เสี่ยวหลันจื่อเดินออกมาจากป่าอย่างทุลักทุเลเพราะอาการบาดเจ็บและฝนที่พึ่งตกไป แล้วตอนนี้ก็มืดสนิทแม้เธอจะใช้ระบบสแกนนำทาง แต่มันจะเหมือนตาเปล่าที่มองเห็นทางได้ยังไง มีความทรงจำของร่างเดิมก็คงดีสิ เสี่ยวหลันจื่อคิดในใจ
ติ๊ง เสียงดังขึ้นหัวของเธอ กำลังประมวลผล จากนั้นความทรงจำหลากหลายก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอเหมือนกับการนั่งดูหนังหรือวิดีโอ แต่เธอมีความรู้สึกร่วมไปกับความทรงจำนั้นด้วย ผ่านไปสักพักเสี่ยวหลันจื่อถึงกับชาวาบไปทั้งตัวเมื่อได้รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้ อวี้ซูเหยา เจ้าของร่างเดิม ต้องตายคืออะไร “นี่มันไม่มากไปหน่อยหรือ ระบบ ระบบ ฉันอยากกลับไป พาฉันกลับไปนะ ไม่เอา ไม่เอาแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อตะโกนเสียงดังคล้ายกำลังจะสติแตกอยู่เต็มที จากนั้นก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง ถึงเธอจะเคยดูหนังสยองขวัญมาเยอะแต่การถูกทรมานของอวี้ซูเหยานี่มันน่ากลัวจริง และความทรงจำที่ไหลเข้ามาในหัวเธอมันคล้ายกับว่าเป็นความทรงจำของเธอเอง และอาการหวาดกลัวที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจนั้นไม่เหมือนมาจากอวี้ซูเหยาเจ้าของร่างเดิมแต่มันเหมือนมาจากตัวเธอเอง เสี่ยวหลันจื่อคุกเข่าลงกอดตัวเองตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวก่อนที่สติจะดับวูบไป เสียงฟาดของแส้และความเจ็บปวดปลุกให้เสี่ยวหลันจื่อลืมตาตื่นขึ้น รับรู้ได้ถึงความเย็นของน้ำที่ถูกสาดมาที่เธอ “ฟื้นแล้วหรือ เฆี่ยนต่อไปหากนางสลบ ก็ใช้น้ำเกลือสาดปลุกให้ตื่น ทำต่อไปจนกว่านางจะตาย” เสียงคำรามด้วยความพิโรธดังก้องโสตประสาทของเสี่ยวหลันจื่อ นี่มันอะไรกันฉันอยู่ที่ไหน แล้วความทรงจำก็วูบเข้ามาในหัวทำให้เสี่ยวหลันจื่อรู้ว่าที่นี่คือคุกใต้ดินในจวนอ๋อง และคนที่ถูกเฆี่ยนอยู่ คืออวี้ซูเหยา หนึ่งในนางกำนัลที่ถูกส่งมาโดยไทเฮา ให้มาทำหน้าที่รับใช้ข้างกายชินอ๋อง พูดให้ชัดคือ ส่งมาให้เป็นอนุของ เซียวอี้เหิง ผู้เป็นอนุชาร่วมอุทรของฮ่องเต้ เซียวหยวนหมิง เหตุเพราะเซียวชินอ๋องผู้นี้อายุยี่สิบห้าแล้วแม้แต่สาวใช้อุ่นเตียงก็ยังไม่มีสักคน ไทเฮากังวลว่าบุตรชายคนเล็กของตนจะเป็นบุรุษตัดแขนเสื้อเหมือนในข่าวลือที่เคยได้ยินมาจึงส่งนางกำนัลของตนที่ทรงเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเล็กให้กับชินอ๋องและเพื่อทดสอบว่าบุตรชายของตนยังคงเป็นบุรุษเต็มตัวอยู่หรือไม่ ถึงแม่เซียวอี้เหิงจะยอมรับนางกำนัลเหล่านั้นเข้ามาในจวนเพราะรู้สึกรำคาญใจหากปฏิเสธคนของไทเฮา ก็จะเป็นฮ่องเต้ที่ส่งมาแทน เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ดังนั้นเขาจึงสั่งให้พ่อบ้านใหญ่ที่ดูแลจวนเป็นคนจัดการหาที่อยู่ให้พวกนางแต่เขาไม่เคยสนใจปล่อยให้พวกนางอยู่ในจวนไปอย่างนั้น เมื่อเข้ามาในจวนชินอ๋องได้แล้ว เหล่าสาวงามที่มีความทะเยอทะยานอยากเป็นหนึ่งในพระชายาของชินอ๋องผู้สูงส่ง หรือเพียงแค่มีฐานะเป็นอนุภรรยา ก็สามารถทำให้พวกนางสบายไปทั้งชาติแล้ว ต่างพยายามพาตนเองไปอยู่ในสายตาของท่านอ๋อง บุรุษที่ทั้งสูงส่งและสง่างาม มากกว่าใครในเมืองหลวง ดวงตาดำคมราวกับรัตติกาลนิรันดร์ใต้เรียวคิ้วเข้มหนาที่โก่งรับกับจมูกโด่งเป็นสันก็สามารถทำให้คนมองนิ่งหัวใจสั่นสะท้านดั่งต้องมนต์สะกด ใบหน้าคมที่มีลูกผมยาวตรงไรหูดูรับกับผิวขาวตามแบบฉบับบุรุษที่โตเต็มวัย ยิ่งทำให้เขาดูโดดเด่นกว่าผู้คนที่อยู่รอบกาย ร่างสูงใหญ่กว่าคนทั่วไปยิ่งทำให้เขาโดดเด่นไม่ว่าสตรีใดที่ได้เห็นความองอาจสง่างามล้วนอยากเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด ไหล่หนากว้างที่ตั้งตรงดูผึ่งผายจนทำให้สาวๆ แอบเก็บไปฝันถึงความอบอุ่นของแผงอกนั้น ในยามที่ริมฝีปากบางได้รูปเม้มเข้าหากันเบาๆ ใบหน้าคมที่ว่าน่ามองอยู่แล้วยิ่งดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากยิ่งขึ้นอวี้ซูเหยา คือหนึ่งในคนที่คิดแบบนั้น นางคิดว่าตนเองงดงามที่สุดในเมืองหลวงไม่มีหญิงใดเทียม และนางมีความมั่นใจในตัวเองสูงคิดว่าฐานะของนางในจวนอ๋องนั้นสูงส่งกว่าใครเพราะนางเป็นคนของไทเฮา หากว่าท่านอ๋องได้ร่วมหลับนอนกับนางแล้วจะต้องหลงใหลและไปจากนางไม่ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงใช้หลายวิธีเพื่อเข้าหาท่านอ๋องผู้เป็นที่รัก แต่ไม่ว่านางจะใช้วิธีไหนก็ได้รับเพียงความเฉยชาจากท่านอ๋อง ดวงตาสีรัตติกาลยามที่มองมานั้นดูลึกลับและเยือกเย็นจนยากที่จะเข้าใจ ไม่ใช่แค่นางที่ถูกส่งมาที่ชวนชินอ๋องยังมีอีสามคนที่เป็นคู่แข่งของนาง อวี้ซุเหยาไร้ทางเลือกเพราะความเฉยชาของเขานางจึงเสี่ยงวางยาปลุกกำหนัดแก่เซียวอี้เหิง ยานี้นางได้มาจากหมอพเนจรผู้หนึ่ง ในตอนแรกนางไม่กล้าใช้ กลัวว่ามันจะไม่ได้ผลจึงแอบวางยาบ่าวรับใช้ชายที่ดูแลคอกม้าเพื่อทดลองผลของยา ใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยามกว่ายาจะออกฤทธิ์ ตรวจสอบไม่ได้ไร้สีไร้กลิ่นใส่เพียงหนึ่งหยดก็แทบทำให้คนคลั่งได้แล้ว
