ซ่งซูหลานเดินตามเด็กตัวจ้อยซึ่งจูงมือนางเอาไว้อย่างงุนงง ในที่สุดทั้งสองก็มายืนจังก้าที่หน้าเรือนหลังโอ่อ่า ทว่าดูเก่าคร่ำคร่าอยู่ทีเดียว นางลดสายตามองหยางเชาด้วยความใคร่รู้
"นี่บ้านของหนูหรือจ๊ะ"
เด็กน้อยส่ายหน้า จากนั้นจึงชี้นิ้วมาที่นาง "บ้านพี่ฉาว แต่ว่าท่านแม่เป็นคนดูแลที่นี่ขอรับ"
ซ่งซูหลานยอบกายนั่งยอง ฝ่ามือยกขึ้นลูบศีรษะเจ้าตัวเล็กด้วยความเอ็นดูยิ่ง ริมฝีปากผลิยิ้มอบอุ่น "นี่จะเป็นบ้านของพี่ได้ยังไง พี่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกเอง"
หยางเชาเอียงคอขณะเดียวกันก็ยกมือเกาแก้ม "พี่ฉาวลืมแล้วหรือ เช่นนั้นเข้าบ้านก่อนดีกว่า ท่านตัวเปียกเพียงนี้คงหนาวแย่แล้ว"
ซ่งซูหลานกะพริบตาถี่ นางกวาดสายตามองเรือนร่างที่เปียกชุ่มโชกของตน พร้อมกับเสื้อผ้าสีซีดมีรอยปะชุน หนำซ้ำยังราวกับสตรีหลงยุค จะว่าไปแล้วเด็กน้อยก็แต่งกายไม่ต่างจากนางเช่นกัน ซ้ำภาษาที่เอ่ยยังดูแปลกพิกล
ซ่งซูหลานใจเต้นระรัว เริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล นางคงไม่ได้เจอกับเรื่องอัศจรรย์พันลึกใดใช่หรือไม่ เดิมทีซ่งซูหลานทำการทดลองอยู่ที่ห้องแล็บในบ้านของตนเอง เหตุใดจึงมาโผล่ที่ไม่คุ้นตาเช่นนี้ได้กัน
ทว่าเมื่อนางมองผ่านความอนธการซึ่งมีเพียงแสงจากดวงจันทราที่สาดสะท้อนให้ความสว่าง นัยน์ตาดอกท้อก็พลันเปิดกว้างด้วยความตื่นตะลึง
นี่มันต้นสนหน้าบ้านเราไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้!
เพราะไม้ยืนต้นขนาดใหญ่นี้ถึงแม้อายุหลายร้อยปีทว่าลักษณะกลับไม่ได้แตกต่างจากหน้าบ้านของนางเลย ซ่งซูหลานผู้นี้หาใช่คุณหนูรองคนเดิม ทว่านางคือนักศึกษาคนหนึ่งที่มาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เมื่อซ่งซูหลานฉุกนึกได้ดังนั้นนางจึงเร่งสับเท้าเป็นระวิงมายืนอยู่เบื้องหน้าสนต้นสูง
ต้นไม้คล้ายกันไม่ผิดเพี้ยน ทว่าบริเวณแห่งนี้กลับมีของเซ่นไหว้ซึ่งนางมิใช่คนทำเป็นแน่แท้ เมื่อหันหลังกลับไปมอง ก็พบกับเรือนทรงโบราณขณะเดียวกันบ้านของตนกลับซ้อนทับขึ้นดุจภาพสามมิติ ซ่งซูหลานซวนเซเล็กน้อยพลันยกมือกุมขมับ
"อย่าบอกนะว่า...เราข้ามมิติเข้ามายังโลกในสมัยโบราณ!"
