เพียงฮองเฮาได้ยินก็ร้อนใจอย่างอดไม่ได้ “ไม่ใช่พูดว่าก่อนหน้านี้ฝ่าบาทรับปากมอบพระราชโองการประทานสมรสแล้วหรือ ขอเพียงออกพระราชโองการ หรือว่าสกุลซ่งยังจะสามารถปฏิเสธได้อีก?”“ลูกไม่อยากบังคับนาง ยิ่งไปกว่านั้นหากแต่งกลับมาแล้วต้องทำให้นางทุกข์ใจ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้าปรารถนา”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงเรียบเฉย พูดอีกครั้งว่า “เรื่องนี้พัฒนามาถึงขั้นนี้แล้ว พวกท่านเองก็ไม่ต้องกังวลแทนข้าอีก ไม่เป็นไร ยิ่งไปกว่านั้นบัดนี้สกุลหลิงก็กลับมาจากเมืองผิงหยางแล้ว อันที่จริงชายแดนก็ต้องการคนไปเฝ้า...”สีหน้าฮองเฮาเปลี่ยนไป “หรือเจ้าคิดจะไปเฝ้าชายแดน?”“แต่ไหนแต่ไรมาเสด็จพ่อกังวลเรื่องชายแดนมาโดยตลอด ต้องการส่งคนไปเฝ้า บังเอิญบัดนี้เสด็จพ่อยังไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสม ลูกย่อมยินดีคลายความกังวลให้เสด็จพ่อ” ฉู่จวินถิงพูด“ไม่ได้!” ฮองเฮาปฏิเสธอย่างไม่ลังเล“นี่ไม่ได้เป็นอันขาด ก่อนหน้านี้เจ้าอยู่ภายนอกมานานหลายปี รอชายแดนสงบสุขอย่างยากลำบากแล้วถึงกลับมาได้ หากบัดนี้ยังไปอีก เจ้าจะกลับมาได้อีกยามใด?”ฉู่จวินถิงเงียบงันไม่พูดจา ท่าทีแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วเดิมทีเขาก็ไม่คิดกลับมาอีกหัวใจฮองเฮาหนักอึ้ง คิดไ
“โอ๊ย...”จู่ๆ เสียงร้องอุทานของผู้ชราก็ดังขึ้นข้างกายซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจินหันหน้าก็พบฮูหยินผู้เฒ่าท่านหนึ่งถูกชนจนล้มลงนางรีบเข้าไปประคองฮูหยินผู้เฒ่าพลางเอ่ยถามอย่างกังวล “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านไม่เป็นไรกระมัง?”ใบหน้าฮูหยินผู้เฒ่ายังเจือความตกตะลึง คล้ายคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนประคองนาง ทันใดนั้นถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่งนางเงยหน้ามองก็พบว่าคนประคองนางคือแม่นางอายุยังน้อยท่านหนึ่ง สำคัญที่สุดคือแม่นางคนนี้หน้าตางดงามอย่างมาก นางยังไม่เคยพบแม่นางงดงามถึงเพียงนี้มาก่อน“แม่นาง ขอบคุณเจ้ามาก หากไม่ใช่เจ้า น่ากลัวว่าข้าคงล้มไปแล้ว”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่รู้สึกกลัวขึ้นมาในภายหลัง นางอายุปูนนี้ กังวลที่สุดก็คือหกล้ม ล้มลงไปครั้งนี้ ไม่ใช่พักผ่อนเพียงชั่วครู่ก็สามารถดีขึ้นได้ ไม่แน่ว่าอาจกระดูกหักและต้องนอนบนเตียงเป็นเดือน“ท่านจะต้องระวังตอนเดิน หกล้มขึ้นมาจะต้องแย่แน่เจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มน้อยๆ หลังเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ายืนมั่นคงดีแล้ว นี่ถึงช่วยหยิบห่อยาสมุนไพรบนพื้นขึ้นมา เพียงแต่มีสองห่อตกกระจายบนพื้นไปแล้วนางมองยาสมุนไพรบนพื้นแวบหนึ่งก็รู้ว่านางป่วยเป็นโรคอะไรจึงเอ่ยออกมาอย่างอดไ