อวี้ซูเหยาติดสินบนบ่าวที่รับหน้าที่ชงชานางวางแผนให้เขาหยดยาลงในน้ำชาของเซียวอี้เหิงในตอนเย็นหลังรับประทานอาหารแล้ว จากนั้นจึงรอเวลาและเพราะนางได้ติดสินบนคนเฝ้าประตูเรือนด้านนอกสั่งเอาไว้แล้วว่าถ้าหากท่านอ๋องไปอาบน้ำให้รีบมาตามนางจากนั้นจึงเฝ้ารอ และเวลาที่เซียวอี้เหิงอาบน้ำตอนเย็นก็มาถึง ปกติตอนที่เขาแช่น้ำในบ่อน้ำพุร้อนจะไม่ชอบให้ใครเข้ามาเฝ้า ดังนั้นทางจึงสะดวก เซียวอี้เหิงที่แช่น้ำหลับตาพิงขอบสระด้วยท่าทางผ่อนคลาย แต่จู่ ๆ ร่างกายของเขาก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ และรู้สึกว่าแก่นกายด้านล่างของตนกำลังแข็งตัวขึ้นทีละนิด ความร้อนรุ่มเข้าถาโถมอย่างยากจะควบคุม เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นมาบนหน้าผากความปรารถนาร้อนแรงที่ท้องน้อยผสมผสานกับไฟโทสะ แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น
เซียวอี้เหิงพยายามใช้ลมปราณเพื่อสกัดกั้นอารมณ์ที่กำลังจะปะทุของตน เสียงสวบสาบก็ดังขึ้นทางด้านหลัง คราวนี้เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าตนเองถูกวางยาแน่แล้ว น่าตายนักใจกล้าเหลือเกินเขาคงใจดีเกินไปสินะ ในสมองก็คิดอย่างหนึ่งแต่ร่างกายกลับไม่ฟัง เซียวอี้เหิงคว้าตัวอวี้ซูเหยาเข้าหาตนแล้วกระชากเสื้อผ้าของนางออกจนหมด จากนั้นไม่นานเสียงครวญครางก็ดังแว่วออกมาจากบ่อน้ำพุร้อน จนกระทั่งรุ่งสางฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดจึงหมดลง เซียวอี้เหิงลุกออกจากตัวของอวี้ซูเหยาอย่างรังเกียจ สายตาลึกล้ำดำมืดที่เหมือนคมมีดมองร่างเล็กที่หมดสติไปนานแล้ว เหมือนกับมองคนตาย ในเมื่อเจ้าใจกล้าไม่กลัวตายเช่นนั้นข้าก็จะให้เจ้าได้ลิ้มลองว่าการอยู่ไม่สู้ตายเป็นอย่างไรตอนพิเศษ2“คิดจะพาลูกของข้าหนีไปที่ใด เจ้าตัวแสบ”เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากทางหน้าเรือนเสี่ยวหลันจื่อก็หันขวับไปทันที นางเห็นร่างสูงโปร่งที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าเรือน บุรุษที่ เหล่อเหลาที่สุดของนางบุรุษที่นางคิดถึงอยู่ทุกวันแม้ในยามหลับฝัน บุรุษของนางกลับมาแล้ว เสี่ยวหลันจื่อวิ่งเข้าสู่อ้อมแขนที่กำลังยกขึ้นเพื่อรอรับนาง“ยินดีต้อนรับท่านอ๋องของข้า”เสี่ยวหลันจื่อยิ้มทั้งน้ำตา ในที่สุดเขาก็กลับมาอย่างปลอดภัย“ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก ทำไมท่านไม่ส่งจดหมายกลับมาหาข้าบ้างเลย”เซียวอี้เหิงลูบผมยาวนุ่มสลวยของนางอย่างแสนคิดถึง“ข้าได้อ่านจดหมายของเจ้าทุกฉบับ แต่ที่ข้าไม่ได้ตอบกลับมาก็เพราะข้าอยากมาตอบเจ้าด้วยตนเอง” เซียวอี้เหิงก้มลงจูบปากอวบอิ่มของสตรีที่เขารักประหนึ่งดวงใจ เนิ่นนานกว่าเขาจะปล่อยนางเป็นอิสระ“ข้ากลับมาแล้วชายารัก ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน”เสี่ยวหลันจื่อโผเข้ากอดร่างสูงอีกครั้งอย่างมีความสุข หลังจากที่ทุกคนกลับมาก็ได้รับข่าวดีว่าเสี่ยวหลันจื่อตั้งครรภ์ แม้แต่ผู้ปกครองทั้งวังหน้าและวังหลังก็ยังส่งของมาร่วมยินดีกับว่าที่บิดามารดามือใหม่ที่จวนอ๋อง แต่เจ้าของจวนทั้งสองกลับไม่มีใครอ
ตอนพิเศษ.......เซียวอี้เหิงได้รับสามรลับมาจากชายแดนว่าแคว้นฉู่ได้ยกทัพมาประชิดชายแดนเมืองชิงโจวแล้ว สี่ยวหลันจื่อที่รู้เข้าก็ตกใจอดีต รัชทายาทถูกจับกุมแล้วตระกูลกู้ก็ถูกประหารแล้วเหตุใดสงครามยังมีอยู่อีก แสดงว่านางไม่สามารถเปลี่ยนเนื้อเรื่องทั้งหมดได้ เสี่ยวหลัน จื่อเดินวนไปวนมานางกำลังกังวลเรื่องสงคราม แต่เซียวอี้เหิงกลับมีท่าทีสบายๆ“ท่านไม่กังวลใจเลยหรือ สงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะเหตุใดท่านจึงยังสบายอกสบายใจได้อยู่อีก”เสี่ยวหลันจื่อเอ็ดเซียวอี้เหิงเสียงเขียว นางกังวลใจจะตายอยู่แล้วเจ้าตัวที่ต้องนำทหารออกรบกลับยังทำหน้าระรื่นอยู่อีก“จื่อเอ๋อเจ้าจะกังวลไปใย การลงสนามรบของข้าก็เป็นเพียงการคืนสู่เหย้าเท่านั้น ฉู่หมิงเทียนจะทำอันใดได้ ดูท่าจะยังไม่รู้เรื่องที่พันธมิตรของเขาล่มไปแล้ว ข่าวสารแคว้นฉู่ช่างล่าช้าเสียจริง”ความจริงเซียวอี้เหิงให้คนของเขาสกัดสายลับของแคว้นฉู่เอาไว้ไม่ให้ส่งข่าวไปที่รัชทายาทฉู่หมิงเซียว เขาอยากจะใช้สงครามครั้งนี้กำหราบเจ้าโง่ที่ชอบอวดตัวว่าตนเองแข็งแกร่งทั้งที่รู้เรื่องการรบแค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้น ทั้งยังเอาแต่ยั่วยุทหารของเขาที่ชิงโจวแต่กลับไม่กล้าสู้กันซึ่ง
