Mag-log inเจ็ดโมงเช้าของอีกวัน
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงทุบประตูอยู่หน้าห้องของดลยา ไม่ถึงเสี้ยววินาทีประตูก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างถือวิสาสะ
“นอนกินบ้านกินเมืองไม่รู้จักหน้าที่” เสียงหญิงวัยกลางคนแว่วเข้ามาในหูของดลยาที่ยังนอนหลับตาอยู่ เธอรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว
ดลยาพยายามเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นมาอย่างช้า ๆ แล้วคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวานหลังจากกลับมาถึงบ้านหลังนี้เธออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก้าวขาจะไปรับใช้ ‘คุณเชษฐ์’ ตามคำสั่งของคนที่ทุกคนในบ้านเรียกกันว่า ‘คุณนาย’ เธอก็…หน้ามืดและหมดสติไปอีก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเข้ามานอนในห้องนี้ได้อย่างไร
“ลุกขึ้นมา! ขี้เกียจสันหลังยาว ไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวและป้อนข้าวคุณเชษฐ์ได้แล้ว แกรู้ไหมเมื่อวานใครเป็นคนทำงานแทนแก” พวงแก้วเดินเข้าไปฉุดแขนให้ดลยาลุกขึ้นจนคนตัวเล็กรู้สึกร้าวไปทั้งแขนเหมือนมันจะหลุดออกจากบ่า
พวงแก้วสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากกายสาวใช้จนเธอต้องรีบปล่อยมือเพราะความร้อน
“ใครหรือคะ” ดลยายังเอ่ยถามถึงคนที่รับอาสาทำหน้าที่แทนเธอ หรืออาจจะเป็นผู้หญิงตรงหน้าเธอนี้ที่เป็นคนทำงานแทนเธอทั้งหมด ดูจากที่ทุกคนพูดกับเธอเมื่อคืนนี้ดลยาสรุปได้ว่าเธอคงเป็นคนใช้ของบ้านหลังนี้
“คุณศักดิ์” พวงแก้วตอบออกไป “นี่แกยังไม่หายป่วยอีกเหรอ” พวงแก้วมีท่าทีเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าสาวใช้ยังมีไข้สูง เมื่อคืนนี้สุรศักดิ์กับภรรยาของเขาเอายาให้เธอกินแล้วพวงแก้วก็เข้าใจว่าตื่นขึ้นมาตอนเช้าเด็กคนนี้คงจะหายป่วยและสามารถกลับไปทำหน้าที่ของตนได้ แต่ไหนกลับไม่ใช่ เธอยังตัวร้อนจัดใบหน้าแดงเถือกลามไปตามลำคอและใบหู
“ยังค่ะ…ฉันหนาว” ดลยาพูดทั้งปากสั่นพั่บ ๆ นอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มผืนบาง
“เฮ้อ…ฉันละเบื่อจริง ๆ ซื้อตัวมายังไม่ถึงอาทิตย์ก็ป่วยเสียแล้ว แบบนี้ฉันไปจ้างคนใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ” พวงแก้วบ่นอย่างอารมณ์เสีย ตั้งแต่เธอซื้อเนื้อนวลจากปู่กับย่าที่ท้ายหมู่บ้านเข้ามาเป็นคนรับใช้ส่วนตัวลูกชายที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงเนื้อนวลก็ยังทำงานไม่ได้เต็มที่สักวัน บ้างปวดท้อง บ้างปวดศีรษะไม่เว้นแต่ละวัน มาวันนี้กลับเป็นไข้หนักไปเสียแล้ว จะคุ้มไหมกับเงินที่จ่ายไป