ฮูหยินผู้เฒ่าลู่มองตามเงาหลังของซ่งรั่วเจิน สายตาเปี่ยมความชื่นชอบ เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้“เป่ยชวน แม่นางคนนี้งามมากใช่หรือไม่? คล้ายหลุดออกมาจากภาพวาดก็มิปาน ไม่เพียงหน้าตางดงาม คนเองก็จิตใจดี”“หลายปีแล้วจวินถิงยังไม่แต่งงาน เจ้าว่าข้าแนะนำแม่นางคนนี้ให้เขา เขาจะชอบหรือไม่?”ลู่เป่ยชวนไม่เคยเห็นแม่นางหน้าตางดงามถึงเพียงนี้มาก่อน เมื่อครู่ได้เห็นเพียงแวบเดียวก็รู้สึกคล้ายติดตรึงอยู่ภายในใจ ได้เห็นท่านย่าคิดว่าแม่นางคนนี้ดีเช่นเดียวกัน เขาเพิ่งดีใจขึ้นมา สรุปคือได้ยินว่าท่านย่าต้องการแนะนำแม่นางคนนี้ให้ญาติผู้พี่เสียอย่างนั้น“ท่านย่า เหตุใดท่านนึกถึงเพียงญาติผู้พี่เล่า ไม่คิดถึงข้าบ้างหรือ? อายุข้าเองก็ไม่น้อยแล้วนะขอรับ”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่มองเขาอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง “เจ้าดีชั่วอย่างไรก็อายุยังน้อยกว่าจวินถิง ยิ่งไปกว่านั้นแม่นางคนนี้งามถึงเพียงนี้ เหมาะสมกับจวินถิงที่สุด!”“แต่ไหนแต่ไรมาข้ามองคนแม่นยำมากนัก แม่นางคนนี้จะต้องมีชาติกำเนิดไม่ธรรมดา เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่ามีวาสนา ไม่แน่ว่าอาจสำเร็จ!”“ท่านย่า ความนัยของท่านคือข้าไม่หล่อเหลาหรือ?”มุมปากลู่เป่ยชวนกระตุกริก เขาอุตส่า
“ฮองเฮา คงไม่ใช่เกิดปัญหาอะไรในวังหรอกกระมัง? เห็นเจ้าคล้ายอารมณ์ไม่ดี”“ท่านแม่ ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ท่านกลับมา ข้าดีใจอย่างที่สุด”ฮองเฮานี่ถึงรู้ตัวว่าท่าทางเหม่อลอยของตนถูกจับได้แล้ว รีบบอกให้ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ“เจ้าเป็นลูกสาวที่ข้าคลอด ข้ารู้อุปนิสัยดีที่สุด หรือว่ายังจะสามารถปิดบังยามอยู่ต่อหน้าข้าได้อีก?”ลู่หมิ่นฮุ่ยเห็นสถานการณ์แล้วจึงพูด “ท่านแม่ พี่หญิงกำลังร้อนใจเรื่องงานแต่งของจวินถิงเจ้าค่ะ”เดิมทีฮูหยินผู้เฒ่าลู่ก็อยากบอกฮองเฮา วันนี้ได้พบแม่นางที่ดีมากคนหนึ่ง เหมาะสมกับจวินถิงอย่างมาก ครั้นได้ยินก็พูดออกมาในทันทีทันใด“วันนี้ตอนข้ามา ไม่ทันระวังถูกคนชนเข้า โชคดีมีแม่นางคนหนึ่งประคองข้าไว้ ข้าเห็นแม่นางคนนั้นหน้าตางดงามมาก เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งเชียวล่ะ”“เมื่อครู่ข้าส่งคนไปสืบแล้ว เชื่อว่าจะได้รับข่าวเร็วๆ นี้ ไม่สู้ให้จวินถิงลองพบหน้าสักครั้ง?”“ไม่จำเป็นแล้ว จวินถิงมีคนรักแล้วเจ้าค่ะ” ฮองเฮาเอ่ยฮูหยินผู้เฒ่าลู่ชะงัก “มีคนรักแล้ว? เช่นนั้นเหตุใดไม่แต่งงานเล่า?”ใบหน้าฮองเฮาแข็งค้างไป ลู่หมิ่นฮุ่ยทางด้านข้างเอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “ฉู่อ๋องมีคนรักแล
