแล้วเรียบร้อย แท้จริงแล้วกลับน่าเบื่อไม่มีความน่าสนใจหลังกลับถึงเมืองหลวง เขาพบว่าซ่งรั่วเจินแตกต่างจากภายในความทรงจำของเขาอย่างสมบูรณ์ ทั้งๆ ที่ผ่านไปแล้วสองปี แต่นางมองดูแล้วงดงามมีเสน่ห์ยิ่งกว่าตอนแรกคำพูดของมารดาดังก้องอยู่ภายในสมองของเขาไม่หยุด ชนิดที่ว่าวันนี้ยามได้พบซ่งรั่วเจินอีกครั้ง ภายในสมองของเขาก็คิดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่าหากคนที่ตนแต่งงานด้วยเป็นนาง คล้ายก็ไม่เลว...เมื่อครู่แม้แต่องค์ชายรองก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน มองออกว่าซ่งรั่วเจินงดงามมากเพียงใด ไม่แน่ว่าวันนี้ทุกคนล้วนอิจฉาตนเองที่มีภรรยางดงามคนหนึ่ง มิใช่อย่างตอนนี้...“จะเป็
ฉู่จวินถิงผินมองฉู่เทียนเช่อนิ่งๆ แวบหนึ่ง ฝ่ายหลังเผยรอยยิ้มมีเมตตา “น้องสาม วันนี้ในพิธีล่าสัตว์จะต้องแสดงออกดีๆ เล่า แต่ไหนแต่ไรมาเจ้าขี่ม้ายิงธนูได้โดดเด่นเหนือกว่าพวกเรามากนัก”“เสด็จพี่โปรดวางใจ ข้าจะออมมือให้อย่างแน่นอน” ฉู่จวินถิงยกมุมปากเบาๆ ราวกับไม่คิดปกปิดท่าทีหยิ่งทะนงสีหน้าฉู่เทียนเช่อดำทะมึน เขามิอาจทนต่อท่าทีเย่อหยิ่งโอหังเช่นนี้ของฉู่จวินถิงได้อย่างที่สุด ทั้งๆ ที่อายุน้อยกว่าเขา แต่อาศัยว่าเกิดจากครรภ์ฮองเฮา ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตามาโดยตลอดพูดเรื่องขี่ม้ายิงธนู เขาเองก็พยายามมากมาโดยตลอด เจ้าคนผู้นี้ช่างเย่อหยิ่งโอหังยิ่งนัก!ถังเสวี่ยหนิงเห็นฉู่อ๋องปรากฏตัว ทั้งๆ ที่ภายในงานมิได้มีเขาเป็นองค์ชายคนเดียว ทว่านับตั้งแต่เขาปรากฏตัวออกมา นางก็คล้ายถูกดึงดูดความสนใจไปจนหมด ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาหากฉู่อ๋องกลายเป็นสามีของนาง จะมีคนมากน้อยเพียงใดอิจฉานางกันเล่า!นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งหมดก็จะกลายเป็นจริง!ใบหน้าถังเสวี่ยหนิงเผยรอยยิ้มต้องได้ดั่งใจหวัง กลับมองเห็นฉู่จวินถิงเดินออกมาแล้วก็เดินไปทิศทางที่ซ่งรั่วเจินอยู่ รอยยิ้มหายไปจนหมดสิ้น“เมื่อครู่เห็นเจ้ากำ
เรื่องเถียนเจียวเจียวตกน้ำถูกเปิดโปงในวันนั้น มีคนรู้ไม่น้อย ทว่าเรื่องเพิ่งเงียบไป วันนี้ก็ถูกเอ่ยถึงอีกครั้ง ตอกย้ำความทรงจำได้อย่างลึกซึ้งเถียนเจียวเจียวชี้หน้าซ่งรั่วเจิน ใกล้จะระเบิดเต็มที แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยพบสตรีฝีปากคมกริบเช่นนี้มาก่อนทั้งๆ ที่คนขายหน้าตอนนี้คือซ่งรั่วเจิน ปรากฏว่าทำให้นางขายหน้ายิ่งกว่า!“เจ้าทำตัวสูงส่งอะไรกัน ฉู่อ๋องเองก็ไม่สนใจเจ้าเฉกเดียวกันมิใช่หรือ?” เถียนเจียวเจียวพูดอย่างโมโหฉู่จวินถิงมอบหมายงานให้ฉู่อวิ๋นกุยกลับมาแล้วก็ได้ยินถ้อยคำนี้ ขมวดคิ้วมุ่น “ใครพูดว่าข้าไม่สนใจรั่วเจิน?”เถียนเจียวเจียวตกตะลึง เผชิญหน้ากับสายตาเย็นชาของฝ่ายชาย รู้สึกเพียงร้อนตัว ครู่ต่อมาอธิบาย “ท่าน...ท่านอ๋อง เป็นซ่งรั่วเจินพูดว่าพิธีล่าสัตว์วันนี้ท่านจะพานางไปด้วยกัน เดิมทีนางก็พูดจาเหลวไหล...”“นางพูดความจริง มีปัญหาอะไร?” ฉู่จวินถิงพูดเสียงเรียบ“อะ...อะไรนะ?” เถียนเจียวเจียวตกตะลึง“เรื่องของข้าต้องอธิบายกับเจ้าด้วยหรือ? เรื่องของผู้อื่นเกี่ยวอันใดกับเจ้า แม้แต่ที่ว่าการยังไม่ใส่ใจได้เท่าเจ้า!”พูดไป ฉู่จวินถิงก็เหลือบมองใต้เท้าเถียนที่กำลังรีบเดินเข้ามาจาก
สี่พี่น้องชายฉกรรจ์ของสกุลซ่งขึ้นขี่ม้าท่วงท่าหล่อเหลาสง่างามเตรียมออกไปล่าสัตว์ สายตาตกลงบนตัวน้องหญิงห้าของตน เดิมทียังแย่งชิงกันว่าใครจะพาน้องหญิงห้าไป แต่ได้เห็นฉู่จวินถิงที่อยู่ข้างกายแล้ว ทันใดนั้นรู้ว่าการแย่งชิงก่อนหน้านี้ล้วนเสียเปล่า“รอหม่อมฉันสักครู่นะเพคะ” ซ่งรั่วเจินพูดกับฉู่จวินถิงฉู่จวินถิงพยักหน้า ยกมุมปากเผยความอารมณ์ดี แม้รู้ว่าซ่งรั่วเจินไม่มีวันขอร่วมทางกับเขาโดยไม่มีสาเหตุ แต่ขอเพียงสามารถร่วมทางกันได้ นั่นก็เพียงพอแล้ว“พี่ชายทุกท่าน อีกเดี๋ยวพวกท่านก็ไปตามทิศทางที่ข้าพูดไว้ เข้าใจหรือไม่?”“ข้าจำได้แล้ว น้องหญิงห้า เจ้าวางใจเถอะ”ซ่งจืออวี้พยักหน้า แม้เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดอยู่ดีๆ น้องหญิงห้าก็ให้เขาไปที่นั่น แต่น้องหญิงห้าพูด เขาเชื่อฟังก็พอซ่งอี้อันรู้น้องหญิงห้าจัดแจงเช่นนี้จะต้องมีความนัยลึกซึ้ง เอ่ยว่า “มีเรื่องใดให้พวกเราต้องระวังหรือไม่?”“ความมั่งคั่งมหาศาลในวันนี้ พวกท่านจะต้องคว้ามันให้ได้” ซ่งรั่วเจินพูดยิ้มๆซ่งเยี่ยนโจวแปลกใจมาก “มั่งคั่งอะไรหรือ? คงไม่ใช่ว่าทางฝั่งนั้นมีสัตว์ร้ายอยู่หรอกนะ?”“อีกเดี๋ยวตอนขึ้นเขามีนักฆ่าซุ่มโจมตี เป้าหมา
ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินพูดจนจบอยู่ไกลๆ สีหน้าท่าทางตกตะลึงของพี่น้องชายฉกรรจ์ทั้งสี่ของสกุลซ่ง ทำให้ภายในสายตาสะท้อนแววนึกสนุกความลับบนตัวซ่งรั่วเจิน...ช่างพิเศษจริงๆจากนั้นซ่งรั่วเจินขึ้นม้าอย่างคล่องแคล่ว ควบม้าเข้าป่าพร้อมฉู่จวินถิงในตอนนี้ ซ่งรั่วเจินสังเกตทิศทางที่องค์ชายใหญ่จากไป จนกระทั่งเข้าป่าลึกแล้ว ซ่งรั่วเจินถึงได้เห็นเองกับตาว่าธนูของฉู่จวินถิงไม่เคยพลาดเป้าทั้งๆ ที่สัตว์ป่าวิ่งว่องไวมาก ยามอยู่ต่อหน้าเขากลับไม่มีแรงให้หลบหนีธนูถูกปล่อยออกไป เพียงโจมตีก็ถึงแก่ชีวิตฉู่จวินถิงเห็นสายตาตกตะลึงของซ่งรั่วเจิน แววตาเจือรอยยิ้ม “วันนี้ชอบข้าขึ้นบ้างหรือไม่?”ซ่งรั่วเจิน “???”ถามตรงไปตรงมาเช่นนี้จะให้คนตอบเยี่ยงไร?“ท่านอ๋อง ปกติท่านเกี้ยวพาสตรีก็เป็นเช่นนี้หรือ?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ“ไม่ใช่” ฉู่จวินถิงส่ายหน้า “ข้าไม่เคยเกี้ยวพาสตรีคนอื่นมาก่อน คนเดียวที่ชอบมีเพียงเจ้า”ซ่งรั่วเจินได้ยินคำพูดชวนให้คนหวั่นไหวเช่นนี้ สายตาหันมองเขาโดยไม่รู้ตัว “พูดจาคล่องแคล่วถึงเพียงนี้กลับไม่คล้ายไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน”“พูดเช่นนี้แล้ว เจ้าไม่ชอบให้ข้าพูดจาคล่องแคล่ว? มิสู้เจ
ฉู่จวินถิงจับจ้องซ่งรั่วเจินแวบหนึ่ง คนฉลาดเยี่ยงเขา เดาได้หลายส่วนแล้ว เพียงแต่...เขากลับไม่รู้ว่าซ่งรั่วเจินเองก็รู้เรื่องการแย่งชิงระหว่างองค์ชายด้วย?“เจ้าอยากหลอกล่อเสด็จพี่ใหญ่ไป?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “หม่อมฉันวางแผนเช่นนี้จริง แต่ก่อนหน้านั้น หม่อมฉันต้องถามท่านก่อน”อิงตามที่หนังสือเขียนไว้ ฉู่จวินถิงไม่มีความยึดมั่นต่อตำแหน่งฮ่องเต้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาและองค์ชายใหญ่ยังมีความสัมพันธ์กันไม่เลว แต่ตัวเอกของหนังสือเล่มนี้คือฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ เรื่องภายในราชสำนักที่อธิบายไว้ก็ล้วนเป็นหลินจือเยว่เลื่อนตำแหน่งมั่งคั่งเยี่ยงไรบุญคุณความแค้นระหว่างองค์ชาย เปิดเผยออกมาเพียงบางส่วน ไม่สามารถยืนยันได้“หากข้าและเสด็จพี่ใหญ่มีความสัมพันธ์อันดี เจ้าคิดจะทำเช่นไร? หากความสัมพันธ์ไม่ดี เจ้าคิดจะทำเช่นไร?”ฉู่จวินถิงจับจ้องคนตรงหน้า สัญชาตญาณอ่อนไหวสังเกตได้ว่าสาเหตุที่ซ่งรั่วเจินถามเขา ก็เพราะคำตอบของเขาสำคัญต่อนางมากพูดอีกอย่าง แผนของนางขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างตนและเสด็จพี่ใหญ่จึงจะตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายกระนั้นรึ?นึกถึงตรงนี้ มุมปากฉู่จวินถิงก็ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดูท่าแล
“เสด็จแม่ไม่ต้องกังวลพระทัย เสด็จพ่อมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ย่อมมีความเห็นของตนพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่จวินถิงพูดได้เห็นท่าทางไม่แปลกใจของฉู่จวินถิง ฮองเฮานึกถึงก่อนหน้านี้ยามนางไปห้องทรงพระอักษร มีความคิดอยากขอให้ฝ่าบาทประทานสมรสระหว่างจวินถิงและหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ท่าทางกริ้วจัดของฝ่าบาทนั้นตอนนั้นนางยังไม่รู้ว่าตกลงเกิดเรื่องใดขึ้น ทว่าบัดนี้คล้ายเข้าใจแล้วน่ากลัวว่าฮ่องเต้สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพียงแต่นางมองไม่ออกมาโดยตลอด ชนิดที่ว่ายังชื่นชมงานแต่งนี้อีกด้วยบัดนี้คิดๆ ดูแล้ว นางโง่งมเกินไปจริงๆ........หลังตวนเฟยได้รับเซียนโบตั๋นแล้ว เรื่องแรกที่ทำคือกลับไปบูชาด้วยความจริงใจ“พระสนม สิ่งนี้เป็นจงเฟยมอบให้ฮองเฮา นางจิตใจดีถึงเพียงนี้จริงหรือ? บ่าวกังวลว่านี่คืออุบายเพคะ”แม่นมทางด้านข้างพูดเกลี้ยกล่อมอย่างอดไม่ได้ มักคิดว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นแต่ไหนแต่ไรมาจงเฟยเป็นคนใจแคบ มีอะไรดีก็ซ่อนไว้ให้ตนเอง ไฉนเลยจะสามารถหักใจยกให้ผู้อื่นได้?“นี่เป็นของที่จงเฟยมอบให้ฮองเฮา นางกล้ามอบให้ หรือยังสามารถวางยาพิษได้อีกกระนั้น?”“หากเกิดเรื่องจริง คนซ
หลังฮองเฮาได้ฟังทั้งหมดแล้ว รู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นมา สายตาเปี่ยมโทสะ“จงเฟยบังอาจยิ่งนัก! ถึงขั้นวางแผนทำร้ายข้า!”เพียงคิดว่าจงเฟยแลกเปลี่ยนโชคชะตากับนาง ก็รู้สึกว่าไม่เคยพบเจอวิธีการโหดเหี้ยมเช่นนี้มาก่อนอยู่ที่วังหลัง เพื่อแย่งชิงความโปรดปราน มีเล่ห์อุบายมากมายผุดออกมา นางไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่วิธีน่ากลัวถึงเพียงนี้ ยังได้เห็นเป็นครั้งแรก หากไม่ใช่วันนี้จวินถิงและรั่วเจินบังเอิญเข้าวัง น่ากลัวว่านางจะต้องตกหลุมพรางจงเฟยแน่!หากสุดท้ายตกลงสู่ผลลัพธ์เช่นนั้น...นางไม่กล้าคิด!“เมื่อครู่พวกเจ้าน่าจะบอกข้า จะปล่อยให้ตัวหายนะเยี่ยงนางอยู่ในวังหลังได้เช่นไร?”สีหน้าฮองเฮาแข็งทื่อ ในเมื่อมีวิธีเช่นนี้ครั้งแรก ภายภาคหน้าไม่แน่ว่าจะมีมากยิ่งกว่านี้ ไม่ใช่ยุ่งยากมากหรือ!เห็นสถานการณ์แล้ว ซ่งรั่วเจินหันมองฉู่จวินถิงอย่างอดไม่ได้ นางไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้เช่นไร อย่างไรเสียเดิมทีตวนเฟยก็ไม่ใช่คนดีอะไร ก็แค่แผนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเท่านั้นทว่า นางย่อมไม่สามารถพูดข้อนี้ได้“ปกติตวนเฟยมีความสัมพันธ์ไม่ดีต่อท่าน เรื่องนี้ให้นางไปหาเรื่องจงเฟยก็พอ เหตุใดท่านต้องเข้าไปข
เพียงแต่ ตวนเฟย...นางเลื่อนสายตาไป ได้เห็นใบหน้าประดับยิ้มของตวนเฟย นึกได้ว่านางน่าจะเป็นมารดาขององค์ชายสี่ในหนังสือ องค์ชายสี่เป็นตัวร้าย ตอนที่องค์ชายสี่เรืองอำนาจ ตวนเฟยมีสง่าราศีที่สุด ทว่าบัดนี้ได้รับเซียนโบตั๋นไป หากจงเฟยไม่ยอมหยุด ดูท่าแล้วต่อจากนี้ตวนเฟยและองค์ชายสี่จะต้องพบปัญหาแล้ว....นี่ก็นับเป็นเรื่องดีกระมัง?ต่อมาองค์ชายสี่เหลียงอ๋องทำร้ายคนมากมาย แม้แต่อวิ๋นอ๋องก็ได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้ เดิมทีนางก็อยากหยุดยั้งเรื่องทั้งหมด ย่อมมีความสุขที่ได้เห็นทั้งหมดนี้“พี่น้องหญิงล้วนมาเยี่ยมคารวะแล้ว กลับไปก่อนเถอะ” ฮองเฮาพูดเห็นสถานการณ์แล้ว เหล่าสนมต่างพากันลุกขึ้น ทำความเคารพแล้วถึงจากไปจนกระทั่งทุกคนจากไปแล้ว ฮองเฮาจึงเอ่ยปาก “อยู่ดีๆ เหตุใดถึงให้ข้ายกของให้ตวนเฟยเล่า?”ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินแวบหนึ่งและพูดว่า “นั่นไม่ใช่ของดีอะไร เก็บไว้ภายในตำหนักของเสด็จแม่ย่อมอันตราย ตอนจัดการย่อมเกิดปัญหายุ่งยากพ่ะย่ะค่ะ”“ในเมื่อตวนเฟยดึงดันขอร้องต่อหน้าคนมากถึงเพียงนี้ ย่อมเป็นพยานได้พอดี ไฉนเลยจะไม่พายเรือตามน้ำ ไม่เพียงสามารถทำให้ตวนเฟยจดจำน้ำใจครั้งนี้ไว้ ยังสลัดเผื
ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ สังเกตเห็นความอิจฉาในเสียงของจงเฟย กลับไม่แปลกใจ อย่างไรเสีย ระยะนี้ก็เกิดเรื่องกับเช่ออ๋องอย่างต่อเนื่อง คนรับชมเรื่องตลกมีไม่น้อย จงเฟยย่อมไม่สบอารมณ์ยามได้เห็นพวกเขา“ก่อนหน้านี้ฮองเฮาใส่ใจต่อเรื่องแต่งงานของฉู่อ๋องมาโดยตลอด บัดนี้ในที่สุดเรื่องงานแต่งของฉู่อ๋องก็ตัดสินแล้ว เชื่อว่าฮองเฮาจะต้องดีใจแน่ สองคนนี้ยืนอยู่ด้วยกันแล้วเป็นคู่สร้างคู่สมจริงๆ!”ตวนเฟยยิ้มพลางชื่นชม ภายในสายตาสะท้อนไอเย็น นึกถึงตอนแรกซ่งหลินยังไม่กลับมา ทุกคนต่างคิดว่าฉู่อ๋องโดนอุบายสาวงามแม้ว่าซ่งรั่วเจินหน้าตางดงาม แต่สกุลซ่งล้วนเสื่อมถอย ซ่งหลินตายในสนามรบ คุณชายใหญ่สกุลซ่งกลายเป็นคนพิการ คุณชายรองสกุลซ่งตาบอด คุณชายสามสกุลซ่งไม่ได้เรื่อง คุณชายสี่ก็เป็นแค่พ่อค้าไม่มีอำนาจ มีเพียงเงิน นอกจากกลายเป็นเนื้อบนเขียงแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรทว่าบัดนี้ลูกชายของสกุลซ่งล้วนมีความสามารถ แม้แต่ซ่งหลินก็กลับมาแล้ว กอปรกับซ่งฮูหยินเป็นลูกสาวแท้ๆ ของราชครูกู้ บัดนี้สกุลซ่งกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองหลวงแล้วความเปลี่ยนแปลงนี้ ใครบ้างไม่อยากได้ฮองเฮาได้พบซ่งรั่วเจินอีกครั้ง สีหน้าซับ
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็