Mag-log in“เดี๋ยวผมไปดูให้เองครับ” สุรศักดิ์อาสาเพราะถ้าให้คนอื่นไปดูก็คงต้องปั่นจักรยาน สู้เขาขับรถมอเตอร์ไซด์ไปดูเองดีกว่า
“เออ ๆ ศักดิ์ไปดูให้แม่ที” ว่าแล้วทุกคนก็เดินเข้าบ้าน สุรศักดิ์ขับรถออกไป รถยนต์ของผู้เป็นพ่อก็ขับสวนเข้ามาพอดี
ผู้กองมาโนชเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าแปลกใจ “เย็นแล้วศักดิ์ออกไปไหน” ท่าทางเขารีบร้อนด้วย
“ไปดูนวลค่ะ ตาผามาบอกว่ามันเป็นลมอยู่ที่ฝายเก็บน้ำ”
“ทำไมนวลถึงได้ไปเข็นน้ำล่ะ” ปกติหน้าที่นี้เป็นของน้ำขิงกับน้ำอ้อยไม่ใช่เหรอ
“น้ำอ้อยบอกว่ามันอาสาไปเองค่ะ”
มาโนชไม่ได้พูดอะไร ใบหน้ายังเคร่งขรึมตามสไตล์ของนายทหาร นั่งลงบนโซฟาหนังสีดำตัวนุ่มแล้วถอดถุงเท้าออก จะเป็นไปได้อย่างไรเนื้อนวลไม่ชอบยุ่งกับงานของคนอื่นจะอาสาไปเข็นน้ำเองทำไม ตัวก็ผอมแห้งแค่นั้น รถเข็นน้ำหนักก็หนัก มาโนชครุ่นคิดในใจ
“คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ จะได้ลงมากินข้าว”
สิ้นคำภรรยามาโนชก็เดินขึ้นห้องไป แต่ภายในใจยังไม่ปักใจเชื่อคำที่ภรรยาบอก
จัดอาหารเย็นบนโต๊ะเสร็จ สองแม่ลูกก็รีบขอตัวกลับบ้านทันที เพราะไม่อยากโดนซักไซ้เรื่องที่เนื้อนวลไปเข็นน้ำวันนี้ แต่ถึงอย่างไรคนขี้กลัวอย่างเนื้อนวลก็ไม่มีทางทำอะไรสองแม่ลูกนี้ได้ เธอคงไม่กล้าพูดความจริงกับเจ้านายอย่างแน่นอน
ดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มที แต่ช่วงนี้เป็นช่วงเดือนมีนาคมที่อากาศร้อนจัดดวงตะวันจึงเข้านอนช้าลงหน่อยนึง ดวงตาอันร้อนผ่าวเนื่องมาจากพิษไข้ค่อย ๆ ลืมขึ้นอย่างยากลำบากเมื่อได้ยินเสียงผู้คนคุยกันจอแจอยู่ไม่ห่างกายเธอ สายตากวาดมองไปรอบทิศด้วยความมึนงงเมื่อพบว่ามีคนยืนมุงดูเธออยู่เกือบสิบ
“นวลฟื้นแล้ว” กอหวายพูดขึ้นด้วยความดีใจเมื่อเห็นเด็กรับใช้ข้างบ้านฟื้นขึ้นมาหลังจากเธอลื่นล้มและสลบไปขณะที่สองแขนกำลังหิ้วกระติกน้ำขึ้นมาจากฝายน้ำเพื่อนำมาใส่ในรถเข็นบนสันคู
ดลยาฝืนลุกขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย ไม่เข้าใจว่าหญิงสาวคนนั้นกำลังพูดถึงใคร ร่างทั้งร่างปวดร้าวไปหมดราวกับโดนค้อนทุบ มือเล็กยกทาบบนหน้าผากของตนก็พบว่ามันร้อนจี๋ราวกับถ่านกล้า
เธอคงเป็นไข้สินะ
ดลยามองไปรอบกายด้วยแววตาตื่นตระหนก สันคูของฝายน้ำเป็นเห็นลูกรังปนดินเหลือง แล้วลาดเทลงไปให้คนเดินลงไปตักน้ำ รอบสันคูมีต้นพุทราลูกเล็ก ๆ เต็มไปหมด ตัวเธอเลอะไปด้วยโคลนดินและเปียกชื้นไปทั้งตัว
มันเกิดอะไรขึ้น!
เธอจำได้ว่าเพิ่งกลับจากออดิทร้านค้าหลังจากที่ลูกน้องโทร. มารายงานว่าวันนี้จะมีทีมงานมาออดิทที่สาขา ทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดและเธอก็ป่วยด้วย ในฐานะผู้จัดการร้านดลยาจำเป็นต้องไป ออดิทร้านเสร็จเกือบสี่โมงเย็นเธอก็กลับมานอนที่ห้องเช่าด้วยความเหนื่อยล้า อาหารกลางวันก็ยังไม่ตกถึงท้องสักอย่างเธอดื่มเพียงกาแฟแก้วเดียวจากสาขาแล้วก็ทำงานต่อจนเสร็จ มาถึงห้องกินยาลดไข้แล้วก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว พรุ่งนี้เธอต้องทำงานต่อ
แต่พอตื่นขึ้นมาทำไมถึงมาโผล่ในที่แบบนี้ได้ เธออยู่เขตเมืองนนทบุรีไม่ใช่หรือ แล้วที่แห่งนี้คือ… มันมีแต่ป่าที่เธอไม่คุ้นเคย ปกติที่ที่เธอเคยอยู่มันเป็นป่าปูนนี่นา
ดลยายังทำหน้าตามึนงง หัวก็ปวด ตัวก็ปวด กายก็ร้อนผ่าว
“นวล” เสียงนุ่มทุ้มน่าฟังเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ฝ่าวงล้อมเข้ามา “นวลไม่เป็นอะไรใช่ไหม” สุรศักดิ์เอ่ยถาม กอหวายช่วยสุรศักดิ์พยุงตัวเธอลุกขึ้น
ร่างอ่อนเพลียเซเล็กน้อย
ดลยาก้มมองสภาพตัวเองด้วยความสมเพช ผ้าถุงสีดำแต้มลายขาวเล็กน้อยเขรอะไปด้วยดินลูกรัง เท้าของเธอมีดินเหนียวเกาะอยู่ตามง่ามเท้าเหมือนเขียดเล่นโคลน มีคนถือรองเท้าแตะคีบมาวางเรียงไว้ให้ พื้นรองเท้าบางจนส้นทะลุ หูรองเท้าที่เอาไว้สำหรับคีบตอนนี้ใช้เชือกกล้วยผูกแทน ข้างหนึ่งมันนอนคว่ำหน้าอยู่เธอจึงรู้ว่าด้านท้องรองเท้าใช้ไม้ขัดรูไว้เชือกกล้วยจะได้ไม่หลุดออกมา
ดลยาเดินเท้าเปล่าตามหลังผู้ชายหน้าหล่อตรงหน้าโดยไม่ปริปากอะไร หากใส่รองเท้าเธอรู้ว่ามันต้องลื่นแน่ และเธออาจจะล้มหัวฟาดพื้นได้ ในหัวตอนนี้ได้แต่ถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่าเธอตายแล้วอย่างนั้นหรือ แล้วเธอมาอยู่ในร่างใคร
“นวลซ้อนท้ายฉันนะแล้วพ่วงรถเข็นนี่กลับ”
ดลยาพยักหน้าแต่ยังไม่เข้าใจที่ชายหนุ่มพูดทีเดียวนัก รู้แต่ว่าตนชื่อเนื้อนวล
“ไหวใช่ไหม”
ดลยาพยักหน้าอีกครั้ง รับรู้ได้ถึงความขมปร่าในปาก ลำคอแห้งผากฝืนกลืนน้ำลายลงคอแบบฝืด ๆ อยากจะร้องไห้ ถ้าหากเธอได้มาอยู่ในร่างนี้อีกครั้งไม่ว่าจะยุคสมัยไหนเธอก็ไม่หวั่น แต่ทว่าดูจากการแต่งกายของสาวน้อยคนนี้แล้วก็แสดงว่าเธอก็คงเกิดมาลำบากอีกชาติแน่แล้ว ชาติที่แล้วก็ทำงานจนตายชาตินี้ก็คงหนีไม่พ้น
เป็นไข้ยังได้มาเข็นน้ำ
เธอเบะปากเมื่อคิดมาถึงตรงนี้สองมือยกขึ้นปาดน้ำตาที่จู่ ๆ ก็ไหลหลั่งออกมาเป็นทางเมื่อขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายบนรถมอเตอร์ไซด์ของหนุ่มแปลกหน้า ตอนนี้เธอปวดหัวตุบ ๆ เหมือนมันกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
สรุศักดิ์หันมามองคนซ้อนท้ายอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงสูดน้ำมูก
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
เธอส่ายหน้าแล้วพูดเสียงเบา “เปล่าค่ะ” น้ำตาสาวโสดวัยสามสิบห้าปีแต่ไม่รวยไหลออกมาอย่างไม่อาย
ไม่สิ ผู้หญิงร่างแน่งน้อยคนนี้ไม่ได้อายุสามสิบห้าอย่างแน่นอน นั่นคือข้อดีข้อเดียวที่เธอมองเห็น
สรุศักดิ์เอี้ยวตัวมองสาวใช้ด้วยความเวทนา ริมฝีปากเธอแห้งแตกเป็นขุยทั้งที่อากาศร้อน ดวงตาเธอแดงก่ำเพราะร้องไห้หรืออาจจะเพราะพิษไข้ร่วมด้วย “นวลไม่ต้องกลัว ฉันจะบอกคุณแม่ไม่ให้ทำโทษเธอ” ว่าจบสุรศักดิ์ก็เคลื่อนรถออกไปอย่างช้า ๆ เพื่อให้เนื้อนวลลากรถเข็นน้ำได้อย่างไม่ลำบากนัก
ไม่นานรถตู้ก็เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าร้านอีกคันมาโนชพร้อมภรรยา คำผาพร้อมภรรยา สุรศักดิ์พร้อมภรรยา สุกัญญาพร้อมสามี และก็…กอหวายทุกคนทยอยลงจากรถตู้เพื่อมาขนของขึ้นรถช่วยกัน ถึงทุกคนจะแปลกใจว่าเนื้อนวลทำไมบริจาคข้าวของมากมายถึงเพียงนี้แต่ก็ไม่มีใครถาม เพราะทุกคนเห็นว่าเธอรวยก็เลยคิดไปว่าเธอคงอยากแบ่งปัน กอหวายเดินเข้าไปช่วยมานะยกน้ำดื่มแพ็กใหญ่ “หวาย ไม่ต้องเดี๋ยวผมยกเอง” คำนำหน้าที่เคยเรียกพี่หายไปเมื่อทั้งสองตกลงเป็นแฟนกัน มานะส่งสายตาตำหนิให้หญิงสาวที่กำลังย่อตัวยกน้ำอยู่เบื้องหน้า “อยากช่วยอะ” กอหวายย่นหน้าใส่เขาจนปากจู๋ “ไปขนอะไรก็ได้ที่มันไม่หนักมาก” เขายังทำเสียงเข้มเหมือนคุยกับน้อง แขนก็เรียวเล็กยังจะมายกของหนักอีกดื้อเหมือนพี่สาวเขาไม่มีผิด “ก็ได้” เธอพูดเสียงอ่อย แล้วละสายตาจากใบหน้าคมเข้มที่มองเท่าไรก็ไม่เคยเบื่อ แต่เมื่อหันกลับมากลับเจอสายตาของเพื่อนจ้องจับผิดอยู่ “อุ้ย!” “ห่วงกันจริง จริ๊ง” เนื้อนวลเอาการต์รวีกินนมและหลับไปแล้วเธอจึงเดินมาช่วยคนอื่น ๆ “มะ ไม่ใช่อย่างที่นวลคิดสักหน่อย” กอหวายพูด
สามปีผ่านไป เช้าวันหนึ่งมานะเปิดประตูออกมาจากห้องเพื่อจะไปเปิดร้านให้พี่สาว “พี่นวลปู่กับย่ายังไม่ตื่นอีกเหรอครับ” “ยังเลยจ้ะนะเข้าไปดูให้พี่ที” ปกติปู่กับย่าจะตื่นมารดน้ำต้นไม้และเก็บใบหม่อนตั้งแต่ตีสี่ เหตุเพราะทั้งสองนอนไม่หลับตามประสาคนแก่ที่เคยตื่นเช้าจนติดเป็นนิสัย แต่วันนี้เกือบหกโมงแล้วปู่กับย่าก็ยังไม่ออกมาจากห้องสักที “ครับ” มานะเคาะประตูก่อนเดินเข้าไป เกือบสองนาทีผ่านไป “พี่นวล!” มานะร้องเรียกพี่สาวด้วยความตกใจสุดขีด เนื้อนวลที่กำลังแต่งตัวให้ลูกชายเตรียมจะไปโรงเรียนถึงกับสะดุ้ง ตกใจเหมือนกันที่ได้ยินเสียงน้องชายเรียกลั่นบ้าน “ก้องรอแม่อยู่กับพี่แก้มก่อนนะ เดี๋ยวแม่มา” ก้องการุณพยักหน้า วนิดาจึงช่วยน้องสวมเครื่องแบบนักเรียนอนุบาลไปพลาง ๆ เนื้อนวลบอกลูกแล้วเดินไปที่ห้องปู่กับย่า เสียงของมานะทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเลย เนื้อนวลเริ่มเดินอุ้ยอ้ายเดินอุ้มท้องที่ตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนเข้าไปในห้องปู่กับย่าที่น้องเปิดประตูค้างไว้ “พี่นวล ฮือ ๆ ปู่กับย่า
เนื้อนวลหลับไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ตื่นขึ้นมาอาการก็ดีขึ้นมากแล้ว ใบย่านางแดงมีสรรพคุณถอนพิษได้ดีจริง ๆ สุรเชษฐ์จึงเอาน้ำจากบ่อวิเศษที่ต้มไว้พออุ่น ๆ มาให้เธอดื่ม“ลองซดแกงจืดร้อน ๆ ไหม”“ค่ะ” ไม่เอาอีกแล้วแกงหน่อไม้ย่านางใส่ชะอม เนื้อนวลคงเข็ดไปจนลูกโต แพ้ทีเล่นเอาหัวหมุนเลยทีเดียวพอภรรยาทานข้าวเสร็จสุรเชษฐ์ก็เดินไปขอต้นย่านางแดงกับทองพูนมาปลูกไว้ที่บ้านตั้งแต่วันนั้นเนื้อนวลก็ไม่กินอะไรตามใจปากอีกเลย สิ่งไหนที่ปู่กับย่าบอกให้ระวังเธอก็จะเชื่อฟังตามนั้นสามปีต่อมาก้องการุณจูงแขนแม่ออกมาจากร้านค้าเดินผ่านปู่กับย่าที่กำลังช่วยกันเก็บรังไหม“จะไปรอพี่แก้มแล้วเหรอ” ปู่สมดีถามเหลน“ครับผม”เนื้อนวลก็ส่งยิ้มและพยักเพยิดหน้าให้ปู่กับย่า เพราะดูแล้วก้องการุณจะตั้งหน้าตั้งตารอพี่สาวกลับมาจากโรงเรียนเหลือเกินก้องการุณเดินไปชะเง้อมองพี่สาวอยู่หน้าประตูรั้วบ้าน เมื่อใกล้ถึงเวลาที่พี่สาวจะกลับจากโรงเรียน ตอนนี้วนิดาเรียนชั้นมัธยมแล้วเธอจึงเดินทางด้วยรถประจำทางในหมู่บ้าน พอรถรับส่งนักเรียนตีไฟเลี้ยวเข้ามาจอดเขาก็เอ่ยออกมาด้วยความดีใจ“พี่แก้มกลับมาแล้ว” ก้องการุณแสดงท่าทางดีใจ ยืนหัวเราะย่ำเท้า
สามวันแล้วที่สุรเชษฐ์พาเนื้อนวลไปคลอดลูกที่โรงพยาบาล วนิดาจึงอยู่กับปู่กับย่าตอนเช้าก็ติดรถอาไปโรงเรียนพร้อมกับภูริศ “คุณย่าคะ คุณพ่อจะพาน้องกลับจากโรงพยาบาลวันไหนคะ” วนิดารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มีน้องสักที “น่าจะวันนี้แหละจ้ะ” จันทร์พูดพลางลูบผมเธอเบา ๆ รถยนต์ของสุรศักดิ์เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านพอดี “แก้มไปโรงเรียนก่อนนะคะ รถอาศักดิ์มาแล้วค่ะ” “จ้ะ” พอหลานจากไปย่าจันทร์ก็นั่งยิ้มอย่างมีความสุข ไม่อยากจะเชื่อว่าชีวิตในบั้นปลายจะได้อยู่อย่างสุขสบายแบบนี้ มานะก้าวขายาว ๆ ลงมาจากบ้าน “ผมไปสมัครสอบก่อนนะครับย่า เสร็จแล้วจะรีบกลับครับ” มานะจะไปสมัครสอบเข้าเรียนในระดับชั้นปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏในตัวจังหวัด “ไปกับใครล่ะ” “พี่หวายจะมารับครับ” กอหวายเป็นคนแนะนำให้มานะไปสอบเข้าที่นั่น เพราะเธอก็เรียนที่นั่นเหมือนกัน “อ้อ ไปสิ” ปู่กับย่ามองตามหลังหลานชายด้วยความภูมิใจ ในที่สุดมานะก็ได้เรียนหนังสือ มีแต่เนื้อนวลเท่านั้นที่ปู่กับย่าขอร้องเท่าไรเธอก็ไม