ซ่งซูหลานยืนตัวแข็งทื่อประดุจดินปั้นไม้แกะสลัก เด็กน้อยวิ่งเตาะแตะเข้ามาหานางพร้อมทั้งเขย่าแขน "พี่ฉาว พี่ฉาวเป็นอะไรขอรับ"
ซ่งซูหลานยอบกายลง จากนั้นเอ่ยถามด้วยความประหม่า "เอ่อ...หนูจ๊ะ พี่ถามอะไรหน่อยได้ไหม พี่มีชื่อว่าอะไร แล้วตอนนี้เวลาไหนคะ"
หยางเชาทำหน้างุนงง ซ่งซูหลานทราบได้ทันทีว่าเพราะเหตุใด นางกระแอมหนหนึ่ง จากนั้นกล่าวถามใหม่ "คือว่า...นี่ยามใดแล้วหรือ"
หยางเชายิ้มแฉ่ง เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามราตรีพลางขบคิด แล้วจึงเหลียวกลับมาตอบคำถาม "ข้าก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าใด แต่โดยปกติพี่ฉาวเป็นคนสอนข้ามองดูโมงยาม ท่านอยากทดสอบข้างั้นหรือ อือ...นี่น่าจะเข้ายามฮ่าย [1] แล้วขอรับ"
ซ่งซูหลานขมวดคิ้ว นางยกนิ้วขึ้นนับเวลา เพราะเคยได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์มาบ้าง นางจึงพอทราบเรื่องการนับโมงยามของบรรพบุรุษสมัยก่อน
"นะ...นี่มันเวลาเดียวกันกับช่วงที่เรากำลังทดลองเลยนี่ อย่าบอกว่าดินประสิวระเบิดใส่เรา จากนั้นดวงวิญญาณเลยมาติดอยู่ที่นี่ แต่ว่าทำไมเราจึงมีความรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ หากเป็นดวงวิญญาณจริง เราจะมีความรู้สึกได้ยังไง หรือฝัน กำลังฝันแน่ ๆ ซูหลาน!"
เด็กน้อยมองซ่งซูหลานคุยกับตนเองเฉกเช่นคนเสียสติ หรือนางจมน้ำจนเลอะเลือนไปชั่วขณะ มือน้อยกระตุกแขนเสื้อที่ยังเปียกปอนอีกหน "พี่ฉาว พี่ฉาว รีบเข้าบ้านเถอะนะขอรับ อากาศยามค่ำเย็นมาก เดี๋ยวจะไม่ชาบายเอาได้"
ซ่งซูหลานหลุดจากภวังค์ ไม่น่าเชื่อว่านางกำลังทะลุมิติเข้ามาในช่วงยุคโบราณเข้าจริง ๆ หนำซ้ำยังอาศัยทับที่บ้านหลังปัจจุบันของตนเสียด้วย "เด็กน้อย เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ แล้วข้ามีนามว่าอะไร"
"ว้า...พี่ฉาวถูกท่านแม่ใช้งานหนักจนกลายเป็นคนชาติเลอะเลือนเชียวหรือนี่" มือน้อย ๆ เอื้อมมายังเบื้องหน้า จากนั้นจึงใช้หลังมืออังบริเวณหน้าผากนูนเด่น
หยางเชาทำตาโต อ้าปากหวอ "โอ้...พี่ฉาวไม่ชาบายนี่เอง ไปเถอะขอรับ ไว้เดี๋ยวข้าจะบอกท่านอีกที ตอนนี้ต้องไปผลัดผ้าทานข้าวและทานยาก่อนนะขอรับ"