“ท่านแม่ เพราะเรื่องแต่งงานของจวินถิง ไทเฮาและฝ่าบาทล้วนไม่พอใจข้า ท่านจะต้องช่วยข้านะเจ้าคะ”ฮองเฮาเผยสีหน้าเศร้าหมอง ไทเฮาไม่ชอบนาง นางไม่สามารถทำอันใดได้ ทว่าหลังครั้งก่อนนางต้องการให้จวินถิงคบหากับหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ฝ่าบาทเองก็ไม่พอใจนาง บัดนี้เรื่องจัดการได้ยากอย่างแท้จริง“ไม่รีบ เจ้าพูดเรื่องนี้ให้ข้าฟังอย่างละเอียด ค่อยปรึกษากันว่าสมควรทำเยี่ยงไรจึงจะดี” ฮูหยินผู้เฒ่าลู่เปล่งเสียงเครียดลู่หมิ่นฮุ่ยทางด้านข้างได้ยิน แต่ไหนแต่ไรมาท่านแม่ฉลาดปราดเปรื่อง หากไม่ได้ท่านแม่คอยชี้แนะ น่ากลัวว่านางก็ไม่สามารถเป็นพระชายาอย่างราบรื่นได้“ท่านแม่ อันที่จริงแม่นางซ่งเองก็ไม่ธรรมดาจริงๆ สาเหตุที่ข้าสามารถตั้งครรภ์ได้ก็ล้วนพึ่งพานาง นางช่างเป็นดาวนำโชคโดยแท้!”“ก่อนหน้านี้ได้ข่าวว่าแม่ทัพซ่งตายในสนามรบ คุณชายใหญ่สกุลซ่งขาพิการทั้งสองข้าง คุณชายรองตาบบอด ทุกคนล้วนคิดว่าสกุลซ่งจบสิ้นแล้ว ทว่าหลังแม่นางซ่งปฏิเสธการแต่งงาน ทั้งหมดก็เปลี่ยนไป”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ตกตะลึง “ยังมีเรื่องเช่นนี้? มิน่าเล่าเจ้าถึงชื่นชมนางนัก”“ก่อนหน้านี้ข้าก็มีอคติต่อนาง ทว่าต่อมาข้ารู้สึกว่าไม่เหมาะสมจึงเปลี่ยนความ
ฉู่อวิ๋นกุยได้ฟังคำพูดของเสด็จพี่ ระหว่างเดินทางใคร่ครวญดูว่าตกลงที่ใดไม่ถูกต้อง ทำให้เสด็จพี่เกิดความเข้าใจผิดเช่นนี้ต่อเขาฉู่จวินถิงกลับตกอยู่ในห้วงภวังค์ความคิด จู่ๆ ก็พูดว่า “อวิ๋นกุย แม่นางในห้องหอชอบอันใดที่สุด?”ฉู่อวิ๋นกุยชะงัก ครู่ต่อมาพูดว่า “ดอกไม้?”พูดไป ดวงตาเขาทอประกายระยับ “เสด็จพี่ เรื่องนี้ของท่านและพี่สะใภ้จะต้องสำเร็จแน่ ท่านคิดจะเล่นใหญ่โตสักหน่อยกระนั้น? เช่นนี้ก็ดีมาก! สมควรทำเช่นนี้!”ฉู่จวินถิงพยักหน้ายิ้มๆ เพราะเสด็จแม่ไม่ยอมรับ ทำให้รั่วเจินต้องทุกข์ใจบัดนี้งานแต่งยังไม่ถูกกำหนด เมืองหลวงเองก็มีข่าวลือ เขาได้ยินมาทั้งหมดแล้ว เพียงแต่รั่วเจินนิสัยดี ไม่ได้พูดเรื่องนี้มาโดยตลอดเขาไม่อยากให้นางทุกข์ใจ เทียบกับประทานสมรส เขาหวังให้รั่วเจินพยักหน้าด้วยตนเอง“อีกสองสามวันมีเทศกาลโคมไฟ มิสู้พวกเราซื้อพลุกลับมามากหน่อย ถึงตอนนั้นเสด็จพี่ก็แต่งตัวให้ดี เตรียมของขวัญอย่างใส่ใจสักหนึ่งอย่าง พี่สะใภ้จะต้องชอบแน่!”ดวงตาฉู่อวิ๋นกุยทอประกาย เพียงเขาคิดถึงฉากนั้นก็นึกสนุกขึ้นมา พวกแม่นางน่าจะชอบ“เจ้าเองก็สนิทกับแม่นางกู้ ลองสืบถามดูว่ารั่วเจินชอบสิ่งใด ใช้ความช