“รัชมากับใคร” สุรเชษฐ์เอ่ยถามเมื่อมองไม่เห็นคนที่นั่งอยู่ในรถ มือข้างหนึ่งโอบเอวภรรยาไว้หลวม ๆ เขาไม่ได้ตกใจอะไรที่เจอเมียเก่าที่นี่ เพราะเขากับเธอก็เจอกันที่โรงเรียนลูกอยู่บ้าง “มากับคนขับรถของท่านนายพลค่ะ เขาให้มาได้ไม่นาน” ไปไหนมาไหนเขาก็ให้คนมาส่งและรับกลับ คงรอลูกสาวโตเขาถึงจะปล่อยให้เธอไปไหนมาไหนเองได้ เขาก็ดูแลเธอดี แต่เวลาจะสุขมันก็สุขไม่สุด “อ้อ” สรุเชษฐ์พยักหน้า รัชนีพรยื่นถุงกระดาษใบใหญ่ให้ลูกสาว “แม่ซื้อเสื้อผ้ามาฝาก” ถึงเสื้อผ้าของเธอจะมีมากแล้วแต่วนิดาก็เต็มใจที่จะรับมันไว้ เธอกระพุ่มมือไหว้ก่อนรับของจากแม่ “ขอบคุณค่ะ” วนิดายื่นถุงเสื้อผ้าให้พ่อถือไว้แล้วเข้าไปกอดแม่โดยที่แม่ไม่ต้องร้องขอเหมือนตอนที่เธอยังเป็นเด็ก เธอคิดถึงแม่แต่เป็นความคิดถึงแบบมีความสุข ไม่ได้โหยหาไม่ได้อิจฉาน้องแต่อย่างใด เพราะเธอมีทั้งพ่อและน้านวล ปู่สมดีกับย่าจันทร์คอยดูแลเอาใจใส่และรักเธอเหมือนกับลูกหลานแท้ ๆ “ขอบใจนวลมากนะที่เลี้ยงลูกฉันให้เติบโตขึ้นมาได้อย่างสวยงามแบบนี้” รัชนีพรดีใจที่วนิดารู้จักช่วยงานพ่อกับแม่เลี้ยง และที่สำคัญวนิดา
สองปีต่อมาสุกัญญาแต่งงานกับกอไผ่และให้สามีย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านขุนพิทักษ์พล ส่วนกอหวายก็อยู่กับพ่อแม่ แต่กอไผ่ก็ยังไปดูแลสวนเหมือนเดิม ถ้ากอหวายเรียนจบพ่อกับแม่ถึงจะแบ่งทรัพย์สมบัติให้“มาเยี่ยมย่าบ่อย ๆ นะภู” พวงแก้วเอ่ยขึ้นเมื่อลูกชายคนรองกำลังย้ายของไปอยู่บ้านหลังใหม่ “โธ่ แม่ก็ บ้านเราก็อยู่ติดกัน” สุรศักดิ์กับภรรยาใช้เงินเก็บส่วนตัวและเงินส่วนที่แม่ออมไว้ให้มาซื้อบ้านมือสองที่อยู่ถัดจากบ้านคำผาไป เพราะไม่อยากไปอยู่ห่างไกลพ่อกับแม่มากนัก “แก้มก็ไปแล้ว ภูก็ไปแล้ว สงสัยญาต้องมีหลานให้แม่แล้วแหละ” พูดแล้วก็มองไปที่ลูกสาวที่ยืนอยู่กับลูกเขย วันนี้เป็นวันหยุดสุกัญญากับกอไผ่จึงช่วยสุรศักดิ์ย้ายของก่อนแล้วช่วงบ่ายจะออกไปเก็บผลไม้และตัดหน่อไม้เตรียมไปขายพรุ่งนี้เช้า “ญาขอทำงานเก็บเงินก่อนได้ไหมคะแม่ ถ้าคิดถึงภูแม่เดินข้ามรั้วก็ถึงแล้วค่ะ ถ้าคิดถึงแก้มแม่ก็ไปบ้านพี่เชษฐ์เกือบทุกวันอยู่แล้วนี่คะ อีกอย่างพี่เชษฐ์ก็กำลังจะมีหลานคนใหม่ให้คุณแม่แล้วนี่คะ ไม่จำเป็นต้องรอญาหรอกค่ะ” สุกัญญายังสนุกกับการทำงานก็เลยยังไม่อยากมีภาระ อีกอย่างตอนนี้เธอก็อาสาเข้าเวรแทนเ