ซ่งซูหลานไม่อยากรบเร้าต่อ ขาเรียวเดินตามเด็กตัวเล็กอย่างว่าง่าย เด็กน้อยดันกายของนางเข้าไปยังห้องใต้บันได ทั้งที่บ้านหลังนี้ออกใหญ่โต เหตุใดที่พักจึงคับแคบนัก กระนั้นยังมีกลิ่นหอมจาง ๆ ลอยปะทะโสตประสาทให้ได้รู้สึกผ่อนคลาย เกรงว่าเจ้าของห้องเดิมคงรักสะอาดอยู่ไม่น้อย
^亥时 (haìshí | ยามฮ่าย) - 21:00 - 23:00 เดิมเรียก 人定 (réndìng | คนนิ่ง)
ร่างสูงเดินวนไปมาอยู่หน้าตำหนัก มือแกร่งไพล่หลังเคร่งขรึม เหล่านางกำนัลและองครักษ์มองตามก็พลอยปวดเศียรเวียนเกล้าไปเสียด้วย"เอ่อ...รัชทายาท พระทัยเย็น ๆ พ่ะย่ะค่ะ อีกไม่นาน ไม่นานเกินรอ" เย่จงเทียนเอ่ยปลอบประโลมทว่ากู้หย่งเฟิงกลับหน้านิ่วคิ้วขมวด "จงเทียน ข้าเป็นห่วงนาง เหตุใดจึงนานนัก หมอทำเป็นหรือไม่"เย่จงเทียนยกมือเกาแก้ม เอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม"องค์รัชทายาท นี่ผ่านไปยังไม่ถึงหนึ่งเค่อ [1] เลยนะพ่ะย่ะค่ะ"กู้หย่งเฟิงตวัดสายตามองฉับ เย่จงเทียนหน้าหงอทันควัน "หนึ่งหรือสองเค่อก็นานทั้งนั้น ข้าเป็นห่วงนางใจแทบขาดแล้ว"..ภายในตำหนัก"เบ่งเพคะ เอ้า หนึ่ง สอง..." มือเหี่ยวย่นช่วยประคองครรภ์กลมโตพลางทำปากพองลมตาม"อื้อ..." ซ่งซูหลานพยายามออกแรงเบ่งเสียจนเหงื่อกาฬแตกพลั่กลี่ถังและเฉินซู่คอยซับเหงื่อให้ผู้เป็นนายอยู่ไม่ห่าง ขณะที่พระชายาเบ่งพวกนางก็ออกแรงเฉกเช่นตนจะคลอดด้วยเสียเอง"พระชายา อีกนิดเท่านั้นท่านอดทน
ซ่งหยวนหมิงได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้ให้ตรวจสอบเรื่องการฉ้อราษฎร์บังหลวงของขุนนางที่ตำบลเลี่ยงหลินอย่างลับ ๆ เขาระแคะระคายมาสักพักแล้วว่ากงเจิ้งจงกำลังคิดกระทำการบางอย่าง คาดไม่ถึงว่านอกจากไม่ส่งความช่วยเหลือมายังราษฎร กลับอ้างชื่อของรัชทายาทเพื่อทำเรื่องต่ำช้าสร้างความเข้าใจผิดให้ใต้หล้า ซ้ำยังลอบทำร้ายรัชทายาทในพิธีล่าสัตว์ฮ่องเต้กู้ฮ่าวเทียนทราบดีว่าเขามิอาจกักบริเวณรัชทายาทได้จริงดังว่า จึงให้ใต้เท้าซ่งรวบรวมกำลังทหารไปสมทบ นอกจากจับได้ทั้งคนพร้อมหลักฐานแล้ว สิ่งที่ลำบากใจที่สุดยามนี้ก็คือ กงเจิ้งจงคือบิดาของกงกุ้ยเฟย ซ้ำร้ายกงกุ้ยเฟยยังเคยวางยาห้ามครรภ์ให้บรรดาสนมคนอื่น ๆ รวมถึงฮองเฮาด้วย ทว่าจางฮองเฮากลับสามารถให้กำเนิดโอรสได้หนึ่งพระองค์ หลังจากรัชทายาทประสูติไม่นานร่างกายของจางฮองเฮาก็มิสู้ดีมาโดยตลอด กระทั่งกู้หย่งเฟิงรู้ความ นางก็ได้จากไปอย่างสงบกงเจิ้งจงกระทำการอุกอาจเช่นนี้เพียงต้องการให้เปลี่ยนตัวรัชทายาทแห่งแคว้น เพราะตนมิอาจควบคุมกู้หย่งเฟิงได้ ทว่าองค์ชายทั้งสองกลับมิได้รู้เห็นด้วย ฮ่องเต้จึงทำการสำเร็จโทษกงเจิ้งจงด้วยทัณฑ์ของกบฏขั้นสูงส
ซ่งซูหลานตกใจสะดุ้งโหยง บรรดาชายชุดดำด้านหลังต่างวิ่งกรูเข้ามา ซ่งซูหลานล้วงเอาระเบิดปิงปองสามสี่ลูกออกจากกระเป๋า แล้วจึงใช้อุปกรณ์จุดไฟที่ประดิษฐ์ขึ้นจุดชนวนด้านบน โชคดีที่เส้นทางในถ้ำคับแคบ ชายเหล่านั้นเลยไม่อาจดาหน้าเข้ามาในคราวเดียวกันซ่งซูหลานปาระเบิดปิงปองออกไปอย่างรวดเร็ว"วิ่ง!"กู้หย่งเฟิงกุมมือซ่งซูหลานไว้เหนียวแน่น พวกเขาตะบึงอย่างไม่คิดชีวิต ภายในถ้ำเริ่มเกิดการสั่นสะเทือนตู้ม!!แรงระเบิดทำให้หินนับร้อยร่วงกราวลงมาดุจใบไม้แห้ง ที่นี่กำลังจะพังทลาย"บัดซบ! จับพวกมันมาให้ได้" เสียงทุ้มตะโกนไล่หลังฝีเท้านับร้อยคู่วิ่งกรูใกล้เข้ามาทุกขณะ พร้อมกับเสียงโอดโอยร้องดังระงม ถึงแรงระเบิดไม่อาจคร่าชีวิต ทว่าสามารถสร้างรอยบาดแผลเพื่อลดทอนกำลังฝ่ายตรงข้ามได้ทั้งสองมาถึงทางออกแล้ว แต่วิธีออกไปกลับไม่เหมือนยามที่ตนเข้ามากู้หย่งเฟิงพยายามคลำหาเปะปะ "ตรงไหนกันเล่า"ซ่งซูหลานหายใจหอบเหนื่อย "ข้าหาเอง"ทั้งสองช่วยกันคลำไปทั่วผนัง ทว่าเบื้องหลังกลับถูกอีกฝ่ายล้อมไว้ ชายร่างสูงสวมหน้ากากเยื้องย่างด้วยท่าทีใจเย็น
ซ่งซูหลานหัวใจไหวระทึก ชายฉกรรจ์ทั้งสองเยื้องย่างใกล้เข้ามาทุกขณะ อยู่ ๆ ปากของนางก็ถูกฝ่ามือใครบางคนตะปบปิดเอาไว้"อื้อ..." นัยน์ตาดอกท้อเบิกกว้างตื่นตระหนกผู้ใดกัน!?"ชู่ว..."นางรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดใบหู ซ่งซูหลานมิกล้าขยับส่งเดช มือแกร่งโยนบางอย่างไปอีกฝั่งจี๊ด จี๊ด จี๊ด...บุรุษในชุดสีทะมึนหันตามขวับ"โถ่ บัดซบ! ที่แท้ก็หนูนี่เอง"เท้ากำยำเตะหินก้อนหนึ่งกระทบผนังถ้ำอย่างหัวเสีย"ไปกันเถอะ ลาดตระเวนมานานจนข้าชักเพลียแล้ว วันนี้ใต้เท้าจะลงมาดูงานด้วย"ชายอีกคนพยักหน้าตอบกลับ จากนั้นพวกเขาก็หายลับไปทางแยกด้านซ้าย ซ่งซูหลานมองตามบุรุษทั้งสองตาปริบ ๆ ทว่าเบื้องหลังกลับมีใครบางคนกำลังควบคุมนางเอาไว้ ซ่งซูหลานตัวแข็งทื่อประดุจรูปปั้น นางไม่กล้ากระทั่งหายใจแรงเสียงทุ้มกระซิบแผ่ว "เด็กดื้อ เจ้าทำตัวเช่นนี้ข้าเป็นห่วงมากรู้หรือไม่"สะ...เสียงนี่มัน...ฝ่ามือหยาบระคายลดลงแล้ว เขาจับไหล่บอบบางของคนเบื้องหน้าให้หั