อย่างไรเสีย เทียบกับปล่อยให้ลูกชายไปเฝ้าชายแดน นานมากกว่าจะได้พบหน้ากันสักครั้ง ตบแต่งลูกสะใภ้ที่ไม่ได้พอใจมากนักคนหนึ่ง ก็ไม่นับเป็นอะไรฉู่จวินถิงลดเสียงให้เบาลงจนแหบพร่า ใช้เสียงที่มีเพียงทั้งคู่ได้ยิน “หากข้าเดาไม่ผิด อีกสองสามวันเสด็จแม่จะต้องอยากพบเจ้าอีกครั้ง ถึงตอนนั้นเจ้าก็สามารถระบายโทสะได้ หืม?”“หม่อมฉันระบายโทสะอะไรเพคะ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถาม“ครั้งก่อนตอนอยู่ในวัง เจ้าต้องทุกข์ใจแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า ข้าพูดออกไปอย่างชัดเจนแล้ว ความโดดเด่นเหล่านั้นของข้า ในสายตาเจ้ากลับไม่มีค่าให้พูดถึง”ฉู่จวินถิงมองคนตรงหน้า เดิมทีเขาก็พูดความจริง หากไม่ใช่เขาไม่ยอมปล่อยมือ แม่นางคนนี้ไม่ยอมแต่งเข้าเชื้อพระวงศ์สังเกตเห็นอารมณ์ภายในเสียงของฝ่ายชาย ซ่งรั่วเจินรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูกภายในใจ ความเพียบพร้อมของเขาในสายตาทุกคน แต่ยามอยู่ต่อหน้านาง เดิมทีเขาก็ไม่วางอำนาจของท่านอ๋อง ก็คล้ายผู้ชายธรรมดา รู้สึกติดค้างนางบ่อยๆ“เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น ขอเพียงเจ้ามีความสุขก็พอ ส่วนเรื่องอื่นข้าจะจัดการให้ดีเอง”“หม่อมฉันเข้าใจแล้ว” นางพยักหน้ายิ้มๆฉู่อวิ๋นกุยเห็นทั้งสองคนซุบซ
“พี่สะใภ้ ข้ารู้ว่าท่านกังวลเรื่องอะไร เรื่องอย่างการทดแทนบุญคุณช่วยชีวิตด้วยชั่วชีวิตที่เหลือ สายตามู่เหยาคงไม่แย่ถึงขั้นนั้นหรอกน่า”“เรื่องมงคลของนางจะต้องเป็นการตัดสินพระทัยของเสด็จพ่อเสด็จแม่ ข้าไปสืบความเกี่ยวกับเสิ่นหวยอันผู้นี้มาแล้ว เป็นแค่ลูกอนุคนหนึ่ง”ฉู่อวิ๋นกุยส่ายหน้าเบาๆ ความจริงตอนแรกหลังเกิดเรื่อง เขาก็ไปสืบความมาแล้วโดยเฉพาะฐานะของตระกูลเสิ่นเดิมก็ไม่คู่ควรแต่งงานกับองค์หญิง ถ้าเป็นลูกภรรยาเอกก็แล้วไป แต่กลับเป็นลูกอนุคนหนึ่ง นั่นเป็นความฝันลมๆ แล้งๆ เลยชัดๆ!ซ่งรั่วเจินรู้ว่าทุกคนให้ความสำคัญกับฐานะลูกภรรยาเอกหรือลูกอนุ แต่เพื่อให้สามารถลืมตาอ้าปากได้ ไม่ว่าต้องใช้วิธีการแบบไหน ลูกอนุก็สามารถทำออกมาได้ทั้งนั้น นอกจากนี้ ดูจากเสิ่นหวยอันที่ได้เจอในวันนี้ นิสัยใจคอก็ใช่ว่าจะดีเดิมทีฉู่อวิ๋นกุยไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจเลยสักนิด เขารู้สึกว่าสายตาของมู่เหยายังใช้ได้อยู่ คนก็เฉลียวฉลาด ไม่มีทางถูกหลอกลวงได้โดยง่ายแต่เห็นว่าซ่งรั่วเจินไม่แสดงท่าทีตอบรับหรือปฏิเสธ ในใจก็ค่อยๆ สงสัยขึ้นมา “ไม่หรอกมั้ง? อยู่ดีๆ ก็ตาบอดขึ้นมางั้นรึ?”ฉู่จวินถิงปรายตามองฉู่อวิ๋นกุยอย
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที