“ดียิ่งนัก กินข้าวในจวนของข้าแล้วยังร่วมมือกันคนอื่นมาลอบทำร้ายข้าใจกล้าไม่เบา เอาตัวสองคนนี้ไปตัดแขนและตัดลิ้น จากนั้นส่งพวกมันไปที่เรือนไผ่งาม” เสียงร้องขอความเมตตาจากทั้งสองคนดังระงมไปทั้งจวน ใครไม่รู้บ้างว่าเรื่อนไผ่งานที่มีชื่อไพเราะนี้คือหอโคมเขียวสำหรับบุรุษ ข้ารับใช้ในจวนต่างพากันหัวหดเพราะหวาดกลัวในความอำมหิตของชินอ๋องผู้นี้
เซียวอี้เหิง เมื่อนึกถึงตรีน่าตายที่อยู่ในคุกใต้ดินแล้วยิ่งมีใบหน้าถมึงทึงไม่น่ามอง เหล่าองครักษ์ ไม่เคยเห็นท่านอ๋องของพวกเขาโกรธมากขนาดนี้มาก่อน
“เวรกรรม” เสี่ยวหลันจื่อพึมพำออกมาเบาๆ นี่เราคงไม่ได้จะถูกทรมานจนตายอีกรอบหรอกนะ เสี่ยวหลันจื่อที่กำลังจะร้องขอความเมตตา ก็ถูกแส้เฆี่ยนหลังอย่างแรง เธอเป็นคนที่มาจากโลกที่มนุษย์เท่าเทียมกันไหนเลยจะเคยเจอการทรมานแบบนี้“ถอดเล็บเท้านางออกให้หมด” เสี่ยวหลันจื่อถึงกับขนลุกไปทั้งตัว เสียงเกรี้ยวกราดนี้เหมือนกับเสียงที่มาจากนรกขุมที่ลึกที่สุดที่เหมือนกำลังจะกระชากวิญญาณของเธอ
“ไม่นะ ระบบช่วยฉันด้วย” เสี่ยวหลันจื่อตะโกนออกไปสุดแรงเกิดที่นางมี แต่สิ่งที่คนอื่นได้ยินคือเสียงพึมพำเบาๆ “นางกำลังพูดอะไร ตาแก่มาฟังซิ” หญิงชราขยับออกจากเตียงเล็กเพื่อเปิดทางให้สามีเข้ามาฟังว่าเด็กสาวที่นอนสลบไม่ได้สติกว่าสิบวันคนนี้พูดอะไร ก่อนที่ชายชรากำลังจะก้มลงฟังเสียงพึมพำจับใจความไม่ได้ เสียวหลันจื่อก็ลืมตาโพลงขึ้น ทำให้ชายชราตกใจจนผงะถอยหลังไป“โอ้ ฟื้นแล้วหรือแม่หนู ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้าง ตาแก่รีบไปตามท่านหมอซูมาเร็ว บอกว่านางฟื้นแล้ว”
ชายชรารีบออกไปตามคำสังของฮูหยินเฒ่าของตน เสี่ยวหลันจื่อมองไปรอบๆ ห้องเล็กที่ตนเองกำลังนอนอยู่จึงได้รู้ว่าสิ่งที่ตนเห็นว่ากำลังถูกทรมานมันคือความฝัน ช่างเป็นความฝันที่เหมือนจริงมากอะไรอย่างนี้ น่ากลัวจริงๆ“ที่นี่ที่ไหน......หรือเจ้าคะ” เสี่ยวหลันจื่อใช้เสียงที่แหบแห้งของตนเองถามหญิงชราข้างเตียง เพราะไม่ค่อยคุ้นเคยกับวิธีการพูดของคนยุคนี้จึงฟังแล้วค่อนข้างตะกุกตะกัก
“ที่นี่คือบ้านของข้าเอง หมู่บ้านเถาฮวาข้ากับตาแก่ขี่เกวียนผ่านมาเห็นเจ้าล้มฟุบอยู่ข้างทางจึงช่วยมาไม่นึกว่าจะบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ เจ้าสลบไปถึงสิบวัน ตอนแรกหมอซูบอกว่า ไม่มีหวังแล้ว ข้าคิดว่าไหน ๆ ก็ช่วยมาแล้วก็ช่วยให้ถึงที่สุดแล้วกัน”“มาแล้วๆ ท่านหมอซูมาแล้วยายเฒ่า” ชายชรารีบเข้ามาในห้องพร้อมกับ ชายวันกลางคนอายุราวสี่สิบกว่าปี สะพายกล่องยาไว้ที่หัวไหล่ บ่งบอกว่าเขาคือหมอซูที่ชายชราพูดถึง