เสียงบุรุษสองนายสนทนากันดังเป็นระยะ "เจ้าว่าแผนการนี้จะได้ผลหรือ รัชทายาทหาใช่คนโง่เง่า""เอาน่า อย่างน้อย ๆ สร้างชื่อเสียงให้เขาเสื่อมเสียสักหน่อย เมื่อราษฎรไม่ยอมรับเขา ต่อไปแผนการของใต้เท้าก็จะสำเร็จโดยง่าย""นั่นสินะ ข้าล่ะอยากไปร่ำสุราเคล้านารีในวังหลวงเสียจริง คงมีแต่สตรีงามหยดดุจนางฟ้า น่าเสียดายหากวันนั้นหัวหน้าไม่ห้าม รัชทายาทคงไม่รอดจวบจนวันนี้""เอาเถิด อีกไม่นานเกินรอแผนสำรองก็น่าจะสำเร็จ"วาจาคลุมเครือพร้อมท่าทางหยาบโลนของพวกเขาทำให้ซ่งซูหลานขนลุกซู่พวกนี้เองหรือที่ทำร้ายเขาปางตายในป่าไผ่ตอนนั้นทุกอย่างเป็นเช่นที่นางคาดไม่มีผิด กู้หย่งเฟิงมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องสักนิด เขากำลังถูกปรักปรำทว่าใต้เท้าที่พวกเขาเอ่ยถึงคือใต้เท้าใดกัน ในวังหลวงมีตั้งกี่ใต้เท้าเล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดขมับตุ๊บ!จู่ ๆ หินก่อนหนึ่งดันร่วงบริเวณที่นางกำลังซ่อนตัวอยู่ราวจับวาง ซ่งซูหลานตัวแข็งทื่อด้วยความตระหนก"ผู้ใด!?"แย่แล้วซูหลาน ยังไม่ทันได้เรื่องก็ไม่เหลือชีวิตไปต่อแล้ว ฮือ...ปืนกลที่พกขนาบเอ
"คุณหนู ท่านเพิ่งมาถึงมิใช่หรือ นี่ท่านกำลังทำอันใดเจ้าคะ แล้วไยจึงยังแต่งกายเฉกเช่นบุรุษอยู่อีก" ลี่ถังทราบเพียงว่าซ่งซูหลานถูกพาตัวไปอภิเษกกับรัชทายาท แต่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วนางได้เข้าพิธีอภิเษกจริงหรือไม่ เพราะตั้งแต่พบหน้าซ่งซูหลาน นางก็มิได้เอ่ยถึงเลย ลี่ถังจึงตัดสินใจเรียกอีกฝ่ายในสถานะเดิมซ่งซูหลานยังคงทำโน่นจัดนี่มือเป็นระวิง "แม่บ้านลี่ อยู่เรือนอย่าลืมปิดประตูให้ดี อ้อ...อีกอย่าง อย่าได้ออกไปไกลจากตัวเรือนเกินหนึ่งหลี่ [1] เข้าใจหรือไม่ ข้าทำเส้นกั้นไว้เรียบร้อยแล้ว"ลี่ถังงุนงง "ทำไมหรือเจ้าคะ""ข้าไม่มีเวลาอธิบายแล้ว เอาตามนี้ อย่าพาเด็ก ๆ ออกมาเล่า แล้วข้าจะรีบกลับ" ซ่งซูหลานพกกระเป๋าอุปกรณ์ที่นางตัดเย็บเองยามว่าง จึงสามารถนำมาใส่สัมภาระที่จำเป็นสำหรับภารกิจหนนี้ นางต้องรู้ให้ได้ว่าเรื่องที่ชาวบ้านถูกรีดไถเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ จะใช่คำสั่งของรัชทายาทจริงหรือซ่งซูหลานมุ่งหน้าออกจากเรือนโดยไม่ลืมกำชับลี่ถังอีกหน เพราะนางได้วางกับดักเอาไว้โดยรอบ ทั้งยังมีดินประสิวใ