บทส่งท้ายเซียวอี้เหิงพาเสี่ยวหลันจื่อกลับไปที่จวน เขาขังนางเอาไว้ในห้องกับตนเองถึงห้าวันเพื่อเป็นการลงโทษเสี่ยวหลันจื่อขอร้องเขาอย่างไรเซียวอี้เหิงก็ไม่ใจอ่อน แม้นางจะบีบน้ำตาก็ตาม จะไม่ให้เสี่ยวหลันจื่ออ้อนวอนเขาได้อย่างไรการลงโทษของเซียวอี้เหิงนั้นช่างวาบหวิวน่าอายนัก เจ้าคนเย็นชานี่ไม่นึกเลยว่าเมื่อได้ลองเรื่องนี้แล้วจะติดใจจนแทบไม่ปล่อยนางลงจากเตียง ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรียวแรงมากที่ใดเคี่ยวกรำเสี่ยวหลันจื่อทั้งวันทั้งคืนนจนนางระบบไปหมดแล้วเขาคิดว่าตนเองแค่เล็กๆ อย่างนั้นหรือ“ท่านอ๋องข้าขอร้อง ข้ารับไม่ไหวแล้วส่วนล่างของข้าระบมไปหมดแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อโอดครวญเสียงหวาน“ข้าเคยได้ยินท่านหมอบอกว่าเมื่อเราเป็นแผลที่ใดให้ใช้น้ำลายแตะก็จะหายเร็ว มาเถอะชายารักข้าจะใช้น้ำลายช่วยรักษาให้เจ้าเอง”เซียวอี้เหิงจับขาทั้งสองข้างของเสี่ยวหลันจื่อชันขึ้นแล้วเขาก็ก้มตัวลงไปละเลงลิ้นบนความชุ่มฉ่ำของนางรียกเสียงครางหวานออกมาจากริมฝีปากแดงช้ำเพราะถูกจูบเซียวอี้เหิงจูบจนนางแทบสำลักลมหายใจเสี่ยวหลันจื่อตอนนี้ในหัวของนางขาวโพลน ไม่รู้ว่าเซียวอี้เหิงวางยาอะไรนางแต่ตอนนี้นางต้องการเขาให้เติมเต็มส่วนล่า
เสี่ยวหลันจื่อร้อนใจเป็นอย่างมากรีบพาเซียวอี้เหิงกับองครักษ์หลายนายตรงไปที่เรือนหลังหนึ่งทางทิศใต้ของเมืองหลวง เรือนหลังนี้ไม่โดดเด่นนักเหมือนกับเรือนหลังอื่นในระแวกนี้ แต่ครั้งก่อนที่นั่นมีทางลับที่องค์ชายสามทำเอาไว้ เขาไม่มีโอกาสได้ใช้แต่เป็นกู้รั่วอวิ๋นต่างหากเมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนยังไม่มีผู้ใดเข้ามาที่นี่ เพราะเมื่อคืนมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ถ้ามีคนมาที่นี่จะต้องมีรอยเท้าอย่างแน่นอน“นางยังมาไม่ถึงที่นี่ อาจเพราะมีทหารออกค้นหาทั่วเมืองจึงทำให้นางไม่สะดวกประกฏตัว” เซียวอี้เหิงวิเคราะห์“จื่อเอ๋อ เจ้ากลับไปรอฟังข่าวที่จวนดีหรือไม่ที่นี่อันตรายนัก หากกู้รั่วอวิ๋นกับพวกของนางมาที่นี่จะต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นแน่”เสี่ยวหลันจื่อทำท่าไม่ยินยอม นางอยากเห็นกับตาว่ากู้รั่วอวิ๋นถูกจับไม่อย่างนั้นนางไม่สบายใจ“ท่านอ๋องคนของเรามากเพียงนี้ยังต้องกลัวนางอีกหรือ ท่านให้ข้าอยู่ที่นี่เถอะ ข้ารับรองจะอยู่ด้านหลังตลอดไม่ทำตัวเป็นฮีโร่แน่”เซียวอี้เหิงถอนหายใจอย่างจนใจกับความดื้อดึงของเสี่ยวหลันจื่อแม้เขาจะไม่รู้ว่าฮีโร่คือสิ่งใดเเต่เขาก็ยอมตามใจนาง “เช่นนั้นเจ้าอย่าออก