พวงแก้วทอดถอนหายใจเสียงดังเดินออกจากห้องเธอไปคล้ายกับไม่สนใจ
ห้านาทีผ่านไป ดลยาที่นอนหนาวภายใต้ผ้าห่มผืนบางที่ทั้งสากทั้งหยาบก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา เหมือนจะเดินลงส้นเท้า หากบ้านหนังนี้ไม่เป็นปูนทั้งหลังมันก็คงเสียงดังมาก
“ลุกขึ้นมากินข้าวกินยา” เสียงนั้นกระแทกกระทั้น ดลยาสัมผัสได้ถึงความไม่เป็นมิตร
เธอลืมตาขึ้นใช้สองมือยันพื้นประคองร่างตัวเองลุกขึ้นอย่างลำบาก
หญิงสาววัยยี่สิบสองปีกล่าวขึ้นอีกครั้งหลังจากวางชามน้ำเปล่าและมีผ้าผืนเล็กแช่อยู่ในนั้น “นี่ผ้ากับน้ำ กินข้าวกินยาเสร็จแล้วเช็ดเนื้อเช็ดตัวเอาเองก็แล้วกัน ฉันหามาให้แกหมดแล้ว ฉันต้องไปทำหน้าที่ดูแลนายง่อยแทนแก แกสำนึกบุญคุณของฉันบ้างไหม” น้ำขิงทั้งพูดทั้งทำปากบิดปากเบี้ยวเมื่อรู้ว่าต้องไปดูแลสุรเชษฐ์ เจ้านายหนุ่มที่เอาแต่ใจและอารมณ์ร้อนเป็นที่สุด ไม่รู้วันนี้เธอต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่ก็ดีที่ไม่ต้องนอนค้างคืนที่นี่เหมือนเนื้อนวล ที่เจ้านายจะเรียกใช้ตอนไหนก็ได้
พ้นร่างของสาวผิวเข้ม น้ำเสียงค่อนไปทางห้าวคล้ายผู้ชาย ดลยาหยิบช้อนขึ้นมาด้วยแรงอันน้อยนิดแล้วตักข้าวต้มเข้าปาก เพื่อความอยู่รอดเธอต้องกินแม้จะกินได้แค่น้ำข้าวต้มก็ยังดี ชาติที่แล้วก็ใช่ว่าจะไม่เคยลำบาก แต่เธอก็สู้จนฐานะของตัวเองพออยู่พอกินจนได้ ถึงแม้จะต้องทำงานหนักจนตัวตายก็ตามเถอะ ตอนนี้เธอยังจับต้นชนปลายไม่ถูกขอนอนเอาแรงอีกสักหน่อยเผื่อเธอจะคิดอะไรออก ตอนนี้เหมือนสมองไม่ทำงานเลยแม้แต่น้อย
เพียงขาข้างหนึ่งของน้ำขิงก้าวเข้าไปในห้องของชายหนุ่มที่นอนป่วยเป็นอัมพาตครึ่งซีกอยู่ก็ต้องถอยเบี่ยงตัวหลบหมอนที่ลอยลิ่วพุ่งมายังใบหน้าของเธอ
“ว้าย!”
“ออกไป!” สุรเชษฐ์กล่าวน้ำเสียงดุดันออกมา จนน้ำขิงต้องหยุดอยู่ตรงหน้าห้อง ดวงตาส่อแวววิตกกังวล
“คุณนายให้ขิงมาเช็ดตัวและป้อนข้าวให้คุณเชษฐ์ค่ะ” น้ำขิงบอกคนที่ยังนอนอยู่ด้วยความหวาดหวั่น
“ไม่ต้อง ฉันไม่หิว แล้วนวลมันหายไปไหน” สุรเชษฐ์ถามไปอย่างนั้น เวลานี้ถึงแม้เป็นเนื้อนวลเขาก็ไม่อยากเจอหน้าใครทั้งนั้น เมื่อวานเขาได้ยินว่าที่เนื้อนวลแอบไปเข็นน้ำก็เพื่อเลี่ยงการดูแลเขา เขาจึงไม่อยากเห็นหน้าใครทั้งนั้น
ทำไม? คนอย่างเขามันน่ารังเกียจนักหรือไง ทั้งเมียและคนรอบข้างถึงไม่มีใครอยากมาอยู่ใกล้เขาสักคน ดี! ในเมื่อไม่มีใครอยากอยู่ด้วยก็ไม่ต้องมาอยู่
“แต่คุณเชษฐ์ต้องกินข้าวกินยานะคะ”
“ฉันบอกว่าฉันไม่หิว หูหนวกหรือไง” สิ้นคำสุรเชษฐ์ก็หยิบแก้วน้ำปาออกมาจากห้องอีก
เพล้ง!
