สองมือของเมิ่งเจียวซินเผลอปัดป่าย และกรีดไปตามแผ่นหลังกว้างอย่างลืมตัว จากนั้นก็ค่อย ๆ ซบใบหน้าเข้าไปที่แผงอกของหลี่อวิ้นกุย นางทั้งรู้สึกเจ็บ และรู้สึกจุกในเวลาเดียวกัน
เมิ่งเจียวซินยามนี้เหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของไก่ ตอนที่พวกมันถูกไม้ขนาดใหญ่เสียบ...ก่อนจะนำขึ้นไปย่าง
แต่เพียงไม่นานความกำหนัด และความรู้สึกอึดอัดก็ค่อย ๆ เข้ามาแทนที่ความเจ็บ เมิ่งเจียวซินยื่นมือทั้งสองข้างไปโอบรอบคอหลี่อวิ้นกุย แล้วกล่าวว่า
“กุยกุย...ขยับเถิด ข้าไม่เจ็บแล้ว”
เมื่อได้รับอนุญาต หลี่อวิ้นกุยก็เริ่มขยับกุยกุยน้อยเข้าออกอย่างช้า ๆ ครั้งนี้ คือ ครั้งแรกทั้งของเขา และของเมิ่งเจียวซิน แล้วด้วยขนาดที่ต่างกันมาก หลี่อวิ้นกุยจึงพยายามข่มกลั้นความรู้สึกของตัวเองไม่ให้ทำตามใจต้องการ แต่ทว่ายิ่งขยับสัมผัสด้านในของฝ่ายตรงข้ามก็ยิ่งตอดร
“ซินซิน” “วันนี้ทำ...” เมิ่งเจียวซินที่กำลังเงยหน้าขึ้นไปกล่าวทักทายผู้เป็นสามีหยุดชะงัก ก่อนจะดึงสายตากลับมา แล้วก้มลงไปมองบุตรชายกับบุตรสาวที่วิ่งเข้ามากอดขาของเธอคนละข้าง “แม่...แม่ อุ้ม!” น้องน้ำเอ่ยร้องขอ พร้อมกับส่งสายตาวิงวอนให้ผู้เป็นมารดา เมิ่งเจียวซินโน้มตัวลงไปอุ้มบุตรสาวขึ้นมา ส่วนบุตรชายยังคงยืนกอดขา หลี่อวิ้นกุยรู้สึกหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก เพราะบุตรทั้งสองหวงมารดามาก น่าจะเริ่มตั้งแต่ตอนเจ็ดเดือนได้กระมัง ที่แฝดชายหญิงติดหนึบ และเริ่มหวงมารดา หากตื่นมาแล้วไม่เห็นมารดาอยู่ในระยะสายตา หรือเห็นเขาอยู่ใกล้ชิดเมิ่งเจียวซินมากจนเกินไป ก็จะพากันร้องไห้ขึ้นมาทันที ในช่วงแรก ๆ เขาแทบจะรับมือไม่ได้ แต่ทว่าตอนนี้...หึ!
หลี่อวิ้นกุยมองเมิ่งเจียวซินที่นอนใบหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียง เขาจับมือของเธอเอาไว้แน่น เขาจะไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน หากสตรีที่เขารักยังไม่รู้สึกตัว เวลานี้หลี่อวิ้นกุยยังรู้สึกสะเทือนใจ และยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวที่ได้เห็นสตรีตรงหน้ารับมือกับการคลอดบุตร โดยที่เขาไม่อาจช่วยอะไรอีกฝ่ายได้เลย ซึ่งทั้ง ๆ ที่หลี่อวิ้นกุยล้มเลิกความคิดเรื่องอยากให้เมิ่งเจียวซินตั้งครรภ์แฝดไปแล้ว เขาอยากให้เธอตั้งครรภ์แบบเดี่ยวมากกว่า แต่ทว่าสุดท้ายภรรยาของเขากลับตั้งครรภ์แฝดเสียอย่างนั้น ถึงแม้ว่า...จะเป็นการตั้งครรภ์แฝดแบบธรรมชาติ แต่ในระหว่างที่เมิ่งเจียวซินตั้งครรภ์ สตรีที่เขารักต้องเผชิญหน้ากับภาวะแท้งคุกคาม และภาวะครรภ์เสี่ยงอีกตั้งหลายอย่าง แล้วไหนจะความยากลำบากในการดำเนินชีวิตแต่ละวันของเธออีก หลี่อวิ้นกุยถึงจะช่วยรับหน้าที่แพ้ท้องแทนเมิ่งเจียวซิน แต่มันเที
เมิ่งเจียวซินชะงัก เนื่องจากเรื่องนี้เธอไม่ได้คิดถึงเลยด้วยซ้ำ แล้วการที่อยู่ ๆ คุณยายใบบัวถามเรื่องนี้ขึ้นมา คงเพราะอยากจะชวนพวกเธอเปลี่ยนเรื่องพูดคุยเป็นแน่! ซึ่งยังไม่ทันที่เมิ่งเจียวซินจะได้เอ่ยแก้สถานการณ์ หลี่อวิ้นกุยก็กล่าวขึ้นมาว่า... “ผมแล้วแต่ซินซินเลยครับ แต่บ้านหลังใหม่ผมได้ทำห้องเผื่อเอาไว้แล้วสามห้องครับ” คำตอบที่ได้ยินทำเอาเมิ่งเจียวซินเผลอหันไปจ้องหน้าของบุรุษหนุ่มข้างกายอยู่ครู่หนึ่ง อาจเพราะผลพวงจากโลกนิยายเธอจึงคิดไปเองว่า หลี่อวิ้นกุยอาจจะไม่อยากมีบุตรก็ได้ เธอจึงไม่เคยหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาคิดอีกเลย แล้วในระหว่างนั้นคุณยายใบบัวก็เริ่มถามต่อว่า หลังแต่งงานจะมีเลยไหม? อยากให้บุตรคนแรกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย? คุณใหญ่ชอบเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงมากกว่ากัน?&nb