“ท่านยาย”ประโยคแรกที่เสี่ยวหลันจื่อเอ่ยขึ้นหลังจากที่นางได้สติ เสี่ยวหลันจื่อโผเข้าหาแม่เฒ่าสวีทันทีกอดนางร้องไห้ออกมาเสียงดังจนทุกคนในเรือนตกใจ พวกเขาสงสัยว่านางเป็นอะไรหลังจากที่ตื่นเหตุใดจึงได้ร้องไห้คร่ำครวญเพียงนั้น แม่เฒ่าสวีทำอะไรไม่ถูก็ได้แต่กอดปลอบนาง เซียวอี้เหิงสังเกตทุกอิริยาบทของเสี่ยวหลันจื่อ ตอนแรกเขาคิดว่านางกำลังละเมอแต่ว่าไม่ใช่“แม่นางเจ้า.....รู้จักข้าหรือ” เม่เฒ่าสวีถามเสี่ยวหลันจื่ออย่างไม่เเน่ใจหลังจากที่นางตั้งสติได้แล้ว เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้าให้แม่เฒ่าสวีอย่างจริงจัง“ไม่เพียงแต่ท่านที่ข้ารู้จัก ข้ารู้ยังจักทุกคนเกินครึ่งหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ ถ้าท่านไม่เชื่อข้าสามารถบอกชื่อพวกเขาให้ท่านฟังได้นะ”เเล้วเสี่ยวหลันจื่อก็เอ่ยชื่อของชาวบ้านที่นางรู้จักบางคนแม้กระทั่งว่าบ้านของพวกเขาตั้งอยู่ตรงไหนของหมู่บ้านนางก็สามารถบอกได้ถูก แม่เฒ่าสวีรู้สึกอัศจรรย์ยิ่งนัก แม้แต่เซียวอี้เหิงที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ก็ยังคล้อยตาม“ข้าดีใจจริงๆ ที่พวกท่านทั้งหมดยังอยู่ ข้าสัญญาว่าจะต้องปกป้องท่านเอาไว้ให้ได้” แม้แม่เฒ่าสวีจะยังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ก็ยิ้มให้กับท่าทางที่น่
เมื่อเสี่ยวหลันจื่อหลับไป ภายในความฝันร่างของนางค่อยๆ ล่องลอยไปไกล จนถึงสถานที่แห่งหนึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาตอนนี้นางกำลังยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่นางรู้สึกคุ้นเคยเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้ว่านั่นเป็นบ้านของใครแต่นางกลับรู้สึกคิดถึงที่นี่มาก คล้ายกับว่าตนเองเคยอยู่เมื่อนานมาแล้ว นางผลักบานประตูที่ทำจากไม้เนื้อแข็งดูเก่าเหมือนจะถูกสร้างมานานหลายปีแล้วแต่ยังดูเเข็งเเรงเมื่อเดินเข้าไปในบ้านเสี่ยวหลันจื่อเห็นต้นอู๋ถงที่ล้านหน้าบ้านออกดออกบานสะพรั่งสวยงาม นางเดินไปเก็บดอกที่หล่นบนพื้นขึ้นมาดม เสียงพูดคุยภายในเรื่อนหลังน้อยแต่ดูอบอุ่นเรียกความสนใจของเสี่ยวหลันจื่อให้หันไป นางเดินตามเสียงนั้นผ่านห้องโถงเลยไปจนถึงห้องครัวนางพบสองผู้เฒ่าวัยชราที่กำลังถกเถียงกันอยู่เหมือนสองผู้เฒ่าจะรู้การมาของนางทั้งสองหันมายิ้มให้เสี่ยวหลันจื่อและพูดกับนางบางอย่าง แต่เสี่ยวหลันจื่อไม่ได้ยิน นางพยายามที่จะฟังแต่เหมือนเสียงนั้นจะค่อยๆ ห่างไกลออกไปนางรู้สึกเหมือนจะขาดใจเสี่ยวหลันจื่อร้องไห้ออกมาพร้อมทั้งตะโกนเรียกทั้งสองคนเสียงดัง“จื่อเอ๋อ! จื่อเอ๋อ! ตื่นร็วเกิดอะไรขึ้น” เป็นเซียวอี้เหิงที่เขย่าตัวปลุก