“ข้าขอตรวจชีพจรของเจ้าหน่อย” หมอซูนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง ไม่พูดพร่ำให้เสียเวลา เพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าหญิงสาวคนนี้รอดมาได้อย่างไร ก็ในเมื่อตอนแรกชีพจรของนางอ่อนแรงรวมทั้งอาการบาดเจ็บสาหัสจนแทบจะเหมือนคนตาย
หมอซูหลับตาจับชีพจรของเสี่ยวหลันจื่อครู่หนึ่ง ก็โพล่งขึ้นว่า “ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ชีพจรของเจ้าเต้นไม่ต่างจากคนปกติทั่วไปเลย ทั้งๆ ที่บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น ยังรอดมาได้ราวกับปาฏิหาริย์”
เสี่ยวหลันจื่อมองหมอซูที มองหญิงชราที “ข้าหายแล้วยังงั้นหรือ แล้วแผลที่หลังละ” เสี่ยวหลันจื่อเอื้อมมือไปสัมผัสที่หลังของตัวเองกลับพบว่ามันไม่เจ็บเลยสักนิดคลายกับว่าแผ่นหลังของนางไม่เคยบาดเจ็บมาก่อน “อืม .....คงจะหายจริงๆ ข้าไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ท่านหมอท่านเก่งมาก”เสี่ยวหลันจื่อยิ้มพร้อมกับชมในฝีมือการรักษาของหมอซู หมอซูพยักหน้าพร้อมกับยิ้มแห้งๆ ให้นางหนึ่งทีเพราะเขาไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพียงแค่รักษาตามอาการ ตอนที่เห็นบาดแผลครั้งแรกเขาตกใจแทบเป็นลม แผ่นหลังของนางถูกเฆี่ยนจนแตกยับเนื้อหนังเปื่อยยุ่ยออกมา แทบจะมองไม่ออกว่าเคยเป็นแผ่นหลังของมนุษย์
“เดี่ยวข้าจะเขียนเทียบยาบำรุงให้นางสักหน่อย ต้มให้นางกินอีกสักสิบวันนางก็หายเป็นปกติ” หลังจากเขียนเทียบยาเสร็จหมอซูก็จากไป
“เจ้าสลบไปหลายวันคงจะหิวเดี๋ยวข้าเอาโจ๊กมาให้เจ้า กินสักหน่อยจะได้มีแรง” หญิงชรามองเสี่ยวหลันจื่อเล็กน้อยเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่างก่อนจะเดินออกจากห้องไป ผ่านไปหนึ่งเดือนเสี่ยวหลันจื่อยังคงพักอยู่กับสองสามีภรรยาผู้เฒ่าสกุลหลิว ชายชรามีชื่อเต็มว่าหลิวฝูไห่ และภรรยามีชื่อว่าสวีเหมยฮวา ทั้งสองมีอาชีพทำนา เมื่อก่อนผู้เฒ่าหลิวมีอาชีพล่าสัตว์ขายแต่หลังจากผู้เฒ่าหลิวถูกหมูป่าทำร้ายหญิงชราจึงขอร้องอ้อนวอนให้สามีของตนเลิกเข้าป่าล่าสัตว์ แล้วหันมาทำนาแทน ทั้งสองพอมีเงินเก็บอยู่บ้างจึงไม่ลำบากอะไร สองสามีภรรยาไม่มีลูกด้วยกันแต่ทั้งสองก็ยังอยู่ด้วยกันด้วยความรัก