“ว้าย!” น้ำขิงกรีดร้องและรีบปิดประตูลง เป็นแบบนี้เธอคงไม่กล้าเข้าไปดูแลเขาอย่างแน่นอน ไม่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนคนใช้ส่วนตัวเป็นว่าเล่น ถ้านับเนื้อนวลสาวรับใช้โชคร้ายคนแรกของเขาก็คงเป็นคนที่ยี่สิบแล้วที่พวงแก้วรับเข้ามาภายในเวลาสองปีนับจากที่เขาเริ่มป่วย “ไม่กินก็อย่ากิน ดี กูจะได้ไม่ต้องไปคอยรองรับอารมณ์คนบ้า” พูดจบน้ำขิงก็เดินสะบัดตูดไปทำงานอย่างอื่นต่อ แน่นอนว่าเป็นคนใช้บ้านนี้เธอไม่มีทางอู้ได้เป็นอันขาด เว้นเสียแต่เนื้อนวลจะหายป่วยแล้วให้เธอกับแม่หลอกใช้อย่างสบายใจ
ไม่นานรถตู้ก็เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าร้านอีกคันมาโนชพร้อมภรรยา คำผาพร้อมภรรยา สุรศักดิ์พร้อมภรรยา สุกัญญาพร้อมสามี และก็…กอหวายทุกคนทยอยลงจากรถตู้เพื่อมาขนของขึ้นรถช่วยกัน ถึงทุกคนจะแปลกใจว่าเนื้อนวลทำไมบริจาคข้าวของมากมายถึงเพียงนี้แต่ก็ไม่มีใครถาม เพราะทุกคนเห็นว่าเธอรวยก็เลยคิดไปว่าเธอคงอยากแบ่งปัน กอหวายเดินเข้าไปช่วยมานะยกน้ำดื่มแพ็กใหญ่ “หวาย ไม่ต้องเดี๋ยวผมยกเอง” คำนำหน้าที่เคยเรียกพี่หายไปเมื่อทั้งสองตกลงเป็นแฟนกัน มานะส่งสายตาตำหนิให้หญิงสาวที่กำลังย่อตัวยกน้ำอยู่เบื้องหน้า “อยากช่วยอะ” กอหวายย่นหน้าใส่เขาจนปากจู๋ “ไปขนอะไรก็ได้ที่มันไม่หนักมาก” เขายังทำเสียงเข้มเหมือนคุยกับน้อง แขนก็เรียวเล็กยังจะมายกของหนักอีกดื้อเหมือนพี่สาวเขาไม่มีผิด “ก็ได้” เธอพูดเสียงอ่อย แล้วละสายตาจากใบหน้าคมเข้มที่มองเท่าไรก็ไม่เคยเบื่อ แต่เมื่อหันกลับมากลับเจอสายตาของเพื่อนจ้องจับผิดอยู่ “อุ้ย!” “ห่วงกันจริง จริ๊ง” เนื้อนวลเอาการต์รวีกินนมและหลับไปแล้วเธอจึงเดินมาช่วยคนอื่น ๆ “มะ ไม่ใช่อย่างที่นวลคิดสักหน่อย” กอหวายพูด
สามปีผ่านไป เช้าวันหนึ่งมานะเปิดประตูออกมาจากห้องเพื่อจะไปเปิดร้านให้พี่สาว “พี่นวลปู่กับย่ายังไม่ตื่นอีกเหรอครับ” “ยังเลยจ้ะนะเข้าไปดูให้พี่ที” ปกติปู่กับย่าจะตื่นมารดน้ำต้นไม้และเก็บใบหม่อนตั้งแต่ตีสี่ เหตุเพราะทั้งสองนอนไม่หลับตามประสาคนแก่ที่เคยตื่นเช้าจนติดเป็นนิสัย แต่วันนี้เกือบหกโมงแล้วปู่กับย่าก็ยังไม่ออกมาจากห้องสักที “ครับ” มานะเคาะประตูก่อนเดินเข้าไป เกือบสองนาทีผ่านไป “พี่นวล!” มานะร้องเรียกพี่สาวด้วยความตกใจสุดขีด เนื้อนวลที่กำลังแต่งตัวให้ลูกชายเตรียมจะไปโรงเรียนถึงกับสะดุ้ง ตกใจเหมือนกันที่ได้ยินเสียงน้องชายเรียกลั่นบ้าน “ก้องรอแม่อยู่กับพี่แก้มก่อนนะ เดี๋ยวแม่มา” ก้องการุณพยักหน้า วนิดาจึงช่วยน้องสวมเครื่องแบบนักเรียนอนุบาลไปพลาง ๆ เนื้อนวลบอกลูกแล้วเดินไปที่ห้องปู่กับย่า เสียงของมานะทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเลย เนื้อนวลเริ่มเดินอุ้ยอ้ายเดินอุ้มท้องที่ตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนเข้าไปในห้องปู่กับย่าที่น้องเปิดประตูค้างไว้ “พี่นวล ฮือ ๆ ปู่กับย่า