วันนี้คือ วันแรกที่หลี่อวิ้นกุยได้กลับมาทำกายภาพบำบัดฟื้นฟูร่างกาย หลังจากห่างหายไปเกือบหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากเหตุการณ์ในห้องน้ำวันนั้น... แล้วถึงแม้ว่า ช่วงที่ผ่านมาบุรุษหนุ่มข้างกายจะทำกายภาพบำบัดฟื้นฟูร่างกายไม่ได้ แต่เมิ่งเจียวซินก็ช่วยบริหารร่างกาย และทำกายภาพบำบัดแบบเบา ๆ ให้หลี่อวิ้นกุยบนเตียงนอน แล้วยังปล่อยให้อีกฝ่ายดูแลช่วยเหลือตัวเองเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การขยับขึ้นลงจากเตียง เพื่อไปเข้าห้องน้ำ เป็นต้น พอได้กลับมาทำตามโปรแกรมกายภาพบำบัดฟื้นฟูร่างกายอีกครั้ง จึงไม่เกิดการติดขัด หรือเจ็บกล้ามเนื้อส่วนสะโพก และช่วงขาตอนขยับมากนัก เมิ่งเจียวซินเห็นหลี่อวิ้นกุยกลับมามุ่งมั่นทำตามโปรแกรมที่วางไว้ในแต่ละวันอย่างตั้งใจ อีกฝ่ายไม่ได้หักโหมอย่างในช่วงที่ผ่านมาอีกแล้ว เธอก็รู้สึกดี และรู้สึกสบายใจมาก &n
ปัญหาที่สองคือ เรื่องอุบัติเหตุในคืนนั้น... หลังจากหลี่อวิ้นกุยฟื้นคืนสติในโลกใบนี้ได้สองวัน คุณปู่หลี่อวิ้นเจียงก็เล่าให้ฟังว่า ทางตำรวจได้ข้อสรุปอย่างชัดเจนแล้วว่า แม่เลี้ยงของเขาเป็นคนอยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุในคืนนั้น...สตรีวัยกลางคนผู้นั้นได้จ้างวานคนงานในคฤหาสน์ตัดสายเบรกรถยนต์ของเขา แล้วนอกจากเรื่องอุบัติเหตุ สตรีวัยกลางคนยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังมือปืนที่แฝงตัวเข้ามาเก็บหลี่อวิ้นกุยถึงในคฤหาสน์ตระกูลหลี่ด้วย ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบเจ็ดเดือนแล้ว ตำรวจยังตามจับตัวแม่เลี้ยงของเขาไม่ได้ ถ้าหากหลี่อวิ้นกุยยังอยู่ในโลกนิยาย...เขาคงส่งคนของตัวเองไปลงมือสังหารสตรีวัยกลางคนผู้นั้นทิ้งไปแล้ว! แต่เพราะในโลกใบนี้ทำอย่างนั้นไม่ได้ เขาจึงได้แต่ต้องหาทางบีบอีกฝ่ายให้เผยตัวออกมาโดยเร็วที่สุด เนื่องจากหลี่อวิ้นกุยอยากจบปัญหานี้ให้ได้ก่อนแต่งงาน เขาจึงพูดกับ
เมิ่งเจียวซินเฝ้ามองหลี่อวิ้นกุยที่กำลังพยายามฝืนฝึกเดินบนราวด้วยความรู้สึกเป็นห่วง และปวดใจ เธอรู้ว่า บุรุษหนุ่มข้างกายอยากรีบกลับมาเดินให้ได้ แต่หากฝืนมากจนเกินไป มันจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี สามเดือนที่ผ่านมา...เมิ่งเจียวซินรับรู้ และเห็นมาโดยตลอดว่า หลี่อวิ้นกุยทั้งตั้งใจ อดทน และพยามยามทำทุกอย่างตามโปรแกรมกายภาพบำบัด และอดทนทำตามคำแนะนำของคุณหมอนพชัยทุกประการ แต่พอคุณยายใบบัวกับท่านเจ้าสัวหลี่อวิ้นเจียงนำฤกษ์แต่งงานของพวกเธอเข้ามาให้ดู อย่างเร็วสุดคือ กลางเดือนกันยายน หรือก็คือในอีกสามเดือนข้างหน้า แล้วถ้าหากจัดงานแต่งในฤกษ์นี้ไม่ทัน ก็คงต้องรอไปอีกสองปี ถึงจะมีฤกษ์ดีสำหรับพวกเธออีกครั้ง ซึ่งเมิ่งเจียวซินกับหลี่อวิ้นกุยเห็นตรงกันว่า จะจัดงานแต่งในปีนี้เลย คราแรกคุณยายใบบัวกับท่านเจ้าสัวมีท่าทีไม่เห็นด้วย แต่พอเมิ่งเจียวซินกับหลี่อวิ้นกุยช่วยกันพูดเกลี่ยกล่อม เ