แม่เฒ่าสวีเคยคิดรับเลี้ยงเด็กสักคนแต่หลิวฝูไห่ผู้เป็นสามีบอกว่าอยู่ด้วยกันแค่สองคนก็ไม่เป็นไร เขาจะเป็นคนดูแลนางเอง แล้วทั้งสองก็อยู่ด้วยกันมากว่าสี่สิบปีแล้ว เสี่ยวหลันจื่อยังได้เล่าสาเหตุที่ตนเองถูกทำร้ายแบบบิดเบือนเล็กน้อย ให้แก่แม่เฒ่าสวีฟังว่าตนเคยเป็นสาวใช้ในจวนขุนนางแต่เพราะความงามของตนทำให้ถูกรังแกและถูกทำร้ายจนแทบเอาชีวิตไม่รอด หญิงชราก็เชื่อเสี่ยวหลันจื่อจนหมดใจ เพราะอวี้ซูเหยาร่างเดิมคนนี้มีใบหน้าและรูปร่างที่งดงามเป็นอย่างมาก ดวงตากลมโตดำขลับขนตางอนยาวเป็นแพราวปีกผีเสื้อ จมูกโด่งเชิดรั้นเล็กน้อย ใบหน้าเล็กเรียวรูปไข่ ผมดำยาวสยายนุ่มราวกับไหมชั้นดี รวมกับผิวขาวราวหิมะ รูปร่างอรชรอกอวบเอวเล็กคอด โดยรวมแล้วรูปร่างหน้าตาของอวี้ซูเหยา งดงามแบบฉบับที่สาวๆ แทบทั้งโลกใฝ่ฝันที่จะมีถึงแม้ใบหน้าจะซีดเซียวไปบ้างเพราะอาการบาดเจ็บแต่กลับไม่สามารถลดทอนความงามของนางได้เลย เสี่ยวหลันจื่อเห็นหน้าตัวเองในกระจกทองแดงครั้งแรกยังรู้สึกตกใจ ไม่แปลกใจเลยที่นางจะมีความมั่นใจในตัวเองว่านางจะสามารถมัดใจท่านอ๋องได้ แต่นางคำนวณผิดไปนิดเพราะอ๋องคนนี้ไม่เหมือนใคร ช่างเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจแถมยังอำมหิตอีกด้วย ถ้าหากว่าเป็นผู้ชายคนอื่นไม่แน่อาจจะวิ่งตามนางจนเบียดผู้หญิงคนอื่นจนตกขอบไปเลย ดูท่าว่าข่าวลือที่ท่านอ๋องเป็นพวกตัดแขนเสื้อจะเป็นเรื่องจริง
ตอนนี้นางคือเสี่ยวหลันจื่อไม่ใช่อวี้ซูเหยาอีกต่อไป จากนี้คงต้องวางแผนชีวิตให้ดีถึงเจ้าระบบจะบอกว่าให้เปลี่ยนเนื้อเรื่องให้สนุกและน่าสนใจขึ้นกว่าเดิมแต่นางเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ จะไปมีความสามรถอะไร ไม่มีทั้งอำนาจและเงินทอง อีกอย่างคงอาศัยสองสามีภรรยาผู้เฒ่าให้เลี้ยงดูนางตลอดไปไม่ได้ ต้องหาทางหาเงินก่อนเป็นอันดับแรก
ตอนพิเศษ2“คิดจะพาลูกของข้าหนีไปที่ใด เจ้าตัวแสบ”เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากทางหน้าเรือนเสี่ยวหลันจื่อก็หันขวับไปทันที นางเห็นร่างสูงโปร่งที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าเรือน บุรุษที่ เหล่อเหลาที่สุดของนางบุรุษที่นางคิดถึงอยู่ทุกวันแม้ในยามหลับฝัน บุรุษของนางกลับมาแล้ว เสี่ยวหลันจื่อวิ่งเข้าสู่อ้อมแขนที่กำลังยกขึ้นเพื่อรอรับนาง“ยินดีต้อนรับท่านอ๋องของข้า”เสี่ยวหลันจื่อยิ้มทั้งน้ำตา ในที่สุดเขาก็กลับมาอย่างปลอดภัย“ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก ทำไมท่านไม่ส่งจดหมายกลับมาหาข้าบ้างเลย”เซียวอี้เหิงลูบผมยาวนุ่มสลวยของนางอย่างแสนคิดถึง“ข้าได้อ่านจดหมายของเจ้าทุกฉบับ แต่ที่ข้าไม่ได้ตอบกลับมาก็เพราะข้าอยากมาตอบเจ้าด้วยตนเอง” เซียวอี้เหิงก้มลงจูบปากอวบอิ่มของสตรีที่เขารักประหนึ่งดวงใจ เนิ่นนานกว่าเขาจะปล่อยนางเป็นอิสระ“ข้ากลับมาแล้วชายารัก ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน”เสี่ยวหลันจื่อโผเข้ากอดร่างสูงอีกครั้งอย่างมีความสุข หลังจากที่ทุกคนกลับมาก็ได้รับข่าวดีว่าเสี่ยวหลันจื่อตั้งครรภ์ แม้แต่ผู้ปกครองทั้งวังหน้าและวังหลังก็ยังส่งของมาร่วมยินดีกับว่าที่บิดามารดามือใหม่ที่จวนอ๋อง แต่เจ้าของจวนทั้งสองกลับไม่มีใครอ
ตอนพิเศษ.......เซียวอี้เหิงได้รับสามรลับมาจากชายแดนว่าแคว้นฉู่ได้ยกทัพมาประชิดชายแดนเมืองชิงโจวแล้ว สี่ยวหลันจื่อที่รู้เข้าก็ตกใจอดีต รัชทายาทถูกจับกุมแล้วตระกูลกู้ก็ถูกประหารแล้วเหตุใดสงครามยังมีอยู่อีก แสดงว่านางไม่สามารถเปลี่ยนเนื้อเรื่องทั้งหมดได้ เสี่ยวหลัน จื่อเดินวนไปวนมานางกำลังกังวลเรื่องสงคราม แต่เซียวอี้เหิงกลับมีท่าทีสบายๆ“ท่านไม่กังวลใจเลยหรือ สงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะเหตุใดท่านจึงยังสบายอกสบายใจได้อยู่อีก”เสี่ยวหลันจื่อเอ็ดเซียวอี้เหิงเสียงเขียว นางกังวลใจจะตายอยู่แล้วเจ้าตัวที่ต้องนำทหารออกรบกลับยังทำหน้าระรื่นอยู่อีก“จื่อเอ๋อเจ้าจะกังวลไปใย การลงสนามรบของข้าก็เป็นเพียงการคืนสู่เหย้าเท่านั้น ฉู่หมิงเทียนจะทำอันใดได้ ดูท่าจะยังไม่รู้เรื่องที่พันธมิตรของเขาล่มไปแล้ว ข่าวสารแคว้นฉู่ช่างล่าช้าเสียจริง”ความจริงเซียวอี้เหิงให้คนของเขาสกัดสายลับของแคว้นฉู่เอาไว้ไม่ให้ส่งข่าวไปที่รัชทายาทฉู่หมิงเซียว เขาอยากจะใช้สงครามครั้งนี้กำหราบเจ้าโง่ที่ชอบอวดตัวว่าตนเองแข็งแกร่งทั้งที่รู้เรื่องการรบแค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้น ทั้งยังเอาแต่ยั่วยุทหารของเขาที่ชิงโจวแต่กลับไม่กล้าสู้กันซึ่ง
บทส่งท้ายเซียวอี้เหิงพาเสี่ยวหลันจื่อกลับไปที่จวน เขาขังนางเอาไว้ในห้องกับตนเองถึงห้าวันเพื่อเป็นการลงโทษเสี่ยวหลันจื่อขอร้องเขาอย่างไรเซียวอี้เหิงก็ไม่ใจอ่อน แม้นางจะบีบน้ำตาก็ตาม จะไม่ให้เสี่ยวหลันจื่ออ้อนวอนเขาได้อย่างไรการลงโทษของเซียวอี้เหิงนั้นช่างวาบหวิวน่าอายนัก เจ้าคนเย็นชานี่ไม่นึกเลยว่าเมื่อได้ลองเรื่องนี้แล้วจะติดใจจนแทบไม่ปล่อยนางลงจากเตียง ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรียวแรงมากที่ใดเคี่ยวกรำเสี่ยวหลันจื่อทั้งวันทั้งคืนนจนนางระบบไปหมดแล้วเขาคิดว่าตนเองแค่เล็กๆ อย่างนั้นหรือ“ท่านอ๋องข้าขอร้อง ข้ารับไม่ไหวแล้วส่วนล่างของข้าระบมไปหมดแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อโอดครวญเสียงหวาน“ข้าเคยได้ยินท่านหมอบอกว่าเมื่อเราเป็นแผลที่ใดให้ใช้น้ำลายแตะก็จะหายเร็ว มาเถอะชายารักข้าจะใช้น้ำลายช่วยรักษาให้เจ้าเอง”เซียวอี้เหิงจับขาทั้งสองข้างของเสี่ยวหลันจื่อชันขึ้นแล้วเขาก็ก้มตัวลงไปละเลงลิ้นบนความชุ่มฉ่ำของนางรียกเสียงครางหวานออกมาจากริมฝีปากแดงช้ำเพราะถูกจูบเซียวอี้เหิงจูบจนนางแทบสำลักลมหายใจเสี่ยวหลันจื่อตอนนี้ในหัวของนางขาวโพลน ไม่รู้ว่าเซียวอี้เหิงวางยาอะไรนางแต่ตอนนี้นางต้องการเขาให้เติมเต็มส่วนล่า
เสี่ยวหลันจื่อร้อนใจเป็นอย่างมากรีบพาเซียวอี้เหิงกับองครักษ์หลายนายตรงไปที่เรือนหลังหนึ่งทางทิศใต้ของเมืองหลวง เรือนหลังนี้ไม่โดดเด่นนักเหมือนกับเรือนหลังอื่นในระแวกนี้ แต่ครั้งก่อนที่นั่นมีทางลับที่องค์ชายสามทำเอาไว้ เขาไม่มีโอกาสได้ใช้แต่เป็นกู้รั่วอวิ๋นต่างหากเมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนยังไม่มีผู้ใดเข้ามาที่นี่ เพราะเมื่อคืนมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ถ้ามีคนมาที่นี่จะต้องมีรอยเท้าอย่างแน่นอน“นางยังมาไม่ถึงที่นี่ อาจเพราะมีทหารออกค้นหาทั่วเมืองจึงทำให้นางไม่สะดวกประกฏตัว” เซียวอี้เหิงวิเคราะห์“จื่อเอ๋อ เจ้ากลับไปรอฟังข่าวที่จวนดีหรือไม่ที่นี่อันตรายนัก หากกู้รั่วอวิ๋นกับพวกของนางมาที่นี่จะต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นแน่”เสี่ยวหลันจื่อทำท่าไม่ยินยอม นางอยากเห็นกับตาว่ากู้รั่วอวิ๋นถูกจับไม่อย่างนั้นนางไม่สบายใจ“ท่านอ๋องคนของเรามากเพียงนี้ยังต้องกลัวนางอีกหรือ ท่านให้ข้าอยู่ที่นี่เถอะ ข้ารับรองจะอยู่ด้านหลังตลอดไม่ทำตัวเป็นฮีโร่แน่”เซียวอี้เหิงถอนหายใจอย่างจนใจกับความดื้อดึงของเสี่ยวหลันจื่อแม้เขาจะไม่รู้ว่าฮีโร่คือสิ่งใดเเต่เขาก็ยอมตามใจนาง “เช่นนั้นเจ้าอย่าออก
“ท่านยาย”ประโยคแรกที่เสี่ยวหลันจื่อเอ่ยขึ้นหลังจากที่นางได้สติ เสี่ยวหลันจื่อโผเข้าหาแม่เฒ่าสวีทันทีกอดนางร้องไห้ออกมาเสียงดังจนทุกคนในเรือนตกใจ พวกเขาสงสัยว่านางเป็นอะไรหลังจากที่ตื่นเหตุใดจึงได้ร้องไห้คร่ำครวญเพียงนั้น แม่เฒ่าสวีทำอะไรไม่ถูก็ได้แต่กอดปลอบนาง เซียวอี้เหิงสังเกตทุกอิริยาบทของเสี่ยวหลันจื่อ ตอนแรกเขาคิดว่านางกำลังละเมอแต่ว่าไม่ใช่“แม่นางเจ้า.....รู้จักข้าหรือ” เม่เฒ่าสวีถามเสี่ยวหลันจื่ออย่างไม่เเน่ใจหลังจากที่นางตั้งสติได้แล้ว เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้าให้แม่เฒ่าสวีอย่างจริงจัง“ไม่เพียงแต่ท่านที่ข้ารู้จัก ข้ารู้ยังจักทุกคนเกินครึ่งหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ ถ้าท่านไม่เชื่อข้าสามารถบอกชื่อพวกเขาให้ท่านฟังได้นะ”เเล้วเสี่ยวหลันจื่อก็เอ่ยชื่อของชาวบ้านที่นางรู้จักบางคนแม้กระทั่งว่าบ้านของพวกเขาตั้งอยู่ตรงไหนของหมู่บ้านนางก็สามารถบอกได้ถูก แม่เฒ่าสวีรู้สึกอัศจรรย์ยิ่งนัก แม้แต่เซียวอี้เหิงที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ก็ยังคล้อยตาม“ข้าดีใจจริงๆ ที่พวกท่านทั้งหมดยังอยู่ ข้าสัญญาว่าจะต้องปกป้องท่านเอาไว้ให้ได้” แม้แม่เฒ่าสวีจะยังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ก็ยิ้มให้กับท่าทางที่น่
เมื่อเสี่ยวหลันจื่อหลับไป ภายในความฝันร่างของนางค่อยๆ ล่องลอยไปไกล จนถึงสถานที่แห่งหนึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาตอนนี้นางกำลังยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่นางรู้สึกคุ้นเคยเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้ว่านั่นเป็นบ้านของใครแต่นางกลับรู้สึกคิดถึงที่นี่มาก คล้ายกับว่าตนเองเคยอยู่เมื่อนานมาแล้ว นางผลักบานประตูที่ทำจากไม้เนื้อแข็งดูเก่าเหมือนจะถูกสร้างมานานหลายปีแล้วแต่ยังดูเเข็งเเรงเมื่อเดินเข้าไปในบ้านเสี่ยวหลันจื่อเห็นต้นอู๋ถงที่ล้านหน้าบ้านออกดออกบานสะพรั่งสวยงาม นางเดินไปเก็บดอกที่หล่นบนพื้นขึ้นมาดม เสียงพูดคุยภายในเรื่อนหลังน้อยแต่ดูอบอุ่นเรียกความสนใจของเสี่ยวหลันจื่อให้หันไป นางเดินตามเสียงนั้นผ่านห้องโถงเลยไปจนถึงห้องครัวนางพบสองผู้เฒ่าวัยชราที่กำลังถกเถียงกันอยู่เหมือนสองผู้เฒ่าจะรู้การมาของนางทั้งสองหันมายิ้มให้เสี่ยวหลันจื่อและพูดกับนางบางอย่าง แต่เสี่ยวหลันจื่อไม่ได้ยิน นางพยายามที่จะฟังแต่เหมือนเสียงนั้นจะค่อยๆ ห่างไกลออกไปนางรู้สึกเหมือนจะขาดใจเสี่ยวหลันจื่อร้องไห้ออกมาพร้อมทั้งตะโกนเรียกทั้งสองคนเสียงดัง“จื่อเอ๋อ! จื่อเอ๋อ! ตื่นร็วเกิดอะไรขึ้น” เป็นเซียวอี้เหิงที่เขย่าตัวปลุก