เนื้อนวลหลับไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ตื่นขึ้นมาอาการก็ดีขึ้นมากแล้ว ใบย่านางแดงมีสรรพคุณถอนพิษได้ดีจริง ๆ สุรเชษฐ์จึงเอาน้ำจากบ่อวิเศษที่ต้มไว้พออุ่น ๆ มาให้เธอดื่ม“ลองซดแกงจืดร้อน ๆ ไหม”“ค่ะ” ไม่เอาอีกแล้วแกงหน่อไม้ย่านางใส่ชะอม เนื้อนวลคงเข็ดไปจนลูกโต แพ้ทีเล่นเอาหัวหมุนเลยทีเดียวพอภรรยาทานข้าวเสร็จสุรเชษฐ์ก็เดินไปขอต้นย่านางแดงกับทองพูนมาปลูกไว้ที่บ้านตั้งแต่วันนั้นเนื้อนวลก็ไม่กินอะไรตามใจปากอีกเลย สิ่งไหนที่ปู่กับย่าบอกให้ระวังเธอก็จะเชื่อฟังตามนั้นสามปีต่อมาก้องการุณจูงแขนแม่ออกมาจากร้านค้าเดินผ่านปู่กับย่าที่กำลังช่วยกันเก็บรังไหม“จะไปรอพี่แก้มแล้วเหรอ” ปู่สมดีถามเหลน“ครับผม”เนื้อนวลก็ส่งยิ้มและพยักเพยิดหน้าให้ปู่กับย่า เพราะดูแล้วก้องการุณจะตั้งหน้าตั้งตารอพี่สาวกลับมาจากโรงเรียนเหลือเกินก้องการุณเดินไปชะเง้อมองพี่สาวอยู่หน้าประตูรั้วบ้าน เมื่อใกล้ถึงเวลาที่พี่สาวจะกลับจากโรงเรียน ตอนนี้วนิดาเรียนชั้นมัธยมแล้วเธอจึงเดินทางด้วยรถประจำทางในหมู่บ้าน พอรถรับส่งนักเรียนตีไฟเลี้ยวเข้ามาจอดเขาก็เอ่ยออกมาด้วยความดีใจ“พี่แก้มกลับมาแล้ว” ก้องการุณแสดงท่าทางดีใจ ยืนหัวเราะย่ำเท้า
สามวันแล้วที่สุรเชษฐ์พาเนื้อนวลไปคลอดลูกที่โรงพยาบาล วนิดาจึงอยู่กับปู่กับย่าตอนเช้าก็ติดรถอาไปโรงเรียนพร้อมกับภูริศ “คุณย่าคะ คุณพ่อจะพาน้องกลับจากโรงพยาบาลวันไหนคะ” วนิดารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มีน้องสักที “น่าจะวันนี้แหละจ้ะ” จันทร์พูดพลางลูบผมเธอเบา ๆ รถยนต์ของสุรศักดิ์เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านพอดี “แก้มไปโรงเรียนก่อนนะคะ รถอาศักดิ์มาแล้วค่ะ” “จ้ะ” พอหลานจากไปย่าจันทร์ก็นั่งยิ้มอย่างมีความสุข ไม่อยากจะเชื่อว่าชีวิตในบั้นปลายจะได้อยู่อย่างสุขสบายแบบนี้ มานะก้าวขายาว ๆ ลงมาจากบ้าน “ผมไปสมัครสอบก่อนนะครับย่า เสร็จแล้วจะรีบกลับครับ” มานะจะไปสมัครสอบเข้าเรียนในระดับชั้นปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏในตัวจังหวัด “ไปกับใครล่ะ” “พี่หวายจะมารับครับ” กอหวายเป็นคนแนะนำให้มานะไปสอบเข้าที่นั่น เพราะเธอก็เรียนที่นั่นเหมือนกัน “อ้อ ไปสิ” ปู่กับย่ามองตามหลังหลานชายด้วยความภูมิใจ ในที่สุดมานะก็ได้เรียนหนังสือ มีแต่เนื้อนวลเท่านั้นที่ปู่กับย่าขอร้องเท่าไรเธอก็ไม
“รัชมากับใคร” สุรเชษฐ์เอ่ยถามเมื่อมองไม่เห็นคนที่นั่งอยู่ในรถ มือข้างหนึ่งโอบเอวภรรยาไว้หลวม ๆ เขาไม่ได้ตกใจอะไรที่เจอเมียเก่าที่นี่ เพราะเขากับเธอก็เจอกันที่โรงเรียนลูกอยู่บ้าง “มากับคนขับรถของท่านนายพลค่ะ เขาให้มาได้ไม่นาน” ไปไหนมาไหนเขาก็ให้คนมาส่งและรับกลับ คงรอลูกสาวโตเขาถึงจะปล่อยให้เธอไปไหนมาไหนเองได้ เขาก็ดูแลเธอดี แต่เวลาจะสุขมันก็สุขไม่สุด “อ้อ” สรุเชษฐ์พยักหน้า รัชนีพรยื่นถุงกระดาษใบใหญ่ให้ลูกสาว “แม่ซื้อเสื้อผ้ามาฝาก” ถึงเสื้อผ้าของเธอจะมีมากแล้วแต่วนิดาก็เต็มใจที่จะรับมันไว้ เธอกระพุ่มมือไหว้ก่อนรับของจากแม่ “ขอบคุณค่ะ” วนิดายื่นถุงเสื้อผ้าให้พ่อถือไว้แล้วเข้าไปกอดแม่โดยที่แม่ไม่ต้องร้องขอเหมือนตอนที่เธอยังเป็นเด็ก เธอคิดถึงแม่แต่เป็นความคิดถึงแบบมีความสุข ไม่ได้โหยหาไม่ได้อิจฉาน้องแต่อย่างใด เพราะเธอมีทั้งพ่อและน้านวล ปู่สมดีกับย่าจันทร์คอยดูแลเอาใจใส่และรักเธอเหมือนกับลูกหลานแท้ ๆ “ขอบใจนวลมากนะที่เลี้ยงลูกฉันให้เติบโตขึ้นมาได้อย่างสวยงามแบบนี้” รัชนีพรดีใจที่วนิดารู้จักช่วยงานพ่อกับแม่เลี้ยง และที่สำคัญวนิดา
สองปีต่อมาสุกัญญาแต่งงานกับกอไผ่และให้สามีย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านขุนพิทักษ์พล ส่วนกอหวายก็อยู่กับพ่อแม่ แต่กอไผ่ก็ยังไปดูแลสวนเหมือนเดิม ถ้ากอหวายเรียนจบพ่อกับแม่ถึงจะแบ่งทรัพย์สมบัติให้“มาเยี่ยมย่าบ่อย ๆ นะภู” พวงแก้วเอ่ยขึ้นเมื่อลูกชายคนรองกำลังย้ายของไปอยู่บ้านหลังใหม่ “โธ่ แม่ก็ บ้านเราก็อยู่ติดกัน” สุรศักดิ์กับภรรยาใช้เงินเก็บส่วนตัวและเงินส่วนที่แม่ออมไว้ให้มาซื้อบ้านมือสองที่อยู่ถัดจากบ้านคำผาไป เพราะไม่อยากไปอยู่ห่างไกลพ่อกับแม่มากนัก “แก้มก็ไปแล้ว ภูก็ไปแล้ว สงสัยญาต้องมีหลานให้แม่แล้วแหละ” พูดแล้วก็มองไปที่ลูกสาวที่ยืนอยู่กับลูกเขย วันนี้เป็นวันหยุดสุกัญญากับกอไผ่จึงช่วยสุรศักดิ์ย้ายของก่อนแล้วช่วงบ่ายจะออกไปเก็บผลไม้และตัดหน่อไม้เตรียมไปขายพรุ่งนี้เช้า “ญาขอทำงานเก็บเงินก่อนได้ไหมคะแม่ ถ้าคิดถึงภูแม่เดินข้ามรั้วก็ถึงแล้วค่ะ ถ้าคิดถึงแก้มแม่ก็ไปบ้านพี่เชษฐ์เกือบทุกวันอยู่แล้วนี่คะ อีกอย่างพี่เชษฐ์ก็กำลังจะมีหลานคนใหม่ให้คุณแม่แล้วนี่คะ ไม่จำเป็นต้องรอญาหรอกค่ะ” สุกัญญายังสนุกกับการทำงานก็เลยยังไม่อยากมีภาระ อีกอย่างตอนนี้เธอก็อาสาเข้าเวรแทนเ







